Feature

สมรภูมิทุกหย่อมหญ้า : จุดเปลี่ยนที่สั่นคลอนไปถึงอนาคตของ ยูเวนตุส | Main Stand

ยูเวนตุส ทำท่าจะกลับมาเป็นทีมใหญ่แบบเป็นรูปเป็นร่างในครึ่งแรกฤดูกาล 2024-25 ภายใต้การบริหารของบอร์ดบริหารชุดใหม่ และกุนซือที่พวกเขาเลือกมาเองอย่าง ติอาโก้ ม็อตต้า โค้ชหนุ่มฝีมือดีแห่งวงการฟุตบอลอิตาลี 

 

ทว่าโปรเจ็กต์ระยะยาวกลับพังพาบภายในเวลาไม่ถึง 300 วัน ปัญหาสารพัดเกิดขึ้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัวจน ม็อตต้า โดนไล่ออก และอาจจะมีศึกชิงเก้าอี้ประธานสโมสรอีกครั้ง

ไล่เรียงเรื่องราวของ ยูเวนตุส ในช่วงเวลาอันแสนโกลาหลในช่วง 3 ปีหลังกับ Main Stand 

 

ศึกใหญ่ในหลังบ้าน

ระหว่างที่ทีมชาติโปรตุเกสกำลังดวลกับอุรุกวัยอย่างดุเดือดในฟุตบอลโลก 2022 ณ ประเทศกาตาร์ ข่าวด่วน เบรกกิ้งนิวส์ ก็ปรากฏขึ้นบนหน้าสื่อ และเป็นเรื่องที่ชวนตกใจเมื่อ อันเดรีย อันเญลลี่ หนึ่งในผู้นำแห่งตระกูลอันเญลลี่ หุ้นส่วนใหญ่ของ ยูเวนตุส สโมสรอันดับ 1 แห่งอิตาลี ประกาศลาออกจากการเป็นบอร์ดบริหาร พร้อมกับทีมงานของเขาแบบยกชุด ... คำถามเกิดขึ้นทันทีว่า ผู้มีอิทธิพลเบอร์ต้น ๆ ของฟุตบอลยุโรปอย่างเขา ทำไมถึงตัดสินใจแบบนั้น ?

มาร์โก เบลลินาซโซ่ หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านวงการฟุตบอลและการเงินของอิตาลี และผู้เขียนหนังสือ Le Nuove Guerre del Calcio (สงครามฟุตบอลรูปแบบใหม่) เปิดเผยถึงเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจที่ดูเหมือนจะกะทันหันนี้ว่า

"นี่เป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนโดยสำนักงานอัยการเมืองตูริน ซึ่งได้ทำการสอบถามงบการเงินของยูเวนตุสในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ในขอกล่าวหาที่ว่า อันเญลลี่ คือต้นเรื่องของการตบแต่งบัญชีการเงินของสโมสรเพื่อเลี่ยงกฎต่าง ๆ มากมายที่ทุกสโมสรชั้นนำในยุโรปต้องปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด"

เบลลินาซโซ่ อธิบายว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2020 เมื่อยูเวนตุสประกาศประหยัดเงินได้เกือบ 90 ล้านยูโร อันเป็นผลจากการตัดสินใจของผู้เล่นที่จะสละเงินค่าเหนื่อยชั่วคราวเป็นเวลา 4 เดือน เนื่องจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ที่ทำให้วงการฟุตบอลต้องหยุดชะงัก ซึ่งนักเตะทุกคนและสโมสรจะกลับมาเจรจากันใหม่หากการแข่งขันกลับมาดำเนินไปได้ตามปกติ

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการตรวจสอบ กลับพบว่า ยูเวนตุส ใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อชำระเงินส่วนนี้ให้กับนักเตะ แตกต่างจากที่พวกเขาได้รายงานแก่คณะตรวจสอบว่ารายจ่ายในส่วนนี้เป็น 0 ตามที่ได้กล่าวอ้างไป และคดีดังกล่าวยังนำมาซึ่งการตรวจสอบงบบัญชีงบประมาณของ ยูเวนตุส ไล่เรียงไปตั้งแต่ปี 2019-2021 เพื่อหาความผิดปกติแบบขยายผล 

