Feature

เบนจามิน เซสโก้ : เด็กยักษ์พลังแรง ผู้มีโอกาสเป็น "เบอร์ 9" แห่งยุคคนต่อไป | Main Stand

“เพื่อนร่วมทีมของผมที่สโมสรบอกผมว่า ฮาลันด์กับผมคล้ายกันมาก โดยเฉพาะเรื่องความเร็ว ... และพวกเขาส่วนใหญ่ยังบอกผมว่า ผมเก่งกว่าเขาด้วย !”

 


เบนจามิน เซสโก้ พูดประโยคนี้ตอนอายุ 16 ปี และในเวลานั้นทุกคนต้องหันมามองความกล้าในการเอาตัวเองไปเปรียบกับวันเดอร์คิดเบอร์ 1 ในตำแหน่งศูนย์หน้าอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ 

แต่ ณ ตอนนี้ผ่านเวลามาราว 5 ปี ประโยคดังกล่าวกลับไม่ใช่เรื่องตลก และดาวยิงจากชาติเล็ก ๆ อย่างสโลวีเนีย กำลังอยู่บนเส้นทางการเป็น “เบอร์ 9” อันดับ 1 แห่งยุคสมัย 

และนี่คือเรื่องราวตั้งแต่วันแรกที่โลกฟุตบอลได้เจอเขาตอนอายุ 15 ปี เด็กยักษ์คนนี้มีที่มาอย่างไร ? 

ติดตามกับ Main Stand 

 

ต้องให้เครดิตเรดบูล

Red Bull นอกจากจะเป็นแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังชื่อดังแล้ว ยังทำทีมกีฬาหลายชนิด แถมเป็นเครือข่ายฟุตบอลที่มองเห็นโอกาสและการเติบโตในธุรกิจฟุตบอลที่เน้นเรื่องโครงสร้างอย่างจริงจัง 

พูดง่าย ๆ ก็คือ โมเดลธุรกิจของ Red Bull เป็นรูปแบบผสมผสาน การพัฒนาแบรนด์, การสร้างนักเตะ, และการลงทุนแบบมีกลยุทธ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อทั้งสร้างกำไร และ ส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ Red Bull ให้ดังไปทั่วโลก

เรื่องของการตลาดและแผนงานทางธุรกิจอาจจะเป็นอะไรที่เข้าใจยากสำหรับคนฟุตบอลอย่างเรา ๆ แต่ที่แน่ ๆ สิ่งที่เรารู้และเห็นมาตลอด คือการที่พวกเขาสร้างกำไรจากการ "พัฒนานักเตะ" ตั้งแต่เป็นดาวรุ่งอายุ 15-16 ปี จนกระทั่งนักเตะที่โลกไม่เคยรู้จักเหล่านี้ กลายเป็นวันเดอร์คิดในโลกฟุตบอล 

ไล่เรียงมาตั้งแต่รุ่นแรก ๆ อย่าง ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, คริสโตเฟอร์ เอ็นกุนกู, ติโม แวร์เนอร์ จนกระทั่งมาถึงยุคหลัง ๆ อย่าง โดมินิค โซโบสไล และ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ รวมถึงคนอื่น ๆ อีกมากมายที่เราไม่ได้พูดถึง ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นนักเตะที่สร้างกำไรมหาศาลให้กับพวกเขา

ความเก่งกาจของพวกเขาคือเครือข่ายแมวมองที่มีอยู่ทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะอยู่ในประเทศที่เล็กแค่ไหน หรืออยู่ในลีกฟุตบอลที่ไม่ได้โด่งดังเพียงใด พวกเขาจะพลิกแผ่นดินหาคุณเจอในท้ายที่สุดหากคุณเป็นคนที่พวกเขามองว่า "ของจริง" หรือเป็นนักเตะที่ "มีศักยภาพพัฒนาต่อได้" ซึ่ง เบนจามิน เซสโก้ ดาวยิงจากประเทศที่แทบไม่มีความสำเร็จในโลกฟุตบอลอย่าง สโลวีเนีย ก็เป็นผู้ที่ถูกทีมงานแมวมองของเร้ดบูลหาตัวจนเจอเช่นกัน
 
