Feature

จบเหงา ๆ : ตลาดซื้อขายของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ อโมริม กดไลก์ แต่แฟนผีกดโกรธ | Main Stand

แฟน ๆ ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะเป็นหนึ่งในกลุ่มแฟนบอลที่ผิดหวังที่สุดในตลาดซื้อขายฤดูหนาวปี 2025 หากเราเช็กเสียงบ่นจากบนฟีดหน้าโซเชี่ยลมีเดียต่าง ๆ 

 


การไม่เสริมไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่แปลกคือการไม่ได้เสริมทัพในตำแหน่งที่เห็น ๆ ว่าเป็นปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ทีมผลงานย่ำแย่ที่สุด

อย่างไรก็ตาม ขณะที่แฟนบอลบอกแย่ รูเบน อโมริม กุนซือของทีมกลับบอกว่าเยี่ยม ... ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ? เราจะลองสรุปเรื่องราวทั้งหมดในตลาดซื้อขายปีศาจแดงครั้งนี้ 

 

อโมริม ต้องการอะไร ?

การไม่เสริมนักเตะตำแหน่งกองหน้าในตลาดซื้อขายฤดูหนาวคือสิ่งที่ อโมริม ต้องการเหรอ ? ... ไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่ รูเบน อโมริม ไม่มีวันพอใจกับกองหน้าของเขา ไม่ว่าจะทั้ง ราสมุส ฮอยลุนด์ หรือ โจชัว เซิร์กซี่ ไม่ว่าคุณจะหาเหตุผลเรื่องตัวเลขการทำประตู หรือฟอร์มการเล่นในสนามมาช่วยยืนยันความจริงข้อนี้ก็ตาม 

ดังนั้นเราจะต้องลองวิเคราะห์หาเหตุผลโดยมองในมุมกว้างขึ้นมาอีกหน่อยว่า ทำไมทั้ง ๆ ที่เขาไม่ชอบใจของเดิมที่มีแล้วเขาไม่ซื้อใหม่ เราคงจะได้คำตอบที่ดีขึ้นมากกว่าแค่การบันดาลโทสะว่าบอร์ดบริหารของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไร้ประสิทธิภาพ หรือ อโมริมไม่กระตือรือร้นในการทำงาน 

ยูไนเต็ด อยู่ในสภาพความย่ำแย่มานาน ถ้าเป็นร่างกายมนุษย์ก็ต้องยกคำพูดของ ราล์ฟ รังนิก กุนซือของพวกเขาออกมาขยายความต่อว่า "มันไม่ใช่การเป็นแผลถลอดหรือฟกช้ำ แต่การเปลี่ยนแปลง แมนฯ ยูไนเต็ด เปรียบได้กับการผ่าตัดใหญ่" ... และมันก็วิกฤตประมาณนั้นเลย 

เหตุผลก็เพราะปัญหาที่ รังนิก บอกยังไม่ได้รับการแก้ไข แถมยังแย่ไปกว่าเดิมเมื่อในตลาดซื้อขายฤดูร้อนปี 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ และการตัดสินใจที่สำคัญของสโมสร บอร์ดบริหารตัดสินใจให้ เอริค เทน ฮาก ทำงานต่อไปท่ามการกระแสความไม่พอใจของแฟนบอลส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีการให้งบประมาณเสริมทัพกว่า 200 ล้านปอนด์ 

เรียกได้ว่าจัดเต็มเหนี่ยวกะได้เห็นทีมที่ดีขึ้นแน่ แต่ก็อย่างที่เรารู้กัน เทน ฮาก พาทีมลงเหว ดีลนักเตะทั้งหมดที่ซื้อมาแทบไม่มีใครพัฒนาขึ้นมาเป็นตัวหลักเต็ม ๆ แบบที่ทีมขาดไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว เรียกได้ว่างบประมาณที่ให้ เทน ฮาก ใช้ 3 ตลาดซัมเมอร์ กลายเป็นฝุ่นไปเรียบร้อย จนนำมาซึ่งการแต่งตั้ง รูเบน อโมริม กุนซือที่เล่นคนละระบบ ชนิดที่ว่าเปลี่ยนวิธีการเล่น และสเป็กนักเตะที่ใช้ไปกันคนละเรื่อง 

ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่นตำแหน่งเบอร์ 10 ในยุค เทน ฮาก ที่เคยใช้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ภายใต้ระบบการเล่น 4-2-3-1 และ 4-3-3 เปลี่ยนไปในยุค อโมริม กลายเป็นว่ากองกลางแบบเพลย์เมคเกอร์แบบที่ บรูโน่ เป็นไม่เหมาะกับ เบอร์ 10 ในระบบของ อโมริม ที่ต้องทั้งขยับออกข้างไปเป็นปีกในบางสถานการณ์ และขยับเติมขึ้นมายิงประตูสลับกับกองหน้าตัวเป้า ซึ่งต้องอาศัยความเร็ว ความคล่องตัว และมีความเป็นกองหน้าระดับหนึ่งเพราะจะมีโอกาสจบสกอร์เยอะ  

ด้วยความที่เล่นคนละระบบ ต้องการนักเตะที่ถนัดคนละแบบ ทำให้ อโมริม ที่รับงานนี้ต้องมาปรับใช้และฝืนธรรมชาตินักเตะหลายคน ซึ่งด้วยตาเห็น และผลงานในสนาม รวมถึงอันดับในตารางคะแนน คุณสามารถพูดได้โดยไม่ต้องกลัวใครค้านว่านักเตะของ ยูไนเต็ด ชุดนี้เกิน 70% คุณภาพการเล่นถดถอยลงเมื่อต้องมาเล่นในระบบ 3-4-2-1 ของ อโมริม ไม่นับปัญหาของแต่ละคนที่มีอยู่ก่อนแล้ว ทั้งทัศนคติ เบสิกฟุตบอล ฯลฯ

70% ดังกล่าวถือเป็นนักเตะที่ไม่เกิดประโยชน์ ใช้งานไม่ได้ หรือที่ในศัพท์ข่าวฟุตบอลเรียกว่า "เดดวูด" (Dead Wood : เก็บไว้ก็ไม่สร้างประโยชน์) ดังนั้นการโละผู้เล่นส่วนนี้ออกไปจึงมีความสำคัญมากกว่าภารกิจใด ๆ ทั้งสิ้น 

อย่าลืมว่า ยูไนเต็ด ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังเหมือนเดิม และถึงจะมี กฎการเงินก็เล่นงานพวกเขาจนขยับตัวได้ไม่ถนัด ดังนั้นมันจึงต้องกลับเข้ามาตามหลักการง่าย ๆ นั่นคือ "เก่าไป-ใหม่มา" หรือก็คือการขายตัวเก่าทิ้งก่อนเพื่อจะเอานักเตะตัวใหม่เข้ามาได้ 

ดังนั้นคุณจึงได้เห็นนักเตะที่ อโมริม ใช้งานน้อยมากตั้งแต่มารับงานทั้ง แอนโทนี่, ไทเรล มาลาเซีย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ออกจากทีมไปในช่วงตลาดนี้ พวกเขาต้องเอานักเตะเหล่านี้ออกไป นักเตะที่สามารถขายได้ราคา และมีค่าเหนื่อยแพงเกินฝีเท้า เพื่อเปิดทางให้คนใหม่ ๆ เข้ามาทำหน้าที่แทน 

ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่ผู้สื่อข่าวชื่อดังอย่าง ลอรี่ วิธเวล แห่ง The Athletic ยืนยันว่า อโมริม พอใจเป็นอย่างมากในตลาดซื้อขายครั้งนี้ โดยเฉพาะการได้โละกลุ่มนักเตะพวกนี้ออกไป ... ซึ่งในอนาคตจะถูกแทนที่ด้วยนักเตะที่ตรงสเป็กการทำทีมของเขามากกว่านี้ 

 

เก่าก็ไปแล้ว...ทำไมใหม่ไม่มา

อย่างไรก็ตาม สิ่งทีแฟน ๆ สงสัยคือ เก่าก็ไปตั้งเยอะแล้ว แต่ทำไมตัวใหม่ถึงยังไม่มาสักที ? คำตอบนี้ อโมริม ไม่ได้บอกเอง และไม่มีนักเตะข่าวชื่อดังเจ้าไหนออกมาร่วมยืนยัน ทว่าเราสามารถใช้การวิเคราะห์ได้ด้วยตัวเองจากสิ่งที่เราเห็นและสิ่งทีเกิดขึ้นในสถานการณ์ตอนนี้ 

