คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ทีมที่แฟนบอลไทยหลายคนให้ความสนใจ เพราะเป็นต้นสังกัดปัจจุบันของ สุภโชค สารชาติ รวมถึงมี ชนาธิป สรงกระสินธ์ เป็นอดีตนักเตะ ล่าสุดพวกเขาตกชั้นลงไปเล่น เจลีก 2 แล้วเรียบร้อย ในนัดที่ 37 ของศึก เจลีก 1 ฤดูกาล 2024
จากเป้าหมายที่เคยตั้งเอาไว้ หลังเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดครั้งล่าสุด เมื่อปี 2017 ว่าจะเดินหน้าสู่การจบอันดับสูง ๆ เพื่อคว้าโควตาไปเล่นในศึกฟุตบอลถ้วยเอเชียให้ได้ 7 ปีต่อมา กลายเป็นฤดูกาล 2024 ฤดูกาลที่ 8 ติดต่อกันบนลีกสูงสุด พวกเขาคือหนึ่งในทีมที่ตกชั้นไปเล่น เจลีก 2 ฤดูกาลหน้า
ด้วยปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในและนอกสนาม มันได้หลอมรวมทำให้ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ต้องกลับไปเริ่มต้นกันใหม่ที่ลีกรอง
ปัญหาเหล่านั้นมีอะไรบ้าง ? ติดตามได้ที่นี่ Main Stand
เปิดเกมรุก แต่จบไม่คม
ตั้งแต่ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร เลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ เจลีก 1 ได้อีกครั้งในปี 2017 แน่นอนว่าเป้าหมายแรกของพวกเขาคือการเอาตัวรอด อยู่บนเวทีลีกสูงสุดให้ได้ และเมื่อทำสำเร็จ เป้าหมายในปีต่อ ๆ ไป คือการยกระดับทีมให้สูงขึ้น เพื่อทำผลงานบนตารางคะแนน และคว้าโควตาไปเล่นในฟุตบอลถ้วยเอเชีย
แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเข้าทัพ "นกเค้าแมวแดนเหนือ" ก็ยิ่งไม่มีความใกล้เคียงกับการเป็นทีมที่ได้ลุ้นไปเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก กลายเป็นว่าพวกเขาต้องสู้เพื่อเป้าหมายที่ต่ำลงเรื่อย ๆ ตั้งแต่เป็นทีมที่จบอันดับกลางตาราง จนเข้าสู่การเป็นทีมที่ต้องหนีตกชั้น
ในช่วง 2-3 ฤดูกาลมานี้ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร มีแนวทางการเล่นที่ชัดเจนนั่นคือ "ยิงเยอะ เสียเยอะ" พวกเขาชื่นชอบในการเล่นฟุตบอลเกมรุก พร้อมสร้างโอกาสทำประตูใส่คู่แข่ง หากทำประตูได้เยอะกว่าคู่แข่งในแต่ละเกม ชัยชนะก็ตกเป็นของพวกเขา
เริ่มจาก เจลีก ฤดูกาล 2021 หากไม่นับทีมที่จบ 4 อันดับแรก ซึ่งทำประตูแตะหลักเลข 60 กันหมด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร คือทีมที่ทำประตูได้ 48 ประตู เยอะที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก เอฟซี โตเกียว ที่ทำไป 49 ประตูในฤดูกาลนั้น
ต่อมา ฤดูกาล 2022 พวกเขาจบอันดับ 10 ของตาราง ทำไป 45 ประตู พอ ๆ กับทีมที่จบอันดับ 4 อย่าง คาชิม่า อันท์เลอร์ส ที่ทำได้ 47 ประตู แต่ผลงานในเรื่องเกมรับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร เสียไป 55 ประตู เยอะกว่าทีมที่หนีตกชั้นบางทีมในฤดูกาลดังกล่าวเสียอีก
และเห็นภาพชัดเจนในฤดูกาล 2023 คอนซาโดเล่ ซัปโปโร จบอันดับ 12 ของตาราง จากทั้งหมด 18 ทีม กดไปถึง 56 ประตู แพ้แค่ วิสเซล โกเบ ทีมแชมป์ที่ทำไป 61 ประตู และรองแชมป์ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส จำนวน 63 ประตู
ทว่าฤดูกาลนั้น พวกเขาก็เป็นทีมที่เสียประตูเยอะที่สุด ที่จำนวน 61 ประตู ครองตำแหน่งร่วมกับ กัมบะ โอซาก้า ทีมอันดับ 16 ของตาราง ที่เสียไป 61 ประตูเท่ากัน ตรงตามคอนเซ็ปต์ "ยิงเยอะ เสียเยอะ"
