ถ้าทีมอย่าง แอตฯ มาดริด ไม่แพ้ใคร 10-15 นัดติดต่อกัน มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับสโมสรที่ถูกยกย่องว่า "ตั้งรับเก่งที่สุดในยุโรป"
แต่ถ้าทีมสายรับอย่างพวกเขา ชนะติดต่อกัน 15 เกมล่ะ ? คุณคิดว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างที่เปลี่ยนแปลงพวกเขาให้เป็นแบบนั้นหรือไม่ ?
นี่คือเรื่องที่ใครหลายคนคิดไม่ถึง กุนซือจอมโหดอย่าง ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เจอจุดเปลี่ยนบางอย่าง และงานของเขากำลังออกมาอย่างน่าชื่นชม
นี่คือเรื่องราวของทัพตราหมีที่เรานำมาเสิร์ฟให้คุณ ... ติดตามที่ Main Stand
ไม่เปลี่ยนก็ตาย
แอตเลติโก มาดริด คือสโมสรที่ตื่นขึ้นมาเป็นทีมแถวหน้าของยุโรปอีกครั้งภายใต้การเข้ามาทำงานของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ ที่เข้ามาทำทีมแบบ "เดอร์ตี้ ฟุตบอล" แบบพูดง่ายแต่ทำยาก
กล่าวคือพวกเขามีความเก่งเฉพาะด้าน ในการเล่นเกมรับ ในการเล่นเกมหนัก ในการเล่นเกมฉาบฉวย แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ และพวกเขารู้วิธีที่จะทำให้คู่แข่งสติแตก ด้วยการตั้งเป้าไว้ที่การไม่เสียประตูเอาไว้ก่อน และจากนั้นค่อยหาทางเอาชนะ
ในช่วง 13 ปีภายใต้การคุมทีมของ ซิเมโอเน่ เกมรับของ แอตฯ มาดริด ถือเป็นเรื่องที่ทุกทีมบนโลกไม่อยากเจอ มันไม่ใช่แค่การเอาผู้เล่นลงไปอุดในเกมรับ แต่มันมีคลาสและวิธีการที่ซ่อนอยู่ภายใต้เกมรับของเขามากมาย
เหตุผลเบื้องต้น นอกจากเรื่องของชัยชนะแล้ว ต้องยอมรับว่า แอตฯ มาดริด เป็นทีมที่งบประมาณการทำทีมไม่มากนักหากเปรียบเทียบกับทีมระดับแถวหน้าของยุโรป
แต่ภายใต้งบประมาณอันน้อยนิด เขาเลือกนักเตะที่อาจจะไม่ได้โด่งดังมากมายนัก แต่เลือกใช้นักเตะที่เล่นได้ตามแท็คติก และเหนือสิ่งอื่นใด หัวจิตหัวใจต้องถึง
ด้วยเหตุนี้เราจึงได้เห็นนักเตะของ แอตฯ มาดริด แต่ละคนในแต่ยุคของ ซิเมโอเน่ มีคุณสมบัติคล้าย ๆ กันคือ แข็งแกร่ง ขยัน เข้าใจเกมสูง และพร้อมเสี่ยงระดับเอาหัวเข้าไปบล็อกในจังหวะที่คู่แข่งกระโดดเตะหรือยกเท้าสูง
ต่อจากการคัดสรร คือการฝึกซ้อม ที่ ซิเมโอเน่ สุดจะเข้มข้นเรื่องการเล่นเกมรับและการยืนตำแหน่ง ระดับที่ใครยืนผิดนิดเดียว เขาเป่านกหวีดให้หยุดและเริ่มใหม่ทันที
นอกจากซ้อมเกมรับหนักมาก ๆ เขายังจริงจังเรื่องความฟิตของนักเตะในทีมเช่นกัน เรื่องการกิน การออกกำลังกาย การเข้าโรงยิม เป็นสิ่งที่จะมีทีมงานคอยตามเช็กนักเตะของทีมตลอดว่า ได้ทำตามโปรแกรมที่กำหนดไว้หรือเปล่า ซึ่งการซ้อมแบบนี้แน่นอนว่า เครียด กดดัน และน่าเบื่อมาก ๆ นักเตะที่เคยร่วมงานกับเขามานานอย่าง อองตวน กรีซมันน์ และ โกเก้ พูดถึงเรื่องนี้ตรงกันเป๊ะ
