Feature

The Final Boss : เมื่อ "เดอะ ร็อค" กลายเป็นตัวปัญหาของ WWE ยุคใหม่ | Main Stand

ในวงการมวยปล้ำระดับโลก ไม่มีใครอาจหาญปฏิเสธถึงความยิ่งใหญ่ของ "เดอะ ร็อค" เขาคือซูเปอร์สตาร์ตลอดกาลที่คนรู้จักทั่วโลก แม้ผันตัวไปเล่นหนังฮอลลีวูดด้วยชื่อจริง "ดเวย์น จอห์นสัน" หรือไปทำธุรกิจแบบเต็มตัวแล้ว แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ เดอะ ร็อค แวะเวียนกลับมาร่วมงานกับสมาคม WWE เมื่อไหร่ แฟนมวยปล้ำก็ให้การต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นเสมอ

 

ทว่าตั้งแต่ปี 2024 เมื่อ เดอะ ร็อค เข้ามาเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหารของ TKO บริษัทแม่ของ WWE ทำให้เขากลายเป็นตัวปัญหาของ WWE ยุคนี้ไปเสียอย่างนั้น จากการใช้อำนาจที่มี ยัดเยียดตัวเองเข้ามาอยู่ในเนื้อเรื่องหน้าจอของ WWE สร้างความเดือดร้อนให้คนทำงานหลังฉากอย่างมาก โดนคนดูมวยปล้ำด่ายับเยินบนโลกออนไลน์ ครั้นพอเข้าปี 2025 ก็อยากมีซีนเด่นบนหน้าจอแบบไม่สนว่ากำลังทำให้เส้นเรื่องของ WWE ปั่นป่วนไร้เหตุผลแค่ไหน ?

การมาของ เดอะ ร็อค บั่นทอนคุณภาพของ WWE อย่างไร ? แล้วอะไรที่ทำให้คนดูมวยปล้ำสายทรูมองว่า ชายเจ้าของฉายา "แชมป์มหาชน" คือตัวปัญหาของ WWE ในตอนนี้ ? Main Stand มีคำตอบมาให้คุณ

 

ชายที่ไม่เคยทิ้งมวยปล้ำ

แม้ในปัจจุบัน เดอะ ร็อค จะเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงโด่งดัง ในฐานะนักแสดงภาพยนตร์แอ็คชั่นที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล มากกว่าบทบาทนักมวยปล้ำที่สร้างเนื้อสร้างตัวให้กับเขา แต่ถึงอย่างนั้น เดอะ ร็อค ไม่เคยห่างหายไปจากโลกมวยปล้ำ เขายังกลับมาร่วมงานกับ WWE โผล่มาพบปะกับแฟนมวยปล้ำในรายการสดตามวาระต่าง ๆ แถมกลับมาโชว์ตัวทีไรก็เรียกเสียงกรี๊ด เสียงเฮให้คนดูหายคิดถึงอยู่เสมอ

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2024 เดอะ ร็อค ผันตัวมาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของ TKO บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ควบคุมกิจการมวยปล้ำของ WWE และศึกมวยกรง UFC รวมถึงได้สิทธิ์ในการใช้ชื่อ "เดอะ ร็อค" ในสื่อต่าง ๆ ด้วย (เดิมทีชื่อเป็นลิขสิทธิ์ของ WWE) แฟนมวยปล้ำทั่วโลกร่วมแสดงความยินดีกับเขาอย่างมากมายกับบทบาทใหม่นี้

การเข้ามาเป็นกรรมการบริหารใน TKO ของ เดอะ ร็อค เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ WWE กลับมาประสบความสำเร็จสุดขีด ภายใต้การบริหารของ 3 เสาหลักอย่าง อารี เอมานูเอล ซีอีโอคนปัจจุบัน, นิค ข่าน ประธานสมาคม และ พอล เลอเวก หรือ "ทริปเปิ้ล เอช" (Triple H) ตำนานนักมวยปล้ำดาวร้ายตลอดกาลแห่ง WWE ที่ผันตัวมาเป็นหัวหน้าฝ่ายครีเอทีฟ ดูแลคอนเทนต์โชว์รายสัปดาห์อย่าง RAW, SmackDown และศึกใหญ่รายการต่าง ๆ ของสมาคม