ทีมงานของ Red Bull ค้นพบ เบนจามิน เซสโก้ ผ่านระบบการสำรวจผู้เล่นทั่วยุโรปที่มีโครงข่ายละเอียดและมีเป้าหมายระยะยาว ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดแข็งของ Red Bull ที่ทำให้พวกเขาสามารถหาดาวรุ่งพรสวรรค์จากประเทศเล็ก ๆ หรือลีกไม่ดังได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก

วิธีการที่ Red Bull ค้นพบเซสโก้ เริ่มจากการติดตามในระดับเยาวชนที่เซสโก้เริ่มฉายแววตั้งแต่อายุยังน้อย เล่นในสโลวีเนียกับทีม NK Domžale และ NK Krško โดยทีมงานแมวมองของ Red Bull ที่ประจำอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันออก ได้รับข้อมูลจากการดูการแข่งขันระดับเยาวชน และจากเครือข่ายโค้ชท้องถิ่น ซึ่งเมื่อได้ข่าว พวกเขาก็ไปดูด้วยตาตัวเองทันที 

ในปี 2018 ตอนที่เซสโก้อายุเพียง 15 ปี เขาทำประตูได้มากกว่า 20 ประตูในฤดูกาลเดียวกับ Krško ชุด U15 และไม่ใช่แค่เรื่องการยิงประตูเท่านั้นที่ทีมงานแมวมองค้นพบจากตัวเขา แต่การจะคว้าดาวรุ่งสักคน ทีมงาน Red Bull ลงลึกยิ่งกว่านั้น

พวกเขามีระบบวิเคราะห์สถิติขั้นสูงร่วมกับวิดีโอเกมเพลย์ เพื่อประเมินนักเตะทั้งศักยภาพร่างกาย, สไตล์การเล่น, พฤติกรรมการเคลื่อนที่ และการตัดสินใจ ซึ่งมันทำให้พวกเขาพบว่า เซสโก้คือ "ของดี" ที่ต้องรีบจับเข้าสังกัดให้ได้ 

แหล่งข่าวในเวลานั้นอ้างว่า สิ่งที่ทีมแมวมองวิเคราะห์ถึง เซสโก้ คือจุดเด่นเรื่องส่วนสูง, ความเร็ว และการจบสกอร์ที่เกินวัย ทำให้ทีมสเกาต์ของ Red Bull ประเมินว่าเขามีศักยภาพใกล้เคียงกับ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ที่ทีมเคยทำสำเร็จมาแล้วในการปั้นดินให้เห็นดาว ซึ่งสุดท้ายในปี 2019 เซสโก้ ก็ถูกดึงตัวเข้าสู่ทีม ซัลซ์บวร์ก ด้วยราคา 2.5 ล้านยูโร ซึ่งเป็นราคานักเตะขาออกที่แพงที่สุดเป็นอันดับ 7 ของลีกสโลวีเนีย และต้องไม่ลืมว่าตอนนั้นเขาอายุแค่ 16 ปีเท่านั้น 

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น มีนักเตะอายุน้อย ๆ จากหลากหลายประเทศที่มาเป็นส่วนหนึ่งของ ซัลซ์บวร์ก ด้วยเรื่องราวคล้าย ๆ กับที่ เซสโก้ เป็น แต่สุดท้ายเมื่อมาถึงจุดที่ต้องเล่นฟุตบอลในระดับที่สูงขึ้น และต้องเจอความกดดันที่มากขึ้นหลายคนก็หล่นหายไปตามกาลเวลา และมีนักเตะจำนวนไม่น้อยที่ Red Bull ลงทุนแล้วสูญเปล่า ... มีผู้เล่นเพียงหยิบมือเท่านั้นที่จะพัฒนาตัวเองขึ้นมาเป็นนักเตะแถวหน้าได้ และ เบนจามิน เซสโก้ ถือเป็นกลุ่มผู้เล่นเพียงหยิบมือนั้น

