Feature

อยู่ยังไงเมื่อโดนแบน ? : 2 ปีที่ว่างเปล่าของวงการฟุตบอลรัสเซีย | Main Stand

ทีมฟุตบอลทีมชาติรัสเซีย ไม่มีเกมการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์อย่างเป็นทางการมากว่า 2 ปีแล้ว นับตั้งแต่ที่ วลาดิเมียร์ ปูติน ส่งกองทัพบุกประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022

 

พวกเขาทำได้แค่หาเกมอุ่นเครื่องกับทีมที่อ่อนชั้นกว่า พร้อม ๆ กับการโดนคนฟุตบอลในประเทศโจมตีไม่เว้นแต่ละวันสำหรับการกระทำที่นับวันยิ่งลดคุณภาพฟุตบอลในประเทศของตัวเอง 

นับจากวันที่ถูกคว่ำบาตร วงการฟุตบอลรัสเซียอยู่กันอย่างไร เมื่อสโมสรและทีมชาติ ถูกตัดสิทธิ์เข้าร่วมในทุกการแข่งขัน จนต้องมาเตะกับ เวียดนาม และ ไทย ? 

ติดตามที่ Main Stand 

 

ผลกระทบจากภัยสงคราม 

สงครามและความขัดแย้งระหว่าง รัสเซีย กับ ยูเครน ไม่ได้ส่งผลแค่ในแง่ของการเมืองและเศรษฐกิจโลกเท่านั้น เพราะแม้แต่กีฬา โดยเฉพาะฟุตบอล ก็ยังถูกหางเลขไปด้วย The Guardian สื่อของอังกฤษ ถึงกับพาดหัวบทความเกี่ยวฟุตบอลรัสเซียหลังจากเกิดสงครามว่า "เส้นทางสู่ความตกต่ำ" เลยทีเดียว 

เนื่องจากการบุกโจมตียูเครน ของกองทัพรัสเซีย จากคำสั่งของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ทำให้หลายชาติ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจากโลกตะวันตกร่วมกันคว่ำบาตรรัสเซีย ส่งผลให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ค่าเงินอ่อนตัว และสินค้าส่งออกหลายอย่างก็ได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ และฟุตบอลก็เช่นกัน 

สโมสรฟุตบอลจากรัสเซียเอง ก็โดนคว่ำบาตรไม่ให้เข้าร่วมแข่งขันในรายการของยูฟ่า (แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูโรป้าลีก และ คอนเฟอร์เรนซ์ลีก) ขณะที่ทีมชาติของพวกเขาถูกตัดออกจากการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 แม้กำลังจะลงเล่นในรอบเพลย์ออฟ หาทีมไปรอบสุดท้ายที่ประเทศกาตาร์ก็ตาม

แม้สหภาพฟุตบอลรัสเซีย (RFU) ได้คัดค้านการลงโทษที่กำหนดโดย ฟีฟ่า และ ยูฟ่า แต่ศาลกีฬาโลกยังยืนยันคำพิพากษาเดิม สภาพของฟุตบอลลีกในประเทศรัสเซีย ณ เวลานี้จึงเหมือนถูกปล่อยเกาะ เตะกันเอง แข่งกันเอง ได้เเชมป์กันเอง โดยไม่สามารถต่อยอดได้ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เสียหายอย่างหนักสำหรับอุตสาหกรรมฟุตบอลในประเทศรัสเซีย 

เงินของพวกเขาอ่อนค่าลง รายได้ลดลง และไม่สามารถต่อยอดได้ในการไปเล่นฟุตบอลยุโรป ทั้งหมดเป็นเรื่องของเงิน ๆ ทอง ๆ ล้วน ๆ ขนาดบริษัทของรัสเซียที่ให้การสนับสนุนทีมฟุตบอลในต่างประเทศและองค์กรฟุตบอลระดับนานาชาติยังถูกฉีกสัญญาเลย

และเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ นี่แหละที่มีผลมากที่สุดในวงการฟุตบอลยุคนี้ที่เป็นทุนนิยมเต็มระบบ ... การแตกรังของนักเตะฝีเท้าดีจึงเริ่มเกิดขึ้น 

 

ของดีย้ายออกหมด 

นักเตะหลายคนพยายามหาทางย้ายออกจากลีกรัสเซีย เพราะนอกจากอนาคตค้าแข้งพวกเขา และชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวมีปัญหาจากความไม่ปลอดภัยเล้ว รายได้พวกเขาก็ไม่แน่นอนด้วย

