"มันคงแตกต่างกันอยู่แล้วสำหรับการเล่นให้กับ คริสตัล พาเลซ และ บาเยิร์น มิวนิค ... ผมยังไม่เคยลงเล่นผมยังจึงยังไม่รู้ว่าแตกต่างกันแบบไหน"
ไมเคิล โอลิเซ่ เป็นหนึ่งในนักเตะที่สัมภาษณ์เปิดตัวแบบที่แฟนบอลบาเยิร์น งง ๆ อยู่กึ่งกลางของความไม่ประทับใจ และพยายามเข้าใจความติสต์ของเขา ... และเพราะคาแร็คเตอร์แบบนี้ทำให้เขาเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่มีประสบการณ์เล่นให้ทีมใหญ่มากมาย
บนหน้าประวัติของเขา โอลิเซ่ เล่นให้กับ เรดดิ้ง, คริสตัล พาเลซ และ บาเยิร์น มิวนิค แต่ประวัติศาสตร์ส่วนตัวของเขาเรื่องมันเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนเป็นเยาวชน ตอนที่เขาโดนทีมอย่าง แมนฯ ซิตี้, เชลซี และ อาร์เซน่อล เขี่ยทิ้ง
ติดตามเรื่องราวของดาวดวงใหม่ของ บาเยิร์น ที่กำลังได้ใจแฟนเสือใต้จากฝีเท้า ไม่ใช่ถ้อยคำที่เขาสัมภาษณ์
เพราะคุณยังดีไม่พอ
ไมเคิล โอลิเซ่ เกิดและโตในลอนดอน ในครอบครัวที่ไม่ได้ลำบากหรือยากจนอะไร ดังนั้นเส้นทางบนถนนสายฟุตบอลของเขาจึงดูไม่ได้ยากเย็นวุ่นวายอะไรนัก
เขาแค่ชอบเล่นฟุตบอล และพ่อ-แม่ ของเขาก็ส่งเข้าเรียนฟุตบอลที่ Hatyes and Yeading ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกฟุตบอลเอกชน ที่มีคอนเน็คชั่นกับทีมดังในลอนดอนหลายทีม เด็กคนไหนที่เก่งก็จะมีแมวมองเด็กของทีมอคาเดมี่สโมสรต่าง ๆ มาจองตัวกันตั้งแต่อายุยังไม่ 10 ขวบเลยด้วยซ้ำ
ตัวของ โอลิเซ่ นั้นอยู่ที่ Yeading แค่ปีเดียว (อายุได้ 7 ขวบ) เขาก็เข้าตาแมวมองของ อาร์เซน่อล ที่ดึงดูดเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเฮลเอนด์อคาเดมี่อันเลื่องชื่อ ซึ่งแน่นอนถ้าวัดจากอายุแล้ว เขาน่าจะเป็นรุ่นเดียวกับ บูคาโย ซาก้า และ เอมิล สมิธ โรว์ ในวัยไล่เลี่ยกัน
โอลิเซ่ เล่นให้กับอคาเดมี่ของ อาร์เซน่อล ได้แค่ปีเดียวเท่านั้น แมวมองของ เชลซี ที่ก็เห็นความสามารถในตัวเขาจึงได้ยื่นสัญญาฉบับด้วยข้อเสนอที่ดีกว่า และทำให้ เชลซี ฉกตัว โอลิเซ่ ไปได้ และเข้าก็กลายเป็นนักเตะแถวหน้าของรุ่นอายุที่ เชลซี ไปจนถึงอายุ 14 ปี
ตัวของ โอลิเซ่ นั้นถือว่าตีคู่เป็นดูโอ้กับ จามาล มูเซียล่า ในรุ่นเยาวชนของ เชลซี เรื่องความเก่งกาจ เทคนิคการเล่น และความเข้าใจเกมต้องบอกว่าทั้งสองคนไม่หนีกันนักในช่วงแรก แต่ปัญหาก็คือศักยภาพของเด็กแต่ละคนจะเริ่มถูกทีมวิเคราะห์หรือโค้ชมองเห็นชัดขึ้นตอนอายุ 14 ปีเป็นต้น