 

ก้าวไป ด้วยความห้าว

การมาอยู่กับ ซัลซ์บวร์ก ตั้งแต่อายุ 16 ปี เป็นเรื่องเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะถูกเปรียบเทียบกับ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ที่ ณ เวลานั้นเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ ซัลซ์บวร์ก อยู่ 

ลักษณะการเล่นของพวกเขาคล้ายกัน คือเป็นเด็กตัวใหญ่สูงใกล้ 2 เมตร แต่มีความเร็วและมัดกล้ามเนื้อที่ทีมงานโค้ชมองว่าเป็น "กล้ามเนื้อชั้นดี" แข็งแกร่งมาโดย DNA ซึ่งนักเตะในลักษณะนี้จะมีความสามารถพิเศษหากพัฒนามาถึงจุดหนึ่งได้ 

พวกเขาจะแตกต่างจากกองหน้าสูงใหญ่สไตล์โบราณที่เน้นเฉพาะความแข็งแรง แต่มีสปีดต้น-สปีดยาวที่ช้า ขาดความคล่องแคล่วในการครองบอล ไม่ค่อยเหมาะนักกับฟุตบอลสมัยใหม่ที่กองหน้าต้องมีจังหวะ "ทำเอง" เอาชนะตัวประกบด้วยทักษะฟุตบอลและความเร็วความแข็งแรง สำหรับเด็กอายุ 16 ปี เซสโก้ ถือคนที่ทีมคาดหวังจะให้เป็น "รุ่นต่อไป" เพราะพวกเขารู้ว่าสักวัน ฮาลันด์ จะต้องถูกขายทำกำไรในอีกไม่นาน

"เขาจะเป็นคนนำทีมของเราในยุคต่อไป เซสโก้ เป็นกองหน้าที่สมบูรณ์แบบมาก มีจุดแข็งหลายด้านในตัวคนเดียว มีสปีดที่รวดเร็วมากสำหรับคนที่ตัวใหญ่ขาดนี้ และในขณะเดียวกันเขาก็มีเทคนิคที่ดีมาก ๆ ตอนนี้มันเป็นเรื่องของความสม่ำเสมอที่เขาต้องแสดงออกมา และเขายังมีเวลาอีกมากที่จะเดินไปถึงจุดนั้น" แมตเธียส ไยส์เล่อ อดีตโค้ชทีม ซัลซ์บวร์ก ชุดยู 18 ที่ปัจจุบันคุมทีม อัล อาห์ลี ในซาอุดีอาระเบีย กล่าวเมื่อปี 2020 

ขณะที่ตัวของ เซสโก้ เองก็มีความห้าวไม่กลัวใคร มันเป็นเรื่องของคาแร็คเตอร์ที่ทุกคนอยากจะเห็นจากเขา และทำให้เขาเหนือกว่าเด็กคนอื่น ๆ สิ่งที่ยืนยันเรื่องนี้ได้คือในช่วงที่ ฮาลันด์ กำลังสร้างชื่อในชุดใหญ่ และเขากำลังสร้างชื่อในทีมสาขาอย่าง ลิฟเฟอร์ริ่ง (ดิวิชั่น 2 ของลีกออสเตรีย) สื่อถามว่าคิดอย่างไรกับการโดนเปรียบเทียบกับ ฮาลันด์ ที่ตอนนั้นเป็นข่าวกับทีมดังทั่วยุโรป

เซสโก้ ตอบกลับด้วยคำพูดที่ไม่เหมือนผู้เล่นจากทีมเยาวชน เพราะเขาบอกว่า "เขาจะเป็นคนที่เก่งกว่า ฮาลันด์" ... จะจริงหรือไม่ และมันจะเป็นจริงเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ ๆ มันแสดงให้เห็นว่าเด็กอายุแค่นี้ กล้าแอ่นอกรับความกดดันที่สื่อมอบให้ มันทำให้เรื่องราวของเขาน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก 

“การเปรียบเทียบกับ ฮาลันด์ ทำให้ผมมีแรงบันดาลใจและมีพลังที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดนั้น มันไม่ได้กดดันอะไร ผมจะตั้งใจฟังและเรียนรู้เพื่อที่ผมจะเก่งกว่าเขา เพื่อนร่วมทีมของผมที่สโมสรบอกผมว่าฮาลันด์กับผมคล้ายกันมาก โดยเฉพาะเรื่องความเร็ว ... และพวกเขาส่วนใหญ่ยังบอกผมด้วยว่าผมเก่งกว่าเขาด้วย !”

