เลียม ดีแลป ถือเป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งชาวอังกฤษตัวท็อปของยุคนี้ไปแล้ว จากผลงานที่ทำกับ อิปสวิช ทาวน์ ต้นสังกัด
เรื่องราวของเขา เริ่มต้นจากคุณพ่อที่เป็นตำนานจอมทุ่มไกลแห่ง สโต๊ก ซิตี้ อย่าง รอรี่ ดีแลป และ เลียม โตทันได้เห็นวันที่พ่อของเขาดังสุด ๆ จนถึงวันที่พ่อของเขาเป็นนักเตะระดับลีกล่าง ๆ ที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ลงสนาม ซึ่งประสบการณ์ครั้งนั้น ได้สอนเขาอย่างมาก และทำให้เขามาถึงจุดนี้ได้
ถ้าคุณจะสอนลูกของคุณ สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำให้เห็น ... ติดตามเรื่องราวของ 2 พ่อลูก ดีแลป ได้ที่นี่กับ Main Stand
ความหวังของตระกูล
ครอบครัวชาวไอริช ย้ายสัมมะโนครัวมาอยู่ในอังกฤษตั้งแต่รุ่นคุณทวดอย่างตระกูล ดีแลป รู้และเข้าใจเสมอว่า การเติบโตเพื่อหลีกหนีชีวิตยากลำบากต้องใช้คำว่า "ใจสู้" ขนาดไหน ไม่ว่าพวกเขาจะเอาดีในด้านการทำงาน ค้าขาย หรือแม้กระทั่งการเป็นนักฟุตบอล
เพื่อให้คุณเข้าใจเพิ่มเติม การเป็นคนเชื้อสายไอริชในอังกฤษ มักจะโดนเหยียดหรือแซวในระดับหนึ่ง เนื่องจากอดีตที่เคยรบกันมาตั้งแต่โบราณ มาจนถึงกระทั่งศตวรรษที่ 20 ที่มีชาวไอริชสร้างขบวนการใต้ดินติดอาวุธอย่าง IRA (Irish Republican Army) เพื่อโค่นล้มการปกครองไอร์แลนด์เหนือของอังกฤษและก่อตั้งสาธารณรัฐเอกราชของตน ... แม้เรื่องจะผ่านไปนานแล้ว แต่ลึก ๆ ในคนอังกฤษบางกลุ่ม ก็มักจะหยิบเรื่องนี้มาล้อเลียนหรือเหยียดคนไอริชอยู่เนือง ๆ
เอาล่ะ กลับมาที่ตระกูล ดีแลป กันต่อ พวกเขาเข้ามาที่อังกฤษและขายแรงงานเลี้ยงชีพตั้งแต่ยุคทวด จนกระทั่ง รอรี่ รุ่นที่ 3 ของตระกูล เกิดมาและพบว่าตัวเองไม่อยากจะทำงานใช้แรงเหมือนกับปู่และพ่อ โดยเขามีความฝันที่แตกต่าง เพราะอยากจะเป็นนักฟุตบอล
รอรี่ ทำได้ดีระดับหนึ่ง ด้วยการสามารถคัดตัวเข้าทีม คาร์ไลส์ ยูไนเต็ด ทีมในลีกรอง ๆ ตั้งแต่อายุ 16 ปี และได้เงินเบี้ยเลี้ยงสัปดาห์ละ 90 ปอนด์ โดยใช้เวลา 2 ปี ก็ก้าวขึ้นมาอยู่กับทีมชุดใหญ่ได้ในปี 1994 ซึ่งกว่าจะก้าวผ่านตรงนั้นได้ก็แทบรากเลือด เพราะสโมสรมีพิธีรับน้องสำหรับนักเตะที่ขึ้นทีมชุดใหญ่ได้ โดย รอรี่ เจอการ "ซ่อม" เหมือนกับทหาร ซึ่งทำให้เขาเกือบถอดใจเลิกเล่นเลยทีเดียว
รอรี่ เล่าวว่า เขาโดนจับถอดเสื้อผ้า โดนลากเข้าไปในห้องอาบน้ำของทีมชุดใหญ่ และจากนั้นรุ่นพี่ก็จัดคนละตุ๊บสองตุ๊บ บางคนถึงกับใส่รองเท้าบู๊ตเตะใส่ตัวเขาเลยก็มี ณ ตอนนั้น เขาเก็บความเจ็บปวดไว้กับตัวเอง ไม่เคยบอกที่บ้าน ไม่เคยแสดงแผลให้ใครเห็น เพราะท่องไว้อย่างเดียวว่า จะต้องผ่านเรื่องราวแบบนี้ให้ได้
