Feature

"มึงอย่าโป๊" : ปรัชญาบนฝาเก๊กฮวยของ "จ่าเม้ง" สู่ต้นกำเนิดรายการ "Footballista X" | Main Stand

"ถ้าจัดอันดับท็อป 10 ของคนที่พี่กินเก๊กฮวยด้วยมากที่สุดในชีวิต พี่เม้ง จะอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ ?" 

ผู้เขียนได้โทรสัมภาษณ์ "พี่ยักษ์" ด้วยตัวเอง และปลายสายใช้เวลาคิดไม่ถึง 1 วินาทีก็ตอบกลับมาว่า

"อันดับที่ 1" ... และหลายรสชาติของ Footballista X ก็เริ่มจากตรงนั้นแหละ 

 

Footballista คือรายการของ Main Stand ที่กำเนิดมาตั้งแต่ช่วงวิกฤติ COVID-19 ก่อนที่รายการนี้จะมีอายุยืนยาว กระทั่งปี 2024 จึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญขึ้น

จากการเล่าเรื่องฟุตบอลหน้ากล้องของ "พี่ยักษ์" จิตกร ศรีคำเครือ สู่การจัดรายการร่วมกันกับ "เม้ง ซัมเมอร์ฮิลล์" ชุมพตน์ ทรงสายสกุล ภายใต้ชื่อ "Footballista X" ที่พูดคุย วิเคราะห์เรื่องฟุตบอลกันอย่างเข้าขารู้ใจ 

และจากนั้นตำนาน "เลาะหน่อไม้" พร้อมศัพท์ใหม่มากมายก็เกิดขึ้น ... นี่คือเบื้องหลังของรายการนี้ ที่จะว่ากันตรง ๆ แล้ว หาก EP.1 เกิดขึ้นในปี 2024 ต้นกำเนิดหรือ EP.0 ต้องย้อนกลับไปเกือบ 20 ปีเลยทีเดียว 

 

ต้นกำเนิดแห่งตำนาน 

สยามกีฬา คือบริษัทในฝันของเด็กผู้ชายบ้าบอลเมื่อครั้งอดีต และ ยักษ์ คือหนึ่งในนั้น เด็กหนุ่มจากจังหวัดตาก เดินทางเข้ามาทำงานหลังจากเรียนจบที่นี่ และได้ทำงานตอนอายุ 21 ปี ซึ่งเป็นที่ที่เขาได้เจอกับ "จ่าเม้ง" เป็นครั้งแรก 

"ย้อนกลับไปนานมาก น่าจะ 20 ปีเป็นอย่างต่ำ ตอนนั้นพี่เข้ามาทำงานที่สยามกีฬา และในรุ่นเดียวกันก็จะมีพวก พี่กุ่ย ตังกุย, อ้น อีกา, เฮียเต็ก บางจาก แล้วก็อีกหลาย ๆ คน ส่วนพี่เม้งเขาเป็นรุ่นพี่เป็น 10 ปีแล้ว" พี่ยักษ์เล่าย้อนความไปในครั้งแรกที่ทั้ง 2 คนได้ทำงานร่วมกัน 

เพื่อให้เข้าใจบริบทของทั้งคู่มากขึ้น อาชีพนักข่าวกีฬาต่างประเทศ ราวยุค 1990s-2000s เป็นอาชีพที่ค่อนข้างทำงานยาก และมีความทรหดในระดับหนึ่ง เพราะไม่มีข่าวสารบนอินเตอร์เน็ต หรือแอปพลิเคชั่นแปลภาษา ที่ทำได้สะดวกรวดเร็วเหมือนกับทุกวันนี้ 

