Feature

ไรอัน กราเฟนแบร์ก : "เบอร์ 6" ซื้อโดย คล็อปป์ ท็อปฟอร์มเพราะ อาร์เน่อ | Main Stand

"คุณภาพของเขาในการครองบอลอาจเป็นคำตอบแรกของผม ชาวดัตช์ต่างรู้กันดีว่าเขาเก่งแค่ไหนในการเล่นกับบอล เขาสามารถเป็นผู้เล่นที่สำคัญมากสำหรับเกมบิลด์อัพเกมของเรา" อาร์เน่อ ชล็อต กล่าวชมนักเตะของเขาคนหนึ่งในเกมแดงเดือดที่เล่นเด่นเป็นพิเศษ

 

เขาคนที่ว่านั้นคือ ไรอัน กราเฟนแบร์ก นักเตะที่สวมบทบาทตำแหน่งหมายเลข 6 ที่ ลิเวอร์พูล ตามหาในช่วงซัมเมอร์นี้ และเขาทำหน้าที่ดีเสียจนเราแทบไม่รู้สึกว่าการพลาดคว้าตัว มาร์ติน ซูบิเมนดี้ จะส่งผลกระทบอะไรกับหงส์แดงเลย

ทำไม "กราฟ" จีงเป็นตัวหลักในยุคนี้ และก่อนหน้านี้ทำไมเขาถึงไม่ได้โอกาสมากนักทั้งกับ บาเยิร์น และ ลิเวอร์พูล ในยุคของ เยอร์เก้น คล็อปป์ หาคำตอบกับ Main Stand

 

โกลเด้น บอย ตำแหน่งเบอร์ 8 

เอริค เทน ฮาก คือคนที่ผลักดัน ไรอัน กราเฟนแบร์ก ให้ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะตัวหลักของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม หลังการเสียตัวหลักรุ่นพี่หลายคนในแดนกลางไม่ว่าจะเป็น ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค หรือ เฟรงกี้ เดอ ยอง 

ย้อนกลับไปในเวลานั้น เทน ฮาก บอกว่า กราเฟนแบร์ก ในวัย 16 ปี พร้อมที่จะเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ อาแจ็กซ์ แล้ว เขาสูง 188 เซนติเมตร มีกล้ามเนื้อที่พร้อมปะทะกับคนอายุมากกว่า และเหนือสิ่งอื่นใดคือความพร้อมด้านพื้นฐานฟุตบอล ... ทุกอย่างรวมกันเป็นหนึ่ง และ กราเฟนแบร์ก ก็เล่นทีมชุดใหญ่ของ อาแจ็กซ์ ตั้งแต่อายุ 16 จนกระทั่ง บาเยิร์น มิวนิค คว้าตัวด้วยค่าตัวสุดถูก 18 ล้านยูโร เมื่อปี 2022 เนื่องจากเหลือสัญญาแค่ปีเดียวเท่านั้น

ในวันที่ กราเฟนแบร์ก ย้าย เทน ฮาก ได้ทำนายไว้ แถมสิ่งที่บอกก็ไม่ผิดนัก เขาบอกว่า "การแข่งขันที่ บาเยิร์น ดุเดือดมาก น่าเป็นห่วง และเป็นงานหนักของเขาแน่นอน ... แต่สุดท้ายจากที่ผมได้สัมผัสกับเขามาโดยตรง ไรอัน เป็นคนที่ชอบความท้าทาย เขาปรับตัวกับบอลคุณภาพของบาเยิร์นได้แน่ หากเขาได้เวลาที่มากพอ"

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เวลาไม่มากพอ กองกลางเชิงสูงที่เล่นในตำแหน่งเบอร์ 8 มีพร้อมทั้งความแข็งแรง สายตาว่องไว ไหวพริบที่เฉียบแหลม และเข้าใจจังหวะเกม ตกเป็นตัวสำรองอดทนของ บาเยิร์น ไม่ว่าจะในยุคของ ยูเลี่ยน นาเกลสมันน์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ โทมัส ทูเคิ่ล 

กราเฟนแบร์ก ลงเล่นตัวจริงแค่ 6 เกม ตลอดซีซั่น 2022-23 และ ได้เล่นแค่ 3 นาทีใน 3 เกมแรกของฤดูกาล 2023-24 ... โจชัว คิมมิช และ เลออน โกเร็ตซ์ก้า แข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาจะเบียดได้ นั่นคือสิ่งที่ ทูเคิ่ล บอก 

