Feature

King vs Prince : มาร์มูช vs ซาลาห์ คู่เปรียบอียิปต์จาก 2 ทีมที่ดีที่สุดในอังกฤษ | Main Stand

สุดสัปดาห์นี้จะมีเกมบิ๊กแมตช์ในพรีเมียร์ลีกเกิดขึ้น นั่นคือการพบกันของ แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล 

 

ประเด็นความเข้มและปูมหลังเราต่างรู้กันดีว่าคงไม่มีใครยอมใคร แต่ในมุมหนึ่งยังมีเรื่องราวของ 2 นักเตะอียิปต์ที่จะได้ดวลกันในเกมนี้ 

1 คนถูกเรียกว่า "ราชา" ส่วนอีกคนถูกเรียกว่า "เจ้าชาย" ... และก่อนที่พวกเขาจะลงดวลกันครั้งแรก นี่คือเรื่องราวความเหมือนในความแตกต่างของ 2 คนนี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โอมาร์ มาร์มูช

พวกเขาเติบโตมาแบบไหน ทำไมจึงมายืนอยู่ในจุดที่ลงเล่นให้กับ 2 ทีมที่ดีที่สุดแห่งยุคในฟุตบอลอังกฤษ  

ติดตามเรื่องราวได้ที่ Main Stand 

 

เด็กที่โตจากทีมเล็ก 

อียิปต์ เป็นชาติที่เก่งกาจฟุตบอลมายาวนาน โดยเฉพาะในระดับทวีป นี่คือหนึ่งในทีมที่ตึงที่สุดของทวีปแอฟริกา ฟุตบอลของที่นั่นเฟื่องฟูสุดขีด และคนที่นั่นก็บ้าฟุตบอลมาก โดยมี 2 ทีมที่เป็นเหมือนกับคู่รักคู่แค้น ที่มีงบประมาณมากที่สุดในประเทศอย่าง อัล อาห์ลี และ ซามาเล็ก ซึ่งเกมดาร์บี้แมตช์แห่งกรุงไคโรนี้ก็ถือว่าเป็นเกมดาร์บี้ติดอันดับท็อป 10 ของโลกในแง่ความเดือดด้วย 

ด้วยความที่ 2 ทีมนี้ไม่มีใครยอมใคร และพวกเขาก็มีงบประมาณที่มากกว่าทีมอื่น ๆ ทำให้เด็กเยาวชนตัวท็อป ๆ ของอียิปต์หลายคนไม่ว่าจะเป็น อาเหม็ด ฮอสซัม มิโด้ หรือ โมฮัมเหม็ด ซีดาน  รวมถึงอีกหลายชื่อที่ไม่ได้กล่าวถึง ถูกดึงเข้าสู่สโมสรระดับท็อปของประเทศ 2 ทีมนี้เกือบทั้งหมด .... ยกเว้น 1 นักเตะที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์อียิปต์ และอีก 1 ดาวจรัสแสงที่ถูกวางไว้เป็นคนรับไม้ต่อ อย่าง โม ซาลาห์ และ โอมาร์ มาร์มูช 

ตัวของ ซาลาห์ นั้นไม่ได้ผ่านระบบเยาวชนของ 2 ทีมใหญ่ โดยตัวของเขาเริ่มเล่นให้กับทีมเล็ก ๆ ในท้องถิ่นอย่าง ก่อนที่โชคชะตาของเขาจะเปลี่ยนไปจากวันที่ทีมแมวมองของสโมสรระดับกลางค่อนล่างอย่าง อัล โมคาวลูน จะมาดูเกมการแข่งขันที่ของทีมท้องถิ่นเล็กเพราะได้ยินข่าวของนักเตะเด็กฝีเท้าดี ซึ่งบังเอิญว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ โม ซาลาห์ ด้วย

