Feature

ออสการ์ ปิอัสตรี : ออสซี่สายเลือดใหม่ ที่เชื่อว่าตัวเองเร็วไม่แพ้ใคร | Main Stand

เมื่อพูดถึงออสเตรเลีย หลายคนคงนึกถึงจิงโจ้ หมีโคอาล่า และแสงแดดอันอบอุ่น

 


แต่รู้หรือไม่ว่าดินแดนจิงโจ้นั้น เป็นหนึ่งในประเทศที่ผลิตบุคลากรเข้าสู่วงการรถสูตรหนึ่งมาอย่างมากมาย อย่าง แจ็ค บราแบม, อลัน โจนส์, มาร์ค เว็บเบอร์, ดาเนียล ริคคาร์โด้

ซึ่งรวมไปถึง ออสการ์ ปิอัสตรี ดาวรุ่งพุ่งแรงคนใหม่ล่าสุด ที่สามารถคว้าชัยชนะใน F1 หลังลงแข่งเพียงปีที่ 2 เท่านั้น

เรื่องราวของ ปิอัสตรี จะน่าสนใจอย่างไร เรามาติดตามไปด้วยกันกับ Main Stand

 

เด็กชายกับความฝันอันยิ่งใหญ่

หลังจากลืมตาดูโลกในวันที่ 6 เมษายน 2001 ปิอัสตรี ได้รับของขวัญชิ้นหนึ่งจากคุณพ่อซึ่งทำให้เปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล นั่นคือ "รถบังคับวิทยุ" ที่ดูเหมือนเป็นของเล่นของเด็กทั่วไป แต่สำหรับเขาแล้ว การที่รถพลาสติกวิ่งฉิวบนพื้นสนามในบ้าน ทำให้ได้ค้นพบกับความเร็ว สิ่งเปรียบเสมือนรักครั้งแรกในวัยขบเผาะ รวมทั้งสภาพแวดล้อมของครอบครัวที่ทำงานสายรถแข่ง 

นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ เด็กชาย ออสการ์ ปิอัสตรี ได้สัมผัสความเร็วอย่างแท้จริงจากการแข่งขันรถโกคาร์ท โดยได้รับการสนับสนุนจากคุณพ่อ และคุณแม่ อย่างเต็มที่ ทั้งเวลา กับ ทุนทรัพย์ ซึ่งอาจแตกต่างจากพื้นหลังของนักแข่งหลายคน แต่ความเก่งกาจของเขา ก็ไม่มีใครสงสัย เริ่มต้นด้วยการคว้าอันดับ 2 ในรายการ Australian National Sprint Kart Championship รุ่น Junior Clubman ปี 2014 ก่อนที่ครอบครัวตัดสินใจย้ายถิ่นฐานจากแดนจิงโจ้ สู่ประเทศอังกฤษดินแดนเมืองผู้ดีในปี 2016 เพื่อหาหนทางที่เปิดกว้างมากขึ้น

 

ดาวเด่นที่เจิดจ้าบนเวทีรอง

การข้ามน้ำข้ามทะเลมาอีกซีกโลก ทำให้ ปิอัสตรีได้มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันที่เปิดกว้างมากขึ้น โดยเขาได้สัมผัสเวทีการแข่งขันรถล้อเปิดครั้งแรกในรายการ Formula 4 UAE Championship กับทีม Dragon F4 คว้าโพเดียมไปสองครั้ง ก่อนในอีกปีต่อมา ชีพจรเดินเท้าอีกครั้งสู่รายการ British F4 Championship ภายใต้สังกัด TRS Arden Junior Racing Team เป็นรองแชมป์ด้วยการคว้าชัยชนะ 6 ครั้ง และ ออกสตาร์ทด้วยตำแหน่ง Pole Position อีก 6 ครั้ง

ด้วยผลงานอันร้อนแรงบนเวที F4 ในวัย 16 ปี ก็มีทีมใหญ่ของเวทีรถสูตรหนึ่ง ให้ความสนใจในการคว้าตัวไปร่วมอคาเดมี่ เพื่อเป็นนักแข่งความหวังใหม่ของทีมภายภาคหน้า 