"ปัญหาหลักของเขาคือในระบบ 4-2-3-1 ของเรา เราไม่มีที่ว่างสำหรับนักเตะหมายเลข 8 ... เรามีตัวเลือกมากมายที่เบียดอยู่กับเขา แถมนักเตะเหล่านั้นยังเป็นนักเตะที่มีประสบการณ์สูงอีกด้วย ดังนั้นเขาต้องรอโอกาส และผมเข้าใจว่าเขากำลังไม่พอใจกับสถานการณ์ของตัวเอง" ทูเคิล กล่าวแบบไม่กั๊ก และจากนั้น กราเฟนแบร์ก ก็ย้ายไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล ด้วยราคา 38.5 ล้านปอนด์

 

ผมไม่เห็นว่าเขาจะล้มเหลวตรงไหน ?

ลิเวอร์พูล เสีย 2 กองกลางที่เป็นเหมือนห้องเครื่องของทีม ฟาบินโญ่ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน พร้อมใจตบเท้าไปเล่นในซาอุดีอาระเบีย นั่นทำให้กองกลางของพวกเขาขาด ก่อนที่ คล็อปป์ จะเดินหน้าคว้า 2 ตัวแทนที่แฟน ลิเวอร์พูล ก็ต้องยอมรับว่าพวกเขาผิดหวังหน่อย ๆ เมื่อเห็นชื่อกองกลางชาวญี่ปุ่นในวัยใกล้ ๆ 30 ปีอย่าง วาตารุ เอ็นโด และกองกลางดาวรุ่งที่แทบไม่มีโอกาสกับ บาเยิร์น อย่าง กราเฟนแบร์ก 

"ผมสามารถพูดได้หมดเปลือกเลยว่า ผมไม่อยากให้เราเซ็นสัญญากับ กราเฟนแบร์ก ไม่ใช่ว่าเขาไม่เก่งอะไร เขาดูมีศักยภาพที่จะเติบโตเป็นนักเตะที่ดี แต่ขอโทษเถอะนะ ที่เราไม่ได้ต้องการนักเตะแบบนั้น เราอยากได้คนที่มีความสามารถพร้อมที่จะลงเล่นในทันที ไม่งั้นเราจะเหนื่อยมากเหมือนกับซีซั่นที่แล้ว (2021-22 ลิเวอร์พูล หลุดท็อป 4)" บทความในเว็บไซต์ The Liverpool Way กล่าวย้อนความ 

ถึงจะเจอเสียงวิจารณ์ แต่คล็อปป์ ถือหางให้นักเตะที่เขาซื้อมา โดยเฉพาะกับ กราเฟนแบร์ก ที่ราคาไม่ได้ถูกเลย คล็อปป์ บอกว่าต่อให้ใครจะบอกว่า กราเฟนแบร์ก ล้มเหลวกับ บาเยิร์น แต่สำหรับเขา นั่นคือเรื่องธรรมดาของนักเตะดาวรุ่ง หลายคนไม่ใช่ไม่เก่ง แต่แค่ไปอยู่ผิดที่เท่านั้น 

"ผมขอย้ำอีกทีว่า เขาอายุ 21 ปี เขาผ่านประสบการณ์กับ อาแจ็กซ์ มากกว่า 100 เกม เขามีฤดูกาลที่ยากลำบากกับ บาเยิร์น แต่ผมยืนยันว่า มันไม่ใช่อาชีพค้าแข้งที่ล้มเหลวแน่นอน"

"ในกลุ่มนักเตะอายุขนาดนี้มันเป็นเรื่องปกติมาก เมื่อคุณไปอยู่ในทีมระดับโลก คุณจะได้โอกาสลงเล่นแค่เฉพาะช่วงท้ายเกมหรือนาทีสุดท้ายอะไรแบบนั้น เขาต้องการเวลาแน่นอน"

"เราจะมอบสิ่งนั้นให้กับเขา ผมเห็นสิ่งที่ ทูเคิ่ล พูดถึงตำแหน่งที่ถนัดของเขาที่มันไม่มีในทีม บาเยิร์น มิวนิค แต่ตำแหน่งนั้นมันมีที่ ลิเวอร์พูล เขาจะเป็นคนสำคัญของเราได้แน่ เพียงแต่ผมบอกไม่ได้ว่าเขาจะต้องการเวลาแค่ไหน เรื่องนี้เราต้องรอดูกันต่อไป" คล็อปป์ ว่าแบบนั้น 

