ฟิออเรนติน่า กลายเป็นทีมที่ลุ้นแชมป์ เซเรีย อา ในซีซั่น 2024-25 หลังผ่านไป 11 เกม ด้วยการตามหลังจ่าฝูงอย่าง นาโปลี แค่แต้มเดียว
เรื่องราวของพวกเขาค่อนข้างน่าสนใจ เพราะว่ามันเหมือนเป็นทีม "ใหม่ถอดด้าม" กันเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะนักเตะที่อาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จักบนหน้าสื่อมากนัก และแม้แต่โค้ชของพวกเขาอย่าง ราฟฟาเอลเล่ ปัลลาดิโน่ ก็เพิ่งเริ่มอาชีพเฮดโค้ชได้ไม่ถึง 2 ปีเลยด้วยซ้ำ
ใหม่เจอใหม่ กลายเป็นดีถึงขนาดนี้ได้มันต้องมีเหตุผล ? หาคำตอบกับ Main Stand
ฟิออเรนติน่า ก่อนหน้านี้
ฟิออเรนติน่า คือทีมขวัญใจแฟนบอลยุค 1990s ต่อยุค 2000s ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับเสน่ห์ในอดีต ทั้งนักเตะที่เป็นไอคอนอย่าง กาเบรียล บาติสตูต้า, รุย คอสต้า, ฟรานเชสโก้ ตอลโด้ หรือแม้กระทั่ง เอ็นริโก เคียซ่า และ นูโน่ โกเมส
ในช่วงเวลานั้น "ม่วงมหากาฬ" เป็นทีมทีมระดับแถวหน้าของเซเรีย อา ตีตั๋วไปเล่นฟุตบอลยุโรปทั้งถ้วยใหญ่ถ้วยเล็กอยู่บ่อยครั้ง และเคยคว้าแชมป์ โคปปา อิตาเลีย ในปี 2001 ซึ่งถือเป็นแชมป์สุดท้ายของพวกเขา เพราะหลังจากได้ถ้วยแชมป์นั้น เรื่องราวมากมายก็เกิดขึ้นกับสโมสรแห่งนี้
ไม่ว่าจะด้วยเรื่องปัญหาทางการเงินที่ทำให้ทีมต้องตกชั้น ล้มละลาย และสร้างทีมขึ้นมาใหม่ ซ้ำร้ายยังเป็นหนึ่งในทีมที่โดนลงโทษจากคดี "กัลโช่โปลี" หรือการล็อคผลการแข่งขันด้วย ช่วงเวลาต้นยุค 2000s ต่อมาจนถึงช่วงยุค 2010s จึงกลายเป็นทศวรรษที่พวกเขาต้องพยายามอย่างมากเพื่ออยู่รอด รักษาสโมสรให้อยู่กับแฟนบอลต่อไป
ความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ตลอดจนปัญหาสะสมหลายเรื่อง ทั้งเรื่องนอกสนาม และเรื่องในสนามที่ไม่เป็นดังใจ ทำให้ตระกูล เดลลา วัลเล่ ที่กอบกู้สโมสรจากการล้มละลาย ยอมปล่อยมือจากทีมนี้ และขายทีมให้กับ ร็อคโค่ คอมมิสโซ่ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาเลียน เข้ามาซื้อกิจการต่อในปี 2019 ด้วยเงินจำนวน 160 ล้านยูโร ซึ่งเจ้าของเดิมอย่างตระกูล เดลลา วัลเล่ ก็จำยอมที่จะปล่อย เพราะสิ่งที่เขาได้พูดคุยกับว่าที่เจ้าของใหม่อย่าง คอมมิสโซ่ ถือเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาสบายใจมากขึ้นในการปล่อยทีมรักที่ดูแลมาถึง 17 ปีทีมนี้
"ในเวลานั้น อันเดรีย พี่ชายของผมเสียใจมาก แต่ผมคิดว่าเขาตัดสินใจถูกต้องแล้วที่มอบสโมสรให้กับคนที่มีฐานะทางการเงินมั่นคง" ดิเอโก้ เดลลา วัลเล่ กล่าว