แมวมองของ อัล โมคาวลูน มาเพื่อดูเด็กคนอื่น แต่งานที่เขาได้รับมอบหมายเละเทะไม่เป็นท่า เขาไม่สามารถโฟกัสเด็กคนที่ตั้งใจมาดูได้ เพราะบังเอิญว่า โม ซาลาห์ คือคนที่เก่งที่สุดในสนาม และเก่งชนิดที่ว่าหลังจบเกมนั้น อัล โมคาวลูน ต้องคว้าตัว ซาลาห์ ไปร่วมทีมชุด U14 ของพวกเขาในทันที ... จากนั้นเส้นทางของราชาแห่งอียิปต์จึงได้เริ่มขึ้น

ซาลาห์ อยู่ในทีม U14 ได้ 1 ปี พอย่างเข้าอายุ 15 ปี โมฮัมเหม็ด ราดวาน กุนซือของทีมชุดใหญ่ ก็เห็นการซ้อมของเขา และพบว่าฝีเท้าของ ซาลาห์ ไม่ธรรมดา แต่ยังมีเรื่องต้องแก้มากมายโดยเฉพาะเรื่องรางกาย ราดวาน จึงจัดการดัน ซาลาห์ ขึ้นมาอยู่ทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 16 ปี และให้นักโภชนาการวางโปรแกรมการกินให้เป็นพิเศษ รวมถึงการออกแบบการฝึกซ้อมที่เน้นพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งในทุกขั้นตอนนั้นแน่นอนว่าต้องหนักหน่วง และอาศัยน้ำอดน้ำทนเป็นอย่างมาก 

กรอภาพไปข้างหน้าอีก 10 ปี ในขณะที่ ซาลาห์ ก้าวไปเล่นในยุโรป และเริ่มสร้างชื่อกับ ลิเวอร์พูล ในปี 2016-17 พรสวรรค์ดวงใหม่ที่ไม่ได้เกิดภายใต้การเลี้ยงดูของทีมยักษ์ใหญ่ก็เปล่งประกาย นั่นคือตอนเริ่มต้นของ โอมาร์ มาร์มูช 

มาร์มูช ไม่ได้เก่งระดับพรสวรรค์ตั้งแต่เด็กเหมือนกับ ซาลาห์ ที่ได้ฉายาว่า "เมสซี่อียิปต์" ตั้งแต่อายุ 18 ปี และมีทีมแมวมองมาส่องตั้งแต่อายุ 14 เพราะตอนที่อายุเท่ากับวัยที่ ซาลาห์ ได้เล่นให้กับ อัล โมคาวลูน นั้น มาร์มูช ยังเป็นเด็กที่เก่งระดับกลาง ๆ ของทีมโรงเรียนอยู่เลยด้วยซ้ำ 

แต่สิ่งที่ มาร์มูช มีเหมือนกับ ซาลาห์ ก็คือความมีน้ำอดน้ำทน การตั้งเป้าไปยังฝันที่ใหญ่จนคนอื่นต้องหัวเราะ ดังนั้นจุดเริ่มต้นตอนอายุ 14 ปี ของ มาร์มูช จึงเป็นการหัดเล่นฟุตบอลอย่างจริงจัง ยังไม่มีต้นสังกัด แต่ความพยายามของเขาก็กวักมือเรียกแมวมองทีมในลีกอาชีพจนได้ 

มาร์มูช เล่าว่าตอนที่ยังไม่มีทีม เขากล้าพูดว่าตนเองใช้ความพยายามมากกว่าเด็กคนอื่น ๆ เป็นอย่างมาก เขาต้องตื่นเช้าออกมาวิ่งก่อนที่จะไปโรงเรียน หลังเลิกเรียนก็ต้องมาวิ่งและออกกำลังกายเสริมกล้ามเนื้อให้แข็งแรงมากขึ้น  และยังเลือกกินอาหารที่ทำให้ร่างกายของเขาโตขึ้น แข็งแกร่งขึ้น เพื่อใช้สิ่งนี้เป็นฐานในการต่อยอดในด้านอื่น ๆ ต่อไป จากนั้นก็ค่อย ๆ เติบโตตามสเต็ปด้วยการเข้าไปอยู่กับทีมท้องถิ่น และซ้อมทุกอย่างด้วยความตั้งใจ จนกระทั่งทีม วาดี เดกลา เห็นแววและให้สัญญาอาชีพฉบับแรกกับเขาตอนอายุ 17 ปี 