ยูไนเต็ด คงไม่มีอะไรให้ลุ้นในพรีเมียร์ลีกอีกแล้วนอกเสียจากการหนีตกชั้น ซึ่งเอาตามจริงต่อให้พวกเขาเล่นแย่ยังไง มาตรฐานฟุตบอลของพวกเขาก็ยังเป็นต่อ 3 ทีมท้ายตารางน้องใหม่ในเวลานี้อย่าง เลสเตอร์, อิปสวิช และ เซาธ์แฮมป์ตัน หลายขุม พูดอย่างไม่เกรงใจสามทีมนี้ก็คือ ยูไนเต็ด จะไม่มีทางตกชั้นแน่ ๆ ในซีซั่นนี้ เพราะมีทีมที่แย่กว่าจองโควต้านั้นอยู่ 

เราไม่ได้หมายความว่าฟุตบอลลีกไม่มีความหมายสำหรับพวกเขาอีกแล้ว และพวกเขาจะทิ้งร่มไม่เอาอะไรเลยในซีซั่นที่เหลือ แต่เราจะบอกว่า ณ ตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด เหลือเพียงการพยายามเล่นนัดต่อนัด พยายามทำผลงานให้ดีที่สุด เพื่อเป็นการตอบแทนแฟนบอล ซึ่งเป้าหมายนี้ไม่ใช่เป้าหมายที่ทำยากอะไรนักหากเทียบกับการคาดหวังไปที่การติดท็อป 4 หรือเป็นแชมป์ลีก 

พวกเขาจึงเหลือฟุตบอลถ้วยอีก 2 รายการนั่นคือ เอฟเอ คัพ กับ ยูโรป้า ลีก ... โดยเฉพาะยูโรป้า ที่ต้องเน้นกันสุด ๆ เพราะเป็นตั๋วทองสู่ถ้วย ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นหน้าโดยที่พวกเขาไม่ต้องสนใจอันดับในลีก 

มองรอบด้าน วัดความสำคัญอย่างละเอียดคุณจะพบว่า ยูไนเต็ด สามารถเน้นไปที่รายการเดียว และนั่นทำให้พวกเขาเลือกใช้นักเตะชุดที่ดีที่สุดลงเล่นในถ้วยนี้เป็นหลัก ซึงด้วยดีกรีที่มี และกวาดตามองดูจากทีมอื่น ๆ ที่เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูโรป้า ลีก คุณก็จะพอมองได้ว่า ยูไนเต็ด สามารถสู้ได้ทุกทีม และสามารถชนะได้ทุกทีมหากในวันนั้นพวกเขาอยู่ในฟอร์มที่ดี 

และการเหลือเกมให้เน้นน้อยลง ก็เป็นโอกาสดีที่พวกเขาจะได้ทดลองใช้งานนักเตะดาวรุ่งในทีม หรือนักเตะคนอื่น ๆ ที่เสริมทัพเข้ามาอาทิ แพทริก ดอร์กู และ เอย์เดน เฮฟเว่น ที่น่าจะได้เล่นแน่นอนในสถานการณ์แผงหลังบาดเจ็บหลายคนในเวลานี้ 

นอกจากนี้นักเตะดาวรุ่งที่อยู่ในทีมแล้วอย่าง แฮร์รี่ อามาสส์, โทบี้ คอลลีเยอร์ หรือแม้แต่กองหน้าวัย 17 ปีที่สื่อชื่นชมกันเยอะอย่าง ชิโด โอบิ มาร์ติน หรืออาจจะรวมถึงคนอื่น ๆ ก็อาจจะได้รับโอกาสมากขึ้นจากสถานการณ์ที่ตัวเลือกมีน้อยแบบนี้