เรื่องดังกล่าวทำให้ อันเดรีย อันเญลลี่ ประธานสโมสรยูเวนตุส, พาเนล เนดเวด รองประธาน, เมาริซิโอ อาร์ริวาเบเน่ ผู้อำนวยการบริหาร รวมถึงฝ่ายบริหารคนอื่น ๆ ประกาศลาออกทั้งคณะ โดยเหตุผลก็เพราะว่า เจ้าหน้าที่เหล่านี้ของ ยูเวนตุส อาจต้องเผชิญการพิจารณาคดีในอนาคต ซึ่งเป็นเหตุว่าทำไมพวกเขาจึงเลือกที่จะลาออกก่อนที่จะเป็นปัญหาใหญ่กว่านี้ 

ซึ่งความจริงหลังจากนั้นก็เป็นไปตามที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ ยูเวนตุส ถูกตัดสินมีความผิดฐานตบแต่งบัญชีและทุจริตทางการเงิน พวกเขาจะต้องโดนหัก 15 แต้ม (ก่อนเหลือ 10 แต้มหลังอุทธรณ์) และริบสิทธิ์การไปเล่นฟุตบอลยุโรป นั่นคือโทษที่สโมสรได้รับ 

ส่วนเรื่องกลุ่มคนที่นั่งเก้าอี้ผู้บริหาร ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบยกเซ็ต ประธานสโมสรตกเป็นหน้าที่ของ จานลูก้า เฟร์เรโร่ และผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาเป็น คริสเตียโน่ จุนโตลี่ ขณะที่ อันเดรีย อันเญลลี่ ที่มีหุ้นสโมสรจำนวนมากอยู่ในมือ ก็ขายหุ้นส่วนใหญ่ให้กับ จอห์น เอลคานน์ ลูกพี่ลูกน้องร่วมตระกูล เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดแทน ขณะที่ตัวของ อันเดรีย ถือหุ้นเหลือเพียงแค่ 3% 

โดย จอห์น เอลคานน์ ผู้นำตระกูล อันเญลลี่ คนปัจจุบัน ที่ถือหุ้นใหญ่ของสโมสร ได้ประกาศว่า ในยุคสมัยของเขา ยูเวนตุส จะกลับสู่โปรเจ็กต์ที่ชื่อว่า "Year Zero" หรือการเริ่มสร้างทุกอย่างใหม่จากศูนย์ และให้ความสำคัญเรื่อง Sport Justice หรือการดำเนินการภายใต้กฎที่ถูกต้องและโปร่งใส ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีก็เริ่มขึ้นหลังจากนั้น 

 

Year Zero 

นอกจากเรื่องของความโปร่งใสแล้ว ยูเวนตุส ในยุคโปรเจ็กต์ Year Zero ยังต้องการสร้างทีมด้วยระบบที่ยั่งยืน ให้ความใส่ใจกับนักเตะที่อายุน้อย และยังมีคุณภาพที่สโมสรผลิตขึ้นมาจากระบบเยาวชน (ใช้คำว่า Next Gen Player) เพื่อให้ทีมมีรายจ่ายน้อยลง และมีรายรับที่มากขึ้น 

จากโปรเจ็กต์ Year Zero นี้เอง ก็นำมาซึ่งการปลดโค้ชคนเก่าอย่าง มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี กุนซือของทีมด้วย เนื่องจากรูปแบบการเล่นในการทำทีมของ อัลเลกรี ในช่วงฤดูกาล 2023-24 ไม่ค่อยประทับใจแฟนบอลนัก ประกอบกับสโมสรอยากจะได้โค้ชรุ่นใหม่ที่ตรงกับโปรเจ็กต์ที่ได้สร้างขึ้นมา 

นอกจากนี้ ฟางเส้นสุดท้ายของ อัลเลกรี และยูเวนตุส ยังขาดลงในช่วงปลายฤดูกาลดังกล่าว หลังจากเจ้าตัวแสดง "พฤติกรรมก้าวราว" ด้วยการถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกอย่างฉุนเฉียว และปรบมือเสียดสี ด่าทอคำหยาบใส่กรรมการ ในเกม โคปปา อิตาเลีย นัดชิงชนะเลิศ ที่ ยูเวนตุส กำลังจะเอาชนะ อตาลันต้า 1-0 ซึ่งหลังจากเกมนี้จบลง 2 วัน ยูเวนตุส ก็ประกาศไล่ออก อัลเลกรี ออกทันทีและให้เหตุผลว่า "พฤติกรรมของ อัลเลกรี ไม่สอดคล้องกับค่านิยมของบริษัท"  