ดังนั้นนักข่าวจึงเป็นอาชีพที่ต้องเข้างานผิดแปลกกับชาวบ้าน เริ่มงานตั้งแต่ 5 โมงเย็น เลิกงานในเวลาตี 3 ใกล้เข้าสู่เช้าวันใหม่ เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าต้องรอข่าวจากทางอังกฤษส่งมา แล้วจึงมานั่งแปลกันที่ออฟฟิศ และด้วยเรื่องของไทม์โซนบ้านเราที่ห่างกับอังกฤษถึง 6-7 ชั่วโมง ทำให้ข่าวที่ขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์อังกฤษในราว ๆ เที่ยงวัน ถ้าเทียบเวลากับที่ไทยก็จะตรงกับช่วง 6 โมงเย็นเป็นต้นไป และลากยาวไปจนดึกดื่น จนกว่าพวกนักข่าวอังกฤษจะเลิกงานตามเวลาบ้านเขากัน ซึ่งก็จบราว ๆ ตี 3 ของประเทศไทยพอดี 

การทำงานในเวลาที่แปลกและค่อนข้างหามรุ่งหามค่ำ ทำให้กองต่างประเทศของสยามกีฬาต้องใช้ชีวิตเหมือนกับติดลูป ไม่ค่อยได้เจอกับคนภายนอกมากนัก ส่วนใหญ่ก็จะเจอหน้ากันเองซ้ำ ๆ บวกกับการทำงานที่หยุดสัปดาห์ละ 1 วัน (ห้ามหยุดวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะมีบอลแข่ง) ทำให้ พี่ยักษ์ และ พี่เม้ง ได้เริ่มมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันมากขึ้นนอกจากเรื่องของการทำงาน

"หลังเลิกงานก็แทบไม่เหลือคนข้างนอกให้เจอแล้ว พวกเราก็เจอหน้าวนกันไปวนกันมาแบบนั้นแหละ ส่วนใหญ่ก็ต้องสังสรรค์กันตามร้านอาหารอีสาน คาราโอเกะ อะไรราว ๆ นี้ และคุณเชื่อไหม สิ่งที่พี่เม้งวิเคราะห์หรือพูดถึงฟุตบอลในแบบของเขาผ่านรายการ Footballista X เนี่ย คือสิ่งที่พี่ได้ยินในร้านลาบ หรือตามที่ต่าง ๆ เมื่อ 20 ปีก่อนเลย แกเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกเลย"

"แกคือฟุตบอลแมนตัวจริง เล่นฟุตบอลมาทั้งชีวิต ดูฟุตบอลมาทั้งชีวิต วิธีการที่แกพูด ที่แกสื่อสาร และวิเคราะห์ออกมา มันเลยเป็นมุมมองของคนที่เตะฟุตบอลจริง ๆ มันเลยฟังแล้วตรงจุดและเข้าใจง่าย" พี่ยักษ์ ว่าต่อ 

พี่ยักษ์ ขยายความถึงพี่เม้งที่แกบอกว่าเป็น "ฟุตบอลแมน" ว่าทุกครั้งที่เตะฟุตบอลกันหลังเลิกงานหรือตามกิจกรรมไหน ๆ พี่เม้ง จะเป็นเหมือนพี่ใหญ่ของทีมสยามกีฬาตลอด 

"ถ้ายุคที่แกเล่นฟุตบอลจริงจังมีไทยลีก พี่เม้งแกอาจเป็นหนึ่งในคนที่ไปอยู่ในจุดนั้นก็ได้" พี่ยักษ์ ยืนยันเรื่องฝีเท้าของคู่หูรุ่นพี่ 

โดยเจ้าตัวจะเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับ เป็นห้องเครื่องคนสำคัญ ในรูปแบบการเล่นที่คล้าย ๆ กับขวัญใจของเขาอย่าง ไบรอัน ร็อบสัน และ รอย คีน ... พี่เม้ง จะเป็นคนที่น้อง ๆ มองหาตลอดทั้งเกม ประมาณว่าถ้าเห็นแกอยู่ใกล้ ๆ ก็อุ่นใจ  