ลีลาการถล่มประตูของ เซสโก้ พัฒนาขึ้นในทุก ๆ วัน เจ้าตัวบอกว่าเขาใส่ใจเรื่องการจบสกอร์ และทักษะการครอบครองบอลเป็นอย่างมาก โดยเวลาส่วนใหญ่ของเขาหลังจากการซ้อมก็จะศึกษาวิธีการเล่นของนักเตะของหน้าไซส์คล้าย ๆ กันไม่ว่าจะกับคู่เปรียบอย่าง ฮาลันด์ และนักเตะรุ่นน้าอย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่เขายกให้เป็นไอดอล

ฮาลันด์ เติบโตกับ ซัลซ์บวร์ก อย่างไร เซสโก้ ก็แทบจะเดินตามรอยเท้านั้นมาเลย เพราะหลังจากเขาอายุ 18 ปี เขาก็ได้กลับมาเล่นให้สังกัดแม่อย่าง ซัลซ์บวร์ก และยึดตำแหน่งตัวจริงทันทีหลังจากที่ พัตสัน ดาก้า ย้ายไปอยู่กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งสถิติการยิงประตูของเขาเขากับ ซัลซ์บวร์ก อยู่ที่ 29 ประตูจาก 79 นัด นี่คือค่าเฉลี่ยที่น้อยกว่าที่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ทำไว้ในอดีตพอสมควร โดย ฮาลันด์ ยิงให้กับ ซัลซ์บวร์ก ไป 29 ประตูเท่ากับ เซสโก้ แต่ดาวยิงชาวนอร์วีเจี้ยนใช้เวลาเพียงแค่ 27 เกมเท่านั้น 

การมองแค่ตัวเลขคุณอาจจะมองว่า เซสโก้ อยู่คนละระดับกับ ฮาลันด์ ทว่ากลุ่มคนหลังบ้านที่ทำหน้าที่เกียวกับการพัฒนานักเตะของกลุ่ม Red Bull ไม่คิดแบบนั้น ... เขามองลึกยิ่งกว่าสถิติการยิง แต่มองทะลุไปยังสถิติต่าง ๆ ในการเล่นเกมรุกแบบรอบด้าน ซึ่งทำให้แนวคิดของพวกเขายังไม่เปลี่ยนแปลง เซสโก้ ยังคงมีศัยภาพในระดับสูงไม่ต่างกับ ฮาลันด์ และการที่เขาจะไปถึงจุดนั้นได้ เขาต้องขยับขึ้นสู่การแข่งขันที่สูงขึ้นอีก นั่นคือการไปอยู่กับทีมที่ใหญ่ที่สุด เปรียบดั่งสโมสรปลายน้ำของกลุ่ม Red Bull นั่นคือการไปเล่นกับ แอร์เบ ไลป์ซิก ที่เป็นทีมแถวหน้าในบุนเดสลีกา เยอรมัน 

 

พัฒนาจนถึงขีดสุดที่ ไลป์ซิก 

"เบนจามิน เชสโก้ เป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดในวงการฟุตบอล และมีศักยภาพมหาศาลที่จะก้าวขึ้นเป็นนักเตะระดับชั้นนำ เขามีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะทำเช่นนั้นได้ เขามีความเร็วมาก กระโดดได้ดีเยี่ยม และแข็งแกร่งในอากาศ เบนจามิน คือเพชฌฆาตตัวจริง"