"ปัญหาของเราคือการหาใครสักคนที่จะมาการันตีอนาคตให้กับ ฟิออเรนติน่า ได้ และเราก็ทำสำเร็จ โดยช่วยเขาด้วยการมอบทีมที่ดีมาก และพร้อมจะต่อยอดไปเพื่ออนาคตสำหรับการลงทุนของเขา"
ซึ่งจะบอกว่ายุคแห่งการเปลี่ยนแปลงเริ่มตั้งแต่ตอนนั้นก็ว่าได้ ปีแรก ๆ ในยุค คอมมิสโซ่ มี วินเซนโซ่ มอนเตลล่า เป็นกุนซือใหญ่ แต่ปีแรกในยุคเปลี่ยนเจ้าของ มอนเตลล่า พาทีมจบฤดูกาล 2018-19 เหนือโซนตกชั้นแค่ 3 แต้ม หลังจากนั้นก็มีการเปลี่ยนตัวกุนซือหลายรอบ เซซาเร่ ปรันเดลลี่ กลับมาคุมทีมรอบสอง ขณะที่ จูเซปเป้ ยาคินี่ คุมทีมถึง 2 รอบ ก่อนที่ วินเซนโซ่ อิตาเลียโน่ จะเข้ามาคุมทีมช่วงกลางปี 2021
การมีเจ้าของใหม่ นำมาซึ่งการหมุนเวียนในบัญชีที่ดีขึ้น การเปลี่ยนแปลงคนในตำแหน่งนั่งเก้าอี้หลาย ๆ ตำแหน่ง นำมาสู่ความเชี่ยวชาญเรื่องการบริหารที่มากกว่าเดิม ในช่วงแรก ๆ หลังการเปลี่ยนเจ้าของ มันเป็นช่วงของการซ่อม มากกว่าการสร้าง และช่วงของการซ่อมก็ทำให้ คอมมิสโซ่ ใช้เงินกับสโมสรนี้ไปแล้วกว่า 400 ล้านยูโร ... และทุกอย่างถูกใช้อย่างละเอียดรอบคอบ ไม่มีการทุ่มเกินตัวแบบในอดีตอีกแล้ว
พวกเขาพร้อมทำทีมแบบซื้อมาขายไป ... นักเตะคนไหนได้ราคาดี พวกเขาก็จะยอมขาย ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2019 ก็มีนักเตะที่กำไรให้ทีมหาศาล อาทิ เฟเดริโก้ เคียซ่า กับ ดูซาน วลาโฮวิช ที่ขายให้ ยูเวนตุส ด้วยเงินรวมกว่า 150 ล้านยูโร และพวกเขาใช้เงินนั้นผสมกับการวิเคราะห์โดยทีมสรรหา เพื่อเอามาเล่นแร่แปรธาตุเป็นนักเตะหลาย ๆ คนในชุดปัจจุบัน
โดยหลายคนเข้ามาและกลายเป็นตัวหลัก ช่วยทีมได้จริง ๆ มากมาย อาทิ นิโคลัส กอนซาเลซ, โจนาธาน อิโคเน่, โดโด้, ลูคัส เบลทราน, ลูคัส มาร์ติเนซ ควาร์ต้า นอกจากนี้ พวกเขายังทยอยขายนักเตะที่ทำไรได้คนอื่น ๆ เพื่อทำให้ยอดบัญชีห่างไกลจากปัญหาเรื่องการเงินที่สุด โดยที่ยังคงทำผลงานในสนามดำเนินต่อไปได้
การจะทำให้การซื้อนักเตะคุ้มค่าที่สุด ก็ต้องยกให้เป็นเรื่องการเลือกโค้ช คนที่จะบริหารทรัพยากรทุกอย่างที่มีอย่างคุ้มค่า เปลี่ยนนักเตะธรรมดาให้เป็นนักเตะที่ทีมพึ่งพาได้ ผลงานดี มีราคาขายต่อที่น่าสนใจ
ในยุคของ วินเซนโซ่ อิตาเลียโน่ กุนซือคนเก่า พวกเขาใช้แนวทางนี้และไปได้ดีด้วยการจบอันดับในตารางแบบที่ไม่ต้องลุ้นตกชั้น แถมยังได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรปอย่าง ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ที่พวกเขาได้รองแชมป์ 2 ปีติดต่อกัน ในฤดูกาล 2022-23 และ 2023-24 อย่างน่าเสียดาย