ซึ่งในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านฟุตบอลอิตาลีบอกว่า จริง ๆ แล้วมันเป็นเรื่องของการ "เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล" เพราะ อัลเลกรี พาทีมการันตีไปเล่นฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาล 2024-25 ได้เรียบร้อยแล้ว (ทีมจาก เซเรีย อา ได้โควต้าไป UCL เพิ่มเป็น 5 ทีม) และยังพาทีมคว้าแชมป์ โคปปา อิตาเลีย ได้อีกด้วย จึงไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไปที่จะปลดออก 

เป็นธรรมดาของทุกสโมสร ที่เมื่อเปลี่ยนผู้บริหาร พวกเขาก็มักจะเปลี่ยนแนวทาง และเปลี่ยนโค้ชที่ตรงกับนโยบายการทำทีม ซึ่ง ยูเวนตุส นั้น นอกจากจะเน้นไปที่นักเตะหนุ่มแล้ว พวกเขายังอยากได้โค้ชรุ่นใหม่ที่มีแวว ทำฟุตบอลแบบเอ็นเตอร์เทน

สเปกดังกล่าว ทำให้หวยไปออกที่ ติอาโก้ ม็อตต้า อดีตนักเตะทีมชาติอิตาลี และกุนซือที่พา โบโลญญ่า จบท็อป 4 ในฤดูกาล 2023-24 แถมยังใช้นักเตะหนุ่มหลายคน พัฒนาขึ้นมาจนติดทีมชาติ อาทิ ริคคาร์โด้ คาลาฟิโอรี่, ริคาร์โด้ ออร์โซลินี่, โจชัว เซิร์กซี, ดาน เอ็นดอย, ซานติอาโก้ คาสโตร และอีกหลายคนที่ไม่ได้กล่าวถึง

นอกจากนี้ หากย้อนประวัติก่อนทำ โบโลญญ่า ม็อตต้า ก็เป็นคนที่พาทีม สเปเซีย รอดตกชั้นได้ทั้ง ๆ ที่โดนแบนเรื่องการซื้อขายนักเตะ และในใจความสำคัญหลัก ๆ คือ ม็อตต้า มีสไตล์การทำทีมที่ชัดเจน เล่นเกมบุก-รับ กันทั้งทีม อีกทั้งเรื่องการปกครองนักเตะในทีม ที่สามารถหยิบจับนักเตะให้มาลงล็อกกับนักเตะที่มีได้  ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นคนที่ใช่ของ ยูเวนตุส และรับสัญญาระยะเวลา 3 ปี เพื่อสร้างรากฐาน วางสไตล์การเล่น และนำร่องเรื่องการเอานักเตะจากชุดเยาวชนมาใช้ นั่นคือเป้าหมายที่พวกเขามอบให้กับ ม็อตต้า 

 

คนที่ใช่ ... ไม่ถึง 300 วัน

ม็อตต้า ได้รับเลือกและคัดสรรเข้ามาในฐานะผู้นำของโครงการระยะยาวของสโมสร ด้วยเป้าหมายหลัก ๆ ดังที่กล่าวไว้ในข้างต้น และสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือ การพาทีมกลับมาเป็นทีมเต็งในการลุ้นแชมป์ให้ได้อีกครั้ง 

การเริ่มต้นของเขายากที่จะตัดสินว่าดีมาก หรือแย่มาก ๆ ในเวลาเดียวกัน เพราะ ยูเวนตุส เป็นทีมที่แพ้ยาก เล่นมากว่าครึ่งซีซั่นพวกเขายังไม่แพ้ใครในลีกเลยด้วยซ้ำ (แพ้ครั้งแรกวันที่ 25 มกราคม 2025 ต่อ นาโปลี 1-2) แต่ปัญหาคือการเสมอกับทีมอ่อนชั้นกว่าหลาย ๆ นัด อีกทั้งยังรวมไปถึงการตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ โคปปา อิตาเลีย ด้วยน้ำมือทีมอย่าง พีเอสวี และ เอ็มโปลี รวมถึงการอยู่อันดับ 5 ในลีก ตามหลัง โบโลญญ่า ทีมเก่าของเขาเอง