อย่างไรก็ตาม เจลีก ฤดูกาล 2024 คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ไม่สามารถเล่นในแนวทางดังกล่าวให้เห็นผลได้ กลายเป็น "ยิงน้อย เสียเยอะเท่าเดิม" โดยหากไม่นับทีมที่ต้องหนีตกชั้น พวกเขายิงเยอะกว่า อวิสป้า ฟุกุโอกะ ทีมโซนกลางตารางเพียงทีมเดียว และเสียประตูไปแล้วกว่า 60 ประตู มี ซางัน โทสุ ทีมบ๊วยของตารางที่เสียประตูมากกว่าพวกเขา
มิไฮโล เปโตรวิช กุนซือของ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร มักจะให้สัมภาษณ์หลังเกมการแข่งขันในฤดูกาล 2024 อยู่บ่อย ๆ ว่าเมื่อทีมของเขาได้ครองบอล จะสามารถสร้างสรรค์เกม และทำประตูได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่เพียงพอกับการนำไปทดแทนประตูที่ทีมเสียไป
"เมื่อเราครองบอล เราสามารถโชว์ฟอร์มการเล่นของเรา เราสร้างโอกาส และเราทําประตูได้ แต่ถ้าคุณได้ดูเกม ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ เราเสียประตูในสถานการณ์ที่เราไม่ควรเสีย และเกมก็ไม่ได้เป็นของเรา" มิไฮโล เปโตรวิช กล่าว
"เราอยู่ท้ายตาราง มันมีเหตุผลอยู่แล้วว่าทําไมเราถึงมาอยู่ในจุดนี้ เราถูกตัดสินจากผลการแข่งขัน ดังนั้นผมไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ และความรับผิดชอบอยู่ที่ผม ในฐานะโค้ช"
"มันไม่ใช่จุดที่เราต้องการอยู่ แต่ผมคิดว่ามีเหตุผลเสมอที่ทำให้เราไปอยู่ตรงนั้น"
นอกจาก คอนซาโดเล่ ซัปโปโร จะเน้นเกมรุก แต่กลับไม่มีผลงานทำประตูที่เด่นชัดแล้ว เรื่องเกมรับ คือปัญหาเรื้อรัง ที่คอยฉุดให้ผลงานพวกเขาตกต่ำลงมาตลอด
รับหลวม โดนคู่แข่งลงโทษ
"เกมรุกจะทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณเป็นแชมป์" นี่คือหนึ่งในวลีเด็ดของตำนานกุนซือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เราได้เห็นได้ยินกันบ่อย ๆ ในโลกฟุตบอล
แต่หากเราดัดแปลงประโยคดังกล่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ของ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร เราอาจจะได้ประโยคว่า "เกมรุกจะทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณอยู่รอด"
เกมรับ กับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ดูจะเดินเป็นเส้นขนานกันในช่วง 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา นี่คือจุดอ่อนจุดใหญ่ของพวกเขา ที่ก่อนหน้านี้ถูกกลบด้วยผลงานการเล่นเกมรุกและทำประตู
การเสียประตูมากถึง 50 ประตูในหนึ่งฤดูกาล เป็นเรื่องที่มักจะเกิดขึ้นกับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ในช่วงหลัง ๆ และในแต่ละฤดูกาล ทีมของพวกเขาจะติดอันดับทีมที่เสียประตูมากที่สุดอยู่บ่อย ๆ
เหล่ากูรูฟุตบอลสายญี่ปุ่น หรือเว็บไซต์กีฬาในญี่ปุ่น ต่างคาดการณ์ว่า คอนซาโดเล่ ซัปโปโร เป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะตกชั้นในศึก เจลีก 2024 โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลในเรื่องของเกมรับ ที่ทีมไม่สามารถบริหารจัดการโซนหรือพื้นที่ตั้งรับในแดนของตัวเองได้ดี