แม้กระทั่งบอสใหญ่ของทีมกระทิงดุอย่าง คริสเตียน ฮอร์เนอร์ ก็มีความสนใจให้เด็กหนุ่มชาวออสซี่ เข้าไปอยู่ในกลุ่ม Red Bull Junior โดยมีการเปิดเผยภายหลังในปี 2022 ว่า 

"Red Bull มีโอกาสที่จะคว้าตัวเขา ในขณะนั้น แต่เราไม่ได้ตัดสินใจคว้าตัวเขา นั่นเป็นสิ่งที่ผมเสียดายเป็นอย่างมาก หลังจากเขาได้ทำสิ่งมหัศจรรย์ใน Formula 3 และ Formula 2"

แน่นอนว่าการไม่ได้เข้าสู่อ้อมกอดของ Red Bull ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับปิอัสตรี แถมยังทำให้เขาได้ค้นพบเส้นทางของตัวเองที่เฉิดฉายสู่สายตาแฟนมอเตอร์สปอร์ต เริ่มต้นจากการคว้าแชมป์ Formula Renault Eurocup กับ R-ace GP ปี 2019 ตามรอยรุ่นพี่ที่เป็นดาวขึ้นสู่ F1 ไปก่อนหน้า อย่าง จอร์จ รัสเซลล์ กับ ชาร์ล เลอแคลร์ รวมถึงใช้เวลาเพียงแค่ 2 ปี ก้าวขึ้นสู่ดาวรุ่งเนื้อหอมที่สุดของวงการ ในฐานะแชมป์ Formula 3 ปี 2020 และ Formula 2 ในปี 2021 ภายใต้สังกัด Renault Sport Acedemy ซึ่งทีมดังจากฝรั่งเศสที่รีแบรนด์จาก Renault เป็น Alpine หมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างดี ให้เขาก้าวสู่นักขับตัวความหวังของทีม แต่หารู้ไม่ว่าเพลงรักอลวนกำลังจะเกิดขึ้น

 

สัญญาอลวน กับ คนรักอลเวง

ทุกคนทราบดีว่าในฐานะแชมป์รายการ Formula 2 ออสการ์ ปิอัสตรี จะไม่สามารถกลับเข้าแข่งในรายการที่เทียบเท่า หรือต่ำกว่าได้อีก นั่นหมายความว่า เขาจะเป็นนักแข่งสำรองให้กับ Alpine ตามที่ทีมทำข้อตกลงไว้ โดยมีความเข้าใจตรงกันว่า เขาจะเป็นนักขับตัวจริง เมื่อสองนักขับประจำทีมอย่าง เฟอร์นันโด อลอนโซ่ หรือ เอสเตบัน โอคอน ลาจากทีมไป 

จนกระทั่งปี 2022 ตลาดนักขับได้เกิดความโกลาหลขึ้น หลัง เซบาสเตียน เวทเทล นักขับแชมป์โลก 4 สมัย จากทีม Aston Martin ได้ประกาศรีไทร์หลังจบฤดูกาล ซึ่งนั่นทำให้ Aston Martin ต้องหานักขับเข้ามาทดแทน ซึ่งหวยใบนั้นตกไปที่ เฟร์นานโด อลอนโซ่ ที่ย้ายจาก Alpine มา 

ฟังดูแล้ว มันก็คงถึงเวลาของปิอัสตรี ได้เฉิดฉายบนเวที Formula 1 ที่มีคนเพียงแค่หยิบมือได้รับโอกาสอันล้ำค่านี้ และ Alpine ก็ได้ประกาศว่าตัวของเขาจะได้ลงแข่งในฤดูกาลหน้า 

แต่ดูเหมือนจะไม่ง่ายขนาดนั้น หลัง ปิอัสตรี เองได้ตัดสินใจประกาศโดยใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย มีความสำคัญว่า 