การแพ้ในนัดชิงชนะเลิศ 2 ปีติดต่อกันกับ เวสต์แฮม และ โอลิมเปียกอส ทำให้ อิตาเลียโน่ ประกาศลาออก และทีมงานคัดสรรของพวกเขาจึงได้ไปเจอโค้ชหนุ่มรุ่นใหม่ที่น่าสนใจเข้ามารับงานนี้แทน นั่นคือ ราฟฟาเอลโล่ ปัลลาดิโน่ อดีตนักเตะที่เล่นให้กับหลายทีมใน เซเรีย อา ก่อนที่จะเริ่มคุมทีมอย่างจริงจังในปี 2022 เท่าน้น
ข้อดีของการมีทีมคัดสรรที่ดี คือคุณจะได้โค้ชที่ตอบโจทย์ และต้องยอมรับว่าในช่วงเริ่มแรก ปัลลาดิโน่ ทำงานของเขาออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
โค้ชหนุ่มที่เชื่อเรื่องการเป็นทีม
ราฟฟาเอลโล่ ปัลลาดิโน่ นั้นเริ่มงานคุมทีมครั้งแรกกับ มอนซ่า ในฤดูกาล 2022-23 ด้วยมีศักยภาพซ่อนอยู่มากมาย จากการทำงานในฐานะผู้ดูแลทีมเยาวชน และกุนซือของทีมพรีมาเวร่า (ยู-19) ของ มอนซ่า จนถึงปี 2021 และขยับมารับงานใหญ่ในเดือนกันยายนปี 2022 ก่อนพา มอนซ่า เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด และเอาตัวรอดใน เซเรีย อา ได้แบบสบาย ๆ ก่อนจบฤดูกาลถึง 6 เกม
กุนซือหนุ่มวัย 40 ปี อย่าง ปัลลาดิโน่ ถูกเลือกโดยทีมงานของ คอมมิสโซ่ โดยตรง ซึ่งในช่วงของการแต่งตั้งนั้น มีแฟนบอลที่โต้เถียงเรื่องนี้อยู่บ้าง และวิจารณ์สโมสรที่ไม่ต่อสัญญากับคนที่พาทีมไปได้ดีอย่าง อิตาเลียโน่ รวมถึงเรื่องการทุ่มเงินน้อยเกินไปกว่าที่แฟนบอลอยากเห็น แต่ คอมมิสโซ่ ก็ตอบเรื่องนี้กลับในทันที และตอบด้วยความชัดเจนที่สุดว่า ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้ดี สโมสรนี้ จะเดินหน้าต่อ และจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในยุคของ ปัลลาดิโน่
"ผมอยากจะเตือนทุกคนว่าตอนที่ผมเข้ามาบริหารทีม ฟิออเรนติน่า สโมสรเพิ่งจะรอดพ้นการตกชั้นไปเล่นใน เซเรีย บี ในวันสุดท้ายของฤดูกาลได้"
"ในระยะเวลา 5 ปี เราเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ คอนเฟอเรนซ์ ลีก ได้ 2 ครั้ง รอบชิงชนะเลิศ โคปปา อิตาเลีย 1 ครั้ง และผ่านเข้าไปเล่นในยุโรปได้ 3 ฤดูกาลติดต่อกัน รวมถึงสร้าง วิโอล่า พาร์ค (สนามซ้อมแห่งใหม่) ซึ่งจะยังคงเป็นทรัพย์สินที่มีค่าของสโมสรและเมืองนี้ตลอดไป"
"ผมก็บอกอยู่เสมอว่า ผมต้องการพา ฟิออเรนติน่า กลับไปอยู่ในจุดที่เมืองฟลอเรนซ์และแฟนบอลวิโอล่าสมควรได้รับ ตอนนี้เราเข้าใกล้การเป็น '7 สาวน้อย' (7 sorelle - ชื่อที่สื่อตั้งให้ 7 สโมสรใน เซเรีย อา ยุค 1990s ที่มีทีมใหญ่ลุ้นแชมป์กันถึง 7 ทีม) ของ เซเรีย อา แล้ว และฟิออเรนติน่าก็ได้เล่นฟุตบอลยุโรปเป็นประจำ"