ดีแลป เล่าเพิ่มเติมว่า ณ ตอนนั้น เขาต้องทนโดนกระทืบหมู่ถึง 3 วัน และเขาก็ไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไรจนกระทั่งวันนี้ เพียงแต่เขาได้รับการสอนว่า จะเป็นนักฟุตบอลต้องเจอเรื่องหนัก ๆ แบบนี้ตลอดอาชีพ และฟุตบอลในยุค 1990s ไม่ใช่ที่ของนักเตะใจเสาะ ซึ่งหลังจากผ่าน 3 วันนั้นไปได้ เขาก็กลายเป็นที่ยอมรับของรุ่นพี่ในทีม
"คุณนึกสภาพดูว่า ตอนนั้นคุณอายุ 15 ปี ออกจากโรงเรียนมาได้ไม่นานนัก คุณต้องมาอยู่ในโลกของลูกผู้ชาย อยู่กับรุ่นพี่ที่อายุ 35 ปี และพวกเขาก็ทำกับเราแบบที่เราต้องอดทนเอาไว้ ถ้าคุณประท้วงมากเกินไปหรืออยากมีเรื่องกับรุ่นพี่ คุณอาจจะโดนเตะ และโยนลงบ่อน้ำแข็ง นั่นเป็นกฎของฟุตบอลยุคนั้น"
รอรี่ ดีแลป โตมากับฟุตบอลแบบนั้น ฟุตบอลที่อ่วมตั้งแต่ก่อนลงสนาม และเขาพยายามพัฒนาตัวเองขึ้นมาจากการเล่นในลีกรอง จนเขาสามารถก้าวพ้นจากความเป็นดาวรุ่งได้ ด้วยการถูก ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในลีกสูงสุดซื้อตัวไปร่วมทีมด้วยราคา 2 แสนปอนด์ ในปี 1998 และจากนั้นเขาถีบตัวเองเป็นนักเตะระดับพรีเมียร์ลีก ซึ่งนอกจากจะเป็นความสำเร็จในแง่ของฟุตบอลแล้ว เขาก็กลายเป็นคนที่ทำให้การเงินในครอบครัวดีขึ้น และดีดตัวขึ้นมาจากชนชั้นแรงงาน ขึ้นมาเป็นชนชั้นกลางอย่างเต็มตัว
สอนลูกชายให้สู้ด้วยตัวเอง
รอรี่ ดีแลป กลายเป็นนักเตะระดับพรีเมียร์ลีก และลงเล่นกับหลากหลายสโมสร จนกระทั่งลูกชายของเขา เลียม ดีแลป ลืมตาดูโลกในเดือนกุมภาพันธ์ 2003 ซึ่งตอนนั้น รอรี่ ลงเล่นให้กับ เซาธ์แฮมป์ตัน ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เขามีชื่อเสียงมากที่สุดช่วงหนึ่ง
รอรี่ ดีแลป พยายามเลี้ยงลูกของเขาให้ดีที่สุด และเขาก็มั่นใจว่าด้วยเงินที่หาได้สัปดาห์ละหมื่นปอนด์ กับค่าเงินในยุคนั้น เขาสามารถสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ลูกชายของเขาได้ โดย เลียม ดีแลป ก็เป็นเด็กที่ชอบฟุตบอล ตามพ่อไปที่สโมสรด้วยเป็นประจำ และช่วงที่เขาจำความได้ดีที่สุด และอยากจะเป็นนักฟุตบอลมากที่สุด ก็เป็นช่วงเวลาที่ รอรี่ พ่อของเขาเป็นข่าวหน้าหนึ่งในแทบทุกสัปดาห์
ในช่วงกลางต่อปลายยุค 2000s รอรี่ ดีแลป ดังมากในเรื่องของการทุ่มไกล โทนี่ พูลิส ที่คว้าตัว รอรี่ มาร่วมทีมในปี 2006 ดึงศักยภาพของเขาที่เคยเป็นนักพุ่งแหลนระดับแชมป์ภูมิภาคให้เป็นประโยชน์ในการทุ่มลูกฟุตบอลที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ
บอลของเขาพุ่งแรง และโค้งได้เหมือนกับลูกเตะมุม ยิ่งมาผนวกกับกลุ่มนักเตะของสโต๊คที่เป็นพวกยักษ์ใหญ่ สูง 190 เซนติเมตรกันครึ่งค่อนทีม ลูกทุ่มของ ดีแลป จึงเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่พวกเขารอคอย เรียกได้ว่าการทุ่มของเขานั้น แม่นยำถึงขนาดเป็นอาวุธหลักที่ทำให้สโต๊กไม่เพียงเลื่อนชั้นจาก แชมเปี้ยนชิพ สู่ พรีเมียร์ลีก ยังอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกได้ตลอดช่วงที่ดีแลปอยู่กับสโมสรเลยทีเดียว
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น เลียม เล่าว่า เขาอายุได้ราว ๆ 8 ขวบ และจำความรู้สึกในเวลานั้นได้ และเขารู้ว่าพ่อของเขาฝึกหนักแค่ไหน ในการทำให้ลูกทุ่มกลายเป็นลูกหากินระดับพลิกชีวิต ที่ใคร ๆ ก็ต้องนึกถึงจนกระทั่งทุกวันนี้
"ช่วงที่พ่อของผมเล่นอยู่ที่สโต๊ก ผมตามไปดูการแข่งขันต่าง ๆม ากมาย และผมตื่นเต้นมากที่เห็นพ่อทำผลงานได้ดี มีคนบอกว่าพ่อเป็นคนที่เก่งขนาดไหน"
"ผมรู้สึกยินดีและภูมิใจกับพ่อมาก ๆ เพราะทุกวันที่เราอยู่บ้านด้วยกัน หรือแม้แต่การที่พ่อพาผมมาสนามซ้อมด้วย ผมจะเห็นพ่อของผมซ้อมหนักมาก เขาจะซ้อมกับทีมก่อนจนจบเซสซั่น จากนั้นพ่อก็จะแยกมาซ้อมทุ่มคนเดียว ด้วยการมาร์คจุดและขว้างบอลเข้าไปยังเป้าหมายที่ต้องการ"
"ตอนนั้นแหละที่ผมได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง สิ่งที่พ่อทำกว่าจะมาถึงจุดนี้ไม่มีทางลัดเลย พ่อบอกเสมอว่า การจะเป็นนักฟุตบอลระดับท็อปนั้น ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นคนไม่มีความมุ่งมั่นมากพอ ก็ขอให้เลิกฝันที่จะไปถึงจุดนั้นเลยดีกว่า เพราะความมุ่งมั่นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ... สิ่งที่พ่อทำ ทำให้ผมรู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง หากผมอยากจะเป็นนักฟุตบอลในระดับสูง สูงกว่าที่พ่อเป็นในตอนนั้น" ดีแลป คนลูกกล่าว
ในไม่ช้า เลียม ดีแลป ก็เรียนรู้จากพ่อของเขา เลียม มีความโดดเด่นในเรื่องของความเร็ว เขาได้รับการทดสอบและผ่านเข้าสู่อคาเดมี่ของ ดาร์บี้ และแน่นอน พ่อของเขาพยายามสอนตลอดว่า ถ้าอยากจะยิ่งใหญ่ก็ต้องอย่าพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นเด็ดขาด ทุกวันต้องตั้งความหวังให้สูงขึ้นกว่านี้