"แม้จะมีความสูง 195 เซนติเมตร แต่เขาก็ยังมีความคล่องตัวและเทคนิคที่แข็งแกร่ง ความสามารถของเขาทำให้เขาเป็นนักเตะพิเศษที่มีคุณลักษณะที่หายากมาก" คริสโตเฟอร์ วีเวลล์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของไลป์ซิก คนที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการใช้หลัก "อัฐยายซื้อขนมยาย" ดึงตัว เซสโก้ จาก ซัลซ์บวร์ก มาสู่ ไลป์ซิก เผย

จริง ๆ แล้วในช่วงเวลาการย้ายทีมครั้งนั้นก็มีทีมใหญ่หลายทีมอยากจะได้เขาในทันที แต่ วีเวลล์  มองว่าการมาโตที่ ไลป์ซิก ก่อน จะเป็นการพัฒนา เซสโก้ ไปสู่อีกระดับ และจะทำให้นักเตะมีมูลค่ามากขึ้น จากที่จะขายตอนอายุ 18 ปี และได้เงินราว ๆ 30 ล้านยูโร ถ้าเอามาปั้น ให้โอกาสลงสนาม และเล่นในระบบที่เหมาะสม ทีมงานหลังบ้านของ ไลป์ซิก เชื่อว่า เซสโก้ จะเป็นนักตะที่สามารถทำกำไรมหาศาล และจะเป็นนักเตะที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของกลุ่ม Red Bull ได้เลยทีเดียว

ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคิดถูก เบนจามิน เซสโก้ ย้ายมา ไลป์ซิก ด้วยค่าตัว 24 ล้านยูโร ในฤดูกาล 2023-24 ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการการพัฒนานักเตะอย่างไม่มีแตกแถว ตัวของ เซสโก้ เองก็ยกระดับการเล่นตัวเองขึ้นมามาก ๆ แม้จะเล่นในเวทีที่สูงขึ้น แต่เขาก็ยิงประตูได้ถึง 18 ลูกจากซีซั่นแรกกับ ไลป์ซิก 

ขณะที่ ซีซั่น 2024-25 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นซีซั่นที่ 2 ของเขากับทีม เซสโก้ ได้เพิ่มทักษะของตัวเองให้รอบด้านมากขึ้น สถิติต่าง ๆ บอกว่าเขามีวิธีการเล่นที่หลากหลาย ไม่ได้เป็นเบอร์ 9 ที่รอยิงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ความเข้าใจเกม การเล่นโต้กลับ และการเป็นกองหน้าที่พักบอลไว้กับตัวพร้อมเล่นกับเพื่อนร่วมทีม กลายเป็นสิ่งที่พัฒนาขึ้นมามาก และเหนือสิ่งอื่นใด คือเรื่องยิงประตูยังคงมีสถิติที่ดีขึ้น หลังจากที่เขายิงไป 21 ประตูจาก 45 เกมที่ลงสนามในทุกรายการ 

สถิติที่บอกว่าเขาครบเครื่องขึ้นในฤดูกาล 2024-25 คือเขาเป็นนักเตะที่มีสถิติการผ่านบอลสำคัญ และเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งอยู่ในระดับสูงระดับติดท็อป 5 ของบุนเดสลีกา รวมถึงยังมีแอสซิสต์ในทุกรายการอีก 6 ครั้ง 

และถึงแม้เขาจะไม่ได้ปักหลักรอยิงอย่างเดียว แต่ตัวเลขสถิติในความเฉียบคมถือว่ายอดเยี่ยมมาก เนื่องจากค่า xG ของเขาอยู่ที่ 0.17/90 นาที นั่นเท่ากับว่าเมื่อเอาไปเทียบกับประตูที่เขายิงได้ แสดงว่าเขามีสถิติทำประตูได้เฉียบคมมากกว่าโอกาสที่มี 

