"ยามาล ทำให้ผมประทับใจมาก เขาเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในรอบ 50 ปี เราต้องใช้ผู้เล่น 3 คนกับเขา และต้องคอยระวังเขาตลอด 90 นาที” ซิโมเน่ อินซากี้ กุนซือของ อินเตอร์ มิลาน กล่าวหลังจบเกมที่ทีมของเขาบุกเสมอ บาร์เซโลน่า 3-3 และดาวรุ่งวัย 17 ปี อย่าง ลามีน ยามาล ได้โชว์ฟอร์มระดับเวิลด์คลาสออกมา
ลามีน ยามาล เป็นใครมาจากไหน เราเชื่อว่าทุกคนรู้จักเขาดีอยู่แล้ว แต่คำถามที่น่าสนใจคือ การเลี้ยงบอลของเขาที่เป็นสเต็ปผสมกับความคล่องแคล่วว่องไว 3-4 คนก็เอาไม่อยู่ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
Main Stand จะเจาะลึกสเต็ปเทพและวิธีการที่เขาเอาชนะคู่แข่งได้แบบเหนือชั้นและยากจะหยุด ... ติดตามที่นี่
พรสวรรค์ และ ลา มาเซีย ส่วนผสมที่ลงตัว
ลา มาเซีย หรือศูนย์ฝึกเยาวชนของ บาร์เซโลน่า คือหนึ่งในศูนย์ฝึกที่มีคุณภาพที่สุดในโลก แทบไม่ต้องนับว่าพวกเขาสร้างนักเตะชั้นดีคนไหนขึ้นมาบ้าง แต่เอาเป็นว่านักเตะที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์อย่าง ลิโอเนล เมสซี่ เกิดจากที่นี่
ลิโอเนล เมสซี่ ย้ายจากประเทศ อาร์เจนตินา บ้านเกิดมาอยู่กับทีมเยาวขนของ บาร์เซโลน่า ตอนอายุ 13 ปี พร้อมกับพรสวรรค์ที่เหลือล้น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมว่าในช่วงการออกสตาร์ท เมสซี่ นั้นยังต้องใช้เวลามากมายไปกับการรักษาอาการขาดฮอร์โมนการเจริญเติบโตอยู่ถึง 3-4 ปี และถ้าเราลองเทียบกันที่จุดเริ่มต้น ดูเหมือนว่า ลามีน ยามาล จะมีช่วงจังหวะการออกสตาร์ทที่ดีกว่า เมสซี่ ด้วยซ้ำ
ย้อนกลับไปที่ ลา มาเซีย อีกครั้ง ศูนย์ฝึกนี้เปิดรับนักเตะเข้ามาสู่ระบบตั้งแต่อายุ 7 ขวบ และแต่ละช่วงวัยจะมีหลักสูตรการฝึกและพัฒนาแบบต่อเนื่องให้เหมาะสมตามอายุ ตั้งแต่ 7 ปี ไปจนถึงอายุ 19 ปี ซึ่ง ยามาล ออกสตาร์ทที่นี่เลยตั้งแต่แรก เขาไม่เคยเล่นสโมสรอื่น เพราะเข้าสู่ระบบของ ลา มาเซีย ตั้งแต่อายุ 7 ขวบพอดีเป๊ะ
และที่สำคัญ ยามาล มีต้นทุนทางร่างกายที่ดีมาก เขาไม่ต้องฉีดยาเพิ่มฮอร์โมน แถมยังมี DNA ของชาวแอฟริกัน พ่อของเขาเป็นชาวโมร็อกโก-มาลี และมีแม่เป็นชาวอิเควทอเรียลกีนี ซึ่งถ้าจะบอกว่า DNA ของเขาทำให้เขาได้เปรียบในการเป็นนักกีฬาอาชีพก็คงไม่เกินเลยไปนัก เพราะงานวิจัยหลายชิ้นพบว่า คนแอฟริกัน มักมีสัดส่วนกล้ามเนื้อเร็ว (fast-twitch fibers) มากกว่า เฉลี่ยแล้วจะระเบิดพลังได้ดี เหมาะกับกีฬาที่ใช้สปีดและพลังระยะสั้น เช่น ฟุตบอล, วิ่ง 100 เมตร
