นับตั้งแต่ เอริค เทน ฮาก เข้ามาคุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 2022 เชื่อว่าแฟนบอลน่าจะสังเกตเห็นถึงสิ่งหนึ่ง
นั่นคือนักเตะส่วนใหญ่ที่ทางเฮดโค้ชรายนี้นำเข้ามาสู่ทีม ล้วนเป็นนักเตะที่เคยร่วมงานกับเขาในอดีต หรือไม่ก็เป็นชาวเนเธอร์แลนด์ เหมือนกับเฮดโค้ชรายนี้
การซื้อนักเตะคนคุ้นเคยของ เอริค เทน ฮาก เป็นผลดีหรือผลเสียกันแน่ ติดตามเรื่องราวได้ที่ Main Stand
คนบ้านเดียวกัน แค่มองตากันก็เข้าใจอยู่
ในวันที่ เอริค เทน ฮาก ตบเท้าเข้ารับการคุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2022 หนึ่งในรูปแบบแผนการเล่นที่เขาต้องการนำมาใช้กับทัพ "ปีศาจแดง" นั่นคือศาสตร์ฟุตบอลในสไตล์ "โททัลฟุตบอล" ที่สร้างขึ้นโดย โยฮัน ครัฟฟ์ อดีตตำนานทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ผู้เปรียบเสมือนเป็นแรงบันดาลใจในการคุมทีม ของ เทน ฮาก
เราจึงเห็นได้บ่อยว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ เอริค เทน ฮาก ทัพปีศาจแดงมักมีชื่อเข้าไปพัวพันให้ความสนใจกับนักเตะทีมชาติเนเธอร์แลนด์ และลูกศิษย์เก่าในกุฏิที่เขาเคยร่วมงานด้วยกันในอดีต
เพราะนับตั้งแต่ที่ เอริค เทน ฮาก เข้ามาคุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาดึงนักเตะในลิสต์ดังกล่าวมาแล้วถึง 9 รายด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ ไทเรลล์ มาลาเซีย, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, อันโตนี่, เวาท์ เว็กฮอร์สท์, อองเดร โอนาน่า, โซฟียาน อัมราบัต, โจชัว เซิร์กเซ่ จนถึง มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ และ นูสแซร์ มาซราวี ในรายล่าสุด
ด้วยเหตุนี้เองเป็นที่มาให้กลุ่มแฟนบอลทีมอื่นต่างหยอกล้อทัพปีศาจแดงในโซเชี่ยลมีเดียกันอย่างสนุกสนานและแนะนำให้ทัพปีศาจแดงควรเปลี่ยนชื่อทีมจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็น "แมนเชสเตอร์ เนเธอร์แลนด์ ยูไนเต็ด" ไม่ก็ "แมนเชสเตอร์ อาแจ็กซ์ ยูไนเต็ด"
โดยทาง เอริค เทน ฮาก เคยถูกผู้สื่อข่าวยิงคำถามใส่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ในตอนแถลงข่าวถามถึงสาเหตุที่เขาชื่นชอบเซ็นสัญญากับนักเตะลูกทีมเก่าและนักเตะชาวดัตช์
"ผมคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว สำหรับการดึงตัวนักเตะเข้ามาร่วมทีมในแต่ละคน ซึ่งผมคิดมาแล้วว่านักเตะทุกคนที่ผมนำเข้ามาจะเป็นผลดีต่อสโมสร เพราะพวกเขาต่าง เข้าใจในแผนการเล่นของทีมเป็นอย่างดี"
"การที่ผมนำนักเตะที่เคยร่วมงานด้วยกันมาในอดีตมาอยู่ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นเพราะว่าผมรับรู้ถึงสไตล์การเล่นและคุณสมบัติของพวกเขาที่เหมาะสมกับผู้เล่นเก่าในทีมชุดนี้ และจะทำให้พวกเขาเชื่อมต่อกันได้ง่ายและเล่นร่วมกันอย่างลงตัวในท้ายที่สุด" เอริค เทน ฮาก เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวหลังถูกถามเกี่ยวกับการเลือกซื้อตัวนักเตะ
ไม่มีทรง แต่มีแชมป์
และอย่างที่ทราบกันดีว่าสองฤดูกาลที่ เอริค เทน ฮาก เข้ามาคุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หนึ่งในปัญหาที่เขาถูกตั้งคำถามมาโดยตลอด นั่นคือรูปแบบสไตล์การเล่นของทีมที่ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา รูปแบบการเล่นของเขายังไม่มีที่แน่ชัดว่าจะเล่นแนวทางประมาณไหน
เพราะถ้าหากย้อนกลับไปในสมัยที่เขาคุมทีมอยู่ในเอเรดิวิซี่ลีก เนเธอร์แลนด์ ปรัชญาการทำทีมในรูปแบบโททัลฟุตบอล การเล่นบอลตามพื้นและการเล่นเพรสซิ่ง ในตอนเล่นเป็นฝ่ายรับสัมฤทธิ์ผลเป็นอย่างมาก เอริค เทน ฮาก สร้าง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ให้เป็นสโมสรที่มีแนวการเล่นที่สวยงามและแฝงไปด้วยความน่ากลัวรอบด้าน