"ผมทราบมาว่า ทีม Alpine มีแถลงการณ์ว่า ผมจะลงแข่งในฤดูกาลหน้าโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผม นี่คือเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ผมไม่ได้เซ็นสัญญากับ Alpine ปี 2023 และผมจะไม่ลงแข่งให้กับ Alpine ในปีหน้า" 

การออกมาปฏิเสธของเขา นั้นทำให้มีข้อสังสัยว่า เกิดอะไรขึ้นกับทีมดังจากฝรั่งเศส จนเงื่อนงำที่ถูกปิดบังได้ถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อ Alpine ยังไม่ได้ยื่นสัญญาให้อย่างเป็นทางการ หลังจากที่สูญเสีย เฟร์นานโด อลอนโซ่ ให้กับ Aston Martin ไป เพราะพวกเขานั้นกว่าจะรู้ว่านักขับวัย 41 จะจากทีมไป ก็สายเสียแล้ว อีกทั้งแผนการส่งให้ Williams ทีมยักษ์หลับยืมตัวไปใช้งาน ก็ไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ และวงล้อแห่งเวลาก็หมุนไปไม่มีย้อนกลับ

นั่นทำให้ มาร์ค เว็บเบอร์ อดีตรองแชมป์โลก Formula 1 รุ่นพี่ร่วมชาติที่ผันตัวมาเป็นผู้จัดการให้กับ ออสการ์ ปิอัสตรี ได้งัดไม้เด็ดของสัญญาที่ Alpine ระบุไว้ว่า 

"หากทีมไม่สามารถหาที่นั่งให้กับ ปิอัสตรี ภายใน 31 กรกฎาคม 2022 ได้ นักแข่งสามารถพูดคุยกับเจรจากับทีมอื่นได้ทันที"

ซึ่ง มาร์ค เว็บเบอร์ ได้ซุ่มเจรจากับหลายทีม ก่อนจะเป็น McLaren ที่เป็นผู้ให้ความสนใจกับ ออสการ์ ปิอัสตรี มากสุด โดยจะให้เข้ามาแทนที่ ดาเนียล ริคคาร์โด้ นักแข่งชาวอสเตรเลียอีกคน

แม้ว่าตัวของ ดาเนียล ริคคาร์โด้ จะมีสัญญาถึงปี 2023 รวมถึงเป็นผู้คว้าชัยล่าสุดให้กับทีมที่สนาม Monza เมื่อปี 2021 แต่ก็ต้องยอมรับว่า ริคคาร์โด้ ไม่เป็นที่น่าพอใจของทีม รวมถึง แซค บราวน์ ผู้บริหารทีม เมื่อเทียบกับ แลนโด้ นอร์ริส ที่เป็นเด็กปั้นของทีม ยังสามารถเก็บแต้มได้มากกว่า สม่ำเสมอกว่า

ผลออกมาคือ McLaren ตัดสินใจครั้งสำคัญ โดยการฉีกสัญญาที่ยังเหลืออยู่ของ ดาเนียล ริคคาร์โด้ จำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ และฝากอนาคตกับ ออสการ์ ปิอัสตรี ที่มาพร้อมความกดดันอันใหญ่หลวงจากมวลมหาประชาชน

 

สู่ดาวรุ่งที่น่าจับตามองใน F1

ไม่ว่าแฟนมอเตอร์สปอร์ตจะมอง ออสการ์ ปิอัสตรี เป็นคนอย่างไรก็ตาม แต่เชื่อว่าหลายคนก็อยากให้เขาได้แสดงฝีมือบนเวทีที่เต็มไปด้วยนักแข่งมากฝีมือทั่วยุทธภพ แน่นอนว่าตัวเขาก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดัน และความคาดหวังจากคนรอบตัว แม้เขาจะเป็นนักขับดาวรุ่งไม่กี่คนที่สามารถคว้าแชมป์ในซีรี่ย์รองแบบปีต่อปี แต่หลังจากนี้คือตัวชี้วัดว่าเขา "ของจริง" หรือแค่ฟลุค