อย่างไรก็ตามแม้เชื้อสายแอฟริกันอาจมีส่วนช่วยให้ยามาลมีพื้นฐานร่างกายที่แข็งแรงและว่องไว แต่สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นจริงๆ คือความสามารถทางฟุตบอลที่ลึกซึ้งเกินวัย และการได้รับการฝึกฝนอย่างถูกวิธีในระบบเยาวชนระดับโลกอย่าง ลา มาเซีย ด้วย
การที่ ยามาล โตมากับ ลา มาเซีย ตั้งแต่ 7 ขวบ ทำให้เขาได้ศึกษาจนถึงแก่นของฟุตบอลในสไตล์ของ บาร์เซโลน่า ที่ให้ความสำคัญที่สุดในเรื่องของการครองบอล, การเคลื่อนที่โดยไม่ต้องใช้บอล, และการตัดสินใจที่รวดเร็ว
และแน่นอนว่าไม่มีนักเตะคนไหนเอาชนะคู่แข่งทั้งทีมได้ด้วยคน ๆ เดียว เมื่อมองไปยังจุดนี้ก็ต้องขอบคุณ ลา มาเซีย อีกที เพราะกลุ่มนักเตะในทีม บาร์ซ่า ชุดใหญ่ฤดูกาลนี้ เป็นนักเตะที่เติบโตมาจากลา มาเซีย เกือบครึ่งทีม มันจึงทำให้ทีมเวิร์ก และการเล่นรวมกันส่งเสริมฟุตบอลที่ใช้ความสามารถเฉพาะตัวอย่างยามาลได้ดีขึ้น เพราะ ยามาลถูกปลูกฝังด้วยปรัชญาการเล่นแบบ "ติกิ-ตาก้า" (Tiki-Taka) ที่เน้น การผ่านบอลสั้น ความแม่นยำ และการเล่นเป็นทีม ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเข้าใจฟุตบอลในระดับสูง
และเมื่อรวมกับพรสวรรค์ในระดับ "ลูกรักพระเจ้า" และ DNA ที่เป็นต่อ เรียกได้ว่า ลา มาเซีย ได้ส่งเสริมเขาได้แบบก้าวกระโดด จนสามารถเล่นทีมชุดใหญ่ของ บาร์ซ่า ได้ตั้งแต่อายุ 15 ปี และเป็นตัวหลักของทีมตั้งแต่อายุ 17 ปี ... ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับโคตรนักเตะของโลกอย่าง เมสซี่ หรือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทั้ง 2 คนยังทำผลงานได้ไม่เท่า ยามาล ด้วยซ้ำตอนที่พวกเขาอายุเท่ากัน และเราจะไปหาเหตุผลหลักที่ทำให้ ยามาล มีสถิติการยิง และแอสซิสต์ที่โดดเด่น ล้วนเกิดมาจากการสร้างจังหวะผ่านการเลี้ยงบอลของเขา ที่ ณ ตอนนี้ต้องบอกว่า 3 คนยังเอาไม่ลง ... ซึ่งวิธีการเลี้ยงของเขาก็เป็นสิ่งที่เฉพาะตัวจริง ๆ
สตาร์ทได้แล้วหยุดยาก
ลามีน ยามาล เป็นนักเตะเท้าซ้ายธรรมชาติ ชนิดที่ว่าเป็นนักเตะเท้าซ้ายที่ใช้เท้าได้ “ทุกส่วน” ไม่ว่าจะเป็นข้างเท้า ปลายเท้า หรือใต้ฝ่าเท้า เพื่อควบคุมบอล
อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นเพราะโดนฝึกเรื่องการครองบอล การเอาตัวรอดในที่แคบด้วยตัวเอง - และการใช้เพื่อนร่วมทีมเข้ามาเป็นตัวช่วยตั้งแต่ยังเด็ก คุณคงไม่แปลกใจที่ตอนนี้เขาเป็นนักเตะที่มีสถิติเลี้ยงบอลสำเร็จมากที่สุดใน ลา ลีกา และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
โดยผู้เขียนได้เปิดดูคลิปทุกประตูและทุกแอสซิสต์ของ ยามาล ในซีซั่นนี้ (ถ้าจะให้ดีลองผู้อ่านลองเปิดดูสักรอบแล้วค่อยกลับมาอ่าน) ก็จะพบจุดแข็ง และวิธีการของเขาที่เจ้าตัวมักจะใช้ในการเลื้อยผ่านฝ่ายตรงข้ามได้เป็นประจำ และโดยเฉพาะจังหวะแนวรับแบบที่เราเห็นในเกมกับ อินเตอร์ เมื่อคืนนี้ด้วย
ประการแรก ยามาล มักจะใช้ลำตัวด้านหนึ่งบังบอลไว้จากคู่แข่ง และใช้เท้าอีกข้างเลี้ยงบอลในพื้นที่แคบ และเมื่อมีคู่แข่งเข้ามาใกล้ เขาจะหมุนตัวหรือเบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อรักษาระยะห่างจากกองหลังเอาไว้ เทคนิคนี้ทำให้เขามักเอาชนะการเผชิญหน้าแบบ "โดนรุม" ได้ดีมาก เพราะการบัง และการพลิกของเขา มักจะทำให้ตัวประกบไขว้เขวเกิดอาการเข้าบอลผิดจังหวะ หรือไม่ก็กั๊กกันจนไม่มีใครเข้าประชิดตัวของเขา จนกลายเป็นช่องให้ ยามาล ได้มีจังหวะ ยิง หรือผ่านบอลให้กับเพื่อนร่วมทีม
จังหวะการเลี้ยงจี้ คือทีเด็ดที่ ณ ตอนนี้ต้องบอกว่าแทบหาตัวประกบที่เก็บเขาเข้ากระเป๋าไม่เจอเลย โดยลักษะการเลี้ยงของเขา ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็คงต้องบอกว่ามีความคล้าย เมสซี่ ในช่วงวัยรุ่น กล่าวคือ ทั้ง เมสซี่ และ ยามาล เป็นนักเตะไม่ปล่อยให้บอลไกลตัวเกินไป ทำให้ควบคุมบอลได้ตลอดเวลา และเทคนิคนี้ช่วยให้เปลี่ยนทิศทางได้รวดเร็ว ทำให้คู่แข่งเดาทางได้ยาก
นอกจากเรื่องของการเลี้ยงบอลติดตัวแล้ว อีกทีจุดชี้ขาดที่ทำให้เขาสร้างจังหวะการยิงประตูให้ทีมได้เรื่อย ๆ ก็คือเรื่องของการการเปลี่ยนสปีดและจังหวะ ถ้าคุณย้อนกลับไปดูจังหวะการเล่นของ ยามาล ในเกมกับ อินเตอร์ ที่เขายิงชนคาน 2 ลูก ยิงไป 1 ประตู คุณจะเห็นได้ว่าเขาไม่ได้เลี้ยงบอลด้วยสปีดเร็วตลอดเวลา แต่จะสลับช้า-เร็ว หลอกให้กองหลังหลุดจังหวะ ชัดที่สุดคือจังหวะประตูตีไข่แตก 1-2 ที่เริ่มจากการชนกันของเขากับ มาร์กุส ตูราม
จังหวะนั้น ยามาล เป็นคนเอาบอลกลับมาครองได้ และเขาก็หันหน้ากลับเข้าแดนตัวเองด้วยซ้ำ มันทำให้แม้แต่คนที่ใกล้ที่สุดอย่าง ตูราม ไม่ทันระหวัง เพราะคิดว่า ยามาล ส่งคืนหลังหรือฝากบอลไว้กับเพื่อนร่วมทีมเพื่อหาจังหวะการเข้าทำใหม่