การไม่ได้เติบโตเป็นเด็กตัวท็อปและเล่นให้กับทีมที่มีระบบเยาวชนที่ดี รวมถึงมีเงินจ้างเยอะทำให้ทั้ง มาร์มูช และ ซาลาห์ มีสิ่งที่เหมือนกันก็คือ ต่อให้พวกเขาจะเริ่มต้นจากทีมเล็ก แต่พวกเขาก็สามารถค้นหาความสามารถที่แท้จริงของตัวเองเจอผ่านการทำงานหนักเพื่อหลีกหนีข้อจำกัดต่าง ๆ ที่มี โดยเฉพาะเรื่องร่างกายที่ทั้งคู่ตัวเล็กมากในช่วงเริ่มเล่นฟุตบอล แต่ก็ใช้ชีวิตอย่างมีระเบียบวินัยทั้งการกิน การออกกำลังกาย และการซ้อม จนกระทั่ง ณ ตอนนี้ ร่างกาย กลายเป็นจุดแข็งของพวกเขาทั้งคู่ไปแล้ว

 

และเหนือสิ่งอื่นใด พวกเขามีฝันเหมือนกัน นั่นคือการไปเล่นในยุโรปให้ได้ในสักวัน ซาลาห์ นั้นมีนักเตะอย่าง ฟรานเชสโก้ ต็อตติ, โรนัลโด้ R9 และ ซีเนดีน ซีดาน เป็นไอดอล และอยากไปอยู่ในระดับนั้นให้ได้ ก่อนที่เขาจะออกจาก อียิปต์ เพื่อไปเล่นให้กับ บาเซิล ตอนอายุ 18 ปี 

ขณะที่ มาร์มูช นั้นมี ซาลาห์ เป็นเป้าหมายให้เดินตาม และเมื่อเขาอายุครบ 18 ปี เขาก็เลือกไปท้าทายตัวเองในยุโรปกับ โวล์ฟสบวร์ก ทันที .... นี่คือจุดเริ่มต้นที่คล้ายกันมากสำหรับ ซาลาห์ และ มาร์มูช 

 

เผชิญโชคในยุโรป  

การมาเล่นในยุโรปสำหรับเด็กหนุ่มชาวอียิปต์อายุ 18 ปีถือว่าเป็นอะไรที่หนักหนาในแง่ของการปรับตัวทั้งเรื่องในสนามและเรื่องการใช้ชีวิต ... ซึ่งนี่เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าพวกเขาทั้งคู่อยากจะก้าวข้ามไปสู่ระดับนักเตะอาชีพในยุโรปจริง ๆ ดังนั้นแม้จะยาก แต่ก็ไม่เกินใจถ้าหากว่าคนเราตั้งเป้าหมายที่มีอย่างแน่วแน่

ซาลาห์ บอกว่าตอนที่เขามาที่สวิตเซอร์แลนด์ เขาเดินทางมาแบบตัวคนเดียว ไม่สามารถพูดจาสื่อสารกับคนอื่น ๆ ได้เลยในช่วง 1 เดือนแรก แต่ก็อย่างที่บอกถ้าคนเราได้ลองตั้งใจทำอะไรสักอย่าง สิ่งที่คิดว่ายาก และไม่คิดว่าจะทำได้ ก็จะสำเร็จในสักวัน 