นอกจากนี้ พี่เม้ง ยังเป็นคนที่คอยบอก คอยสั่งการในสนาม และการบอกหรือสอนแต่ละครั้งไม่ใช่แค่บอกชี้นิ้วสั่งมั่วซั่ว แต่ พี่เม้ง มักจะบอกวิธีการและให้ข้อคิดเสมอ เช่น ถ้ากองหน้าไม่ได้บอล แกก็จะบอกว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น พร้อมแจกแจงสาเหตุเป็นฉาก ๆ ตั้งแต่การขยับตัว การรับบอล และการวิ่งหาพื้นที่ เรียกได้ว่าละเอียดถึงขั้นนั้นเลย 

"แกไม่ได้บอกแค่ให้ ขึ้น ลง หรือถอยไปเรื่อยเปื่อย แต่แกบอกละเอียดมากจริง ๆ ที่สำคัญแกมีศิลปะในการบอกหรือสั่งการเสมอ ทุกครั้งที่แกพูดมันไม่ใช่อารมณ์ของคนที่จ้องแต่จะสั่งหรือสอนคนอื่น แกจะบอกเหตุผล และแนะนำวิธีการที่ดีกว่าให้ทุกคนอย่างเห็นภาพ ซึ่งทุกอย่างที่แกบอก เมื่อรวมกับคาแร็คเตอร์และเรื่องฝีมือของแกเนี่ย มันทำให้ทุกคนเต็มใจจะฟังจริง ๆ ... เรียกได้ว่าทุกคนยกให้เป็นพี่ใหญ่แบบไร้ข้อโต้แย้งเลย" พี่ยักษ์ ว่าเช่นนั้น 

จุดนี้แหละที่พี่ยักษ์ มองเห็นความสามารถของพี่เม้งเสมอมา วิธีการนำเสนอ การพูดของพี่ใหญ่อย่างพี่เม้ง เป็นเหตุผลที่หลายครั้ง ๆ ทั้ง 2 คนต้องมานั่งตั้งวง คุยกันเรื่องฟุตบอล และเรื่องชีวิต แม้กระทั่งทุกวันนี้ที่ พี่ยักษ์ อายุ 45 ปีแล้ว และไม่ค่อยได้ออกงานกินดื่มสังสรรค์มากนัก แต่ทุกครั้งที่มีโอกาสไปดื่มกินกับพี่เม้งเมื่อไหร่ รับรองได้เลยว่าถ้ามีเวลาว่าง พี่ยักษ์ ก็พร้อมจะไปแบบไม่ลังเล 

"ถ้าให้จัดอันดับท็อป 10 ของคนที่ดื่มด้วยกันบ่อยที่สุดในชีวิตพี่ ... พี่เม้ง คืออันดับ 1 เลย" ประโยคนี้แหละที่ทำให้เราเข้าใจว่าทำไมการดำเนินรายการ Footballista X จึงเข้มข้น ฉะฉาน และย่อยง่ายขนาดนี้ 

 

แยกย้าย...และพบกันใหม่ 

หลังจากที่อาชีพการงานและหน้าที่ของแต่ละคนเติบโตขึ้น ทั้งพี่ยักษ์ และพี่เม้ง ก็ถึงเวลาที่ต้องแยกย้ายกันไปเติบโต 

อย่างที่เรารู้กัน พี่ยักษ์ มาร่วมก่อตั้ง Main Stand เมื่อปี 2018 ก่อนแจ้งเกิดจากการเป็นนักเล่าเรื่องฟุตบอลในรายการ Footballista ที่ทุกวันนี้มีมากกว่า 1,000 ตอนไปแล้ว ซึ่งมันเป็นธรรมดาที่เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง ก็ต้องการบรรยากาศและสีสันใหม่ ๆ มาเพิ่มเติมในรายการนี้ ซึ่งพี่ยักษ์เชื่อว่า "รอบของเวลา" ได้วนมาถึงรอบของพี่เม้งแล้ว 

"อันที่จริง พี่คิดมาตลอดนะว่าอยากจะเอาพี่เม้งเข้ามาจัดรายการด้วย เพราะอย่างที่บอกว่า ถ้าเรื่องฟุตบอล และการแจกแจงประเด็นแต่ละจุดนั้น แกสุดยอดอยู่แล้ว และพี่เองก็เชื่อว่าตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน จนทุกวันนี้สไตล์ของแกก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง"