แต่กลายเป็นว่าสุดท้าย ยามาล ม้วนกลับมาหาหน้าเข้าฝั่งประตูคู่แข่ง และเปลี่ยนสปีดบอลในขณะที่ ตูราม ยังคิดไม่ทันทำได้แค่ยืนจ้อง เผลอแว้บเดียว ยามาล ก็แหวกแนวรับที่ขวางหน้าอยู่ 4 คนด้วยเทคนิคที่กล่าวไปในข้างต้น ก่อนจะจบสกอร์ด้วยเท้าซ้ายแบบพอดีเป๊ะ
นอกจากนี้การไม่ได้เป็นคนที่คิดแต่จะเลี้ยงและยิงพร่ำเพรื่อ ยังทำให้แนวรับตรงข้ามคาดเดาจังหวะการเล่นของเขามากขึ้นไปอีก จะสมาธิหลุดไม่ได้แม้แต่เสี้ยววินาที เพราะถ้าการเสียสมาธิเกิดขึ้น ยามาล จะใช้พื้นที่แคบ ๆ ที่มีเล่นงานเขาด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงเอง หรือการมองหาเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ในตำแหน่งดีกว่า ซึ่งเรื่องนี้ตำนานทีมชาติเยอรมันชุดแชมป์โลกปี 2014 อย่าง ฟิลิปป์ ลาห์ม ยังออกมาพูดด้วยตัวเองว่า การเล่นในที่แคบคือหัวใจการเอาชนะคู่ต่อสู้ของยามาล อย่างแท้จริง ดังนั้นถ้าจะรับมือกับเขา ต้องห้ามเปิดพื้นที่เด็ดขาด และห้ามประมาทแม้แต่พื้นที่แคบ ๆ ด้วยเช่นกัน
"สำหรับวัยของเขา ลามีน ยามาล ทำผลงานได้อย่างน่าทึ่ง เขาตัดสินใจได้รวดเร็ว ไม่เคยสัมผัสบอลมากเกินความจำเป็น และมักจะหาเพื่อนร่วมทีมเจอได้ด้วยการสัมผัสบอลเพียงไม่กี่ครั้ง" อดีตแบ็คดีกรีแชมป์ฟุตบอลโลกกล่าวเริ่ม
"การป้องกัน ลามีน ยามาล ต้องใช้สมาธิอย่างเต็มที่ตลอดเวลา คุณต้องมีความสามารถในการคาดเดาการเคลื่อนไหวของเขา คุณต้องบีบให้เขาเล่นด้วยเท้าข้างที่ไม่ถนัดทั้งเกม อย่าปล่อยให้ ลามีน ยามาล มีพื้นที่เล่นแม้แต่นิดเดียว" การตอบของ ลาห์ม ค่อนข้างชัดว่า การเลี้ยงบอลในเชิงคุณภาพและปริมาณอย่างสมดุล รวมถึงทักษะ IQ ฟุตบอลในการเล่นเป็นทีม ช่วยให้ ยามาล สามารถเล่นด้วยฟอร์มระดับโลกตั้งแต่อายุ 17 ปี อย่างแท้จริง
ยามาล จะไปได้ไกลอีกแค่ไหน ?
นับตั้งแต่เดบิวต์กับ บาร์เซโลน่า จนกระมาถึงการเป็นกำลังหลักให้ทีมชาติสเปนคว้าแชมป์ยูโร 2024 ลากยาวมาจนถึงฟอร์มในปัจจุบัน ทุก ๆ คนในวงการฟุตบอลแทบจะหมดคำถามกับ ลามีน ยามาล ไปแล้ว ว่าเขาสามารถโตมาเป็นนักเตะที่ดีได้หรือไม่ เพราะการเล่นของเขานำไปสู่คำถามใหม่ที่ว่า เขาจะกลายเป็นนักเตะในระดับเดียวกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือ เมสซี่ ซึ่งก็พูดง่าย ๆ ว่าจะกลายเป็น "1 ตองอูตลอดกาล" ได้หรือไม่ ?