อย่างไรก็ตาม แม้วิธีการดังกล่าวจะเคยประสบความสำเร็จ อย่างน้อยก็ด้วยการคว้าแชมป์ลีก 2 สมัย แต่ฟุตบอลคือศาสตร์ที่พัฒนาไปข้างหน้าไม่หยุด และถ้า แอตฯ มาดริด ยังคงย่ำอยู่กับที่ ไม่เร็วก็ช้า พวกเขาก็จะถูกทิ้งให้ตามหลัง
ไม่ต้องเปรียบเทียบกับใคร กับเพื่อนร่วมเมืองของพวกเขาอย่าง เรอัล มาดริด เพราะต่อให้ มาดริด จะมีสุดยอดทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะเกมรุกระดับพระกาฬ ที่พวกเขาสามารถจัดทีมเล่นเกมรับเต็มระบบได้เช่นกัน คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือผู้ประสบความสำเร็จระดับต้น ๆ แห่งยุค ยังบอกด้วยตัวเองว่า หัวใจความสำเร็จของเขา คือความหลากหลายทางกลยุทธ์ และเลือกใช้วิธีการให้เหมาะกับคู่แข่งที่เจอ
แอตฯ มาดริด เป็นได้แค่เบอร์รองมาหลายปี และ ซิเมโอเน่ ก็ฉลาดพอที่จะเปลี่ยนแปลงแนวทางบางอย่าง โดยรักษาหัวใจหลักของทีมเอาไว้ เพื่อหนทางสู่ความสำเร็จในขั้นตอนต่อไป หรือเรียกง่าย ๆ ว่า เขาพร้อมจะวิวัฒนการทีมของเขาไปอีกระดับแล้ว
เริ่มต้นที่ใช้เงิน
ย้อนกลับไปราวปี 2018 ซิเมโอเน่ เคยบอกเองว่า "แอตฯ มาดริด ไม่มีทางเลือก เราไม่สามารถจ่ายเงินซื้อตัวนักเตะเป็นจำนวนเงิน 150-200 ล้านยูโรได้ นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมเหนื่อย และผมยอมรับว่าผมเหนื่อยกับเรื่องนี้จริง ๆ"
อย่างไรก็ตาม โลกฟุตบอลยุคนี้มันบีบให้เขาต้องเปลี่ยนแนวทาง ใน 1 ซีซั่น นักเตะระดับแถวหน้าจะต้องลงสนามราว 70 เกมทั้งในสโมสรและทีมชาติ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมขุมกำลังเชิงลึกจึงมีความสำคัญมาก ๆ และสามารถชี้ขาดได้ว่า ทีม ๆ หนึ่งจะทำผลงานในระยะยาวตลอดซีซั่นได้ดีขนาดไหน
นั่นทำให้ ซิเมโอเน่ คว้าตัวนักเตะเข้าสู่ทีมในตลาดนักเตะฤดูร้อน ซีซั่น 2024-25 โดยใช้เงินมากกว่า 200 ล้านยูโร มากแบบที่พวกเขาไม่เคยใช้มาก่อน โดยหมดไปกับ โรแบ็ง เลอ นอร์กม็องด์, อเล็กซานเดอร์ ซอร์ลอธ, คอเนอร์ กัลลาเกอร์, เกลมองต์ ลองเล่ต์, ฮวน มุสโซ่ และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ นักเตะที่ทำสถิติค่าตัวสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรด้วยราคา 80 ล้านยูโร