ซาลาห์ ขยันเรียนภาษา เข้าหาเพื่อนร่วมทีม และวางตัวเป็นนักเตะที่น้ำไม่เต็มแก้ว พยายามศึกษาจากคนอื่น ๆ ในทีม เพราะเขารู้ว่าการมาที่นี่นอกจากจะปรับตัวยากแล้วยังกดดันด้วย เพราะเขาถูกซื้อตัวมาแทนที่ของ เซอร์ดาน ชากีรี่ ฮีโร่ขวัญใจแฟนบอล ที่ย้ายไป บาเยิร์น มิวนิค 

เช่นเดียวกัน มาร์มูช ก็หัวเดียวกระเทียมลีบเพราะเดินทางมาที่เยอรมนีคนเดียวแบบไม่มีผู้ติดตาม พูดจาสื่อสารไม่ได้ ส่วนเรื่องในสนาม เขาพบความจริงหลายประการที่ถ้าไม่มาเห็นด้วยตา ไม่ได้มาสัมผัสด้วยตัวก็คงไม่รู้ว่า เกมฟุตบอลในยุโรปมันยากไปอีกระดับจากตอนที่เขาเล่นในอียิปต์ 

"ผมย้อนกลับไปคิดถึงวันนั้น และพบว่าความยากลำบากจริง ๆ ก็คือคุณห่างไกลเพื่อน ไม่มีคนในครอบครัวอยู่ใกล้ ๆ ในประเทศอย่างเยอรมันที่ผมไม่รู้ภาษา พูดไม่ได้ กินอาหารของพวกเขาไม่เป็น ไม่รู้เกี่ยวกับขนบและฟุตบอลของพวกเขามากนัก"

"มันท้าทายก็จริง แต่หลายสิ่งเปลี่ยนใหม่หมด ไม่ใช่แค่อากาศหรืออุณหภูมิ แต่มันคือเรื่องแนวทางการเล่นแบบฟุตบอลยุโรปที่เกมมันเร็วกว่าที่อียิปต์มาก คุณต้องแข็งแรงมาก และมีไหวพริบอีกระดับหนึ่ง ซึ่งมันยังไม่พอแค่นั้น สภาพจิตใจคุณจะต้องพร้อมปะทะ และกว่าที่ผมจะตั้งหลักกับชีวิตที่เยอรมันได้ ผมใช้เวลานานโขเลย" มาร์มูช ว่าเช่นนั้น

ทั้ง 2 คนผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาตลอดในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะ ซาลาห์ ที่ทำผลงานได้ดีตั้งแต่ปีแรกในลีกสวิส ถูกซื้อไปอยู่กับ เชลซี และไม่สามารถแย่งตัวจริงได้ ก่อนจะตกลงขอย้ายทีมและค่อย ๆ ฟื้นฟูอาชีพของตัวเองขึ้นมาแบบไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ผ่านการเล่นให้กับ ฟิออเรนติน่า, โรม่า กระทั่ง ลิเวอร์พูล ในปัจจุบัน

ในฐานะรุ่นพี่ หรือผู้เบิกทางนักเตะ อียิปต์ในยุโรป ก็ต้องบอกว่าประสบการณ์ของ ซาลาห์ มีประโยชน์อย่างมากต่อนักเตะอียิปต์รุ่นหลัง โดยเฉพาะในรายของ มาร์มูช นั้น ช่วงที่อยู่กับ โวล์ฟส์บวร์ก เจ้าตัวแทบไม่มีโอกาสลงเล่นเลย จนเกือบจะท้อใจไปเองแล้ว แต่ ซาลาห์ ก็กลายเป็นคนที่มีอิทธิพลอย่างมาก ที่ทำให้เขากัดฟันสู้ต่อ จนได้ย้ายไปอยู่กับ แฟรงก์เฟิร์ต และโชว์ฟอร์มที่ดีที่สุดในชีวิตออกมา 

สิ่งที่เขาทำพยายามมาตลอดคือ การติดต่อพูดคุยกับ ซาลาห์ เพื่อขอคำแนะนำต่าง ๆ ซึ่ง ซาลาห์ ก็ยินดีมากที่จะมอบทุกคำแนะนำที่รุ่นน้องร่วมทีมชาติอยากจะได้