และในช่วงอายุนี้เองที่ทำให้ โอลิเซ่ เริ่มโดน จามาล มูเซียล่า ทิ้งห่างไปและนำไปสู่การที่ โอลิเซ่ อกหักครั้งแรกในโลกของฟุตบอล เพราะเมื่ออายุย่าง 15 ปี เชลซี บอกว่าเขาไม่ดีพอ และเขาจะต้องหาทีมใหม่เล่น
อะไรคือความต่างของทั้ง 2 คนนี้แน่นอนว่าไม่ใช่ฝีเท้า เพราะอย่างที่บอก โอลิเซ่ และ มูเซียล่า เป็นตัวท็อป เป็นเพื่อนซี้ และนักเตะที่เล่นด้วยกันได้เข้าขารู้ใจด้วย แต่ปัญหาคือเรื่องของทัศนคติการเล่นของเขา รวมถึงร่างกายที่เติบโตช้ากว่าเด็กปกติในตอนนั้น ทำให้ทางสโมสรวิเคราะห์ว่า โอลิเซ่ ยังไม่ดีพอที่จะไปต่อ
มีรายงานที่พูดถึงนิสัยที่เป็นความต่างของทั้งคู่ว่าในขณะที่ มูเซียล่า เป็นคนที่เปิดกว้างพร้อมคุยกับเพื่อน ๆ ทุกคน พร้อมฟังคำตักเตือนและพยายามแก้ไขในสิ่งที่ต่างที่ถูกมองว่าเป็นความผิดพลาดหรือจุดอ่อนของเขา โอลิเซ่ กลับเป็นคนที่ตรงกันข้าม
โอลิเซ่ เป็นนักเตะที่พรสวรรค์ แต่ไร้พรแสวง จริง ๆ อาจจะไม่ถึงขั้นแต่อธิบายแบบนี้จะเห็นภาพกว้าง ๆ ของเขาได้ดี เขามีทัศนคติสบาย ๆ ไม่ได้พยายามมากสักเท่าไหร่ และมีสไตล์การเล่นที่ควบตคุมได้อยาก นอกสนามเขาแทบไม่พูดคุยกับใครเลย จึงทำให้เขาไม่ค่อยมีเพื่อน และเป็นที่มาในตอนโตว่าเวลาที่เขายิงได้เขาไม่ค่อยมีท่าดีใจ หรือแสดงท่าทีเฉย ๆ อยู่บ่อยครั้ง
มันเป็นเรื่องที่น่าลำบากใจสำหรับเขา จริง ๆ โอลิเซ่ อาจจะไม่ผิดอะไรด้วยซ้ำที่เขาเป็นแบบนั้น แต่ในอุตสาหกรรมฟุตบอลมีนักเตะหน้าใหม่เข้าสู่ระบบและพร้อมจะมาแทนคุณในทุก ๆ วัน ดังนั้นในสายตาของทีมโค้ชเยาวชนเชลซีในเวลานั้นพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ๆ ที่จะต้องคัดทิ้ง และเก็บไว้เฉพาะคนที่สมบูรณ์รอบด้านมากที่สุด เพราะกว่าจะผ่านรุ่น U15 U16 U17 ... ไปจนถึงชุดใหญ่ ยังมีระบบการคัดสรรที่เข้มกว่านี้เยอะ ขนาดคนที่ดีพร้อมในวัยเด็กหลายคนก็ยังหลุดจากระบบคัดกรองนี้ได้
ไม่ถูกทิ้งคงไม่เข้าใจ
แน่นอนที่สุดว่าความผิดหวังถือเป็นยาขมชั้นดีของใครหลายคน เพราะมันความผิดหวังแม้มันจะเจ็บปวด แต่ก็ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า เราทำอะไรลงไปเราจึงต้องพบความผิดหวังนั้น และเราต้องทำอะไรในอนาคตเพื่อไม่ให้กลับไปจุดนั้นอีก ... และ โอลิเซ่ ในวัย 15 ปีก็เป็นแบบนั้น เขารู้ว่าอะไรที่เขาพลาดไปบ้าง
"ไมเคิล โอลิเซ่ ตัวเล็กมาก และนักเตะตัวเล็กแบบนี้ยังต้องเพิ่มเรื่องความฉลาดในการเล่น เขาจะต้องเข้าใจจังหวะเกม เล่นให้ถูกที่ถูกเวลา และเพิ่มเรื่องคาแร็คเตอร์ของยอดนักเตะเข้าไป ... ผมคิดว่ามีแต่การออกเดินทางเท่านั้นที่จะทำให้เขาเพิ่มสิ่งเหล่านี้ได้" ฌอน คัลแลน หนึ่งในทีมงานโค้ชทีมเด็กของ เชลซี ว่าแบบนั้น