แม้คำถามนี้จะยังตอบยากเพราะอาชีพของเขายังอีกยาวมาก ยามาล อาจจะเล่นได้อีก 15 ปีเป็นอย่างน้อย แต่หากเรามองกันที่ปัจจุบัน ซึ่งว่านับว่าเป็นจุดเริ่มต้นอาชีพเขายังทำได้ขนาดนี้ ไม่แปลกที่ใครจะคาดเดาอนาคตของเขาโดยเอาชื่อของ 2 ผู้ยิ่งใหญ่ในยุคที่แล้วอย่าง "โด้-เมสซี่" มาเทียบ เพราะสถิติมันก็บอกเช่นนั้น
ยามาล 17 ปี ลงสนามไปเเล้ว 100 นัด ยิงได้ 22 ประตู แอสซิสต์ 33, เมสซี่ ตอน 17 ลงเล่น 9 นัด ยิงได้ 1 เเอสซิสต์ 0 ขณะที่ CR7 ตอนอายุ 17 ปีนั้นเพิ่งได้ลงเล่น 19 นัด ยิงได้ 5 เเอสซิสต์ 4 ช่วงออกสตาร์ท ยามาล ทำได้ดีกว่า 2 ผู้ยิ่งใหญ่ด้วยซ้ำไป
สถิติดังกล่าวคุณคงเห็นบนหน้าฟีดมากมาย แต่เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องที่เหล่าคอนเทนท์ครีเอเตอร์นำเสนอเท่านั้น แม้แต่นักเตะผู้เคยสัมผัสคำว่า "นักเตะระดับโลก" อย่าง เธียร์รี่ อองรี ก็ยังต้องออกมายอมรับว่า ยามาล ทำลายความเชื่อหลายของคนในวงการฟุตบอลอย่างแท้จริง
"สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมทึ่งในวงการฟุตบอลก็คือ คุณมักจะคิดว่าไม่มีใครเก่งไปกว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ลิโอเนล เมสซี่, รุด กุลลิท, ดิเอโก้ มาราโดน่า และคนอื่นๆ อีกมากมาย ทว่าจากนั้นก็มี ลามีน ยามาล เข้ามา ... มันเป็นเรื่องบ้าที่คิดว่าเด็กคนนี้อายุ 17 ปี มันบ้ามาก มันไม่ปกติ"
"การเห็น ลามีนยามาล เล่นในสนาม มันเหมือนกับการดู เมสซี่ เล่นในช่วงรุ่งโรจน์ เพราะเมื่อ ยามาล ได้บอล เกมทั้งหมดก็หยุดลง ในขณะที่ผู้คนรอคอยว่าเขาจะทำอะไรได้บ้างในช็อตต่อไป" อองรี พูดเหมือนกับแทนใจแฟนบอลทั่วโลก
อย่างไรก็ตามความยิ่งใหญ่ของ โรนัลโด้ และ เมสซี่ คงเป็นสิ่งที่ ยามาล ยังเทียบไม่ได้ในตอนนี้ เพราะพวกเขาไม่ได้เก่งแค่ตอนอายุ 17 ปี แต่ทั้ง 2 ผู้ยิ่งใหญ่โด่งดังและสร้างผลงานระดับท็อปกินยาว ๆ มาถึงทุกวันนี้ วันที่พวกเขาอายุแตะวัย 40 ปีไปแล้ว
ดังนั้นเองสิ่งที่ ยามาล ต้องทำก็คือพัฒนาต่อไป เท้าติดดินเข้าไว้ และทำในสิ่งที่เขาพูดมาตลอดว่าเป็นสิ่ง่สำคัญที่ทำให้เขามาถึงจุดนี้นั่นคือ "การสนุกกับฟุตบอล" ซึ่งมันเป็นเหตุผลให้เขาลงเล่นด้วยจินตนาการที่ล้นเหลือ และกำเนิดการเลี้ยงฟุตบอลที่ทุกคนต้องหยุดดูว่าเขาจะบันดาลสิ่งใดต่อไปเหมือนกับที่ อองรี บอก
"ผมรู้สึกซาบซึ้งกับคำชื่นชมทั้งที่เกิดขึ้นมากมายในช่วงนี้ แต่ผมคิดถึงแค่ฟุตบอล และการพักผ่อนเพียงอย่างเดียว ... ผมจะสนุกกับฟุตบอล แล้วก็เล่นให้ดีที่สุด นั่นคือทั้งหมดที่ผมต้องทำ" ยามาล ยืนยันถึงจุดยืนของตัวเอง ณ ตอนนี้ และเราต้องบอกตามตรงว่า ณ ตอนนี้ทุกคนอยากจะเห็นแล้วว่าขีดจำกัดเขาอยู่ตรงไหน และเขาพร้อมจะก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับที่เป็นพระเจ้าของฟุตบอลในยุคใหม่หรือไม่
แหล่งอ้างอิง
https://www.goal.com/en/lists/lamine-yamal-greatest-teenage-footballer-world-ever-seen/bltd659e03a46dcf8ed
https://www.reddit.com/r/championsleague/comments/1kbqxig/this_might_be_crazy_but_i_think_lamine_yamal_is/
https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-14665939/Lamine-Yamal-best-player-WORLD-aged-just-17-insists-Rio-Ferdinand-Barcelona-superstar-inspires-comeback-3-3-thriller.html
https://www.bbc.com/sport/football/live/crkx5rlzz0pt