ย้อนกลับไปในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ชื่อของ "ไม้" อชิตพล คีรีรมย์ กองหน้าชาวไทยดาวรุ่ง ถือเป็นแข้งที่น่าจับตามองอย่างยิ่งสำหรับการขึ้นมาทดแทน ธีรศิลป์ แดงดา ในตำแหน่งตัวจบสกอร์ทัพ "ช้างศึก" เนื่องจากเจ้าตัวมีดีกรีเป็นถึงเด็กฝึกของ เอาก์สบวร์ก ทีมสำรอง (FC Augsburg II) แถมมีร่างกายสูงใหญ่และเล่นสไตล์ยุโรป
ทว่าหลังจากเดินทางมาช่วยทีมชาติไทย ในซีเกมส์ 2023 และกลับไปยังต้นสังกัด อชิตพล คีรีรมย์ ได้รับบาดเจ็บหนัก ต้องเข้ารับการผ่าตัด และใช้เวลาฟื้นฟูอีกหลายเดือนกว่าจะกลับมาลงสนามได้ ส่งผลให้สโมสรตัดสินใจไม่ต่อสัญญาออกไป พร้อมกลายเป็นแข้งฟรีเอเย่นต์ในที่สุด
เหตุใด อชิตพล คีรีรมย์ จึงมีสถานะเป็นแข้งฟรีเอเย่นต์ และเขาจะกลับมาเล่นในไทยหรือไม่ ... ติดตามได้ที่ Main Stand
สร้างไฟให้ตัวเอง
อันที่จริง อชิตพล คีรีรมย์ เคยชื่นชอบกีฬาเทนนิส รวมถึงลองเล่นกีฬาชนิดอื่น ๆ ก่อนจะมาตกหลุมรักกีฬาฟุตบอลตอนอายุประมาณ 8 ขวบ โดยได้อาจารย์ มานิตย์ สุขสุภาพ บรมครู "เรือจ้าง" แห่งวงการบอลเด็กช่วยขัดเกลาฝีเท้า จนกระทั่งมีโอกาสได้เข้าไปเรียน ณ สถาบันลูกหนังเบอร์ต้น ๆ ของไทย อย่าง กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย
หลังจากที่อยู่กับ "ชงโคม่วงทอง" ได้เพียง 2 ปี ดูเหมือน ไม้ อชิตพล คีรีรมย์ จะตั้งเป้าหมายสูงกว่าใครเพื่อน นั่นคือการบินไปค้าแข้งที่ยุโรป เนื่องด้วยเจ้าตัวเคยได้รับความสนใจจากหลายสโมสรชั้นนำในโปรตุเกส อาทิ บราก้า, เบนฟิก้า และ สปอร์ติง ลิสบอน ให้ไปทดสอบฝีเท้า
อย่างไรก็ตามหลายสิ่งหลายอย่างในการบินไปล่าความฝันนั้นไม่เป็นใจ ทำให้ อชิตพล คีรีรมย์ ต้องกลับมาตั้งหลักใหม่กับโรงเรียนอัสสัมชัญฯ
แต่ในเมื่อความฝันและไฟในตัวถูกจุดติดแล้ว อชิตพล คีรีรมย์ ก็ได้ทำการปรึกษาครอบครัวเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยมีคุณแม่ของเขาเป็นบุคคลที่คอยจัดการและให้คำแนะนำ ก่อนจะเลือกประเทศเยอรมัน เป็นสถานีต่อไปของลูกชาย เพราะในตอนนั้น "อินทรีเหล็ก" เพิ่งได้แชมป์ฟุตบอลโลก 2014 มาหมาด ๆ และถูกจัดอยู่ใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรป และคุณแม่ของเขาก็เพิ่งเดินทางมาเที่ยวอีกด้วย
อชิตพล คีรีรมย์ วัย 14 ปี เริ่มกรุยทางด้วยตัวเองในเยอรมนี โดยทีมแรกที่เขาเข้าไปสังกัดคือ เอสเฟา เนเทิลเบิร์ก(sv nettelnburg/allermöhe) ทีมในระดับลีก 6 ของเมืองเบียร์ ในฤดูกาล 2015-16 และปรากฏว่าเด็กไทยสามารถทำให้แมวมองจาก ซังค์ เพาลี(St. Pauli) อีกหนึ่งทีมดังติดใจได้ และเชิญไปร่วมฝึกซ้อม