ส่วน วินซ์ แม็คแมน อดีตประธานคลั่งอำนาจของ WWE ที่แฟนมวยปล้ำรู้จักมายาวนาน ต้องลงจากตำแหน่งไปอย่างไม่เต็มใจนักในปี 2022 หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีล่วงละเมิดทางเพศอดีตพนักงานหญิงของบริษัทตัวเอง จนไม่มีบทบาทใด ๆ ในการบริหาร WWE อีกต่อไป

ด้วยเรื่องราวบนเวทีที่เข้มข้น น่าสนใจ ภายใต้การปรุงรสของ ทริปเปิล เอช พร้อมนักมวยปล้ำยุคใหม่ที่เปี่ยมด้วยฝีมือและออร่าซูเปอร์สตาร์เป็นตัวขับเคลื่อน ประกอบกับมีแฟนมวยปล้ำตีตั๋วมาดูโชว์รายสัปดาห์ และศึกใหญ่กันแบบแน่นขนัดตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา แถมยังมี Netflix สตรีมมิ่งระดับโลก เข้ามาดีลขอซื้อลิขสิทธิ์มวยปล้ำ WWE ไปฉายทางแพลตฟอร์มของตัวเอง ด้วยสัญญา 10 ปี มูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยิ่งทำให้ WWE บินสูงกว่ายุคไหน

ด้วยฟอร์มอันแข็งแกร่งของ WWE ที่ทำให้คนทั่วโลกกลับมาดูมวยปล้ำอีกครั้ง บวกกับ เดอะ ร็อค ที่ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในบอร์ดของ TKO แฟนมวยปล้ำจึงพากันเชื่อมั่นว่า เดอะ ร็อค จะมีส่วนช่วยสำคัญในการทำให้ WWE ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ แบบไม่มีสมาคมใดทัดเทียมต่อสู้ได้อีกต่อไป

แต่ เดอะ ร็อค กลับใช้อำนาจอันมากล้นในมือ ทำลายคุณภาพโชว์ของ WWE เสียเอง ...

 

จุดเริ่มต้นของ "ตัวปัญหา"

ย้อนกลับไปในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 เมื่อ เดอะ ร็อค ออกมาปรากฏตัวในโชว์รายสัปดาห์ของ WWE เขาวางแผนที่จะกลับมาปล้ำอีกครั้งโดยมีเป้าหมายคือเป็นคู่เอกในศึกใหญ่ WrestleMania 40 ในปี 2024 หลังว่างเว้นจากภารกิจถ่ายทำภาพยนตร์ และมีเวลาฟิตร่างกายสำหรับขึ้นปล้ำต่อหน้าแฟน ๆ ในวัย 51 ปี ซึ่งคู่ต่อสู้ของเขาที่วางแผนไว้ก็คือ โรมัน เรนจ์ส แชมป์โลก Undisputed ในเวลานั้น ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องสายเลือดซามัวเช่นเดียวกัน และ WWE ก็เห็นด้วยกับไอเดียนี้

ขณะเดียวกัน WWE ก็เดินแผนที่จะให้ โคดี้ โรดส์ พระเอกของสมาคมยุคปัจจุบัน เป็นผู้ชนะ Royal Rumble ปี 2024 เพื่อให้ โคดี้ ได้ชิงแชมป์โลกกับ โรมัน เรนส์ อีกครั้งใน WrestleMania 40 ซึ่งเป็นภาคสอง หลังจากพ่ายแพ้มาใน WrestleMania 39 ปี 2023 โดยเส้นเรื่องสำคัญก็คือ "Finish the Story" นำเข็มขัดแชมป์โลกของ WWE มาสู่ครอบครัวให้ได้ เพื่อสานฝันให้แก่ ดัสตี้ โรดส์ ตำนานผู้ล่วงลับ และเป็นพ่อของ โคดี้

Royal Rumble 2024 จบลงที่ โคดี้ โรดส์ กลายเป็นผู้ชนะ และได้สิทธิ์ชิงเข็มขัดแชมป์โลกตามที่ใฝ่ฝัน ซึ่งเขาก็ล็อกเป้าขอชิงกับ โรมัน เรนส์ เป็นการล้างแค้น และจบเรื่อง Finish the Story ในศึก WrestleMania 40 วันที่ 6-7 เมษายน 2024 ทุกอย่างดูจะไปได้สวย แฟน ๆ ต่างตั้งตารอและเชียร์ให้ The American Nightmare ปิดจ๊อบนี้ให้สำเร็จดังที่ใฝ่ฝัน