พวกเขาเปิดตู้เซฟที่สะสมเงินมานานหลายปีออกมาใช้ ตู้เซฟนี้มีเงินจำนวนมากจากการขายนักเตะหลายต่อหลายคนที่ ซิเมโอเน่ สร้างขึ้นมาภายใต้ระบบเดอร์ตี้ฟุตบอลของเขา ... กล่าวคือนับตั้งแต่ ซิเมโอเน่ เข้ามาคุมทีม แอตฯ มาดริด ทีมขายนักเตะทำเงินรวมถึง 1.3 พันล้านยูโร
ซิเมโอเน่ ยืนยันชัดเจนหลังจากตลาดซื้อขายซัมเมอร์ปี 2024 จบลงด้วยการบอกว่า "สิ่งสำคัญที่สุดคือการเสริมทัพให้ทีมของผมแข็งแกร่งที่สุดสำหรับปี 2025" ซึ่งในตอนแรกคุณอาจจะไม่เห็นภาพนัก แต่ในตอนนี้ แอตฯ มาดริด นำเป็นจ่าฝูง ลา ลีกา และชนะ 15 เกมรวด มีกุนซือไม่กี่คนที่ทำได้ขนาดนี้ (เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำไว้ 19 เกมรวด, เยอร์เก้น คล็อปป์ ทำไว้ที่ 18 เกมรวด)
ทั้ง ๆ ที่นักเตะที่พวกเขาเสริมทัพมาก็ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ระดับเกรดเอ แต่ ซิเมโอเน่ ก็มองขาด เลือกซื้อคุณภาพไปพร้อม ๆ กับจำนวน เพื่อให้พอใช้งานตลอดซีซั่น โดยเขาบอกว่า นี่คือการทำงานในตลาดที่ใช้ความสร้างสรรค์ เลือกคนที่ลงตามระบบการเล่นที่เขาวางไว้
เหนือสิ่งอื่นใดคือ ซิเมโอเน่ และทีมงาน สเกาท์ถึงไส้ ชนิดที่ว่าเช็คไปถึงนิสัยใจคอ กิจกรรมยามว่าง และครอบครัวที่เติบโตมาเลยทีเดียว เพราะเขาเชื่อว่าฟุตบอลของเขา ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะลงสนามและตอบสนองได้ทันที แต่ต้องเป็นคนที่หัวใจเท่ากันกับเขา และเพื่อร่วมทีมทั้งหมดเท่านั้น
เสี่ยงมากขึ้น หมุนเวียนมากขึ้น
การเสริมทัพจำนวนมาก และตอบโจทย์เชิงกลยุทธ์จากการวิเคราะห์อย่างดี นำมาซึ่งสิ่งที่ แอตฯ มาดริด ไม่สามารถทำได้เลยในรอบหลายปี นั่นคือการมีขุมกำลังทดแทนกันตลอดเวลา ณ ตอนนี้พวกเขาไม่มีสตาร์หมายเลข 1 อย่างเป็นทางการแล้วด้วยซ้ำ อองตวน กรีซมันน์ อายุมากขึ้น และถูกหลายคนมองข้าม แต่การเสริมทัพของ ซิเมโอเน่ นี่แหละที่ทำให้เสือเฒ่าอย่าง กรีซมันน์ มีร่างกายดีขึ้น เพราะได้พักมากขึ้น แถมถูกส่งลงสนามในยามที่ร่างกายพร้อมมากขึ้นด้วย
พวกเขาอาจจะเริ่มต้นแบบสะดุดนิดหน่อย เพราะ 11 เกมแรก แอตฯ มาดริด ชนะแค่ 5 เกมเท่านั้น (เสมอ 5 แพ้ 1) แต่หลังจากนั้น เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางจนมาถึงตอนนี้ พวกเขาชนะในเกมลีกทุกนัด และถ้านับทุกรายการ พวกเขาชนะมาแล้ว 15 เกมรวด และความสม่ำเสมอนี้ เกิดจากการที่พวกเขาสามารถหมุนเวียนนักเตะได้อย่างตรงจิตตรงใจ ซิเมโอเน่ และเรื่องนี้มีสถิติยืนยันด้วย
หลังเกมที่พวกเขาบุกชนะ บาร์เซโลน่า ถึง คัมป์ นู 2-1 ซิเมโอเน่ ให้สัมภาษณ์เรื่องการไม่ยึดติดกับ 11 ตัวจริงที่ดีที่สุดทุกนัดของเขาว่า