โอลิเซ่ ไปอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ ในช่วงสั้น ๆ หลังจากนั้นแค่ปีเดียว และแน่นอนว่า ซิตี้ เป็นทีมที่ลงทุนกับระดับอคาเดมี่สูงมาก ไม่ใช่แค่นักเตะที่ดีในอังกฤษเท่านั้น แต่พวกเขายังดึงเด็กเก่ง ๆ มาจากทั่วโลก ดังนั้น โอลิเซ่ จึงออกจาก แมนฯ ซิตี้ หลังหมดสัญญา
ถึงตอนนี้เขาพิจารณาตรงกันกับที่ คัลแลน บอก มีแต่การออกเดินทางหาเส้นทางของตัวเองเท่านั้นที่จะทำให้เขาเป็นนักเตะที่ดีขึ้นได้ ที่ แมนฯ ซิตี้ มันไม่ใช่เรื่องความเก่งกาจอย่างเดียว เขาจะต้องผ่านนักเตะรุ่นราวคราวเดียวกันอีกหลายคน เท่านั้นยังไม่พอยังต้องเจอกำแพงสูงลิบที่กลุ่มนักเตะชุดใหญ่สร้างไว้จึงจะสอดแทรกได้
หากไม่โกหกตัวเองเขาก็จะเห็นภาพรวม โอลิเซ่ ต้องการสนามจริง การแข่งขันจริง และคู่แข่งจริง ๆ ที่เตะไม่ยั้งหวดให้ยับ ซึ่งยิ่งได้ประสบการณ์นี้ดีเท่าไหร่ เขาจะแข็งแกร่งขึ้นทั้งในแง่ของร่างกาย และไหวพริบ ความเข้าใจฟุตบอลที่เขาขาดหายไปได้ดีที่สุด ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ
ผู้คนมี่ เร้ดดิ้ง ไม่อยากจะเชื่อว่านักเตะอย่าง โอลิเซ่ จะมาอยู่กับพวกเขา โอลิเซ่ เล่นในทีมเยาวชนของ เรดดิ้ง ไม่ถึงปี โฆเซ่ โกเมส กุนซือของทีมในเวลานั้นก็ดันเขาขึ้นชุดใหญ่ทันทีตั้งแต่อายุ 17 ปี 1 เดือน คำชมของ โกเมส ในเวลานั้นคือ "เมื่อเห็นความสามารถก็หมดคำถามเรื่องอายุ" เขาเป็นคนบอกสโมสรให้ยื่นสัญญาฉบับอาชีพให้ โอลิเซ่ และใช้งานเป็นตัวจริงให้ทีมชุดใหญ่ทันทีในปี 2019
"เมื่อดาวรุ่งอย่าง ไมเคิล โอลิเซ่ แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ นั่นแปลว่าเขาสมควรที่จะได้โอกาสในทีมชุดใหญ่ และเมื่อวันนั้นมาถึง ไมเคิล คว้ามันได้แบบเต็มมือ ตอนนี้เขาจะเป็นสมาชิกของทีมเรา เขาจะซ้อมและไปแข่งกันกับทีมชุดใหญ่แบบเต็มตัวแล้ว" โกเมส ให้สัมภาษณ์กับ เว็บสโมสร เรดดิ้ง
นักเตะตัวรุกสมัยใหม่เล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรุกตั้งแต่ ตรงกลาง ปีกซ้าย และขวา ไปจนถึงการเล่นกองหน้าในระบบฟอลซ์ 9 ชื่อของเขาดังแล้วในหมู่ทีมระดับแชมเปี้ยนชิพจนถึงระดับกลางค่อนล่างสำหรับทีมในพรีเมียร์ลีก ซึ่ง คริสคัล พาเลซ ก็ตาไวและเดินงานเร็วกว่าใคร ส่วนคนที่บอกให้สโมสร "ซื้อเพื่ออนาคต" สำหรับดีลโอลิเซ่ คือ พาทริค วิเอร่า ที่เป็นโค้ชใหญ่ของทีมในเวลานั้น