แต่แล้วในรายการ SmackDown เกิดการพลิกผันเมื่อ โคดี้ โรดส์ ขึ้นมาเผชิญหน้ากับ โรมัน เรนส์ บนเวที แล้วบอกว่าจะไม่ขอชิงแชมป์กับอีกฝ่ายใน WrestleMania 40 เสียอย่างนั้น ก่อนเปิดทางให้ เดอะ ร็อค เดินขึ้นมาบนเวที แล้วยกสิทธิ์ชิงแชมป์โลกให้ซูเปอร์สตาร์รุ่นใหญ่แทน ชนิดที่คนดูทั่วโลกงงเป็นไก่ตาแตก

การที่ โคดี้ โรดส์ ถูก เดอะ ร็อค ใช้อำนาจบาตรใหญ่ในฐานะที่เป็นบอร์ดของ TKO ปาดหน้าขอชิงเข็มขัดกับ โรมัน เรนส์ แบบไร้เหตุผล กลายเป็นประเด็นร้อนที่สร้างความโมโหให้กับแฟนมวยปล้ำทั่วโลก แม้ เดอะ ร็อค จะอ้างว่าแมตช์ระหว่างเขากับ โรมัน เรนส์ เป็น "Best for Business" ที่ใคร ๆ ก็อยากดู โดยที่ทาง WWE ก็ยินยอมให้เกิดการเปลี่ยนแผนแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น จนเกิดแคมเปญชูป้าย "We Want Cody" ตามรายการโชว์ต่าง ๆ

สุดท้ายด้วยกระแสต่อต้านอันรุนแรง WWE และ เดอะ ร็อค ผู้ซึ่งเป็นห่วงภาพลักษณ์และชื่อเสียงของตัวเอง ยอมกลับลำให้ โคดี้ โรดส์ กลับมาชิงเข็มขัดแชมป์กับ โรมัน เรนจ์ส ในฐานะผู้ชนะ Royal Rumble ตามธรรมเนียมเดิม ส่วน เดอะ ร็อค แก้เกมด้วยการพลิกคาแร็คเตอร์จากซูเปอร์สตาร์สายธรรมะ มาเป็น "The Final Boss" บอสใหญ่จอมโฉด เรียกคะแนนความนิยมด้วยการเล่นงาน โคดี้ โรดส์ และนักมวยปล้ำสายธรรมะแบบถึงเลือดถึงเนื้อ จนคนดูชื่นชอบอย่างมาก

การแก้เกมนี้ จบลงเมื่อ โคดี้ โรดส์ จัดการ "Finished the Story" จับ โรมัน เรนส์ กดนับสาม คว้าแชมป์โลกใน WrestleMania 40 มาครองแบบเสร็จสมอารมณ์หมาย แม้ว่า เดอะ ร็อค และลูกสมุนแก๊ง Bloodline จะออกมาช่วยโกง แต่สุดท้ายธรรมะก็ชนะอธรรมไปตามระเบียบ ปิดฉากเรื่องราวการยัดเยียดแมตช์อันมั่วซั่วของ เดอะ ร็อค ในช่วงต้นปี 2024 ไปแบบสวยงาม

ในสารคดี WrestleMania XL: Behind the Curtain ทาง YouTube ที่เล่าเบื้องหลังของศึก WrestleMania 40 เดอะ ร็อค เผยว่าหลังจากถูกแฟนมวยปล้ำด่าทออย่างหนักจากการยัดเยียดตัวเองไปสู้กับ โรมัน เรนจ์ส ทำให้เขาตัดสินใจโทรศัพท์หาผู้บริหารของ TKO และ WWE เพื่อพลิกแผนกลับมาเป็นการชิงแชมป์โลกระหว่าง โคดี้ โรดส์ กับ โรมัน เรนจ์ส ตามเดิม โดยอ้างว่าเขาแคร์แฟน ๆ ไม่อยากทำให้คนดูผิดหวังไปมากกว่านี้ และยอมพลิกบทบาทมาเป็นตัวร้าย เพื่อช่วยส่งเสริมให้ โคดี้ โรดส์ เปล่งประกายที่สุดเมื่อถึงวันที่ Finished the Story ใน WrestleMania 40 ที่ฟิลาเดลเฟีย