แม้จะไม่ได้เป็นตัวหลักของทีม ลิเวอร์พูล ในซีซั่นก่อน แต่ กราเฟนแบร์ก ก็ลงเล่นถึง 38 เกมในทุกรายการ ยิงประตูไป 4 ลูก และได้เล่นเกมลีกไปถึง 26 นัด ... เขาให้สัมภาษณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ว่า เรื่องของฝีเท้าของเขาเปลี่ยนแปลงแค่ไหน เขาไม่สามารถยืนยันได้ เป็นเรื่องที่คนอื่นต้องตัดสิน 

แต่เรื่องสภาพจิตใจที่กลับมาสดใสเต็ม 100% จากการได้กลับมาสัมผัสเกมอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง พร้อมด้วยการดูแลจาก เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่ยืนเคียงข้างและเล่าโปรเจ็กต์ระยะยาวของทีมให้เขาฟังว่าเขาจะมีส่วนสำคัญ นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้ดาวรุ่งที่เกือบหมดไฟ ใจฟูกลับมาเล่นฟุตบอลด้วยความสนุกอีกครั้ง

"เมื่อผมคุยกับเขา (คล็อปป์) เขาทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเหมือนกับเป็นครอบครัว ... สำหรับผมเรื่องแบบนี้คือสิ่งที่ผมคิดถึงมาโดยตลอด ผมมีความสุขมากที่ผมตื่นมาทำงานด้วยความสุขและความรู้สึกแบบเดิมได้สำเร็จ" กราเฟนแบร์ก ว่ากับ TNT 

"เมื่อเขาจะพูดอะไรกับผม มันไม่มีพิธีรีตองมาก ไม่ว่าจะเรื่องเกมการแข่งขันหรือเรื่องอื่น ๆ เราก็แค่เอ่ยปากคุยกันตรง ๆ เขาคือคนที่มอบความมั่นใจให้กับผม เพื่อให้ผมได้กลับมาลงสนามในแบบที่ผมเป็นอีกครั้ง"

"คำพูดของเขาคือ กลับมาสนุกกับเกมอีกครั้งเถอะ ทำง่าย ๆ แบบนี้แหละ แล้วผมก็ทำตามนั้น เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่หายไปจากผมมานานก็กลับมา นั่นคือการเล่นอย่างมั่นใจ... ตอนนี้ ไรอัน กราเฟนแบร์ก คนเดิมกลับมาแล้ว"

ในระบบ 4-3-3 ของ คล็อปป์ กราเฟนแบร์ก ได้เล่นในตำแหน่งเบอร์ 8 ตามแบบที่เขาถนัดและทุกอย่างก็ดีขึ้นทันตา จากวันเริ่มต้น จนถึงวันสุดท้ายของซีซั่น ไม่ใช่แค่ความมั่นใจของเขาเท่านั้นที่มากขึ้น ความมั่นใจของแฟนบอลที่มีต่อเขาก็ทวีคูณเช่นกัน 

The Liverpool Way เจ้าเดิมที่บอกว่าทีมไม่ควรคว้า กราเฟนแบร์ก ให้คะแนนหลังจบซีซั่นของเขาที่ 6.5 เต็ม 10 คะแนนพร้อมอธิบายว่า 

"มีหลายสิ่งที่ผมคาดเดาไว้ตอนที่เขาย้ายมา แต่สุดท้ายเขาก็พิสูจน์แล้วว่าผมคิดผิด ... ผมต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ที่มีต่อเขาแล้วล่ะ" บทความเดิมว่า

"เขามีโอกาสเป็นเบอร์ 8 ที่เราตามหา เขาน่าจะดีกว่านี้ได้อีก แต่น่าเสียดายที่เขาไปเจ็บในช่วงคริสต์มาส สิ่งที่ผมเห็นเลยคือแววตาของเขามุ่งมั่นและมั่นใจขึ้นมาก สิ่งที่ผมชอบที่สุดคือการถอยต่ำลงมารับบอล และทะลวงแดนกลางคู่แข่งไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงฝ่ายเขาไป หรือการใช้การผ่านบอลทลายแผงเกมรับ"