"ผมเคยบอกไปแล้วว่า ฟิออเรนติน่า จะไม่เสี่ยงต่อการล้มละลายอย่างแน่นอน ต้องขอบคุณการลงทุนอย่างต่อเนื่องของเรา และการเคารพกฎทางการเงินในวงการฟุตบอล รวมถึงกฎ Financial Fair Play ซึ่งไม่ใช่สโมสรใหญ่ทุกแห่งจะยึดถือ เราจึงได้รับการยกย่องให้เป็นตัวอย่างของสโมสรต้นแบบ ไม่เพียงแต่ในอิตาลีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในยุโรปด้วย"
"ผลลัพธ์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดขึ้นจากการวางแผนอย่างพิถีพิถันและการคัดเลือกบุคลากรอย่างรอบคอบ แม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นบ้างก็ตาม"
"สุดท้ายนี้ ราฟฟาเอลโล่ ปัลลาดิโน่ คือโค้ชหนุ่มที่มีความสามารถและมีจิตวิญญาณของนักสู้ เขาเป็นผู้สร้างและริเริ่มที่ดีได้ นั่นเป็นเหตุผลที่เราเลือกเขาเข้ามารับตำแหน่งสำคัญต่อจากตรงนี้"
ปัลลาดิโน่ นั่งลงและเริ่มแนะนำตัวผ่านสื่อ เขาอธิบายความเชื่อและแนวคิดในการทำทีมของเขาออกมาหมดเปลือก โดยเน้นย้ำไปที่เรื่องของความสามัคคีในการรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญมากสำหรับทีมที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่ หรือมีคุณภาพนักเตะที่สูงมาก ๆ เพราะเขาเชื่อเสมอว่า เมื่อไหร่ที่รวมกันเป็นทีมได้ สิ่งที่ได้มาจะสามารถทดแทนเรื่องคุณภาพแบบรายบุคคลได้อย่างแน่นอน
"สำหรับในตลาดซื้อขายครั้งนี้ ผมต้องบอกว่าเราอาจจะยังไมได้โฟกัสกับปัจจัยภายนอกมากนัก งานของผมคือการสร้างทีมด้วยผู้เล่นที่เรามีอยู่เป็นอันดับแรก"
"คุณภาพในรายบุคคลสามารถสร้างความแตกต่างในเกมการแข่งขันได้ แต่ความเป็นหนึ่งเดียวกัน และการมีทีมเวิร์ก ล้วนเป็นวิธีที่คุณสามารถเอามาใช้ทดแทนในส่วนที่ขาดหายได้เช่นกัน"
แม้จะพูดแบบนั้น แต่ ฟิออเรนติน่า ก็ซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทัพถึง 5 คนในซีซั่นนี้ ได้แก่ มอยเซ่ คีน, มาริน ปอนกราซิช, ดาบิด เด เคอา, อาเมียร์ ริชาร์ดสัน และ มาธิอัส โมเรโน่ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่ยืมพร้อมออปชั่นซื้อขาดอย่าง อันเดรีย โคลปานี่, อัลเบิร์ต กุดมุนด์สัน, ยาซีน อัดลี่, โรบิน โกเซ่นส์ และ เอดูอาร์โด้ โบเว่ ซึ่งเป็นกลุ่มของดีที่ใช้ได้จริง ผ่านเกมระดับสูงมากันไม่น้อย
ซึ่งนักเตะที่ว่ามาทั้งหมดก็สวนทางกับนักเตะเก่า ๆ ที่ค่าเหนื่อยสูงหักลบกันอย่างพอดี ทั้ง นิโคล่า มิเลนโควิช, อเล็กซานเดอร์ โคโคริน, อัลเฟร็ด ดันแคน, จาโคโม่ โบนาเวนตูร่า และ เกตาโน่ คาสโตรวิลลี่ ... เรียกได้ว่า ปัลลาดิโน่ เอาของเก่าไปเทิร์น และเอาเงินก้อนนั้นที่ได้มาซอยออกมาผ่อนเป็นค่าตัวของนักเตะใหม่ที่ตอบโจทย์กว่า และสามารถใช้งานได้ในระยะยาวมากกว่าด้วย
ฟุตบอลแบบสมัยใหม่