หลังการปิดฉากที่สวยงาม เดอะ ร็อค กับ โคดี้ โรดส์ ก็ยังมีเรื่องราวหน้าฉากต่อไปอีกเล็กน้อย เป็นการบอกใบ้ว่าทั้งคู่อาจเปิดศึกบนสังเวียนกันแบบเต็มตัวที่ WrestleMania 41 ปีถัดไป เป็นการต่อสู้ระหว่าง The Face of Company กับ Final Boss ผู้กุมอำนาจของ WWE เอาไว้ในมือ

แต่แล้ว เดอะ ร็อค ก็ทำให้ทุกฝ่ายสับสนอลหม่านอีกครั้ง เมื่อเกิดการเปลี่ยนแผนใหม่ตั้งแต่วันแรกของปี 2025 เพราะไม่ว่างมาปล้ำใน WrestleMania 41 เสียอย่างนั้น ...

 

เปลี่ยนบทจนหลังฉากมึน

6 มกราคม 2025 ซึ่งเป็นวันที่ WWE ถ่ายทอดสดรายการ RAW ครั้งแรกทาง Netflix เดอะ ร็อค ออกมาร่วมโปรโมตรายการร่วมกับ โคดี้ โรดส์ ก่อนจะตัดบทว่า จะไม่เปิดศึกกับ โคดี้ อีกแล้ว ก่อนชื่นชมอีกฝ่ายแล้วไปชนแก้วกันที่หลังฉาก เล่นเอาแฟนมวยปล้ำมึนกันต่อเนื่อง เพราะอยู่ ๆ เรื่องราวระหว่าง เดอะ ร็อค กับ โคดี้ ที่เตรียมปูไปสู่การปะทะกันที่ WrestleMania 41 ถูกตัดจบแบบหน้าตาเฉย

มีการเผยภายหลังว่า เดอะ ร็อค มีภารกิจงานแสดงภาพยนตร์ในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่ WWE จัด WrestleMania 41 ประกอบกับไม่มีเวลาเตรียมความพร้อมในการขึ้นปล้ำบนเวที ทำให้บทระหว่าง "แชมป์มหาชน" และ "พระเอกสมาคม" ตัดจบแบบดื้อ ๆ

ทว่าเมื่อถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2025 ในรายการ SmackDown เดอะ ร็อค ก็ทำเซอร์ไพรส์โผล่มาเจอกับแฟน ๆ อีกครั้ง ด้วยบทบาท Final Boss ฝ่ายอธรรม เขาออกมาชวน โคดี้ โรดส์ ให้ "ขายวิญญาณ" มาเป็นแชมป์ภายใต้การบังคับบัญชาของ เดอะ ร็อค โดยบอกว่าถ้ายอมมาอยู่ข้างเดียวกัน จะช่วยให้ โคดี้ ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงโด่งดัง เพียบพร้อมด้วยเงินทองยิ่งกว่าเดิม เล่นเอา โคดี้ ถึงกับลังเล (ตามบท) โดยจะขอคำตอบหลังจบศึกใหญ่ Elimination Chamber ที่แคนาดา วันที่ 1 มีนาคม 2025

เซคเมนต์นี้ เล่นเอาคนดูถึงกับมึนตึ๊บและกระแสตอบรับออกมาแง่ลบ เพราะอยู่ ๆ เดอะ ร็อค ก็กลับมาสานต่อเนื้อเรื่องกับ โคดี้ โรดส์ อีกแล้ว ทั้งคู่เพิ่งจับมือยุติความขัดแย้งกันไปใน RAW ตอนแรกของปี 2025 แต่ดันกลับมาสร้างสตอรี่ร่วมกันอีกซะอย่างนั้น

แล้วเมื่อถึงตอนจบของศึกใหญ่ Elimination Chamber เกิดช็อตหักมุมอีกตลบ เมื่อ จอห์น ซีน่า ซูเปอร์สตาร์รุ่นใหญ่ที่เป็นผู้ชนะรายการนี้ พลิกบทจากธรรมะมาเป็นอธรรม กระทืบ โคดี้ โรดส์ คู่แข่งชิงแชมป์โลกของเขาใน WrestleMania 41 จนหัวแตกเลือดอาบ พร้อมประกาศว่าเขาได้ขายวิญญาณตนเองให้ เดอะ ร็อค อดีตคู่ปรับต่างยุคไปแล้ว