ทว่าน่าเสียดายที่ในตอนนั้น อชิตพล คีรีรมย์ มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยจึงไม่พร้อมที่จะโชว์ฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเองออกมา โดยคุณแม่ของเขาเคยเล่าว่า "วันนั้นแม่ก็อยู่ด้วยนะ วันที่ไม้ถูกเรียกไปคุยที่ออฟฟิศของสโมสรซังค์ เพาลี (ตอนนั้นอยู่ Liga2 ปัจจุบันเลื่อนชั้นสู่บุนเดสลีกา)"
"ประมาณว่าจะให้ไม้ลองทดสอบเล่นดูก่อน แต่โชคชะตาไม่เข้าข้าง ไม้ดันเจ็บเลยไม่สามารถโชว์ฟอร์มที่ดีได้ น่าเสียดายมาก ๆ ... ที่จริงมีอีกหายทีมที่สนใจนะ ในระดับลีก 2 และลีก 3 แต่ตอนนั้นไม้เจ็บ บวกกับเรื่องของวีซ่าและกฎขั้นตอนต่างๆที่ยังติดขัดอยู่ ก็เลยไม่ได้เซ็นสัญญากับทีมไหนทั้งนั้น"
เวลาเดินไปไวจนครบ 1 ปี อชิตพล คีรีรมย์ นั้นสามารถผ่านการสอบวัดระดับภาษาเยอรมัน เพื่อขอวีซ่าได้สำเร็จและย้ายไปเรียนที่ DFI Bad Aibling (Deutsches Fußball Internat) โรงเรียนลูกหนังที่สอนวิชาการควบคู่ไปด้วย ตามความตั้งใจของเขาและคุณแม่
สู้คนเดียวจนได้รับสัญญาอาชีพ
หลังจากที่ฝึกปรือวิชาลูกหนังกับ DFI ได้ราว 2 ปี อชิตพล คีรีรมย์ ก็มีโอกาสได้ย้ายไปอยู่กับ 1860 โรเซนไฮม์ รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี(1860 Rosenheim U19) ทีมในระดับลีก 4 เยอรมันตอนนั้น ทั้งที่ตอนนั้นไม้อายุเพียง 16 ย่าง 17 และปรากฏว่า ไม้ ยิงถล่มทลายในชุดเยาวชน จนถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในเวลาต่อมา
อชิตพล คีรีรมย์ ยังมีฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นเกินวัยกับชุดใหญ่ของ 1860 โรเซนไฮม์ โดยฤดูกาล 2020-21 เขายิงไป 6 ประตูจากการลงสนาม 10 เกมรวมทุกรายการ
ซึ่งด้วยอายุและผลงานทำให้ เอาก์สบวร์ก ทีมดังแห่งศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ติดต่อผ่านเอเย่นต์ของ ไม้ "ก่อนจะได้รับความสนใจจาก เอาก์สบวร์ก ก็เล่นกับ 1860 โรเซนไฮม์ มาได้ราว ๆ 2 ปีกว่า ตอนนั้นกำลังเล่นดีและฟอร์มกำลังมา บวกกับอายุน้อย"
"ผมจำได้ว่าตอนนั้นมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่เรามีผลงาน เอาก์สบวร์ก ก็แสดงความสนใจติดต่อผ่านเอเย่นต์มา จนได้เข้าไปซ้อม แล้วโค้ชก็ชอบจนได้ย้ายทีมในที่สุด" อชิตพล คีรีรมย์ เล่าย้อนถึงการได้รับความสนใจจาก เอาก์สบวร์ก