"เพียงแต่ว่าในตอนนั้นพี่คิดว่ามันยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมมากนัก จนกระทั่งมาถึงช่วง ยูโร 2024 ที่ผ่านมานี่แหละ พี่คิดว่าถึงเวลาของจ่าเม้งแล้ว เพราะในช่วงเวลาที่อินฟลูเอนเซอร์ในวงการฟุตบอลเริ่มนำเสนอคอนเทนท์ในรูปแบบของคนรุ่นใหม่มากขึ้น พี่เม้งจะเป็นความแตกต่างที่สามารถเข้าถึงคนฟังทุกวัยได้แน่ ๆ" 

Footballista X โดย พี่ยักษ์ และ จ่าเม้ง แจ้งเกิดจริง ๆ ใน ยูโร 2024 โดยเริ่มจากคลิปเจาะทีมเต็ง 8 ทีมในรายการ ซึ่งผลตอบรับออกมายอดเยี่ยม ด้วยวาทะศิลป์ และการอธิบายอะไรต่าง ๆ ในเกมฟุตบอลด้วยคำพูดง่าย ๆ ใช้คำบ้าน ๆ แต่เห็นภาพ ไม่จำเป็นต้องเน้นหรือใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษหรือศัพท์เทคนิคมากมายนัก และยิ่งเมื่อบวกกับการเข้าขาของคน 2 คนที่กินเก๊กฮวยด้วยกันบ่อยที่สุดในชีวิต ความมันก็บังเกิด 

หลังจากจบ ยูโร 2024 กระแสตอบรับดีมาก นั่นเองที่ทำให้พี่ยักษ์รู้ว่า "รอบของจ่าเม้งมาถึงแล้ว" 

"หลังจบยูโร 2024 ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกก็กำลังจะเตะแล้ว พี่ก็เลยลองเอาพี่เม้งมาวิเคราะห์ทีม Big 6 แต่ละทีมผ่านช่อง YAK DD ดูก่อน ซึ่งกระแสตอบรับต้องใข้คำว่าสุดยอด เพราะทุกคลิปมียอดวิวเกินแสนหมดเลย ตอนนั้นถึงรู้แล้วว่า งั้นก็มาทำด้วยกันที่ Main Stand ยาว ๆ ไปเลย มาลุยด้วยกัน เพราะดูเหมือนว่าเราจะมาถูกทางแล้ว" พี่ยักษ์ กล่าว 

การกลับมาครั้งนี้ต้องบอกตรง ๆ ว่าสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ Footballista X กลายเป็นรายการระดับเรือธงของช่อง Main Stand ที่แฟน ๆ จะถามหาตลอดเวลาที่เกมบิ๊กแมตช์ในแต่ละสัปดาห์จบลง ลีลา น้ำเสียง และคำอธิบายแต่ละจุดของจ่าเม้ง กลายเป็นของแปลกในยุคที่มีอินฟลูฯ หนุ่ม-สาว ยุคใหม่เต็มวงการไปหมด  

พี่ยักษ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า พี่เม้งแกทำงานเงียบ ๆ ของแก ไลฟ์ผ่านช่องทางของตัวเองมาหลายปีแล้ว โดยที่แกไม่ได้รู้สึกซีเรียสกับยอดวิวหรือความดังอะไร 

"คนดูเยอะก็ดี คนดูน้อยก็ไม่เห็นเป็นไร" นี่คือคำที่พี่เม้ง มักจะพูดถึงรายการไลฟ์ผ่านช่อง MankCs Channel แต่การทำซ้ำ ๆ ด้วยคุณภาพและแนวทางที่ชัดเจน มันจึงทำให้การวิเคราะห์ของพี่เม้งได้รับความสนใจมากขึ้นและ กลายเป็นรสชาติใหม่ ๆ ในวงการ YouTube ณ เวลานี้ ในเวลาต่อมาอย่างน่าประหลาด 