"ก่อนเกมนี้ผมได้คุยกับนักเตะในทีม ผมชื่นชมหลายคนที่ทำผลงานได้ดีเมื่อมีโอกาสลงสนาม และผมก็บอกว่าในเกมนี้จะโรเตชั่น นักเตะอย่าง (มาร์กอส) ยอเรนเต้, ฮูเลียโน่ (ซิเมโอเน่ - ลูกชายคนเล็กของ ดิเอโก้) จะถูกเปลี่ยนออก และผมจะใช้ นาฮูเอล โมลิน่า และ อังเคล คอร์เรอา ลงเล่นแทน ผมจะปรับแผนเล็กน้อยด้วยการเอา ซามูเอล ลิโน่ ออกและใช้ ซอร์ลอธ ลงเล่นแทน ส่วน โกเก้ ผู้นำของเราจะสแตนด์บายบนม้านั่งสำรอง"
"ผมพูดแบบนั้นออกมาได้ เพราะผมรู้ถึงคุณภาพของนักเตะในทีม ... นี่คือจุดแข็งของทีมเราในตอนนี้"
สถิติยืนยันตามที่ ซิเมโอเน่ พูด พวกเขาเปลี่ยนผู้เล่นถึง 83 ครั้งระหว่างเกมเพื่อแก้กลยุทธ์ และเหนือสิ่งอื่นใดคือ แต่ละคนที่โดนเปลี่ยนลงมาสร้างอิมแพ็กต์และเปลี่ยนเกมได้จริง ๆ
ตัวสำรองของแอตเลติโกยิงได้ 18 ประตู แบ่งเป็น 10 ประตูใน 17 นัดแรกของลาลีกา, 4 ประตูใน 6 นัดของแชมเปี้ยนส์ลีก และอีก 4 ประตูใน 2 นัดของโกปาเดลเรย์
นอกจากนี้ นักเตะสำรองของแอตเลติโกยังทำแอสซิสต์ได้ 12 ครั้งในฤดูกาลนี้ในทุกรายการ การมีส่วนร่วมทำประตูรวมกัน 30 ประตูของพวกเขาถือว่ามากกว่าสโมสรอื่นๆ ในลีก 5 อันดับแรกของยุโรป
นี่คือเหตุผลที่ในซีซั่น 2024-25 แอตฯ มาดริด นั้น คัมแบ็กจากการตามหลังและกลับมาคว้าชัยได้มากมายหลายเกม โดยเฉพาะเกมสุดมันที่พวกเขาบุกชนะ เซบีย่า 4-3 แม้จะโดนนำไปก่อน 3-2 และเหลือเวลาให้แซงเพียง 20 นาที ซึ่งเกมนี้ ซิเมโอเน่ เปลี่ยนตัวสำรอง 3 คน และทุกคนมีผลต่อการได้ประตูทั้งหมด
"ตัวสำรองของ แอตเลติโก ลงสนามด้วยพละกำลังที่สดมาก พวกเขามาเติมชีวิตชีวาให้กับเกม ผมคิดว่าผู้เล่นที่ ซิเมโอเน่ เปลี่ยนลงมา ดีกว่าผู้เล่นที่เขาเปลี่ยนออกไป ตอนนี้ผมว่าพวกเขามีตัวอันตรายเต็มทีมไปหมดแล้ว" ฟรานซิสโก ซาเวียร์ การ์เซีย ปิเมียนตา กุนซือ เซบีย่า กล่าวในภายหลัง
เป็นอย่างที่ ปิเมียนต้า บอก แอตฯ มาดริด ในเวลานี้มีนักเตะที่เล่นในแต่ละตำแหน่งอย่างน้อย 2 คน นอกจากนี้พวกเขายังมีนักเตะที่เล่นได้หลายตำแหน่ง และเป็นประเภทเล่นได้ตามแท็คติก มีความเข้าใจในเกมสูงอย่าง กรีซมันน์, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ, ฮูเลียโน่ ซิเมโอเน่, คอเนอร์ กัลลาเกอร์, มาร์กอส ยอเรนเต้ และ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ทำให้ ซิเมโอเน่ สามารถปรับแผนสลับกันไปมา บางเกมเขาจะออกสตาร์ทด้วย 4-4-2 และ บางครั้งเขาจะเล่นด้วย 3-4-3 ซึ่งเมื่อสถานการณ์เป็นรองระหว่างเกม เขาจะสลับสับเปลี่ยนแท็คติกได้อย่างหลากหลายและยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก
ตอนนี้เขาไม่ยึดติดกับใครทั้งนั้น ซิเมโอเน่ ยอมรับด้วยตัวเองว่าฟุตบอลสมัยใหม่ที่เตะเยอะ เตะหนัก ใช้แรงมากมาย คือเหตุผลที่ทำให้เขาต้องทำแบบนี้ และผลที่ออกมามันก็ดูเวิร์กมากทีเดียว
"นักเตะในทีมทุกคนรู้ดีว่า ผมไม่เคยสัญญาและการันตี 11 ตัวจริงให้กับใคร ... แม้แต่กัปตันทีมที่อยู่มานานอย่าง โกเก้ เขาก็รับได้ที่บางครั้งผมต้องการใช้งานเขาในช่วงเวลาแค่ 20 นาที และเมื่อผมส่งเขาลงสนาม เขาจะใช้ 20 นาทีนั้นอย่างเต็มที่ นั่นคือสิ่งที่ผมประทับใจลูกทีมของผมมาก ๆ" ซิเมโอเน่ ยกตัวอย่างที่ทำให้เราเข้าใจถึงความเหนียวแน่นในทีมของเขาเป็นอย่างดี
ฤดูกาลยังอีกยาวไกล แต่ในปีนี้ แอตฯ มาดริด มีลุ้นแชมป์มากที่สุดในรอบหลายปี และฟอร์มในสนามก็เห็นภาพชัดมาก ๆ ว่าพวกเขาเป็นทีมที่ดีขึ้น ... มันชัดเจนว่าฟุตบอลยุคใหม่ คุณไม่สามารถเอาดีทางสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้อีกแล้ว การจะเป็นเลิศในระดับสูง คุณต้องมีทีมที่พร้อมมาก ๆ ทั้งจำนวนนับ คุณภาพ และหัวใจของทุกคนที่เท่ากัน
ซิเมโอเน่ มูฟออนสู่โมเดิร์นฟุตบอลอย่างเต็มตัว ... เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้เงินเขาพร้อมจะทุ่มแบบที่ไม่เคยเป็น และเมื่อถึงเวลาที่นักเตะบางคนต้องพัก เขาก็ไม่รีรอแม้ว่าคนนั้นจะสำคัญขนาดไหน
ทั้งหมดเพื่อผลลัพธ์ระยะยาว ... ซึ่งเราต้องมาดูกันว่า ตราหมี ของเขาจะไปได้ไกลแค่ไหนสำหรับหนทางที่เหลืออยู่นี้
แหล่งอ้างอิง
https://www.nytimes.com/athletic/6003713/2024/12/20/atletico-madrid-winning-streak-la-liga/
https://www.marca.com/en/football/spanish-football/2020/09/01/5f4e45f5268e3e551f8b45c2.html
https://www.goal.com/en/news/over-300m-on-sales-200m-on-signings-atletico-madrids-crazy-summer-of-buying-and-selling/1plhv0fyg8ao41x86u3e1vbfmc
https://www.goal.com/en/lists/atletico-madrid-most-expensive-player-sales-transfers/bltd80bd746730bad50
https://www.nytimes.com/athletic/5776384/2024/09/19/atletico-madrid-champions-league-diego-simeone-la-liga/
https://sportstar.thehindu.com/football/la-liga/barcelona-vs-atletico-madrid-la-liga-2024-25-diego-simeone-camp-nou-record-press-conference-interview/article69009966.ece