รอรี่ ดีแลป พูดถึงการสอนลูกชายของเขาว่า เขาไม่เคยตามใจลูกชาย และใช้การโอ๋ลูกชายน้อยมาก เขาแทรกและสอนจากประสบการณ์ตรง เรื่องของการกระหายที่จะพัฒนาตัวเอง ใช้เวลาให้เต็มที่ในการเล่นระดับเยาวชน เพื่อไปให้ถึงระดับทีมชุดใหญ่อย่างเร็วที่สุด เพราะยิ่งถึงเร็วเท่าไหร่ สภาพแวดล้อมก็จะพัฒนาคุณได้ดีขึ้นเท่านั้น
"การสร้างตัวตน เป็นปัจจัยที่ผมใช้กระตุ้นตัวเองตอนที่เป็นเด็ก ผมไม่อยากเป็นนักเตะดาวรุ่งที่ไม่มีใครจำ ผมอยากจะเป็นเด็กที่พัฒนาตัวเองและกลายเป็นผู้เล่นตัวจริงของทีมชุดใหญ่ ... นักเตะดาวรุ่งยุคนี้หลายคนถูกตามใจจนเคยตัว คุณไม่สามารถเอาระบบจากคนรุ่นผมไปใส่คนรุ่นใหม่ได้แล้ว ดังนั้นทุกคนต้องรู้ตัวเอง รับผิดชอบตัวเองให้มากที่สุด เพื่อเป็นนักเตะในระดับที่คนอื่นในรุ่นไม่สามารถไล่ตามคุณทันได้" รอรี่ ดีแลป ว่าถึงการสอนลูกชาย
เลียม ดีแลป เป็นเด็กแบบนั้นจริง ๆ ในปี 2019 เขาถูกทีมแมวมองของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าตัวมาร่วทีมตอนอายุ 16 ปี ณ เวลานั้นเป็นช่วงวัดใจมาก ๆ เพราะ เลียม ดีแลป เป็นนักเตะที่ชอบเล่นด้วยสปีด แต่ก็วิ่งจนต้องมีอาการบาดเจ็บที่หลัง ซึ่งวิธีแก้แบบที่พ่อของเขาสอนก็คือ ใช้เวลาเข้ายิมให้มากกว่าเดิม เพิ่มความแข็งแกร่งที่หลังโดยเฉพาะ เพื่อให้กลับมาวิ่งแบบเต็มสปีดได้เหมือนเดิม ซึ่งมันก็กลายเป็นวิธีการเล่นแบบที่เราเห็นอยู่ในเวลานี้
ก้าวออกมา อย่ากลัวใคร
เลียม ดีแลป พยายามสู้อย่างมากในช่วงเวลากับ แมนฯ ซิตี้ เป้าหมายของเขาคือการเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษ เพียงแต่ว่า แมนฯ ซิตี้ มีนักเตะระดับโลกเข้ามาเป็นกองหน้าในแทบทุกซีซั่น หมดจากยุค เซร์คิโอ กุน อเกวโร่ ก็มาถึงยุค เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ดังนั้นเด็กท้องถิ่นอย่าง เลียม จึงยากที่สอดแทรกนักเตะเหล่านี้ได้
โชคดีที่เขาถูกสอนให้หาตัวตนของตัวเองให้เจอตั้งแต่ยังเด็ก ไม่มีอะไรจะพัฒนานักเตะดาวรุ่งได้ดีกว่าลงเล่นในเกมจริง ๆ ของทีมชุดใหญ่ เลียม ดีแลป อายุ 21 ปี แล้วและแทบไม่มีบทบาทในทีมชุดใหญ่มากนัก ในฤดูกาล 2024-25 เขาจึงเลือกที่จะสร้างเส้นทางใหม่ของตัวเอง ด้วยการย้ายไปอยู่กับทีมน้องใหม่ พรีเมียร์ลีก อย่าง อิปสวิช ทาวน์ หลังก่อนหน้านี้ลงเล่นแบบยืมตัวกับหลายสโมสรใน แชมเปี้ยนชิพ