ที่บอกว่าตัดสินยากก็คือ ในแง่ดีนั้น ม็อตต้า ก็นำสิ่งต่าง ๆ ที่ทีมใหญ่ต้องมีมาให้กับ ยูเวนตุส เช่นเรื่องของทัศนคติและหัวจิตหัวใจ อันเป็นสิ่งที่ทีมขาดหายไปเมื่อ 2-3 ปีกที่ผ่านมา ในเกมยาก ๆ เช่นการพลิกชนะ ไลป์ซิก 3-2 แม้จะเหลือผู้เล่น 10 คนตั้งแต่ก่อนพักครึ่ง แถม เบรแมร์ กองหลังตัวเก่งยังเจ็บหนักในเกมนั้น รวมถึงการเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ในเดือนธันวาคม 2024 ด้วยสกอร์ 2-0 ... แต่ปัญหาก็คือตามที่บอกไป ในเกมที่ควรชนะ พวกเขากลับไม่ชนะ หลายคนเรียกมันว่าความสม่ำเสมอ หรือความคงเส้นคงวา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทีมใหญ่ระดับลุ้นแชมป์ 

ลอเรนโซ่ เบ็ตโตนี่ คอลัมนิสต์ของ Football Italia ให้ความเห็นที่น่าสนใจเพิ่มเติมว่า จริง ๆ แล้ว ไอ้เรื่องความสม่ำเสมอ คือสิ่งที่หลายคนเชื่อว่าแก้ไขกันได้เมื่อเวลาผ่านไป หรือปล่อยให้เขาสร้างทีมของตัวเองให้สมบูรณ์แบบ แต่ปัญหาจริง ๆ ของ ม็อตต้า ที่หลายคนไม่พอใจคือเรื่องการปกครอง และการบริหารจัดการคนมากกว่า เนื่องจากงานที่ โบโลญญ่า และ ยูเวนตุส นั้นแตกต่างกัน นักเตะที่มี งบประมาณ และความคาดหวังก็แตกต่างอย่างสิ้นเชิง

ที่ โบโลญญ่า ม็อตต้า กับการปกครองแบบเบ็ดเสร็จ สามารถทำให้นักเตะในทีมเชื่อมั่นและยึดถือวิธีการที่เขาวางไว้อย่างเต็มที่ แตกต่างกับที่ ยูเวนตุส ที่ทุกอย่างดูเหมือนจะผิดพลาดในแง่ของการปกครองคน

"เมื่อผลงานเริ่มแย่ ม็อตต้า ก็เริ่มแสดงให้เห็นถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เขาปิดบังมาก่อนหน้านี้ ช่วงต้นปี 2025 ยูเว่ ถูกเขี่ยตกรอบ โคปปา อิตาเลีย โดย มิลาน ที่คุมทีมโดย แซร์โจ้ คอนไซเซา (รับงานได้ 4 วัน) จากนั้นข่าวคราวเรื่องความขัดแย้ง และการหาผู้นำในห้องแต่งตัวของพวกเขาก็แดงออกมา" นักเขียนฝั่งอิตาลีจั่วหัวแบบนั้น 

เขาพยายามอธิบายว่า เกิดความขัดแย้งระหว่าง ม็อตต้า กับ ดานิโล่ นักเตะระดับซีเนียร์ที่อยู่กับทีมมานาน เช่นเดียวกัน นิโคโล่ ฟาโจลี่ ที่ ม็อตต้า ก็มีปัญหาไม่แตกต่างกัน ซึ่งท้ายที่สุด ทั้ง ดานิโล่ และ ฟาโจลี่ ก็ออกจากทีมไป จากนั้นจึงเริ่มส่งผลถึงเรื่องการขาดผู้นำในห้องแต่งตัว เพราะนักเตะซีเนียร์แทบไม่เหลือแล้ว หลังจากคนอื่น ๆ ทยอยออกไปกันหมดทั้ง วอยเชียค เชสนี่ และ เฟเดริโก้ เคียซ่า ที่นำหน้าทั้ง 2 คนที่กล่าวมาออกไปก่อน 

การจัดการของ ม็อตต้า ยังหนักข้อเข้าไปอีก เพราะเขาไม่ได้เลือกกัปตันทีมหมายเลข 1 แทนที่ของ ดานิโล่ มีเพียงการให้ มานูเอล โลคาเตลลี่ รับบทบาทกัปตันไปก่อน และเรื่องวุ่นวายแบบที่ไม่น่าวุ่นก็เพิ่มขึ้นอีก เมื่อมีการเปลี่ยนกัปตันเป็นว่าเล่น จาก โลคาเตลลี่ เป็น เฟเดริโก้ กัตติ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นผู้เล่นอีกมากมายหลายคน รวมถึงนักเตะใหม่ที่แฟนบอลไม่ประทับใจอย่าง เทิน โคปไมเนอร์ส กองกลางค่าตัวแพงที่ดึงมาจาก อตาลันต้า และ เวสตัน แม็คเคนนี่ ที่ถูกแบนจากทีมไปในช่วงซัมเมอร์ก่อนเพราะปัญหาเรื่องการต่อสัญญาที่เจ้าตัวออกมางัดกับสโมสร 