"แต่ถึงอย่างนั้น เขาเองก็มีข้อเสียคือเขาเป็นนักเตะที่เล่นเกมรับไม่เก่งนัก และการขาดเกมรับมันส่งผลให้บางครั้งเขาหายไปจากเกม ... คะแนนซีซั่นนี้ของเขาคือ 6.5/10" เว็บไซต์ดังกล่าวว่า ก่อนที่เขาจะทิ้งท้ายให้ชวนคิดตามอีกครั้งว่า

"อะไรจะเกิดขึ้นกับเขาในอนาคตเหรอ ? ถ้าให้ฟันธง ผมคิดว่าเขาคงไม่สามารถเป็นตัวหลักเราได้ในทันที เขาน่าจะต้องรอคอยโอกาสลงเล่นต่อไป ... เอาล่ะ ผมอาจจะคิดผิดก็ได้ เราค้องคอยดูกันอีกทีว่า อาร์เน่อ สล็อต ต้องการอะไรจากเขา และเล่นระบบอะไร ? ระบบของเขาจะมี กราเฟนแบร์ก อยู่ในนั้นหรือไม่ ... เขามีพรสวรรค์ และคนที่มีหน้าที่ปลดล็อคมันคือ อาร์เน่อ สล็อต" เขาถามแบบนั้น และ สล็อต ก็ให้คำตอบ 

 

เบอร์ 6 ที่ลงล็อค 

อาร์เน่อ สล็อต คุม ลิเวอร์พูล 3 เกม และเอาชนะในเกมแรกที่คุมทีม เอาชนะในแอนฟิลด์นัดแรกที่คุมทีม และล่าสุด เอาชนะเกมแดงเดือดนัดแรกที่คุมทีม ... ทั้ง 3 เกม ไรอัน กราเฟนแบร์ก ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทุกนัด และมาเด่นชัดจนเห็นติดตาในเกมที่บุกยำใหญ่ใส่ผีแดงที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด 3-0 

แท็คติกของ สล็อต คือการใช้กองกลางหมายเลข 6 สองคนทำหน้าที่พร้อม ๆ กัน ได้แก่ตัวยืนเบอร์ 1 อย่าง อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ และอีกคนที่ต้องทำหน้าที่เกื้อหนุนกัน ซึ่งสุดท้าย กราเฟนแบร์ก กลายเป็นตัวเลือกแรกของ ลิเวอร์พูล ชุดนี้ไปแล้ว 

ฟุตบอลของ สล็อต เน้นการครองบอลมากกว่า คล็อปป์ และเน้นที่จังหวะจะโคน ช้า-เร็ว ตามสถานการณ์ มีความเป็นเฮฟวี่เมทัลน้อยกว่า แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือจังหวะการแย่งบอลกลับ ถือเป็นสิ่งที่ทั้งสองคนสั่งให้ทีมของเขาทำออกมาได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ และการดักบอลกลางทางแล้วสวนกลับเร็ว ถือเป็นอาวุธที่ ลิเวอร์พูล เหลามันให้อันตรายขึ้นในซีซั่นนี้ 

หัวใจสำคัญคือเบอร์ 6 สองคนที่อยู่ตรงกลางสนาม ปาสกาล แยนเซ่น อดีตผู้ช่วยของ สล็อต ให้สัมภาษณ์กับ Sky Sports อย่างเห็นภาพว่า

"สาเหตุที่ลิเวอร์พูลใช้กองกลางเบอร์ 6 สองคน เพราะเขาจะให้สลับหน้าที่กันในแต่ละจังหวะ คนนึงจะต้องยืนปักหลักคอยเป็นกระดูกสันหลัง ขณะที่อีกคนจะต้องคอยวิ่งไล่ล่าฟุตบอลไปในพื้นที่ต่าง ๆ เมื่อทีมต้องเล่นเกมรับ ... และคอยเติมขึ้นไปเป็นตัวเลือกเพิ่มเติมในตอนที่ทีมได้เล่นเกมรุก 1 คนยืน 1 คนหมุนตำแหน่ง หลัก ๆ จะเป็นแบบนี้"

