Feature

Beautiful Game : ประวัติศาสตร์อันนุ่มลึก 10 โมเมนต์ที่น่าจดจำของพรีเมียร์ลีก การต่อสู้ในสนามแบบ Beautiful Game & More than a Game

GUINNESS ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของ Premier League อยากชวนทุกคนมาลองสัมผัสประวัติศาสตร์สุดนุ่มลึก 10 โมเมนต์อันน่าจดจำของเกมพรีเมียร์ลีก การต่อสู้ในสนามแบบ Beautiful Game & More than a Game

เมื่อฟุตบอลเป็นมากกว่าเกม สู่ตำนานความงดงามที่นุ่มลึก พรีเมียร์ลีกเติบโตอย่างก้าวกระโดดนับตั้งแต่ทศวรรษ 90
จนกลายเป็นลีกระดับสูงสุดของโลก การแข่งขันที่เข้มข้น นักเตะชั้นยอด และทีมที่ยิ่งใหญ่ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา
ได้สร้างชื่อเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับ ลีกแห่งนี้ ไม่เพียงแค่ในยุโรป แต่กลับแผ่อิทธิพลไปทั่วโลก

สโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก ยุคใหม่คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยแชมป์อันน่าทึ่งถึง 13 สมัย
ขณะที่ในช่วงหลังมานี้ เราได้เห็นทีมยอดเยี่ยมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้า 100 แต้ม ในฤดูกาล 2017/2018

อย่างไรก็ตาม เลสเตอร์ ซิตี้ กับฤดูกาลแห่งแชมป์พรีเมียร์ลีก ที่แทบเป็นไปไม่ได้ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว และยังคงเป็นที่พูดถึง ซึ่งวันนี้เราได้รวบรวมโมเมนต์อันน่าประทับใจของเกมอันงดงาม Beautiful Game & More than a Game มาฝากกัน… ติดตามต่อที่ Main Stand

10 โมเมนต์อันน่าประทับใจของเกมอันงดงาม
ในแบบ Beautiful Game & More than a Game

“เดวิด เบ็คแฮม” กับลูกยิงกลางสนาม อย่างมีคลาส

เดวิด เบ็คแฮม เป็นที่รู้จักกันดีของเหล่าบรรดาวัยรุ่นยุค 90 ตั้งแต่ลูกฟรีคิกในนามทีมชาติอังกฤษที่ยิงประตูทีมชาติกรีซ ไปจนถึงความเป็นซูเปอร์สตาร์นอกสนามของเขา แต่เมื่อพูดถึงพรีเมียร์ลีก ช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ เบ็คแฮม คือประตูอันน่าทึ่งที่ยิงใส่ วิมเบิลดัน ในปี 1996/1997

เบ็คแฮม ได้สลักชื่อของเขาลงในความทรงจำของแฟนฟุตบอลทั่วประเทศ ในเกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำวิมเบิลดัน 2-0
เมื่อ เบ็คแฮม สังเกตเห็นว่าผู้รักษาประตูฝ่ายตรงข้าม นีล ซัลลิแวน ออกมาไกลจากเส้นประตู เขาจึงตัดสินใจยิงจากกลางสนามบอลลอย ข้ามหัว ซัลลิแวน และเข้าประตูไปอย่างสวยงาม แม้จะมีผู้เล่นหลายคนทำประตูคล้ายกันในเวลาต่อมา แต่ลูกยิงของ เบ็คแฮม ยังคงเป็นติดตราตรึงใจแฟนบอล จวบจนทุกวันนี้

เกมสุดคลาสสิก ลิเวอร์พูล 4-3 นิวคาสเซิล ปี 1996

ลิเวอร์พูล และ นิวคาสเซิล เป็นสองทีมที่มีแฟนบอลที่หลงใหลมากที่สุดบนเกาะอังกฤษ ในเกมที่ทั้งสองทีมเจอกันในปี 1996 เกมนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง ทั้งสองทีมแพ้เกมก่อนหน้านี้ และตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการแข่งขันชิงแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบสามเส้า ด้วยความที่ทั้งสองทีมต้องการปิดช่องว่างระหว่างทีมปีศาจแดง ชัยชนะจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เกมนี้จึงเต็มไปด้วยความดราม่า