อย่างไรก็ดีฤดูกาล 2021-22 อชิตพล คีรีรมย์ ต้องอยู่กับทีม เอาก์สบวร์ก รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี (FC Augsburg II) ในระดับลีก 4 เยอรมัน ก่อนเป็นลำดับแรก เพื่อปรับตัวและเป็นตามระบบที่สโมสรวางไว้
ทว่าในช่วงแรกที่ไปถึง อชิตพล คีรีรมย์ กลับโชคร้ายได้รับอาการบาดเจ็บในระหว่างซ้อมและต้องพักฟื้นราว 6 เดือน
"ปีแรกกับ เอาก์สบวร์ก โอเคเลยครับ โค้ช เพื่อนร่วมทีมให้การต้อนรับเราเป็นอย่างดี แต่เสียดาย และโชคร้ายมากที่ได้รับอาการบาดเจ็บเอ็นข้อเท้าฉีกในระหว่างซ้อม จนต้องเข้ารับการผ่าตัดเล็ก ๆ แล้วถึงจะได้เล่นตอนปลายฤดูกาลประมาณ 10 เกมได้" อชิตพล คีรีรมย์ กล่าวถึงผลงาน 3 ประตูจาก 9 เกมในฤดูกาลแรกกับ เอาก์สบวร์ก2
เจ็บที่รุมเร้า
ต่อเนื่องในฤดูกาลถัดมา อชิตพล คีรีรมย์ เริ่มได้ออกสตาร์ทตัวจริงให้ต้นสังกัด พร้อมได้รับสัญญาอาชีพกับ เอาก์สบวร์ก ต่อสัญญาออกไปอีก 2 ปี โดย อชิตพล ถือเป็นนักเตะสัญชาติไทย รายที่ 3 ที่ได้รับสัญญาอาชีพจากสโมสรในลีกของเยอรมัน ต่อจาก วิทยา เลาหกุล (แฮร์ธ่า เบอร์ลิน กับ ซาบรูคเคน) และ โกวิทย์ ฝอยทอง (เอสเฟา โลห์ฮอฟ)
แต่ปัญหาอาการบาดเจ็บก็กลับมาเล่นงานเขาอีกครั้ง ส่งผลให้ฤดูกาลนั้น อชิตพล คีรีรมย์ ได้ลงเล่นแบบไม่ต่อเนื่อง แต่ยังได้รับโอกาสจากโค้ชไปถึง 19 เกม มีผลงาน 3 ประตู 2 แอสซิสต์ อย่างไรก็ตาม อชิตพล คีรีรมย์ เริ่มรู้ตัวแล้วว่าหากอาการบาดเจ็บมาเยือนอีกครั้งมันจะกระทบกับความต่อเนื่องในการพัฒนา รวมถึงสถานะในทีม
ช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 2023-24 อชิตพล คีรีรมย์ เริ่มมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นด้วยการพาทีมชาติไทย คว้าอันดับที่ 2 ในซีเกมส์ 2023 กัมพูชา
แถมยังได้เป็นตัวจริงให้ต้นสังกัดตลอดในช่วงปรีซีซั่น จนแล้วจนรอดในการเตะปรีซีซั่นนัดสุดท้าย สิ่งที่ อชิตพล คีรีรมย์ กังวลก็เกิดขึ้นจนได้
อชิตพล คีรีรมย์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงอาการบาดเจ็บ ACL หรือเอ็นไขว้หน้าขวาขาด ว่า "หลังจากกลับจากทีมชาติ เราก็เริ่มมีความมั่นใจ ซึ่งโค้ชก็เลือกเราออกสตาร์ทในชุดแรกตลอด"
"แต่พอมาถึงเกมปรีซีซั่นนัดสุดท้าย มันเป็นจังหวะที่ผมกำลังวิ่งลงไปรับบอลแล้วจะพลิกตัว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพื้นสนามหรือการเข้าสกัด ตัวเราไปแล้วแต่ขายังอยู่กับที่ มันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมได้ยินเสียงอะไรบางอย่างลั่นดัง ก็อก!" หลังจากนั้นปรากฏว่า อชิตพล คีรีรมย์ ต้องเข้ารับการผ่าตัดและเข้าโปรแกรมฟื้นฟูอีกถึง 8 เดือน
กลับไทยหรือสู้ต่อ ?