ปรัชญาของ ปัลลาดิโน่ คือการเน้นที่การตั้งรับแบบตัวต่อตัว และนักเตะของ ฟิออเรนติน่า จะดันเกมขึ้นสูงตามตำรับฟุตบอลสมัยใหม่แทบทุกประการ ระบบดังกล่าวทำให้ที่ว่างในการเล่นของทีมฝั่งตรงข้ามลดน้อยลง และบีบให้คู่แข่งของพวกเขาต้องรีบร้อนจ่ายบอลออกมา และมีโอกาสที่จะเสียบอลมากขึ้น
จากเกมรับแบบนี้ ทำให้ ฟิออเรนติน่า กลายเป็นทีมที่ได้ประตูจากจังหวะตัดบอลในแดนคู่แข่งมากที่สุดใน เซเรีย อา ซีซั่น 2024-25
เรื่องของรายละเอียดนั้น มีการวิเคราะห์สายลึกของกูรูสายแท็คติกที่แจกแจงไปถึงขั้นที่ว่า ปัลลาดิโน่ ให้นักเตะเว้นระยะห่างจากฝั่งตรงข้ามได้มากที่สุด-น้อยที่สุดเท่าไหร่ จังหวะไหนควรเข้าไปแย่งแบบสุดตัว จังหวะไหนควรหยุดและถอยลงมาตั้งรับในแดนตัวเอง
นอกจากนี้ ในการขึ้นเกมแต่ละครั้งจะมีการสลับวิงแบ็กเข้าไปช่วยต่อบอลแดนกลางในรูปแบบของ อินเวิร์ต แบบสลับกันตามโอกาสที่เหมาะสม เพื่อให้ช่วยตัดเกมแดนกลางได้ดีขึ้น และเสียบอลยากขึ้นในเวลาที่ทีมต้องการต่อบอลเพื่อหาช่องทางการโจมตี
ถ้าจะให้อธิบายทั้งหมด มันคงเป็นเรื่องแท็คติกจ๋าที่ฟังแล้วปวดหัว แต่เอาเป็นว่าในภาพรวมก็คือ ปัลลาดิโน่ ทำได้ดีมากในการใส่แท็คติกที่มีให้กับนักเตะหน้าใหม่ ๆ เข้าใจภายในเวลาอันสั้น ซึ่งแน่นอนว่าเหตุผลหลัก ๆ คือการที่เขาให้ความสัมพันธ์เรื่องการเป็นทีมเป็นอันดับแรก โดยเขาพูดเสมอว่า "หากคุณช่วยกันลดความผิดพลาด และแก้ปัญหาของคนอื่น ภาพรวมของคุณก็แข็งแกร่งขึ้น" นั่นหมายความว่าเขาไม่เคยกลัวว่าลูกทีมจะเล่นเสียจังหวะ แต่เขาต้องการให้ทุกคนช่วยกันให้ได้มากที่สุดในแต่ละเกม
เผลออีกที ฟิออเรนติน่า ก็กลายเป็นทีมที่อยู่ในอันดับ 3 ของตารางคะแนนเซเรีย อา แล้ว ด้วยการตามหลัง นาโปลี จ่าฝูงแค่แต้มเดียว อย่างไรก็ตาม ปัลลาดิโน่ ย้ำเสมอว่า เขาไม่เคยมองตารางคะแนน ไม่สนโปรแกรมแข่งขัน และไม่คิดว่าทีม ๆ นี้ประสบความสำเร็จอะไรแบบที่สื่อยกย่อง
มันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น และฟุตบอลลีกคือเกมระยะยาว ... ในเวลาที่ทุกคนพร้อม ผลงานที่ดีที่สุดจะปรากฎออกมา แต่ในวันที่ปัญหาเกิดขึ้น หลายอย่างจะเปลี่ยนไป เรื่องให้แก้ไขจะมากขึ้น นั่นคือสิ่งที่ ฟิออเรนติน่า ในยุคของเขายังไม่เคยเจอ
"ผมไม่ขอรับเครดิต และยกมันให้ลูกทีมของผม ตอนนี้พวกเขาเป็นทีมของผมจริง ๆ แล้ว พวกเราบรรลุถึงระดับการเล่นที่สูงขึ้น นักเตะแต่ละคนมีวุฒิภาวะความรับผิดชอบ แม้บางคนจะอายุน้อย แต่ก็มีความเป็นผู้ใหญ่ เข้าใจในหน้าที่ และพยายามให้ความสำคัญกับสิ่งที่ได้รับมอบหมาย"
"ตอนนี้ผมแทบไม่ต้องสั่งพวกเขาเเล้วด้วยซ้ำ เด็ก ๆ พวกนี้เรียนรู้ไวมากนี่คือสิ่งที่ยอมรับว่าพวกเขาเป็นคนพิเศษสำหรับทีม ๆ นี้จริง ๆ"