เมื่อทั้งสองฝ่ายทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อไล่ตามทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน.. ลิเวอร์พูล ขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 2 เมื่อร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ทำประตูแรก จากนั้น เดอะ แม็กไพส์ ก็ได้ตอบโต้ทันทีเมื่อ เลส เฟอร์ดินานด์ และดาวิด ชิโนลา ยิงประตูพลิกนำก่อนครึ่งเวลา
จากนั้นครึ่งหลัง ฟาวเลอร์ ก็ทำประตูตีเสมอในนาทีที่ 55 ก่อนที่ เฟาสติโน อัสปริญ่า ทำประตูให้ทีมเยือนพลิกนำอีกครั้ง ..แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นที่แอนฟิลด์เมื่อ สแตน คอลลีมอร์ ยิงสองประตูให้ ลิเวอร์พูล ชนะในเกมวันนั้น

ลูกยิงจักรยานอากาศอันลือเลื่องของ เวย์น รูนี่ย์

แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ เป็นหนึ่งในเกมที่น่าตื่นเต้นที่สุดในพรีเมียร์ลีกเสมอ มีช่วงเวลาที่น่าทึ่งมากมาย เช่น ชัยชนะ 6 ประตูต่อ 1 ของซิตี้ ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด อย่างไรก็ตามมีประตูหนึ่งที่โดดเด่นกว่าประตูอื่นๆ ในการแข่งขันนี้ และมันมาจากตำนานปีศาจแดงอย่าง เวย์น รูนี่ย์

ในปี 2011 ดาร์บี้แมตช์กำลังดำเนินไป และดูเหมือนว่าจะจบลงด้วยการเสมอกัน 1-1 หลังจากที่ นานี และ ดาบิด ซิลบา ทำประตูกันคนละลูก จนกระทั่ง รูนี่ย์ ก็มายิงลูกจักรยานอากาศอันน่าทึ่งในนาทีที่ 78 เพื่อเอาชนะในเกมนั้น ก่อนที่ประตูนี้จะถูกยกย่องว่าเป็นประตูที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก

คำพูดอันเลื่องชื่อ "love it" ของ เควิน คีแกน

ผู้จัดการทีมสโมสรมีส่วนสำคัญในการสร้างตำนานพรีเมียร์ลีก หนึ่งในนั้นคือ เควิน คีแกน ที่โดดเด่นจากการระบายอารมณ์ ระหว่างการแข่งขันชิงแชมป์ในฤดูกาล 1995/1996 เดอะ แม็กไพส์ กำลังแย่งแชมป์กับทีมปีศาจแดง
โดยวันนั้นทีมของ คีแกน เจอกับ ลีดส์ และเหลือเกมให้ลุ้นอีกสามเกม ชัยชนะ 1-0 เหนือลีดส์ ทำให้ คีแกน มีอารมณ์พลุ่งพล่านหลังเกม เมื่อเขาตอบโต้ความสงสัยของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เกี่ยวกับโอกาสคว้าแชมป์โดย คีแกน ได้ระบายออกมาว่า

"ผมบอกคุณนะ คุณบอกเขา(เฟอร์กี้) ได้เลยถ้าคุณกำลังดูอยู่ เรายังคงต่อสู้เพื่อแชมป์นี้ และเขาต้องไปที่ มิดเดิลสโบรห์
และเอาอะไรกลับมา และ... และ... ผมบอกคุณนะ จริงๆ ผมจะรักมัน ถ้าเราชนะ พวกเขา รักมัน! love it" 


อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่จุดจบในฝันสำหรับ คีแกน เมื่อ นิวคาสเซิล เสมอสองเกมถัดไปกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และ สเปอร์ส
ก่อนที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะชนะ มิดเดิลสโบรห์ และคว้าแชมป์ไปในที่สุด

การมาถึงของ "The Special One" โฆเซ่ มูรินโญ่

โฆเซ่ มูรินโญ่ มาถึงอังกฤษเป็นครั้งแรกในปี 2004 เมื่อเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมเชลซีหลังจากประสบความสำเร็จกับปอร์โต้ กุนซือชาวโปรตุเกสไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อในการแถลงข่าวครั้งแรกของเขา

เขายืนยันว่าเขา "ไม่หยิ่งยโส" แต่เรียกตัวเองว่า "The Special One" ฉายานี้ติดตัว มูรินโญ่ มาตลอดในขณะที่เขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกถึง 3 สมัย ในช่วงสองช่วงที่คุมทีมสิงห์บลูส์

แบล็คเบิร์น จุดเริ่มความสำเร็จที่ใช้เงินทุ่มซื้อได้ ก่อนคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกปี 1995

แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส เป็นต้นแบบของทีมที่ใช้เงินลงทุนอย่างมหาศาล เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ ในยุคเริ่มต้นของพรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษ 90 การเข้ามาของ แจ็ค วอล์คเกอร์ นักธุรกิจท้องถิ่นที่ร่ำรวยและเป็นแฟนบอลตัวยงของแบล็กเบิร์น
ในปี 1991 เขาได้เข้าซื้อสโมสร และนำเม็ดเงินก้อนโตมาลงทุนกับสโมสร โดยตั้งเป้าที่จะพาทีมกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง 

สิ่งแรกที่เขาทำคือการดึงตัว เคนนี ดัลกลิช อดีตตำนานของลิเวอร์พูลมาเป็นผู้จัดการทีม พร้อมด้วยการสนับสนุนเงินทุนอย่างเต็มที่ในการซื้อนักเตะคุณภาพ ที่ทำลายสถิติตลาดซื้อ-ขาย อยู่หลายครั้ง โดยแข้งที่มีโปรไฟล์เด่นสุดคือการคว้าตัว อลัน เชียเรอร์ จากเซาแธมป์ตัน ด้วยค่าตัว 3.6 ล้านปอนด์ในปี 1992 ถือเป็นสถิติค่าตัวสูงสุดในวงการฟุตบอลอังกฤษ ในขณะนั้น

นอกจากนี้ แบล็คเบิร์น ยังทุ่มซื้อแข้งดังคนอื่นๆเข้าสู่อีกมากมาย เช่น คริส ซัตตัน, เดวิด แบตตี้ และ ทิม ฟลาวเวอร์ส ซึ่งรวมๆแล้ว ทำให้ทีมกุหลาบไฟ กลายเป็นหนึ่งในทีมที่มีมูลค่าสูงสุดของลีกอังกฤษช่วงเวลานั้น

แต่การลงทุนนี้ ไม่เสียเปล่าเมื่อ แบล็กเบิร์น สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 1994-1995 โดยเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กลายเป็นทีมต้นแบบทีมแรกๆ ที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนอย่างมหาศาลของทีมทีมที่มีเจ้าของเป็นเศรษฐี ซึ่งต่อมากลายเป็นโมเดลให้กับทีมอย่าง เชลซี  และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในทศวรรษถัดมา

ลูกยิงดับฝันทีมปีศาจแดงของ “เซร์คิโอ อเกวโร่”

หนึ่งในโมเมนต์ที่น่าจดจำที่สุดในประวัติศาสตร์ลีก จาก เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่ทำประตูชัยชนะให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ในปี 2012 เกิดขึ้นในนาทีที่ 93.20 และทำให้ทีมของ โรแบร์โต มันชินี่ เอาชนะทีมจากลอนดอนไปด้วยสกอร์ 3-2

ชัยชนะนี้ทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ และผู้เล่นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อกหักที่ ซันเดอร์แลนด์

หลังจากชัยชนะของพวกเขากลายเป็นสูญเปล่า ..ประตูของ อเกวโร่ ลูกนี้ถูกจดจำจากการบรรยายอันเป็นเอกลักษณ์ของ มาร์ติน ไทเลอร์ ที่ตะโกนว่า "อเกวโรวววววววว" หลังกองหน้าชาวอาร์เจนไตน์รายนี้ยิงประตูได้ในนาทีบาป ซึ่งประตูนั้นยังทำให้ แมนเชสเตอร์ซิตี้ กลายเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรก ก่อนเริ่มต้นยุคแห่งการครองความยิ่งใหญ่ ที่ทำให้พวกเขาคว้าแชมป์อีก 7 สมัย

เส้นทางสู่การคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จุดเริ่มต้นในปี 1999

เมื่อ เลส เฟอร์ดินานด์ ทำให้ สเปอร์ส ขึ้นนำยูไนเต็ด ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในเกมสุดท้ายของฤดูกาล 1998/1999 ทำให้ดูเหมือนว่าการคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นฝันที่ไกลเกินเอื้อม แต่ประตูจาก เดวิด เบคแฮม และ แอนดี้ โคล ในช่วงครึ่งแรกและครึ่งหลัง แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณ และทัศนคติไม่มีวันยอมแพ้

ใครจะไปรู้ว่าสองประตูในวันนั้น... จะทำให้ทีมปีศาจแดงกลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ยุโรปที่เถลิง 3 แชมป์ไปได้