สำหรับตัวผู้เขียนนั้นมองว่า ถ้าจะให้เปรียบเทียบกับภาพยนตร์สักเรื่อง ลีลาการวิเคราะห์ของพี่เม้งก็คงจะเปรียบกับเรื่อง "มหาลัยเหมืองแร่" เพราะในตอนที่สร้างและออกฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อปี 2005 ก็ไม่ค่อยได้รับความนิยม ไม่มีกระแสตอบรับมากนัก กลายเป็น "หนังเจ๊ง" กับรายได้เพียง 30 ล้านบาท จากทุนสร้างถึง 70 ล้านบาท แม้จะคว้ารางวัลในประเทศมากมายก็ตาม

แต่เมื่อรอบของเวลามันมาถึง กรอหน้าไป 10 ปี 20 ปี ... มหาลัยเหมืองแร่ กลับเป็นหนังที่ผู้คนพูดถึงอีกครั้งในแง่ของ "หนังดี" และบางคนถึงกับบอกว่าเป็นหนังไทยที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว  ... ใครจะไปคิดว่านักข่าวที่ทำงานมาตลอด 30 กว่าปี จนใกล้จะถึงวัยเกษียณ จะกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์สายฟุตบอลที่คนรู้จักกันมากที่สุดคนหนึ่งในเวลานี้

"เมื่อไม่นานมานี้แหละ หลังจากทำ Footballista X ด้วยกันจนเริ่มเป็นที่รู้จัก พี่เม้ง ยังเคยมาคุยกับพี่เลยว่า 'เฮ้ยยักษ์ กูทำงานมา 30 กว่าปี ไม่เคยงานเยอะขนาดนี้มาก่อน กูทำตัวไม่ถูกว่ะเวลามีคนเข้ามาพูดคุย หรือเข้ามาขอถ่ายรูป' พี่ก็ได้แต่บอกกับแกว่า เออพี่ ... เดี๋ยวมันก็จะเยอะกว่านี้อีก มันก็จะเป็นแบบนี้แหละ แล้วพี่ก็เตรียมโดนขอถ่ายรูปบ่อย ๆ ได้เลย" พี่ยักษ์ หัวเราะเมื่อพูดถึงกระแสที่มาแบบไม่ทันตั้งตัวของ "เม้ง ซัมเมอร์ฮิลล์"

 

ผลตอบรับสะท้อนถึงชีวิต 

จริง ๆ บทความจะจบตรงนี้เลยก็ได้ แต่การคุยกับพี่ยักษ์ ถึงเรื่องราวของ "จ่าเม้ง" นั้น มีเรื่องที่ผู้เขียนคิดว่าควรนำเสนอมากกว่าแค่เรื่องของรายการ หรือแนวคิดด้านฟุตบอลของเจ้าตัว เพราะประโยคหนึ่งที่พี่ยักษ์พูดออกมามันชวนให้อยากฟังต่อ เมื่อแกพูดว่า "เอาจริง ๆ ... ถ้าไม่มีพี่เม้ง พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพี่จะมาถึงตรงนี้ได้หรือเปล่า" 

เหตุผลที่พี่ยักษ์พูดแบบนั้นก็เพราะว่า พี่เม้ง ที่อายุมากกว่าพี่ยักษ์ 10 ปี ไม่ใช่แค่คนที่คอยคุยเรื่องฟุตบอลเท่านั้น แต่หลายสิ่งหลายอย่างที่แกสอน เหมือนรุ่นพี่สอนรุ่นน้อง ก็ทำให้พี่ยักษ์ กลายเป็นตัวเองแบบที่เป็นในทุกวันนี้ได้

"จ่าเม้งจะมีคำพูดว่า 'มึงอย่าโป๊' ซึ่งความหมายก็คือ อย่าเป็นคนที่พูดทุกอย่างที่คิด ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยทุกเรื่องของตัวเองมากจนเกินไป มันเป็นคำพูดที่ทำให้เราฉุกคิดขึ้นมาในหลาย ๆ ครั้ง"