"ซัปโปโร น่าเป็นห่วงในเรื่องของเกมรับ พวกเขาเสียประตูมากกว่าทีมอื่น ๆ ในลีก" เว็บไซต์ footballchannel.jp แสดงความเห็น พร้อมยกให้ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร คือทีมที่สุ่มเสี่ยงจะตกชั้น เจลีก 2024 มากที่สุด
"แม้ว่าจะพยายามวางแผนในการป้องกัน เช่นการประกบตัวคู่แข่งอย่างใกล้ชิด แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดเกมรุกของคู่แข่งได้ พวกเขาไม่สามารถจัดการกับพื้นที่ว่างที่เกิดขึ้นได้ แผนการที่พวกเขาเตรียมมาได้พังทลายลง ผลต่างประตูได้เสียเพิ่มมากขึ้น กลายเป็นอุปสรรคใหญ่ในการหนีจากโซนตกชั้นของพวกเขา"
ลามไปถึงแฟนบอลบางคนที่วิจารณ์เรื่องเกมรับของ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ที่เล่นได้อย่างย่ำแย่และน่าปวดหัว จากหลายเกมที่พวกเขาเป็นฝ่ายทำประตู ขึ้นนำคู่แข่งได้ก่อน แต่สุดท้ายกลายเป็นคู่แข่งที่ทำประตูแซง คว้าชัยชนะไปต่อหน้า เช่นในฤดูกาล 2023 ที่ ซัปโปโร จัดไป 8 เกม ขึ้นนำคู่แข่งได้ก่อน แล้วมาโดนเอาคืน พลาดชัยชนะและ 3 แต้ม
"ดูเหมือนว่าเกมรับ จะเป็นสิ่งที่ไม่เข้ากับ ซัปโปโร มีหลายจังหวะในการเล่นเกมรับที่ทำได้น่าผิดหวัง หากสิ่งเหล่านั้นหายไปบ้าง สถานการณ์ของทีมอาจจะแตกต่างออกไป" บัญชีทวิตเตอร์ @GAJUU ให้ความเห็นเกี่ยวกับเกมรับของ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร
ทั้งเรื่องเกมรุกที่ทำได้ไม่ดีเหมือนเดิม บวกกับเกมรับที่เป็นจุดเสียข้อใหญ่อยู่แล้ว มันจึงทำให้ผลงานของ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ในฤดูกาล 2024 ย่ำแย่สุดขีด จนตกชั้นไปเล่น เจลีก 2 ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพทีมในปัจจุบัน มันก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ทัพ "นกเค้าแมวแดนเหนือ" ไม่สามารถทำผลงานได้ตามความคาดหวัง
นักเตะใหม่ ทดแทนไม่ไหว
ศึก เจลีก 2024 คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ได้มีการเปลี่ยนแปลงขุมกำลังนักเตะไปพอตัว พวกเขาปล่อยแข้งชุดเดิมของทีมไปหลายคน เช่น สึโยชิ โอกาชิวะ กองหน้าร่างเล็ก วัย 26 ปี ขายให้ เอฟซี โตเกียว ค่าตัว 1.3 ล้านยูโร
ปล่อย ลูคัส เฟอร์นันเดส ริมเส้นชาวบราซิล และ ชุนตะ ทานากะ กองหลังที่เล่นบอลกับเท้าได้ดี ไปให้ เซเรโซ่ โอซาก้า แบบไม่มีค่าตัว หรือปล่อย ทาคุโร่ คาเนโกะ ปีกขวาวัย 27 ปี ไปค้าแข้งในต่างแดน
จนทำให้ช่วงหนึ่งในตลาดซื้อขายหน้าหนาว 2024 คอนซาโดเล่ ซัปโปโร กลายเป็นที่มีมูลค่านักเตะรวมกันน้อยที่สุด ในบรรดา 20 ทีมในเจลีก 1 จำนวนอยู่ที่ประมาณ 9.73 ล้านยูโร เป็นทีมเดียวในลีกสูงสุดญี่ปุ่น ณ เวลานั้น ที่มูลค่านักเตะรวมกันไม่ถึง 10 ล้านยูโร
แต่เหล่านักเตะใหม๋ที่เสริมทัพเข้ามา กลับไม่สามารถเข้ามาช่วยเติมเต็ม หรือทดแทนขุมกำลังชุดก่อนหน้านี้ได้ดีมากพอ
กองหน้าตัวใหม่ที่ทีมหวังพึ่งมากที่สุดอย่าง มุซาชิ ซูซุกิ ยืมตัวมาจาก กัมบะ โอซาก้า และมีดีกรีทำประตูให้กับทีมชาติญี่ปุ่นมาแล้ว ทำผลงานได้น่าผิดหวังในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกของ เจลีก ผลิดสกอร์ให้ทีมไม่ได้เลย สักประตูเดียว
ส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อเกมรุกของทีม ที่เป็นเหมือนจุดเด่นของ ซัปโปโร จนโดนเสียงวิจารณ์หนักจากแฟนบอล ถึงขั้นถูกไล่ให้ไปอยู่บนภูเขา ทำสมาธิ ฝึกจิตให้นิ่งกว่านี้ แล้วค่อยกลับลงสนามใหม่