พาเลซ จ่ายแค่ 8.5 ล้านปอนด์สำหรับค่าตัวของ โอลิเซ่ และเรื่องเล่าของเขาตอนเล่นให้กับ พาเลซมันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงจากตอนที่เขาโดน เชลซี คัดทิ้งสมัยเยาวชน จากนักเตะที่อ่อนซ้อม กลายเป็นคนที่ซ้อมหนักมาก โดยเฉพาะเรื่องอาวุธหลักของเขาอย่างเรื่องเทคนิคการครอบครองบอล และการยิงประตูในทุก ๆ ระยะ
ซาอิด ไอโกอุน ทีมงานโค้ชของ วิเอร่า เล่าถึงเรื่อง โอลิเซ่ ว่า ในช่วง 2 ปีแรกที่มาอยู่กับ พาเลซ โอลิเซ่ เป็นคนที่ซ้อมกับทีมได้ดีที่สุด อาจจะไม่ยิ้มและไม่พูดคุยมาก แต่ซ้อมเต็มที่ตามสั่งทุกอย่าง หลังจากซ้อมที่เสร็จเขาจะแยกตัวไปซ้อมการยิงใกล้-ไกล และทักษะการครองบอล เลี้ยงบอล ที่ภายหลังการเป็นทักษะที่เขาใช้งานเป็นประจำเรื่องการเอาตัวรอดในพื้นที่แคบ ๆ
"ผมกับปัต(วิเอร่า) ก็เห็นตรงกันเสมอว่าเขาคือผู้เล่นที่ดีที่สุดของ พาเลซ เขามีสิ่งที่ยอดนักเตะต้องมีเรื่องสมาธิ การมองเกม และสำคัญมาก ๆ คือในการซ้อมทุกครั้ง โอลิเซ่ ต้องการเป็นผู้ชนะทุกครั้งเลย" ไอโกอุน กล่าว
สุดท้ายดอกไม้ก็เบ่งบาน
โอลิเซ่ อาจจะตั้งตัวสักพักในการเล่นพรีเมียร์ลีกครั้งแรก ๆ กับ พาเลซ แต่นับวันผ่านไป เขาหลุดพ้นร่มเงาของรุ่นพี่ในแนวรุกคนอื่น ๆ อย่าง จอร์แดน อายิว และโดยเฉพาะเทพเจ้าของชาวพาเลซอย่าง วิลฟรีด ซาฮา ด้วยการตั้งตัวขึ้นมาเป็น 1 ศูนย์กลางเกมรุกของทีม ที่เป็นตัวทะลวงที่มประสิทธภาพด้วยทักษะฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม
คุณคงได้เห็นลีลาการเล่นของเขาบ่อย ๆ และต่างเข้าใจดีว่า โอลิเซ่ โดดเด่นด้วยวิธีการเล่นแบบไหน ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ต้องไม่ลืมคือเขาขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่และเป็นตัวหลักของ พาเลซ ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปี สิ่งที่น่าประทับใจคือเขามีความเป็นตัวของตัวเอง และมีความเป็นเกมสูงมาก อย่างที่ได้กล่าวไปในขณะที่ทุกคนอาจจะมองหาแต่ ซาฮา ให้เข้าไปสร้างความมหัศจรรย์ การมี โอลิเซ่ เป็นตัวรุกทำให้เกมของ พาเลซ หลากหลายมากขึ้น ไม่มีนักเตะคนไหนที่โดดเด่นเพียงคนเดียว แต่เก่งขึ้นในแง่ภาพรวมของทีม
ฌอง ฟิลิปป์ มาเตต้า กองหน้าที่รับแอสซิสต์จาก โอลิเซ่ จนยิงแหลกในปลายซีซั่นถึงกับบอกว่าการเล่นให้เป็นกองหน้าโดยมี โอลิเซ่ ทำเกมอยู่ด้านหลังคือสิ่งที่กองหน้าทุกคนอยากจะมี เพราะไม่ว่าคุณขยับตัวไปทางไหนฟุตบอลจะไปถึงเสมอ และในจังหวะที่คุณโดนลุมโดนล้อมหายใจไม่ออก โอลิเซ่ จะโผล่มาในช่องแคบ ๆ นั้นและเป็นคนที่คุณจะจ่ายบอลง่าย ๆ ให้เขาเอาไปแก้ไขและเริ่มใหม่ได้ตลอด