"ทำหน้าที่ของตัวเองไปอย่างหนักแน่น มั่นคง ไม่ต้องเรียกร้องความสนใจจนเกินควร ก่อนจะลงมือทำอะไรสักอย่างให้สแกนตัวเองก่อนว่าตัวเองมีจุดเด่นอะไร มีตัวตนที่แท้จริงเป็นแบบไหน เพราะการชัดเจนในแนวทางของตัวเองนี่แหละ คือจุดยืนสำคัญในการทำงานและการใช้ชีวิต" 

"ถ้าพี่จะบอกว่า การทำงานของพี่เม้งตั้งแต่เริ่มจนมาถึงจุดนี้ได้นั้น มีข้อคิดอะไรให้กับน้อง ๆ รุ่นหลังหรือคนอื่น ๆ พี่คิดว่ามันเป็นเรื่องของการหาตัวเองให้เจอ และพัฒนาไปในแนวทางของตัวเองนี่แหละ ไม่ต้องไปเลียนแบบใคร อย่าไปไขว้เขวเวลาที่เราเห็นคนอื่นเขาทำแบบนั้นแล้วดัง ทำแบบนี้แล้วมีชื่อเสียง ... แต่ในขณะเดียวกัน ก็ให้ความเคารพในแนวทางของคนอื่นด้วยเช่นกัน"

"แกเป็นคนหนึ่งที่บอกกับพี่เสมอว่า จงทำดีกับทุกคนรอบตัว เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่ารอบแห่งเวลาจะพาคน ๆ นั้นกลับมาร่วมงานกับเราเมื่อไหร่ ถ้าเรามัวแต่อยากจะดังอยากจะมีชื่อเสียงจนตัวเองต้องเหยียบหัวใครขึ้นไป เมื่อรอบของเวลามาถึง เราก็อาจจะกลายเป็นเหมือนพลุไฟที่จุดขึ้นไปแล้วสว่างแค่วาบเดียว จากนั้นก็มืดมิดดับไปยาว ๆ" 

"เพราะแกเป็นคนแบบนี้แหละ ไม่ว่าจะคุยเรื่องฟุตบอลหรือคุยเรื่องชีวิต มันก็มีความสุขที่จะได้คุยด้วย ทุกวันนี้ก่อนอัดรายการ Footballista X ในวันจันทร์ พี่รู้สึกว่ามันเป็นความรู้สึกที่เราตั้งหน้าตั้งตาจะทำมัน มันเหมือนไม่ได้ไปทำงาน"

”มันเป็นการพูดคุยกันไปตามฟีลและไหลไปตามอารมณ์แบบลงตัว จนบางครั้งเราลืมสคริปต์ที่อยู่ข้างหน้าไปเลย ทุกอย่างมันออกมาอย่างอัตโนมัติ ถ้อยคำ อารมณ์ และความเฉียบขาดคมคาย เหมือนกับ 20 ปีก่อน ในร้านลาบที่เป็นต้นกำเนิด Footballista X ไม่มีผิด" 

และก่อนที่จะจบการสนทนา ผู้เขียนได้ถามพี่ยักษ์ว่า มองอนาคตของรายการนี้ไปอย่างไรบ้าง อยากให้มันเติบโตแค่ไหน เจ้าตัวตอบกลับมาสั้น ๆ ว่า 

"พี่ไม่เคยคาดหวังอะไรไปไกลขนาดนั้นเลยว่ะ ... ก็คงต้องใช้คำว่า จะทำให้เต็มที่ และทำด้วยความสุขแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ คำนี้แหละเหมาะสมที่สุดแล้ว" ฟรอนท์แมนของ Main Stand กล่าวทิ้งท้ายจบบทความนี้ได้อย่างสวยงาม

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

ธีรภัทร รื่นรมย์

คนประจวบ ที่มุ่งมั่นทำมาหากินในเมืองกรุง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