ยุติการรอคอยแชมป์พรีเมียร์ลีก 30 ปีของ ลิเวอร์พูล ในปี 2020

ในฤดูกาลที่มีการล็อกดาวน์เป็นเวลานาน ทำให้การฉลองแชมป์ล่าช้าออกไป สนามที่ว่างเปล่านั่นไม่ได้เป็นการดูหมิ่นความสำเร็จอันน่าทึ่งของ เยอร์เก้น คล็อปป์

99 แต้มของพวกเขา เป็นอันดับสองที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ลีกสูงสุดของอังกฤษ ในกลางเดือนกุมภาพันธ์ พวกเขาชนะ 26 เกม และเสมอเพียงเกมเดียว จาก 27 นัดแรก ในที่สุดลิเวอร์พูลก็คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2019/2020 มาครอบครองได้ ยุติการรอคอยอันแสนยาวนานของแฟนหงส์แดงทั่วโลก

เลสเตอร์ ซิตี้ กับฤดูกาลแห่งแชมป์ที่เป็นไปไม่ได้

ประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ พรีเมียร์ลีก มักถูกครอบครองแชมป์โดยสโมสรใหญ่ อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาล 2015/2016 มีทีมหนึ่งที่ดูเหมือนจะทำสิ่งที่หลายคนคิดว่าเป็นไปไม่ได้..
เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมที่เพิ่งรอดพ้นจากการตกชั้นในฤดูกาลก่อนหน้านั้น และการเข้ามาอย่างน่าประหลาดใจของ เคลาดิโอ รานิเอรี กุนซือชาวอิตาเลียน พร้อมกับนักเตะที่ซื้อมาใหม่ในช่วงซัมเมอร์ อย่าง เอ็นโกโล่ กองเต้, โรเบิร์ต ฮูธ และชินจิ โอกาซากิ ได้พัฒนาทีมที่มี เจมี่ วาร์ดี้ และ ริยาด มาห์เรซ รวมอยู่ด้วย

จิ้งจอกสยาม สามารถท้าทายความน่าจะเป็น และคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนั้นมาได้ ทั้งๆที่หลายคนคาดการณ์ว่าพวกเขาจะตกชั้นในตอนเริ่มต้นฤดูกาล ความสำเร็จของ เลสเตอร์ เป็นไปดั่งเทพนิยายที่ไม่มีทางเกิดขึ้นอีก จากการที่ถูกมองในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลว่า โอกาสคว้าแชมป์ของพวกเขาอยู่ที่ 5000 ต่อ 1 

Beautiful Game & More than a Game

พรีเมียร์ลีก ไม่ได้เป็นเพียงแค่การแข่งขันฟุตบอล แต่เป็นงานศิลปะที่มีชีวิต ความงดงามของเกมนี้มาจากสีสันของการส่งบอลที่แม่นยำ การเลี้ยงบอลที่มีเสน่ห์ และการเคลื่อนไหวที่สอดประสานกันอย่างลงตัว จนเป็นสิ่งที่เรียกว่า "Beautiful Game"

ไม่ว่าจะเป็นปาฏิหาริย์ของ เลสเตอร์ ซิตี้ หรือประตูระดับตำนานของ เดวิด เบ็คแฮม            

ลูกยิงจักรยานอากาศอันน่าทึ่งของ เวนย์ รูนี่ย์ และลูกยิงนาทีบาปของ เซร์คิโอ อเกวโร่ ..พรีเมียร์ลีก ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ฟุตบอลคือ "More than a Game”

แต่ละโมเมนต์ในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ได้สร้างความทรงจำอันงดงาม และความลึกซึ้งที่ฝังอยู่ในใจของแฟนบอลทั่วโลก
มันไม่ใช่แค่เรื่องของการชนะหรือการแพ้ แต่เป็นเรื่องของความรู้สึก ความผูกพัน และประสบการณ์ ที่ได้รับจากการมีส่วนร่วมในทุกเกมการแข่งขัน

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้หลอมรวมกัน จนกลายเป็น “ประวัติศาสตร์อันนุ่มลึก 10 โมเมนต์ที่น่าจดจำของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก”
เรื่องราวสุดนุ่มลึกในแบบของ GUINNESS BEAUTIFUL GAME SOCIETY ที่อยากให้ทุกคนลองสัมผัส

 

Author

ณัฐวุฒิ บุญโท

Ever Tried Ever Failed Try Again Failed Better.