"ผมติดต่อกับ ซาลาห์ ตลอดเวลา เขาเป็นเหมือนพี่ใหญ่ของนักเตะอียิปต์ที่ค้าแข้งในยุโรป เราสนับสนุนกันและกันเพราะพวกเราต่างรู้ว่านักเตะอียิปต์ที่มาเล่นในยุโรปนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย"

"สำหรับผม ซาลาห์ เป็นหนึ่งใน 3 นักเตะที่เก่งที่สุดในโลก ผมอยากเป็นแบบเขา และทุกสิ่งที่เขาทำคือแรงบันดาลใจของผมเสมอ จนกระทั่งวันนี้" มาร์มูช กล่าว

จากกำลังใจและการถ่ายทอดประสบการณ์ของพี่ใหญ่ โอมาร์ มาร์มูช กลายเป็นกองหน้าตัวท็อปของบุนเดสลีกาในฤดูกาล 2024-25 จน แมนฯ ซิตี้ ที่กำลังต้องการถ่ายเลือดอดรนทนไม่ไหวจ่ายค่าตัวของเขาสูงถึง 70 ล้านปอนด์ ให้กับ แฟรงก์เฟิร์ต และกลายเป็นเจ้าของสถิตินักเตะอียิปต์ที่ค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์แทนที่ของ ซาลาห์ ทันที 

จากรุ่นพี่ที่เคารพ ตอนนี้ มาร์มูช ไล่ตามหลัง ซาลาห์ เข้ามาใกล้มากขึ้น และการมาเล่นที่พรีเมียร์ลีกก็ทำให้พวกเขาต้องมองกันด้วยสถานะศัตรูเป็นครั้งแรก 

 

ศัตรูที่ยังต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน 

มาร์มูช กลายเป็นสมาชิกของ แมนฯ ซิตี้ ที่แทบจะเป็นอริเบอร์ 1 ของ ลิเวอร์พูล ของ ซาลาห์ ในเวลานี้ และพวกเขากำลังจะได้ลงห้ำหั่นกันในเกมพรีเมียร์ลีกที่กำลังจะมาถึง ... คำถามคือเราจะได้เห็นอะไรจากการดวลกันของทั้งคู่ ?

ตัวของ ซาลาห์ เราคงไม่ต้องพูดกันเยอะ นี่คือนักเตะระดับโลก และเป็น บิ๊ก เกมเพลเยอร์ กล่าวคือถึงเวลาเกมใหญ่ ๆ หรือเวลาที่ทีมต้องการประตูทีไร เขาจะเป็นคนที่อยู่ตรงนั้นเสมอ ... นี่คือบทบาทที่เปลี่ยนไปเมื่อเขาอายุมากขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่าเจ้าตัวพัฒนาเรื่องการจบสกอร์ได้ทุกรูปแบบอย่างน่ายกย่อง  

โดยในอดีต ซาลาห์ เป็นปีกอีกแบบหนึ่ง ปีกที่ใช้ความเร็วฉีกคู่แข่งในการดวล 1-1 รอใช้สปีดเล่นเกมโต้กลับ ซึ่งสไตล์การเล่นในช่วงวัยรุ่นของเขานั้น คล้ายกับที่ มาร์มูช เป็นในเวลานี้เลย