แต้มแรกของเขา ใช้ระยะเวลาไม่นาน โดยคว้า 4 คะแนนในสนาม Albert Park เรซบ้านเกิดของตัวเอง ก่อนรีดฟอร์มเก่งที่สนาม Silverstone ด้วยการจบอันดับ 4 รวมทั้งสร้างประวัติศาสตร์ให้ตัวเองที่สนาม Suzuka ด้วยการสตาร์ทแถวหน้าคว้าอันดับ 2 บนกริดสตาร์ท และจบอันดับ 3 คว้าโพเดียมแรกของตัวเองได้สำเร็จ หลังจากผ่านไปเพียงแค่ 16 สนาม บนเวทีสูงสุดในอาชีพของเขา 

"มันเป็นสิ่งที่พิเศษมากเลย ผมคงจะจำความรู้สึกนี้ไปอีกนาน"

"ผมไม่สามารถขอบคุณทีมได้มากพอที่ให้โอกาสนี้แก่ผม มีคนไม่กี่คนบนโลกที่ได้รับโอกาสนี้ที่รอมาทั้งชีวิต และผมก็สามารถคว้ามันมาได้ในฤดูกาลแรก"

"แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรซที่ดีที่สุดของผม แต่สุดท้ายเราก็คว้าถ้วยรางวัลมาได้" ปิอัสตรีกล่าวปิดท้าย

แม้หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าตัวจะคว้าชัยชนะในสปรินท์เรซที่ประเทศกาตาร์ได้ แต่แฟนกีฬาความเร็วต่างทราบกันดีว่า ชัยชนะที่แท้จริง ต้องเกิดขึ้นในการแข่งขันจริง

และที่สุดแล้ว ชัยชนะครั้งแรกของพิอัสตรีใน F1 ก็เกิดขึ้นที่ ฮังกาโรริง ประเทศฮังการี ทำให้เขากลายเป็นนักแข่งที่เกิดในศตวรรษที่ 21 คนแรกที่ชนะใน F1 แม้จะมีดราม่าเล็ก ๆ เรื่อง "ทีมออเดอร์" ที่ต้นสังกัด McLaren ขอให้ แลนโด นอร์ริส รุ่นพี่เพื่อนร่วมทีมชาวอังกฤษ สลับตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้พิอัสตรีชนะใน F1 เป็นครั้งแรกก็ตาม

ซึ่งหลังจากคว้าชัยชนะได้สำเร็จ พิอัสตรีได้เปิดใจว่า

"นี่คือวันที่ผมฝันมาตลอดตั้งแต่เด็ก กับการได้ยืนบนโพเดียมสูงสุดใน F1"

จากความหลงใหล รวมถึงความสามารถที่ทำให้การเดินทางของเขา ได้พิสูจน์ต่อแฟนมอเตอร์สปอร์ตแล้วว่า ตัวของเขาเร็วไม่แพ้ใคร เหมือนที่ตัวเขาเองก็เชื่อมั่นแบบนั้นมาโดยตลอด

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.mclaren.com/racing/team/oscar-piastri/
https://wwos.nine.com.au/motorsport/formula-1-news-2023-japanese-grand-prix-oscar-piastri-claims-maiden-podium-third-place-finish/2442e624-70a6-41a7-a49c-94b8f51347f8
https://www.the-race.com/formula-1/how-mclaren-did-its-piastri-f1-deal-and-what-alpine-knew/#disqus_thread
https://www.sportingnews.com/au/formula-1/news/who-oscar-piastri-australian-motorsport-star-verge-f1-seat/yxdakal5thubltgkkkxt5jnl
https://rtrsports.com/en/blog/oscar-piastri-f1s-new-golden-boy/

Author

พงศ์ปณต ตั้งตราชู

พนักงานออฟฟิศที่ขับเคลื่อนเป้าหมายชีวิตผ่านกีฬามอเตอร์สปอร์ต และการติดตามไอดอล

Photo

ปฐวี ยอดเนียม

Man u is No.2 But YOU is No.1

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