สิ่งที่ มาเตต้า พูดเห็นภาพอย่างที่สุด โอลิเซ่ ระเบิดฟอร์มกับ พาเลซ แบบสุด ๆ ในปลายซีซั่นที่แล้วและสุดท้ายเขาก็พาตัวเองไปสู่อีกระดับกับบาเยิร์น มิวนิค ด้วยค่าตัวถึง 60 ล้านปอนด์
“ผมมีความสุขมากที่ได้เล่นให้กับสโมสรใหญ่เช่นนี้” โอลิเซ่กล่าว “มันเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ และนั่นคือสิ่งที่ผมกำลังมองหาพอดี”
งานของเขาที่ บาเยิร์น เริ่มต้นอย่างแข็งแกร่งแบบแทบไม่ต้องปรับตัว ตอนนี้ โอลิเซ่ เป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมในการยิงประตูของทีมมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก แฮร์รี่ เคน ส่วนอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือการกลับมาเล่นร่วมกับ จามาล มูเซียล่า อีกครั้ง ในเวอร์ชั่นที่ต่างคนต่างเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว และต่างคนต่างสร้างความตื่นตาตื่นใจในแบบของตัวเอง จน บาเยิร์น กลายเป็นทีมที่ยิงกระจุยกระจายในเวลานี้
ภาพของ มูเซียล่า กับ โอลิเซ่ ทำเอาแฟนเสือใต้หลายคนคิดถึง 2 ปีกในตำนานอย่าง ฟร้องก์ ริเบรี่ และ อาร์เยน ร็อบเบน ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขายังไปไม่ถึงจุดนั้นหรอก พวกเขาเพิ่งเริ่มต้น และเป็นการเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมเกินกว่าที่หลายคนคาดคิด จนขนาดที่ GOAL ยังยกย่องว่า ณ ตอนนี้ดีล โอลิเซ่ มา บาเยิร์น ถือเป็นดีลที่ดีที่สุดในตลาดซื้อขายทั่วโลกในซัมเมอร์ที่ผ่านมาเลยทีเดียว
จากเด็กที่เคยคัดทิ้ง ตอนนี้ โอลิเซ่ กำลังเบ่งบานอย่างที่สุด และดูจะไปได้ไกลแบบไร้ขีดจำกัด ... อย่างน้อยการไม่ยอมแพ้ และเป็นตัวเองในแบบที่ดีขึ้นของเขา ก็ส่งเขามาอยู่จุดที่ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นแข้งแถวหน้าของยุโรปไปแล้วในตอนนี้
แหล่งอ้างอิง :
https://www.pulsesports.ng/football/story/michael-olise-7-interesting-facts-to-know-about-the-nigerian-born-winger-who-is-on-the-radar-of-top-premier-league-sides-2024061209454726608
https://www.theguardian.com/football/article/2024/jul/08/a-lot-of-ambition-how-michael-olise-mapped-his-path-to-bayern-munich
https://www.bbc.com/sport/football/articles/cv2gvj12n2yo
https://www.goal.com/en-sa/lists/michael-olise-world-class-potential-bayern-munich-signing-summer/bltd70ccd875a8e53b8#cs7c457e03293e2680
https://www.readingfc.co.uk/news/2019/july/olise-signs-three-year-professional-deal-with-the-royals