โดยตัวของ มาร์มูช นั้นมีการเปิดสถิติของเขาตอนเล่นใน บุนเดสลีกา ว่าเขาคือนักเตะที่เป็นราชาแห่งเกมโต้กลับ เขาอันตรายและสร้างชื่อเสียงมาได้ก็เพราะวิธีการเล่นแบบนี้ เพียงแต่ว่าการมาที่ แมนฯ ซิตี้ เขาต้องโตขึ้น เก่งขึ้น และครบเครื่องขึ้นอีกระดับ ให้ได้ เพราะที่ แมนฯ ซิตี้ วิธีการเล่นของทีมเป็นรูปแบบของการครองเกมขึงคู่แข่ง ทีมจะมีพื้นที่เล่นน้อยมาก คู่แข่งจะไม่ลอยสูงเปิดหลังบ้านให้ มาร์มูช ได้ใช้ความเร็ววิ่งฉีกไปง่าย ๆ เหมือนตอนที่เขาเล่นให้แฟรงก์เฟิร์ตอย่างแน่นอน 

สิ่งที่ มาร์มูช เจอคือเหตุผลว่าทำไมเขาจึงถูกเรียกว่าเจ้าชาย ขณะที่ ซาลาห์ ถูกยกย่องให้เป็นราชา เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องของถ้วยรางวัลเท่านั้น ซาลาห์ ยกระดับตัวเองจนสามารถเล่นเกมบุกได้ทุกรูปแบบ ส่วน มาร์มูช นั้นต้องพิสูจน์ตัวเองอีกพอสมควร โดยเฉพาะกับทีมอย่าง แมนฯ ซิตี้ ที่วิธีการเล่นขัดกับจุดแข็งของเขาโดยตรง

สิ่งที่รออยู่หลังจากนี้ก็คือ มาร์มูช จะก้าวข้ามกำแพงของการเป็นนักเตะทีมใหญ่ได้หรือไม่ นี่คือสิ่งที่เขาควรโฟกัสเป็นอันดับแรก ส่วนการเดินตามรอยเท้าของ ซาลาห์ นั้นคงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า มาร์มูช ในวัย 26 ปี จะทำได้ดีมากที่สุดขนาดไหน และเขาจะสามารถเป็นราชาแห่งอียิปต์คนต่อไปได้หรือไม่หากถึงวันที่ ซาลาห์ โรยราลง 

เส้นทางของทั้งคู่เริ่มต้นกับทีมเล็กในฐานะเด็กที่ไม่ใช่ตัวท็อปเหมือนกัน พวกเขามายุโรปตั้งแต่อายุยังน้อยและสู้เพื่อปรับตัวเพียงลำพังเหมือนกัน จนสามารถเอาชนะและมีชื่อเสียงได้สำเร็จ มีเพียงอย่างเดียวที่ไม่เหมือนกันนั่นก็คือ ซาลาห์ ฝ่าฝันมาจนถึงปลายทางและทุกคนยอมรับโดยไร้ข้อโต้แย้งไปแล้ว 

สำหรับ มาร์มูช เขาเริ่มต้นได้ดี มีแฮตทริกไปแล้วในเกมกับ นิวคาสเซิล บทต่อไปคือเกมบิ๊กแมตช์เกมแรกในพรีเมียร์ลีกของเขา ถ้าเขาเปิดตัวในเกมนี้ได้สวย ๆ ไม่แน่มันอาจจะเป็นสปริงบอร์ดที่ส่งเขาสู่ระดับต่อไปได้เร็วขึ้นก็ได้ 

ซาลาห์ มาที่พรีเมียร์ลีกตอนอายุ 24 ปี ส่วน มาร์มูช มาตอนอายุ 25 ปี ... ถ้าเจ้าชายอยากจะไล่หลังราชาให้ทันเร็วขึ้น เกมนี้เป็นโอกาสของเขาแล้ว 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.nytimes.com/athletic/6118542/2025/02/15/making-of-omar-marmoush-man-city/
https://www.bundesliga.com/en/bundesliga/news/omar-marmoush-eintracht-frankfurt-egypt-egyptian-king-mo-salah-eagles-29605
https://www.nytimes.com/athletic/live-blogs/transfer-news-live-updates-2025-jan-17/fzebhtR89iZT/Jy5uLbuiy9rx/
https://en.wikipedia.org/wiki/Mohamed_Salah
https://en.wikipedia.org/wiki/Omar_Marmoush

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