การพลิกบทบาทจากคนดี มาเป็นคนชั่วของ จอห์น ซีน่า ทำเอาสาวก Cenation หัวใจสลาย แม้จะมีแฟนกลุ่มหนึ่งที่ดีใจได้เห็น ซีน่า พลิกบทมาเป็นตัวโกง แต่แฟนมวยปล้ำอีกกลุ่มที่ดูมวยปล้ำสายจริงจัง มองว่าไม่สมเหตุผลเลยที่อยู่ ๆ พระเอกของ WWE อย่าง ซีน่า กลายเป็นฝ่ายอธรรม ขายวิญญาณให้ เดอะ ร็อค เพื่ออยากจะมีชื่อเสียงโด่งดัง ประสบความสำเร็จยิ่งกว่าเดิม ตามที่ เดอะ ร็อค ลั่นวาจาไว้ เพราะอย่างที่ทราบกันว่า ปี 2025 จะเป็นปีสุดท้ายที่ ซีน่า ขึ้นปล้ำใน WWE ด้วยการจัด Farewell Tour อย่างใหญ่โตไปก่อนหน้านี้

รายงานจากสื่อมวยปล้ำมากมายระบุว่า การมาของ เดอะ ร็อค ทำให้ทีมงานเขียนบทของ WWE ถึงกับปั่นป่วน ต้องเขียนบทแก้ไขกันหน้างานแบบเร่งด่วน เพื่อให้เวลากับเซคเมนต์ของ เดอะ ร็อค แบบเต็มที่ จนเป็นแบบที่เห็นในโชว์ของ SmackDown และลามมาถึง Elimination Chamber

เดฟ เมลเซอร์ นักข่าวสายมวยปล้ำชื่อดังจาก Wrestling Observer ออกมาเผยถึงเรื่องการพลิกบทไปมาของ เดอะ ร็อค จนทำให้ทีมงานหลังบ้าน WWE ทำงานลำบากว่า "ผมรู้จักคนหนึ่งที่อยู่ใน WWE พวกเขาคิดว่า เดอะ ร็อค กำลังด้อยค่า โคดี้ เขาเปลี่ยนบทบาทตัวเองบ่อยกว่าตอนที่ บิ๊ก โชว์ (อดีตนักมวยปล้ำ WWE) ทำมาตลอดอาชีพเสียอีก"

 

กลับมาหาแสงในมวยปล้ำเพราะหนังเจ๊ง ?

"เมื่อ The Final Boss ปรากฏตัวในช่วงนี้ (ช่วง Road to WrestleMania) คนดูย่อมรู้แน่นอนว่าทุกสิ่งมันเป็นไปได้ และทุกสิ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในพริบตา"

ประโยคข้างต้นคือความเห็นของ ทริปเปิ้ล เอช หัวหน้าครีเอทีฟของ WWE ที่พูดถึงอดีตคู่ปรับบนสังเวียนของเขา เมื่อมีการประกาศว่า เดอะ ร็อค จะมาที่ SmackDown วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2025 ก่อนจะออกมาเป็นแบบที่คนดูทั่วโลกเห็นกัน

แน่นอนว่าประโยคของ HHH หากตีความกันดี ๆ จะเห็นว่าการปรากฏตัวของ เดอะ ร็อค มีส่วนทำให้แผนงานต่าง ๆ ของ WWE ที่วางไว้แต่แรกต้องเปลี่ยนแปลงแบบเร่งด่วน นั่นเลยทำให้เซคเมนต์ระหว่าง โคดี้ โรดส์ กับ เดอะ ร็อค ดูไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยในสายตาคนดูมวยปล้ำสายทรู ที่อยากดูมวยปล้ำแบบมีคุณภาพ ไม่ใช่เนื้อเรื่องจับยัดแบบลวก ๆ

เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ เดอะ ร็อค กลับมามีซีนในช่วง Road to WrestleMania ที่จะปูไปสู่ศึกใหญ่ในเดือนเมษายน แม้จะเคยโดนแฟนมวยปล้ำด่ายับไปรอบหนึ่ง ลุกลามไปถึงการขู่เอาชีวิต เอวา ลูกสาวของเจ้าตัวที่เป็นผู้จัดการอยู่ที่ค่ายลูกอย่าง NXT จนถึงกับต้องปิด X ไปพักหนึ่งเลย แต่ตอนนั้น WWE กับ เดอะ ร็อค ร่วมกันแก้สถานการณ์ด้วยการพลิกบทมาเป็นตัวร้าย และหลีกทางให้ โคดี้ โรดส์ ชิงแชมป์กับ โรมัน เรนจ์ส ตามเดิม พลิกเกมกลับมาจบได้สวยงามพอใช้

ปี 2025 เดอะ ร็อค ก็ยังทำแบบเดิม เข้ามาล้วงลูกการทำงานหลังฉากของ WWE ยัดเยียดตัวเองเข้ามามีบทในช่วง Road to WrestleMania อีกรอบ แน่นอนไม่มีใครรู้ว่าเขากลับมาทำไม กระนั้น คอมเมนต์ของแฟนมวยปล้ำหลายคนมองว่า เขากลับมาก็เพื่อหาแสงจากโลกมวยปล้ำ หลังจากที่งานภาพยนตร์ของเขาเจ๊งติดต่อกันในช่วงหลัง

แม้จะได้ชื่อว่าเป็นดาราหนังแอ็คชั่นระดับ 1,000 ล้าน แต่ใครที่เป็นแฟนหนังของ เดอะ ร็อค ย่อมรู้กันว่าหนังที่เขาแสดงในช่วงหลัง ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนเดิม ไล่ตั้งแต่ Jungle Cruise (2021), Black Adam (2022), Red One (2024) เรียกว่าเป็นกลุ่มหนังเจ๊ง โดยเฉพาะ Black Adam ซูเปอร์ฮีโร่จากค่าย DC ที่คาดหวังว่าจะฮิตแต่กลับแป้กเสียอย่างนั้น หรือ Red Notice (2021) ที่ฉายทาง Netflix ก็ได้รับคำวิจารณ์ย่ำแย่ กระทั่ง Young Rock ซีรีส์ชีวประวัติเกี่ยวกับตัวเขา ออกมา 3 ซีซั่น ก็ถูกช่อง NBC แคนเซิลไม่ให้ทำต่อ เรียกว่าเป็นเรื่องไม่ดีสำหรับชีวิตนักแสดงของเขา

หลายคนมองว่า เดอะ ร็อค เล่นหนังประสบความสำเร็จมาหลายเรื่อง มีหนังเจ๊งบ้างก็ไม่เห็นเป็นไร แต่สำหรับนักแสดงแล้ว การมีหนังเจ๊งติดต่อกันถือเป็นเรื่องเสียเครดิต เสียความน่าเชื่อถือ แล้วจะมีสตูดิโอที่ไหนกล้าเลือกนักแสดงที่มีหนังเจ๊งในเครดิตเยอะ ๆ ไปเล่นหนังให้ตัวเอง ?

นั่นเลยทำให้แฟนมวยปล้ำหลายรายคิดว่าที่ เดอะ ร็อค เลือกกลับมาหาซีนใน WWE ก็เพราะความล้มเหลวบนแผ่นฟิล์มแบบต่อเนื่องนั่นเอง ถึงผลงานหนังจะย่ำแย่อย่างไร เขาก็ยังมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในโลกมวยปล้ำอยู่ดี 

ดังนั้นการกลับมาหาแสงกับ WWE จึงเป็นหนทางที่ทำให้เจ้าของท่า "ศอกมหาชน" ยังได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกอยู่ต่อไป แม้จะถูกค่อนขอดว่ามาขโมยสปอตไลท์จากนักมวยปล้ำที่เป็นหน้าตาของ WWE ยุคปัจจุบันอย่าง โคดี้ โรดส์ ก็ตามที ...