แต่การมาอยู่ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาไม่สามารถทำให้ทีมมีแนวทางการเล่นตามที่กล่าวมาข้างต้นได้แม้แต่นิด ยิ่งในฤดูกาลที่ผ่านมาเห็นได้ชัดเจนเลยว่า ผลงานของทีมตลอดทั้งฤดูกาลอยู่ในเกณฑ์ "ย่ำแย่" เป็นอย่างมาก
โดยในฤดูกาล 2023-24 เอริค เทน ฮาก สร้างสถิติที่ไม่น่าจดจำเอาไว้มากมายให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มจากพาต้นสังกัดจบในอันดับที่ 8 ของตาราง ซึ่งเป็นอันดับต่ำที่สุดตั้งแต่ทัพปีศาจแดง ลงทำการแข่งขันในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
นอกเหนือจากนั้นยังเป็นครั้งแรกที่ทางสโมสรจบฤดูกาลด้วยลูกได้เสีย "ติดลบ" โดย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำประตูในศึกพรีเมียร์ลีก ไปได้ทั้งหมด 57 ประตู และถูกคู่แข่งพังประตูไปทั้งหมด 58 ประตู
ซึ่งถ้าหากนับรวมทุกรายการที่ทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงสนามพวกเขาเสียประตูไปมากถึง 85 ประตู ทำลายสถิติเสียประตูมากที่สุดในฤดูกาล 1976-77 โดยในฤดูกาลดังกล่าวพวกเขาเสียประตูไปทั้งหมด 81 ประตู
สถิติที่ไม่น่าจดจำยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เอริค เทน ฮาก ยังเป็นเฮดโค้ช แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทำทีมแพ้ในศึกพรีเมียร์ลีก มากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยตลอดทั้งฤดูกาล 2023-24 ทัพปีศาจแดง แพ้ไปมากถึง 14 นัด
นอกจากนี้หากนับรวมทุกรายการที่ลงเล่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้ให้กับคู่แข่งไปมากถึง 19 นัดรวมทุกรายการ ซึ่งเป็นสถิติการแพ้มากที่สุดของสโมสรเทียบเท่ากับฤดูกาล 1978-79 ที่แพ้ 19 นัดรวมทุกรายการเช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกันเกมการแข่งขันในบ้านที่ "โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด" ประจำฤดูกาล 2023-24 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังแพ้ไปมากถึง 9 นัดรวมทุกรายการ โดยเป็นสถิติแพ้คาบ้านในฤดูกาลเดียวมากที่สุดเทียบเท่ากับฤดูกาล 1920-1921, 1930-1931, 1933-1934, 1962-1963 และ 1973-1974
แต่ในท้ายที่สุดต่อให้ฟอร์มในฤดูกาล 2023-24 จะย่ำแย่มากเพียงใด สุดท้ายแล้วเขาสามารถลบล้างเรื่องราวทั้งหมดได้สำเร็จหลังพา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำศึก "แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้" เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 คว้าแชมป์ฟุตบอล เอฟเอ คัพ มาครองได้สำเร็จ
เท่ากับว่าในสองฤดูกาลที่ เอริค เทน ฮาก ก้าวเข้ามารับงานการคุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้ว่าผลงานจะลุ่ม ๆ ดอน ๆ รูปแบบแผนการเล่นยังมองไม่ชัดว่าจะเล่นแนวทางประมาณไหน แต่ในท้ายที่สุดเขาสามารถนำแชมป์มาให้กับทัพปีศาจแดงได้ถึง 2 ถ้วย ภายในระยะเวลา 2 ปี หลังคว้าแชมป์ ลีก คัพ มาในฤดูกาล 2022-23
จึงเป็นที่มาให้ท้ายที่สุดทีมบอร์ดบริหารตัดสินใจตอบแทนเฮดโค้ชวัย 54 ปีรายนี้ ด้วยการมอบสัญญาฉบับใหม่ให้กับ เอริค เทน ฮาก เพิ่มเติมอีก 2 ปีอยู่คุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยาวไปจนถึงปี 2026
เซอร์ จิม ไม่ปลื้มในการซื้อตัว
โดยการต่อสัญญาในครั้งนี้ของ เอริค เทน ฮาก มีรายงานออกมาว่าทางบอร์ดบริหาร นำโดย เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ ได้ใส่เงื่อนไขเกี่ยวกับการซื้อขายนักเตะที่จากเดิมให้สิทธิ์ทาง เอริค เทน ฮาก เป็นผู้ตัดสินใจเพียงผู้เดียว 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต่อจากนี้ เซอร์ จิม ได้วางให้ เจสัน วิลค็อกซ์ ผู้อำนวยการเทคนิคคนใหม่ของทีม เข้ามามีส่วนร่วมช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการซื้อนักเตะด้วยเช่นกัน