ขณะที่สโมสรซึ่งไม่ได้มีกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่หนุนหลัง ก็ยินยอมที่จะยกเลิกสัญญานักเตะหลายคน เพื่อพยุงการเงินของทีมเอาไว้ 

เช่น คราสโนดาร์ ที่เคยไปเล่นในระดับเเชมเปี้ยนส์ลีกมาแล้ว ถึงกับต้องยกเลิกสัญญานักเตะถึง 8 คน อาทิ เรมี่ คาเบลล่า, เกรกอร์ซ ครีโชเวียก และ จอห์น คอร์โดบ้า ที่ได้รับอนุญาตให้หาสโมสรใหม่ทันทีหลังจากที่ลีกโดนคว่ำบาตร 

นอกจากนี้ยังมีนักเตะต่างชาติและโค้ชต่างชาติอีกหลายคนที่ขอยกเลิกสัญญา เพราะอุดมการณ์ส่วนตัวขัดกับสถานการณ์การเมืองของประเทศรัสเซียที่เป็นประเทศที่พวกเขาหากิน 

"การคุมทีมฟุตบอลนั้นเป็นงานที่ผมรักที่สุด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นที่รัสเซียนั้นไม่สอดคล้องกับมุมมองของผมเลย นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ผมต้องลาออก” 

“ผมไม่สามารถยืนอยู่บนสนามของ โลโคโมทีฟ มอสโก และฝึกสอนนักเตะของผมได้ ทั้ง ๆ ที่ห่างไปอีกไม่กี่กิโลเมตรกำลังมีคนสั่งการให้ทำเรื่องรุนแรงซึ่งเป็นบ่อเกิดของสงคราม" มาร์คุส กิสดอล กุนซือชาวเยอรมัน ที่ลาออกจาก โลโกโมทีฟ มอสโก หลังเกิดเหตุการณ์รัสเซียบุกยูเครนกล่าว

นักเตะต่างชาติตัวท็อปของลีกรัสเซีย ทยอยออกไปเล่นต่างประเทศกันหมดโดยที่ต้นสังกัดก็เต็มใจที่จะปล่อย ยกตัวอย่างเช่น ควิช่า ควารัตสเคเลีย ปีกชาวจอร์เจีย ที่กลับไปเล่นที่บ้านเกิดช่วงสั้น ๆ ก่อนย้ายไปดังกับ นาโปลี, ยูริ อัลแบร์โต้ กองหน้าดีกรีเยาวชนทีมชาติบราซิล ก็ย้ายกลับไปเล่นในบ้านเกิด ส่วน ครีโชเวียก ย้ายไปเล่นในกรีซ ก่อนมุ่งสู่ลีกซาอุดีอาระเบีย

ไม่ใช่แค่ที่กล่าวมา แข้งต่างชาติที่ค้าแข้งในลีกรัสเซีย ย้ายออกจากลีกรัสเซียมากถึง 85 คน ภายในระยะเวลา 1 ปีแรกที่โดนคว่ำบาตร ... สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า เมื่อการเมืองไม่แน่นอน รายได้ลดลง และแต่ละสโมสรต้องขยับเพื่อเอาตัวรอด นักเตะจากลีกรัสเซีย จึงพร้อมจะย้ายออกไปค้าแข้งในประเทศอื่น ๆ มากขึ้นและการย้ายออกก็ทำให้ลีกของพวกเขาอ่อนแอลงไปด้วย

"แน่นอนว่านักกีฬาทุกประเภทรวมถึงนักฟุตบอล ต้องทนทุกข์ทรมานจากเรื่องนี้ และเราต้องไม่แกล้งว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นหรือไม่สำคัญ ฟุตบอลในประเทศเรากำลังถอยหลังลงไป มันไม่ได้หมายถึงแค่เกมลีกจะลดคุณภาพ สโมสรของเราจะไม่มีสิทธิ์เล่นในฟุตบอลยุโรป และที่สำคัญทีมชาติของเราก็จะได้เล่นเกมกระชับมิตรที่ไม่มีคุณภาพด้วย" ดมิทรี กูเบอร์เนียฟ กูรูชื่อดังของฟุตบอลรัสเซียกล่าวในรายการโทรทัศน์ของพวกเขาไม่นานมานี้ ซึ่งแน่นอนว่ามันเกี่ยวกับการที่พวกเขารับไม่ได้ที่ทีมชาติรัสเซีย ต้องมาเตะกับชาติในอาเซียนอย่าง ไทย และ เวียดนาม ในฟีฟ่าเดย์ครั้งนี้

 

การเมืองไม่สน … แต่จะทนได้จริงหรือ ? 

ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย สหภาพฟุตบอลรัสเซีย พยายามหาทางออกของเรื่องนี้กับรัฐบาล พวกเขาคิดที่จะออกจากการเป็นสมาชิกของ ยูฟ่า เนื่องจากพวกเขาไม่รู้ชะตากรรมเลยว่าจะได้กลับมาเล่นเกมอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่  

ดังนั้นจึงเกิดแนวคิดที่ รัสเซีย จะออกจาก ยูฟา เพื่อมาเป็นสมาชิกของ เอเอฟซี หรือ สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย เพื่อให้ได้มีเกมการแข่งขันที่มากกว่านี้ ... ซึ่งถ้าใครติดตามข่าว ก็น่าจะได้ยินเรื่องนี้มาอยู่บ้าง

รัสเซีย เป็นพันมิตรที่ดีของ จีน พี่ใหญ่ในเอเชีย และมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับชาติในเอเชียหลายประเทศ การจะย้ายมาที่นี่อาจจะมีหลายประเทศต้อนรับ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้คนในประเทศของพวกเขาเอง โดยเฉพาะคนในวงการฟุตบอลก็มองว่า การย้ายครั้งนี้จะเกิดประโยชน์อะไร ? 

การมาเล่นในเอเอฟซี อาจจะทำให้พวกเขามีเกมทางการลงเล่น แต่ปัญหาคือคุณภาพฟุตบอลเอเชียนั้นต่ำกว่ายุโรปมาก การออกจากยุโรปมาเล่นที่นี่ จะเป็นการตัดโอกาสในอนาคต เพราะเมื่อพวกเขาออกจาก ยูฟ่า แล้ว การจะกลับเข้าไปใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย

"คุณคิดจะออกจากยูฟ่า มันคิดง่าย ๆ และก็ทำได้ง่าย ๆ แต่การที่คุณจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง ผมต้องบอกว่าโคตรยาก แม้หลายประเทศในเอเชียพร้อมจะสนับสนุนเรา แต่ก็มีสมาชิกในเอเอฟซีหลายประเทศเหมือนกันที่ไม่ได้อ้าแขนต้อนรับเราอย่างเต็มใจ" พิธีกรดังว่าต่อ

สิ่งที่คนในวงการฟุตบอลรัสเซียพยายามทำในตอนนี้ คือการกลับไปเจรจากับ ยูฟ่า และ ฟีฟ่า ด้วยท่าทีที่อ้อนน้อม จำยอม และอธิบายด้วยเหตุผลต่าง ๆ เพื่อให้พวกเขาได้กลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้ง โดยยกเหตุผลเรื่องของการแยกกีฬาออกจากการเมืองเป็นประเด็นในการถกกับ ฟีฟ่า และ ยูฟ่า 

"ณ ตอนนี้เราต้องพยายามเคาะประตูที่ปิดอยู่ เพื่ออธิบาย เชื่อมโยง และส่งเสริมสิ่งต่าง ๆ ให้กลับมาอยู่ในสถานการณ์ที่ดี เราจะต้องรักษาบรรยากาศในการเจรจาไว้ให้อยู่ในบรรยากาศที่ดี และเราจะต้องเปิดรับ รับฟัง ไม่ปิดตัวเองแบบที่เคยเป็น" 

นั่นคือสิ่งที่คนในวงการฟุตบอลคิด แต่ในความจริงท่าทีของรัฐบาลรัสเซียนั้นแข็งกร้าว และจะไม่อ่อนข้อเรื่องการเมือง เพียงเพราะพวกเขาอยากให้ทีมฟุตบอลในประเทศของตัวเองได้ลงแข่งขัน 

วลาดิเมียร์ ปูติน เดินทางมายัง เวียดนาม เมื่อเดือนมิถุนายน 2024 ซึ่ง รัสเซีย กับ เวียดนาม ถือเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกันมาตั้งแต่ยุคสงครามเย็น จนกระทั่งมาถึงปัจจุบันที่เวียดนามงดออกเสียงในการลงมติของสหประชาชาติเพื่อประณามการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