ความพร้อมด้านร่างกายและสภาพจิตใจทำให้นักเตะของ ฟิออเรนติน่า มีความนิ่ง และโฟกัสกับเป้าหมายได้ดี แม้ในบางช่วงบางตอน ปัลลาดิโน่ จะจัดแผนการเล่นที่แตกต่างออกไป แต่ด้วยสมาธิและทีมเวิร์ก พวกเขาก็ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ และปรับตัวกับสิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
"ตอนนี้ทีมของเราเป็นหนึ่งเดียวกันจริง ๆ จนเราพร้อมที่จะท้าชิงในทุกการแข่งขัน แต่ปัญหาที่เราต้องไม่ลืมคือ เรายังไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรเลย ดังนั้น เท้าเรายังคงต้องติดดินเสมอ"
"เราอยู่ที่นี่โดยรู้ว่าเรากำลังเผชิญหน้ากับทีมที่ดี และเราต้องการแสดงผลงานที่แข็งแกร่ง แต่เราเองก็มีความแข็งแกร่งในฐานะทีมเกิดขึ้นจริง ๆ พวกเขาคือนักเตะที่ผมไว้ใจได้"
"เพราะสำหรับผมแล้ว การหมุนเวียนทีมหรือโรเตชั่นไม่มีอยู่จริง มีเพียงทีมและผู้เล่นที่สำคัญมากเท่า ๆ กัน ผมจะจัดผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนามเสมอ และใครก็ตามที่ลงเล่นก็จะทำผลงานได้ดีด้วยแรงจูงใจ ผมคาดหวังทัศนคติ ความคิด และความกระหายที่ดี ซึ่งไม่ควรขาดตกบกพร่อง ... และเมื่อพวกเราทำพร้อมกันแบบนี้ทั้งทีม เราจึงเป็นทีมที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้" ปัลลาดิโน่ กล่าวทิ้งท้าย
หนทางยังอีกยาวไกล แต่ฟิออเรนติน่า กำลังเล่นแบบได้ใจกองเชียร์ และดึงแฟนบอยยุคเก่าให้กลับมาติดตามพวกเขาอีกครั้ง งานต่อไปคือการรักษามาตรฐานให้คงอยู่ ถ้าพวกเขาทำได้ ก็มีโอกาสที่ตำนานม่วงมหากาฬบทใหม่อาจจะกลับมาดำเนินเรื่องสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอลทั่วโลกอีกครั้ง
แหล่งอ้างอิง
https://sports.yahoo.com/della-valle-reveals-why-fiorentina-165100547.html
https://www.acffiorentina.com/en/news/all/extra/2024-06-04/president-rocco-commisso-s-letter
https://www.forbes.com/sites/davidferrini/2024/02/16/i-spent-more-than-400-million-for-fiorentina-confirms-mediacom-ceo/
https://football-italia.net/palladino-fiorentina-need-something-different/
https://www.violanation.com/special-features/2024/6/26/24186759/raffaele-palladino-first-press-conference-fiorentina-formation-tactics-system-transfer-market-player
https://www.footitalia.com/palladino-on-fiorentinas-progress-incredible-mentality-but-we-havent-achieved-anything-yet/
https://football-italia.net/palladino-dont-give-fiorentina-instructions/