"ม็อตต้า พยายามบอกเสมอว่า ยูเวนตุส เป็นทีมที่มีผู้เล่นระดับผู้นำหลายคนในห้องแต่งตัว แต่ความจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลยหากคุณมองจากสิ่งที่เกิดขึ้น ผมคิดว่า เขาคิดว่าตัวเองเป็นผู้นำแบบเพียงคนเดียว แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในทีม ยูเวนตุส เขาจะทำเหมือนกับตอนที่เขาปกครอง โบโลญญ่า และมันไม่เวิร์ก ซึ่งเขาต้องจ่ายในราคาที่แพงมาก" บทความจาก Football Italia ฟันธงเรื่องนี้ 

การขาดผู้นำที่แท้จริง นำไปสู่การที่ ม็อตต้า เสียอำนาจการปกครองในเวลาต่อมา จากการแข็งข้อของ ดูซาน วลาโฮวิช ดาวยิงชาวเซอร์เบีย ที่ตกเป็นตัวสำรองเต็มระบบของทีม หลังจากที่ ยูเวนตุส ยืมตัว ร็องดาล โคโล มูอานี่ มาจาก เปแอสเช นอกจากนี้ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า นักเตะหลายคนไม่ค่อยพอใจการให้สัมภาษณ์กับสื่อ ที่ ม็อตต้า จ้องจะโทษนักเตะและต่อว่าอย่างรุนแรงต่อหน้าสื่อ 

ส่วนนักเตะเข้ามาใหม่ที่ ม็อตต้า คิดว่าจะช่วยยกระดับทีม และเป็นตัวแปรสำคัญในการเปลี่ยนทีมให้เหมาะสมกับระบบของเขา ก็ออกแนวน่าผิดหวังไปเสียทุกคน ความจริงก็คือเรื่องแบบนี้มันอาจจะขึ้นอยู่กับเวลา แต่ ม็อตต้า ใช้เงินในตลาดเดียว มากกว่า 4 ตลาดก่อนหน้านี้ของ อัลเลกรี พร้อมนำนักเตะที่อาจจะดีกับทีมเก่า แต่ทุกวันนี้ยังหาตำแหน่งที่เหมาะสมใน ยูเวนตุส ไม่ได้ เช่น โคปไมเนอร์ส, นิโก้ กอนซาเลซ, ดั๊กลาส ลุยซ์  

สวนทางกับคนที่ปล่อยออกไปแล้วผลงานดีมาก ๆ เช่น ฟาโจลี่ กับ ฟิออเรนติน่า และ ดีน เฮาจ์เซ่น กับ บอร์นมัธ ที่กำลังร้อนแรงจนติดทีมชาติสเปนชุดใหญ่ ซึ่งทั้งคู่เป็นสมาชิกของทีม ยูเวนตุส Next Gen อันเป็นเป้าหมายที่สโมสรอยากให้ผลักดันสู่ชุดใหญ่เต็มที่ 

ชีวิตของคนเราก็แบบนั้น พอถึงวันที่มาถึงขาลง อะไรก็ดูผิดพลาดไปหมด กลายเป็นว่าต้นซีซั่นที่ดูดี กลายเป็นไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันในยุคของ ติอาโก้ ม็อตต้า แม้แต่เรื่องระบบการเล่น อันเป็นสิ่งเดียวที่ยังเกี่ยวให้เขาอยู่กับตำแหน่งกุนซือยูเว่ เมื่อเจอปัญหาต่าง ๆ สุมเข้ามา ระบบที่ใครบอกว่า "เริ่มจะดี" ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า พวกเขาใช้คำวา "ช่วงเวลาแห่งความสับสนกำลังครอบงำนักเตะของ ยูเวนตุส ว่าจะต้องเล่นแบบไหน" 

ซึ่งเรื่องนี้เอง แม้แต่ จุนโตลี่ ที่เลือกเขามาเอง ยังประชุมเครียดและยกมือโหวต "ไม่ผ่าน" สำหรับ ม็อตต้า หลังเข้ามาคุมทีมได้ไม่ถึง 300 วัน ท้ายที่สุด จอห์น เอลคานน์ ก็ตัดสินใจเคาะมติ ปลด ม็อตต้า จากความเห็นของผู้ถือหุ้นในการประชุมช่วงปลายเดือนมีนาคม 2025 และให้ อิกอร์ ทูดอร์ อดีตนักเตะของทีมเข้ามารับตำแหน่งทีมในช่วงที่เหลือของฤดูกาล 