หลังจากนั้น รัสเซีย ก็ประกาศว่าจะอุ่นเครื่องกับ เวียดนาม และ ไทย ในทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องที่มีธนาคารของเวียดนามเป็นสปอนเซอร์ และผู้ชนะรายการนี้จะได้เงินรางวัล 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถ้าเราเปิดประวัติย้อนหลังในแต่ละเกมอุ่นเครื่องที่ รัสเซีย เล่นนับตั้งแต่โดนคว่ำบาตร พวกเขาลงเล่นกับชาติที่มีความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขาทั้งสิ้น อาทิ เคนยา, คิวบา และ เบลารุส 

ในสถานการณ์ที่การเมืองยังตึงเครียด กลุ่มผู้นำประเทศของ รัสเซีย ไม่ได้มองฟุตบอลเป็นปัญหาใหญ่โตมากมายนัก แตกต่างกับคนในวงการฟุตบอลของพวกเขา แต่คุณก็รู้ดี ในประเทศแห่งนี้ รัฐบาลของพวกเขามีอำนาจพอที่จะชี้ขาดในหลาย ๆ อย่าง

ณ ปัจจุบัน รัสเซีย จะต้องเดินสายเตะอุ่นเครื่องกับชาติตัวเลือกที่มีจำกัดจำเขี่ยต่อไป ตราบใดที่รัฐบาลของพวกเขายังไม่โอนอ่อน ยอมรับข้อเสนอจากชาติตะวันตก นั่นคือการถอนกำลังทหาร คืนแผ่นดินที่ยึดไปให้กับ ยูเครน

ดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้ก็ Win-Win ในมุมมองของรัฐบาลรัสเซีย และชาติที่อุ่นเครื่องกับพวกเขา เนื่องจาก รัสเซีย ก็มีเกมลงเล่น รวมถึงอาจจะได้ค่าจ้างจากชาติที่พวกเขาไปแข่งด้วย ขณะที่ทีมที่ลงแข่งขันด้วยก็มีลุ้นจะได้คะแนนฟีฟ่าแรงกิ้ง เพราะแม้ ฟีฟ่า จะตัดสิทธิ์ รัสเซีย ออกจากการแข่งขันทุกรายการ แต่ ฟีฟ่า ยังมีการคิดคำนวณคะแนนอันดับโลกให้ตามปกติ ในเกมอุ่นเครื่อง ไม่ได้มีการตัดออกจากระบบการคิดคำนวณแต่อย่างใด 

ส่วนเรื่องนักเตะเก่ง ๆ ในประเทศ ก็ต้องแก้ปัญหาด้วยการส่งออกไปค้าแข้งในต่างแดนให้มากที่สุดเพื่อรักษาคุณภาพฝีเท้าของพวกเขาเอาไว้ หากวันใด ฟีฟ่า หรือ ยูฟ่า ปลดแบนขึ้นมา พวกเขาก็จะพร้อมสำหรับการแข่งขันอย่างทันท่วงที 

ทว่าในแง่ของภาพรวม จะมีสักกี่คนทีได้โอกาสแบบนั้น ? มีนักเตะอีกหลายคนที่ต้องเสียโอกาสในการลงเล่นฟุตบอลระดับสูง เกมที่เข้มข้นขึ้น ทุกวันนี้เหลือแค่การเตะฟุตบอลลีกที่โลกแทบไม่สนใจ และไม่มีใครอยากดู

ณ ตอนนี้พวกเขาอาจจะยังไม่รู้สึก แต่ในระยะยาวรับรองได้เวลาปัญหาเหล่านี้จะกัดกินอย่างช้า ๆ และสุดท้าย รัสเซีย อาจจะเสียคุณภาพในเกมฟุตบอลระดับทีมอันดับ 33 ของโลกไปโดยไม่รู้ตัว 

 

แหล่งอ้างอิง

https://theathletic.com/3407507/2022/07/10/russia-football-ukraine/
https://www.theguardian.com/football/blog/2022/mar/26/football-in-russia-is-crashing-and-isolation-can-only-hasten-its-decline
https://th.soccerway.com/teams/russia/russia/1878/
https://www.reuters.com/sports/soccer/soccer-alive-kicking-now-isolated-russian-football-risks-going-backwards-2023-06-30/
https://www.france24.com/en/live-news/20240906-football-diplomacy-banned-by-fifa-russia-vie-for-10-000-in-vietnam
https://inside.fifa.com/tournaments/mens/worldcup/qatar2022/media-releases/fifa-uefa-suspend-russian-clubs-and-national-teams-from-all-competitions

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ปริญญา คงปันนา

กราฟฟิคหน้าโหด ทำงานด้วย Passion ว่างๆ ชอบไปคาเฟ่ หลงไหลในศิลปะ, การเดินทางและกีฬา