ส่วนดีลที่หลายคนข้องใจที่สุดคือการปฎิเสธยืมตัว มาธิส แตล จาก บาเยิร์น มิวนิค เพราะต้องเสียค่ายืมราว 5 ล้านยูโร (ตกเดือนละ 1 ล้านยูโร ในช่วงที่เหลือของซีซั่น) ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจนิด ๆ เพราะ ยูไนเต็ด ไม่ได้ขาดแค่เบอร์ 9 เท่านั้น นักเตะอย่าง แตล ที่เล่นเป็นรุกสมัยใหม่เล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรุก คล่องแคล่ว เล่นหน้ากรอบและในกรอบดี ที่สำคัญมีประสบการณ์เกมใหญ่กับ บาเยิร์น มาแล้ว ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีกับพวกเขามาก ๆ สำหรับตำแหน่งเบอร์ 10 หากยอมจ่ายเงินจำนวนนี้ 

เรื่องนี้ก็คงต้องบอกว่า ถ้า อโมริม มองว่า ณ ตอนนี้การโละสำคัญกว่าการเสริมนักเตะ การปฏิเสธ แตล ก็อาจจะมีเหตุผลรองรับมากขึ้น เขาอาจจะมีเป้าอื่นอยู่แล้วในช่วงซัมเมอร์หน้า จึงไม่อยากจ่ายเงินเสียเปล่ากับนักเตะในตลาดซื้อขายหน้าหนาว นั่นก็เป็นไปได้ เพราะก็มีการยืนยันจากนักข่าวหลายเจ้าว่า ยูไนเต็ด ตัดสินใจจะลงตลาดใหญ่ทีเดียวในช่วงซัมเมอร์หน้ามากกว่า ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยความที่ แตล เองยังอยากพิสูจน์ฝีเท้ากับ บาเยิร์น ในอนาคต การยืมครั้งนี้ก็ดูจะไม่ได้ประโยชน์อะไร นอกจากการให้มาเก็บเลเวลก่อนส่งคืนเจ้าของเท่านั้น

จากการวิเคราะห์ทั้งหมดโดยสรุปก็คือ แมนฯ ยูไนเต็ด ในซีซั่นนี้แย่เกินกว่าจะแก้ไขได้ในตลาดซื้อขายหน้าหนาว ถึงการเสริมทัพจะทำให้ทีมดีขึ้นได้ แต่ก็ยากเกินกว่าจะหวังอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้ 

และเมื่อมองไปที่ด้านล่างก็ยังปลอดภัยพอที่จะเสี่ยงไม่เสริมทัพในตำแหน่งที่จำเป็น แต่ราคาหรือสเป็กของนักเตะอาจจะไม่ได้ตรงกับที่ อโมริม ต้องการ การเสริมทัพของพวกเขาในเวลานี้จึงดูเป็นการเสริมทัพเพื่ออนาคต และรอไปจัดหนักในซัมเมอร์หน้าแบบที่ อโมริม ไม่สามารถใช้ข้ออ้างใด ๆได้อีก 

ยูไนเต็ด ทิ้งซีซั่นนี้ในทางทฤษฎีไปแล้ว แต่ในทางปฎิบัติก็คือ อโมริม ต้องเต็มที่กับงานตัวเอง และทำงานหนักกับนักเตะที่มีเพื่อหวังให้ทีมดีขึ้น เพื่อให้นักเตะที่มีเป็นนักเตะที่ตอบโจทย์กับกลยุทธ์ของเขาให้ได้ 

ทุกชัยชนะจะทำให้เขามั่นใจ และเติบโตขึ้นในฐานะทีม และเช่นเดียวกัน ในทุกความพ่ายแพ้ก็จะทำให้เขาโดนดูแคลนและถูกลดทอนความเชื่อมั่นในฐานะของคนที่ใช่ลงเรื่อย ๆ 

ส่วนจะคิดถูกหรือไม่กับตลาดซื้อขายที่เงียบและแฟนบอลหลายคนผิดหวัง อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับผลงานที่เหลือในซีซั่นนี้ ซึ่งถึงตอนนั้นพวกเราก็จะได้รู้พร้อม ๆ กันว่า การหวังน้ำบ่อน้ำส่งผลดีร้ายกับ แมนฯ ยูไนเต็ด แค่ไหน ?

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