 

อนาคตที่รออยู่

มาถึงบทสรุปของเรื่องนี้ ก็ต้องบอกว่าบอร์ดบริหารของ ยูเวนตุส ตัดสินใจเรื่องดังกล่าวอย่างรวดเร็ว เพราะทีมจะถลำลึกจากการเลือกผิดคนไม่ได้อีกแล้ว เมื่อพวกเขาไม่อยากจะต้องเสี่ยงต่อการผิดกฎทางการเงิน หรือจะต้องเล่นแง่ด้านตัวเลขและบัญชีเหมือนในอดีต ซึ่งนำมาสู่จุดจบที่ไม่สวย 

ช่วงเวลาที่เหลือ คือการคัดสรรโค้ชคนต่อไปในซีซั่นหน้า และโปรเจ็กต์ Year Zero จะต้องเริ่มขึ้นใหม่อีกครั้ง ... คำถามคือ พวกเขาจะเข็ดหรือไม่กับโค้ชหนุ่มที่ขาดประสบการณ์ในเกมระดับสูงหรือการคุมทีมใหญ่ ซึ่งนำมาสู่ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเหมือนกับตอนที่เกิดขึ้นกับ ม็อตต้า นั่นคือเรื่องที่น่าสนใจประการแรก 

ส่วนข้อสุดท้ายคือ พวกเขาจะทำอย่างไรหากโค้ชคนใหม่ยังมีผลงานที่ไม่มั่นคงแน่นอน ขาดความสม่ำเสมออีก ? ดูเหมือนว่า ยูเว่ อาจจะต้องเลือกสักอย่างระหว่าง "อดทนรอเห็นผลลัพธ์" หรือการ "ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม" ซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์และการตัดสินของบอร์ดบริหารของทีมอย่างแท้จริง

และไม่แน่ ถ้าบอร์ดบริหารชุดนี้ยังคลำหาทางออกไม่ถูก ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า อดีตผู้ยิ่งใหญ่ในสโมสรอย่าง อันเดรีย อันเญลลี่ อาจจะกลับมาอีกครั้ง หลังมีข่าวว่า เจ้าตัวพยายามซื้อหุ้นคืนจาก เอลคานน์ ที่เขาเคยขายให้เมื่อ 2 ปีก่อน นอกจากนี้ เรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจก็คือ อันเญลลี่ อาจจะมาพร้อมกับการสนับสนุนของ Red Bull ที่ว่ากันว่า อาจจะนำ เยอร์เก้น คล็อปป์ ตำนานกุนซือของ ลิเวอร์พูล และ ดอร์ทมุนด์ มาคุมทีม ยูเวนตุส ด้วย

แม้นี่จะเป็นข่าวลือ แต่มันก็เป็นข่าวลือที่หัวใจแฟนบอลยูเว่พองโตเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจุดนี้มันแสดงให้เห็นว่า กลุ่มบอร์ดบริหารปัจจุบัน จะต้องรีบพิสูจน์ตัวเองให้แฟนบอลยอมรับในตัวของพวกเขาให้ได้เร็วที่สุด เพื่อให้ทุกอย่างอยู่ในการควบคุม และไม่เกิดปัญหาซ้ำไปซ้ำมาแบบที่เกิดขึ้นในเวลานี้อีก  

 

แหล่งอ้างอิง

https://onefootball.com/en/news/andrea-agnelli-sells-most-of-his-juventus-shares-to-john-elkann-38738590
https://football-italia.net/how-motta-project-failed-less-300-days/
https://www.goal.com/en/lists/entire-juventus-financial-scandal-explained-why-bianconeri-docked-15-points/blt4c15cd84fbab986f#csb28c4aed02bb53a1
https://www.theguardian.com/football/2023/apr/25/inside-the-crisis-at-juventus-andrea-agnelli-fabio-paratici-plusvalenze
https://onefootball.com/de/news/juventus-head-elkann-talks-year-zero-and-giuntoli-work-39333268
https://www.forbes.com/sites/danieleproch/2022/11/29/the-reasons-behind-andrea-agnellis-sudden-resignation-as-the-juventus-president/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

ปฐวี ยอดเนียม

Man u is No.2 But YOU is No.1

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