ขณะที่ด้านร่างกาย เขายังถูกประเมินในระดับ "ยอดเยี่ยม" เหมือนกับที่เคยถูกยกให้เป็นจุดเด่นมาตั้งแต่เด็ก นอกจากเรื่องความเร็วและการกระโดดสูงแล้ว ตลอดฤดูกาล 2024-25 เซสโก้ ยังลงเล่นสม่ำเสมอต่อเนื่อง โดยที่เจ้าตัวไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวนเลยแม้แต่ครั้งเดียว เรียกได้ว่าในบุนเดสลีกา 34 เกม เขาลงเล่นถึง 33 เกม โดยเกมเดียวที่ไม่ได้ลงเล่นคือเกมกับ โบคุ่ม ที่เขาติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบ 5 ใบเท่านั้น 

มันอาจจะไม่ใช่สถิติที่สวยที่สุด แต่คุณต้องไม่ลืมว่านี่คือนักเตะที่เพิ่งอายุครบ 22 ปีไปหมาด ๆ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ที่ผ่านมาเท่านั้น ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องแปลกใจเลยด้วยอายุการใช้การ สถิติต่าง ๆ ชื่อชั้นเชิงบอล ไปจนถึงร่างกายที่แข็งแรงแบบนี้ ไลป์ซิก จึงพา เซสโก้ มาอยู่ในจุดที่พวกเขาคาดหวังได้สำเร็จ นั่นคือการที่นักเตะกลายเป็นกองหน้าที่ระดับเบอร์ต้น ๆ ที่พร้อมจะไปเล่น่ในระดับที่สูงกว่า และทีมต่าง ๆ พร้อมจะจ่ายค่าตัวระดับมหาศาล หรือที่ว่ากันว่าอาจจะทะลุถึง 100 ล้านยูโรในเวลานี้ 

เบนจามิน เซสโก้ อาจจะยังไม่ใช่ No.1 ของกองหน้าหมายเลข 9 ณ ปัจจุบัน แต่คุณปฏิเสธไม่ได้ว่าเขากำลังเดินบนเส้นทางนั้น เขามีสิ่งที่กองหน้าควรมี นั่นคือการเห็นโอกาสในการทำประตูและการตัดสินใจลั่นไกในแต่ละครั้ง ทว่าด้วยความเป็นดาวรุ่ง เขาก็ยังมีเรื่องต้องปรับปรุง โดยเฉพาะเรื่องของความสม่ำเสมอ ความแข็งแกร่งที่ยังไปต่อได้อีก และการเล่นกับเพื่อนร่วมทีมที่ต้องตัดสินใจให้เร็วและแม่นยำมากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม หากทีมที่คุณรักกำลังขาดกองหน้าที่แข็งแกร่ง รวดเร็ว มีความห้าวเป็นคาแร็คเตอร์หลัก และมีร่างกายที่ทนทานไม่เจ็บไม่ป่วย ... เบนจามิน เซสโก้ คือตัวเลือกในระยะยาวที่ถึงเวลาอันสมควรสำหรับเวทีที่ใหญ่ขึ้นและกดดันมากขึ้น เพียงแต่ว่าเงื่อนไขเดียวในเวลานี้ คือราคา 100 ล้านยูโรที่ ไลป์ซิก ตั้งไว้ ... ถ้าทีมไหนกล้าเดิมพันรับรองได้เลยว่าพวกเขาจะได้กองหน้าที่สร้างความแตกต่างในพื้นที่สุดท้ายได้ดีขึ้นแน่นอน 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.bundesliga.com/en/bundesliga/news/benjamin-sesko-interview-leipzig-title-chances-openda-nba-luka-doncic-slovenia-28900
https://onefootball.com/en/news/a-combined-xi-from-red-bulls-global-football-franchise-29612877
https://en.wikipedia.org/wiki/Benjamin_%C5%A0e%C5%A1ko
https://www.bundesliga.com/en/bundesliga/news/benjamin-sesko-who-is-rb-leipzig-new-striker-next-erling-haaland-23668
https://www.diesachsen.de/en/sports/dont-think-about-it-sesko-ignores-transfer-rumors-2988708?utm_source=chatgpt.com
https://www.footballtransfers.com/en/transfer-news/de-bundesliga/2024/09/benjamin-sesko-transfer-news-rb-leipzig-marcel-schafer-arsenal?utm_source=chatgpt.com

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