"ผมคิดว่าเมื่อตัวเองมาอยู่ในจุดวิกฤติ การแสดงความก้าวร้าวของตัวเองออกมาคือสิ่งที่ผมทำได้ดีมาก คาแร็คเตอร์ที่ผมเป็นได้รับการหล่อหลอมมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ผมคิดเสมอว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ดีเสมอ ตราบใดที่เรารู้ว่าเรากำลังเจอกับอะไรอยู่ ... ผมอยู่ที่นี่ และผมคิดว่ามันเป็นที่ของผม และเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ผมแสดงตัวตนของตัวเองออกมา
"หลายคนอาจจะคิดว่าผมมีพรสวรรค์ แต่ผมเชื่อเสมอว่า พรสวรรค์อย่างเดียวไม่มีทางเวิร์ก ตราบใดที่คุณไม่มีความพยายาม" เลียม ดีแลป กล่าวหลังการย้ายทีม
พ่อของเขาทำให้ชีวิตของเขาสุขสบาย และได้โอกาสมากมายในชีวิต แต่ เลียม ดีแลป ก็มีฝันของตัวเอง การได้เห็นพ่อของเขาสู้ผ่านช่วงชีวิตของการเป็นนักเตะอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นตอนรุ่ง ๆ ทำเงินได้มาก หรือแม้กระทั่งช่วงปลายอาชีพที่บาดเจ็บจนเล่นไม่ได้จนต้องประกาศแขวนสตั๊ดกับ เบอร์ตัน อัลเบี้ยน ใน ลีกทู เมื่อปลายปี 2013 ทำให้ เลียม ดีแลป ได้เห็นสิ่งที่นักเตะดาวรุ่งหลายคนไม่เคยได้เห็นและสัมผัสมันอย่างใกล้ชิดเหมือนกับที่เขาได้สัมผัสจากประสบการณ์ของพ่อ
เมื่อเขารู้ว่าอาชีพนักฟุตบอลนั้นแสนนั้น และการหยุดพัฒนาก็คือการฆ่าตัวเองช้า ๆ เลียม ดีแลป จึงเป็นนักเตะในแบบที่เราเห็น พัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว ไม่กลัวการออกไปอยู่กับทีมเล็ก ๆ เพื่อพิสูจน์ตัวเอง และพร้อมวิ่งชนกองหลังทุกคน คู่แข่งทุกทีม แม้ว่าตัวของเขาจะอายุแค่ 21 ปี และทีมของเขาก็เป็นแค่ทีมเล็ก ๆ ที่ 2 ปีก่อนยังเล่นใน ลีกวัน อยู่เลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้ เลียม ดีแลป ถือสัญชาติอังกฤษ และกำลังเป็นหนึ่งในนักเตะที่ถูกมองว่าจะเป็นตัวแทนของ แฮร์รี่ เคน ในอนาคต ... ช่วงเวลาการไต่ระดับของเขาเริ่มขึ้นอีกครั้ง และจากสิ่งที่เขาแสดงออกมากับ อิปสวิช ในเวลานี้ ไม่แน่ว่าถิ่น พอร์ทเมน โร้ด อาจจะเล็กเกินไปสำหรับดาวรุ่งจอมห้าวอย่างเขาก็เป็นได้
แหล่งอ้างอิง
https://www.thesun.co.uk/sport/31935159/liam-delap-ipswich-ed-sheeran-harry-kane-transfer/
https://www.sportbible.com/football/rory-delap-lionel-messi-premier-league-arsenal-stoke-242699-20230621
https://www.thescore.com/engch/news/1931302
https://www.irishpost.com/sport/rory-delap-carlisle-long-throw-weapon-19520
https://www.stokesentinel.co.uk/sport/football/football-news/manchester-city-liam-delap-rory-3941163
https://www.englandfootball.com/articles/2024/Oct/11/england-mens-under-21s-liam-delap-interview-20241110