หรือจะเรื่องเกมรับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร คว้าตัว เลโอ โอซากิ อดีตปราการหลัง วิสเซล โกเบ ชุดคว้าแชมป์เจลีก 2023 มาช่วยดูแลหลังบ้านของทีม แต่ก็ไม่เป็นผล พวกเขาพร้อมเสียประตูให้กับคู่แข่งเหมือนเดิม
ส่วนนักเตะรายอื่น ๆ ที่เสริมเข้ามา หลายคนเป็นนักเตะที่มาจากทีมใน เจลีก 2 หรือดิวิชั่นที่ต่ำกว่านั้น หรือไม่ก็เป็นนักเตะจากทีมมหาวิทยาลัย ซึ่งยังไม่ดีพอจะเข้ามาช่วยกู้วิกฤติทีมในเวลานี้ได้
แน่นอนว่าผลงานที่ย่ำแย่เช่นนี้ เหล่าแฟนบอล คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ก็ต้องไม่พอใจกับแนวทางการบริหารทีมในฤดูกาลนี้ ทั้งการผลัดเปลี่ยนนักเตะในทีม ที่คุณภาพดร็อปลงจนกระทบต่อผลงานในสนาม หรือการที่ทีมยังไว้ใจให้ มิไฮโล เปโตรวิช อยู่คุมทีมต่อ โดยแฟนบอลบางส่วนรู้สึกว่ากุนซือรายนี้ ไม่ได้มีความกระหาย อยากจะยกระดับทีมให้สูงขึ้น แค่ต้องการคุมทีมเอาตัวรอดไปแต่ละเกม ไม่ได้ทำให้ทีมพัฒนาไปไกลนี้ แถมจะมีแต่ทำให้แย่ลง
ซึ่งอันที่จริง เหล่าแฟนบอล คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ก็เริ่มแสดงความไม่พอใจกับผลงานในสนามของทีม รวมถึงแนวทางการบริหารทีม พร้อมถามหาเป้าหมายที่แท้จริงของสโมสร ว่ามันคืออะไรกันแน่ มาตั้งแต่ฤดูกาล 2023 แล้ว ผ่านการแสดงออกระหว่างเกมการแข่งขัน
เรื่องเกิดขึ้นในเกมนัดรองสุดท้ายของศึก เจลีก 2023 ที่ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร บุกชนะ เอฟซี โตเกียว 3-1 ได้มีแฟนบอลทีมเยือนนำป้ายมาติดข้างสนามว่า "คว้าแชมป์เจลีก, โควตา เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก, จบอันดับกลางตาราง, หนีตกชั้น เป้าหมายที่แท้จริงของสโมสรในปีนี้ มันคืออะไรกันแน่"
"แสดงให้เราเห็นที ว่าสโมสรพร้อมที่จะตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น"
การออกมาส่งเสียงเรียกร้องของแฟนบอลในครั้งนั้น แสดงให้เห็นว่าทิศทางการบริหารทีม มีบางอย่างที่มันยังไม่ถูกต้อง และน่าจะช่วยกระตุ้นให้บอร์ดบริหารทีม ต้องออกมาแก้ไขปัญหาเหล่านั้น เปลี่ยนมันให้กลับมาอยู่ในลู่ทางอันควร
แต่สุดท้ายมันไม่เป็นผล ฤดูกาลต่อมา คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ที่ลีกรองอีกครั้ง
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้ ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก มันจะเป็นบทเรียนครั้งสำคัญให้กับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ได้เรียนรู้เพื่อเติบโต แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม และกลับมาสู่ลีกสูงสุดของญี่ปุ่นได้ในเร็ววัน
แหล่งอ้างอิง :
https://web.ultra-soccer.jp/news/view?news_no=465909
https://topics.smt.docomo.ne.jp/article/sportiva/sports/sportiva-0000105125
https://www.footballchannel.jp/2024/06/29/post578717/
https://sportiva.shueisha.co.jp/clm/football/jleague_other/2024/04/13/post_54/
https://www.excite.co.jp/news/article/FOOTBALLTRIBE_307164307164/
https://x.com/n_oki/status/1728264517845766305