เหตุผลหลักที่ทำให้ เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ ตัดสินใจเลือกให้ เจสัน วิลค็อกซ์ เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อนักเตะ เป็นเพราะว่าเขาไม่ประทับใจในเรื่องการซื้อตัวของ เอริค เทน ฮาก ที่ส่วนใหญ่ชอบซื้อแต่นักเตะที่เขาเคยร่วมงานกันในอดีตและนักเตะที่เกิดในประเทศเนเธอร์แลนด์
ยิ่งในรายของ "เดอะหมุน" อันโตนี่ เป็นอีกหนึ่งรายที่ทาง เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักที่ทาง เอริค เทน ฮาก ใช้งบประมาณในการซื้อตัวนักเตะรายนี้มากถึง 95 ล้านยูโร ทั้งที่เขายังไม่ได้พิสูจน์อะไรมากกับเวทีลีกยุโรป
ผนวกกับฟอร์มการเล่นของ อันโตนี่ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือว่าอยู่ในเกณฑ์น่าผิดหวังเป็นอย่างมาก ยิ่งในฤดูกาล 2023-24 เขาทำประตูไปได้เพียง 3 ประตูกับอีก 2 แอสซิสต์
ฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ของดาวเตะชาวแซมบ้าผู้นี้ เป็นสาเหตุให้เขาเสียตำแหน่งตัวจริงไปให้กับ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ปีกดาวรุ่งวัย 19 ปี ที่แม้ว่าในตำแหน่งริมเส้นทางฝั่งขวาจะไม่ใช่ตำแหน่งที่ถนัดของเขา แต่เห็นได้ชัดว่าการมี การ์นาโช่ ลงเล่นในตำแหน่งนี้ ดูมีความน่ากลัวและมีประโยชน์มากกว่า อันโตนี่
นอกเหนือจากนั้นทั้ง ไทเรลล์ มาลาเซีย, เวาท์ เว็กฮอร์สท์ และ โซฟียาน อัมราบัต ต่างมีผลงานฟอร์มการเล่นที่ไม่ดีเท่าที่ควรกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยทั้ง เว็กฮอร์สท์ และ อัมราบัต ทีมปีศาจแดงเลือกไม่ใช้ออปชั่นซื้อขาด
จะมีเพียงแค่ ลิซานโดร มาร์ติเนซ และ อองเดร โอนาน่า ที่มีผลงานฟอร์มการเล่นที่ไปได้สวยกับทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิ่งในรายแรกถือว่ากลายเป็นหนึ่งในดีลการซื้อนักเตะที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดในช่วง 10 ปีหลังที่ผ่านมา
แม้ว่า ลิซานโดร มาร์ติเนซ ในฤดูกาลที่ผ่านมาจะลงสนามให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้เพียง 14 นัดตลอดทั้งฤดูกาล เนื่องจากเขาเจออาการบาดเจ็บเล่นงานอยู่ตลอดทั้งซีซั่น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีดาวเตะสมญานาม "เดอะ บุทเชอร์" ยืนคุมเกมในแดนหลัง ถือว่าช่วยให้เกมรับของทีมยกระดับขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งผสมผสานกับ อองเดร โอนาน่า นายประตูชาวแคเมอรูนที่แม้ว่าในช่วงแรกจะมีฟอร์มการเล่นที่ไม่ดีมากนัก มักเป็นส่วนสำคัญในการทำทีมเสียประตู แต่ต้องชื่นชมในการรับมือที่ยอดเยี่ยมของดาวเตะรายนี้ ที่แม้ว่าจะเจอคอมเมนท์ "บูลลี่" จากแฟนบอลอย่างหนักหน่วงในช่วงแรก แต่เขาก็ยังสามารถฝ่าฟันวิกฤติดังกล่าวผ่านไปได้ด้วยดี จนกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในฤดูกาลที่ผ่านมา
ต้องมารอติดตามไปพร้อมกันว่าในดีลของ โจชัว เซิร์กเซ่, มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ และ นูสแซร์ มาซราวี จะกลายเป็นดีลที่ "ปัง" หรือว่า "พัง" กันแน่ในท้ายที่สุด แต่เชื่อว่าถ้าหากดีลนี้เป็นการซื้อที่ไม่ประสบความสำเร็จ เชื่อว่าการที่ถูกพูดถึงในเรื่องซื้อตัวคนบ้านเดียวกันหรือซื้อตัวลูกศิษย์เก่า คงกลายเป็นประเด็นที่ เอริค เทน ฮาก ถูกนำมาโจมตีอีกครั้งและอีกครั้ง
แหล่งอ้างอิง
https://www.manchestereveningnews.co.uk/sport/football/football-news/ajax-ten-hag-transfers-united-24290911
https://www.nytimes.com/athletic/5001412/2023/10/26/manchester-united-accounts-analysed/
https://www.statmuse.com/fc/ask/what-are-the-most-losses-man-united-have-had-in-a-pl-season
https://www.transfermarkt.com/manchester-united/transfers/verein/985/plus/?saison_id=2023&pos=&detailpos=&w_s=