 

ปัญหาที่ต้องจัดการของ WWE

ย้ำอีกทีว่าการที่ เดอะ ร็อค ใช้อำนาจที่มี เข้ามาล้วงลูกการทำงานของ WWE ได้ตามอำเภอใจประหนึ่งเป็นร่างทรงของ วินซ์ แม็คแมน อดีตประธานจอมฉาวโฉ่ที่ขึ้นชื่อว่าชอบวุ่นวายกับทีมงานของตัวเองเป็นประจำ ก็เป็นเพราะว่าเขาคือหนึ่งในคณะกรรมการของ TKO บริษัทแม่ที่ควบคุม WWE อยู่อีกชั้นหนึ่ง

นั่นเลยเป็นเรื่องน่าปวดหัวสำหรับ ทริปเปิ้ล เอช หัวหน้าฝ่ายครีเอทีฟของ WWE และทีมเขียนบทหลังฉาก ที่ต้องคอยแก้งาน แก้บททุกครั้งเมื่อ เดอะ ร็อค อยากมีส่วนร่วมกับเนื้อเรื่องของ WWE แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เหมือนที่เราเห็นกันในช่วง Road to WrestleMania ปี 2024-2025 คนดูเองก็สับสนมึนงงว่า "แชมป์มหาชน" จะเอายังไงกันแน่ แต่ที่แน่ ๆ คือมันทำให้คุณภาพในการเล่าเรื่องของ WWE ซึ่งเป็นจุดแข็งมาตลอดในยุคของ ทริปเปิ้ล เอช ด้อยลงไปมาก

แม้ทุกครั้งที่ เดอะ ร็อค ปรากฏตัวในโชว์ของ WWE จะสร้างยอดวิว ยอดไลก์ ยอดแชร์ใน โซเชียล มีเดีย ของ WWE ทุกแพลตฟอร์มอย่างถล่มทลาย โดยเฉพาะเมื่อเซกเมนต์การขายวิญญาณของ จอห์น ซีน่า ใน Elimination Chamber ที่กลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกมวยปล้ำ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการแทรกแซงของ เดอะ ร็อค ได้ทำลายคุณภาพการเล่าเรื่องของ WWE จนแฟนสายแอนตี้มองสมาคมนี้ ด้อยค่าพวกเขาว่าเป็นโชว์มวยปล้ำเรียกกระแสไปวัน ๆ เสียอย่างนั้น

เซกเมนต์ขายวิญญาณของ จอห์น ซีน่า แน่นอนว่าหากดูโดยไม่คิดอะไร ก็ถือเป็นการเทิร์นฮีล สร้างกระแสได้ตามที่ WWE และ เดอะ ร็อค คาดหวังเอาไว้ แต่หากมองอีกมุมก็ถือเป็นการ “แถ” เนื้อเรื่องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพราะ เดอะ ร็อค ที่ดันอยากมีส่วนร่วมใน WrestleMania (ลองคิดภาพว่าพระเอกอย่าง จอห์น ซีน่า ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วทุกสิ่ง ได้แชมป์มากมาย และคว้าชัยชนะใน Elimination Chamber แบบสวยงามรอวันรีไทร์ อยู่ ๆ ก็มาขายวิญญาณ ยอมเป็นเด็กป๋าของ เดอะ ร็อค เสียอย่างนั้น)

แต่ไหน ๆ เรื่องราวก็ออกมาเละเทะไปแล้ว ก็เป็นเรื่องที่ ทริปเปิล เอช และทีมเขียนบท WWE ต้องไปหาทางคิดแก้ไขกันเองว่า จะจบเรื่องราวอันแสนมั่วซั่วที่เกิดขึ้นเพราะตัวปัญหาอย่าง เดอะ ร็อค นี้อย่างไร ? ไม่อย่างนั้นแฟนมวยปล้ำก็อาจต้องทนดู เดอะ ร็อค ออกมาหาแสงช่วง Road to WrestleMania กันซ้ำ ๆ ทุกปีวนไป

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.news18.com/sports/everything-could-change-in-an-instant-triple-h-on-the-rocks-return-to-wwe-smackdown-9235727.html
https://wrestlingnoticias.com.br/wwe-en/new-details-emerge-about-wwe-backstage-frustration-following-the-rocks-return/
https://wrestletalk.com/news/wwe-the-rock-cody-rhodes-strange-reaction/
https://www.youtube.com/watch?v=Js3i00v7xgQ

Author

วัลลภ สวัสดี

ฟังไปเรื่อย ดูไปเรื่อย เขียนไปเรื่อย

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