กระทั่งเดือนมีนาคม 2024 อชิตพล คีรีรมย์ สามารถสลัดเดี้ยงและกลับมาลงซ้อมกับ เอาก์สบวร์ก2 ได้ แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวมีสภาพร่างกายไม่พร้อม ก่อนจะจบเส้นทางกับ เอาก์สบวร์ก และกลายเป็นแข้งฟรีเอเย่นต์ในปัจจุบัน
"สิ่งที่อาการบาดเจ็บสอนผม คือผมต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเอง ผมได้รับอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าเอ็นไขว้หน้าขาด ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนเป็นนักฟุตบอลหรือนักกีฬาก็คงจะรู้กันดีถึงความรุนแรงของอาการลาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าขาด มันน่าจะเป็นหนึ่งในอาการบาดเจ็บที่หนักที่สุดของนักกีฬา"
"ตั้งแต่วันแรกที่ได้รับอาการบาดเจ็บจนเวลาผ่านมาถึงวันนี้ (8 เดือน) ผมรู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก ๆ ที่ผ่านช่วงที่แย่ที่สุดในชีวิตมาได้ และยังทำให้ผมเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น ทำให้ผมเชื่ออีกว่าหากผมเจออาการบาดเจ็บหรือเรื่องร้าย ๆ เข้ามาเล่นงานอีก ผมก็จะสามารถผ่านมันไปได้ จงบอกกับตัวเองว่าคุณสามารถกลับมาเล่นฟุตบอลได้"
"เอาตรง ๆ พอรู้ตัวว่าบาดเจ็บและต้องพักยาว ก็ยอมรับในระดับหนึ่งแล้วว่าตัวเองอาจไม่ได้อยู่กับทีมต่อ เพราะบวกกับอายุที่เกิน 23 ด้วย ตอนแรกตั้งใจว่าจะโชว์ฟอร์มให้ดีในฤดูกาล 2023-24 เพื่อก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ หรือไม่ก็ย้ายสโมสร" อชิตพล คีรีรมย์ พูดด้วยความเสียดาย ที่ฤดูกาลสุดท้ายไม่ได้ลงช่วยทีม
แม้ตอนนี้ อชิตพล คีรีรมย์ จะไม่ได้สังกัดอยู่กับสโมสรไหนเลยก็ตาม แต่เจ้าตัวก็มองว่าตัวเองมาไกลกว่าที่คิดไว้มาก เพราะเดินตามจังหวะฟุตบอล ไม่มีแผนไว้ล่วงหน้า "พอลองมองย้อนกลับไปเรารู้สึกว่าตัวเองเดินมาไกลมาก ได้อยู่กับสโมสรในบุนเดสลีกา มีโอกาสขึ้นไปซ้อมชุดใหญ่บ้าง ได้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ของทีมระดับลีกสูงสุดเยอรมัน … ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ล้มเหลวนะ"
ปัจจุบัน อชิตพล คีรีรมย์ ยังเลือกที่จะปักหลักอยู่เยอรมนี ผึกซ้อมและรอข้อเสนอหรือไปทดสอบฝีเท้ากับทีมต่าง ๆ พร้อมยอมรับว่ายังไม่อยากกลับไทย เนื่องจากมีภารกิจเรื่องเรียนมหาวิทยาลัยที่เหลืออีกเพียงนิดเดียวก็จะได้ใบปริญญาแล้ว
"ยังอยากอยู่สู้ต่อที่นี่ครับ อยากไปให้สุดทาง อยากลองดูว่าตัวเองจะไปได้สุดขนาดไหนเพื่อไม่ต้องเสียใจทีหลังหากท้ายที่สุดแล้วต้องกลับไทยหรือไปค้าแข้งในบรรดาลีกเอเชีย ในอนาคตอาจได้เห็นผมเล่นในไทยลีก เพราะความตั้งใจเราคือไม่ได้อยู่เยอรมัน ตลอดชีวิต" อชิตพล คีรีรมย์ เผยถึงอนาคตของตัวเองที่ไม่ปิดกั้นการกลับมาเล่นในไทยลีก
และ อชิตพล คีรีรมย์ ยังได้แย้มถึงสโมสรไทยลีกที่เขาอยากร่วมงานด้วย โดยเขาเปิดใจว่าทีมนั้นคือ ทรูฯ แบงค็อก ยูไนเต็ด "เอาเป็น บียู ละกัน เพราะตอนเด็ก ๆ เคยมีโอกาสได้เล่นให้ บียู ช่วงหนึ่ง และเป็นสโมสรระดับแนวหน้าของเมืองไทย"
สุดท้ายหวังเป็นอย่างยิ่งว่า อชิตพล คีรีรมย์ จะมีสังกัดที่เยอรมัน ในเร็ววัน ไม่ลงเอยเหมือนดาวรุ่งไทยคนอื่น ๆ ที่เล่นในต่างประเทศ แต่พอมาเล่นในไทยแล้วแทบไม่ได้ยินชื่อ