"มีข้อสังเกตเพิ่มคือ เกมไหนที่ทีมของเขาครองเกมได้ เขาอาจจะใช้ตัวหมุนแค่คนเดียว แต่ถ้าถึงเกมที่ต้องชิงจังหวะ เอาฟุตบอลมาครอง หรือแย่งชิงการควบคุมเกมให้ได้ เบอร์ 6 ทั้ง 2 คนจะทำหน้าที่ไล่ล่าฟุตบอลพร้อม ๆ กัน" 

แยนเซ่น อธิบายแบบนี้ คุณจะเห็นภาพของ กราเฟนแบร์ก ทันที เขาไล่ล่าฟุตบอลและตัดบอลกลางทางได้หลายครั้งมากในเกมที่ โอลด์ แทรฟเฟิร์ด และในขณะเดียวกัน ในจังหวะที่นักเตะ ลิเวอร์พูล เล่นเกมรุก และทำท่าจะเสียบอล เขาจะเป็นคนไปซ้อนเพื่อเป็นทางเลือกสุดท้าย เพื่อเอาบอลกลับมาตั้งใหม่ ... และบังเอิญเหลือเกิน สิ่งที่ แยนเซ่น บอกก็ตรงกับสิ่งที่ สล็อต สัมภาษณ์หลังเกมถึง กราเฟนแบร์ก พอดี

"คุณภาพของเขาในการครองบอลอาจเป็นคำตอบแรกของผม ชาวดัตช์ต่างรู้กันดีว่าเขาเก่งแค่ไหนในการเล่นกับบอล เขาสามารถเป็นผู้เล่นที่สำคัญมากสำหรับเกมบิลด์อัพเกมของเรา ... แต่สิ่งที่ประทับใจผมมากที่สุดเมื่อผมเริ่มทำงานกับเขาคือความฟิตของเขา และความสามารถในการดวลหนึ่งต่อหนึ่ง วันนี้คุณจะเห็นว่าเขาวิ่งเยอะมากแค่ไหน บางครั้งพวกเขาอาจลงมาช่วยเกมรับไม่ทัน แต่พวกเขาก็ยังวิ่งและตามลงเข้าประกบ นั่นคือสิ่งเดียวที่ประทับใจผมมากที่สุดเกี่ยวกับเขา ว่าเขาเก่งแค่ไหนในยามที่ไม่มีบอล" ตรงเป๊ะทุกประการกับที่อดีตผู้ช่วยของเขาพูด 

และเมื่อคุณดูจากทักษะการครองบอลและการจ่ายบอลของเขา รวมถึงรูปร่าง พละกำลัง และความฟิต ... ดูเหมือนว่าตำแหน่งเบอร์ 6 จะเป็นสิ่งที่ อาร์เน่อ สล็อต ปลดล็อกให้กับ กราเฟนแบร์ก ได้เรียบร้อยแล้ว ไม่มีใครต้องสงสัยอีก ตำแหน่งนี้คืออีกตำแหน่งที่ใช่ของเขา และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนให้ปวดหัวอีกเหมือนปีก่อน ๆ ที่ผ่านมา

จากที่ว่ากันว่า ลิเวอร์พูล ต้องการซื้อกองกลางเบอร์ 6 ชั้นดีคนใหม่เข้ามาเป็นตัวหลัก ... บางทีอาจจะต้องเปลี่ยนเป็นซื้อกองกลางเบอร์ 6 เพื่อเอามาใช้สแตนด์บายตอนที่ต้องพัก กราเฟนแบร์ก ซะแล้ว 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.nytimes.com/athletic/4821693/2023/09/01/gravenberch-liverpool-bayern/
https://www.bavarianfootballworks.com/2023/9/1/23855236/thomas-tuchel-ryan-gravenberch-bayern-munich-for-liverpool-transfer-rumors-kimmich-goretzka-brazzo
https://www.liverpoolway.co.uk/index.php?/articles/members-content/other-members-content/202324-season-report-card-ryan-gravenberch-r4303/
https://www.thisisanfield.com/2024/02/jurgen-klopp-explains-ryan-gravenberchs-performance-gaps-are-completely-normal/
https://www.skysports.com/football/news/11095/13205333/erik-ten-hag-vs-arne-slot-a-dutch-coaching-rivalry-in-the-making-as-man-utd-face-liverpool-at-old-trafford

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ปริญญา คงปันนา

กราฟฟิคหน้าโหด ทำงานด้วย Passion ว่างๆ ชอบไปคาเฟ่ หลงไหลในศิลปะ, การเดินทางและกีฬา