Feature

ชำแหละ เซิร์กเซ่ : กองหน้าใหม่ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ยิงไม่เยอะ แต่ช่วยให้ทีมซัดกระจาย | Main Stand

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด โจชัว เซิร์กเซ่ จะกลายเป็นนักเตะคนแรกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคของ INEOS โดยมีผลงานติดไฟกับ โบโลญญ่า ในซีซั่น 2023-24 ที่ผ่านมา 

 

ในทางกลับกัน นี่คือโอกาสของ เซิร์กเซ่ ที่จะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่าเขาจะทำได้ดีแค่ไหนในวันที่สปอตไลท์ส่องเข้าหา 

แม้จะมีช่วงเวลาที่ถูกเรียกว่า "วันเดอร์คิด" แต่สุดท้ายเขาแจ้งเกิดกับ บาเยิร์น มิวนิค สโมสรอาชีพทีมแรกของเขาไม่สำเร็จ ... จนกระทั่งเจอจุดเปลี่ยนบางอย่างที่ทำให้เขากลับสู่เส้นทางการเป็นยอดนักเตะอีกครั้ง

ติดตามเรื่องราวของแข้งใหม่ป้ายแดงของทัพปีศาจแดงกับ Main Stand 

 

ง้างเมื่อไหร่เข้าเมื่อนั้น 

ย้อนกลับไปในช่วงปลายปี 2019 ก่อนที่ฟุตบอล บุนเดสลีกา ฤดูกาล 2019-20 จะปิดเบรกหนีหนาว บาเยิร์น มิวนิค ทีมอันดับ 1 ของประเทศ กำลังต้องการการันตีการเป็นจ่าฝูง ทีมชุดนั้นนำทัพโดยกุนซืออย่าง ฮันซี่ ฟลิค และสุดยอดนักเตะอีกหลายคนที่อยู่ในช่วงพีก ไม่ว่าจะเป็น โทมัส มุลเลอร์, ติอาโก้ อัลคันทาร่า, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และอีกมากมายหลายคน 

เพียงแต่ว่าฟุตบอลเป็นเกมที่น่าประหลาด บางครั้งนักเตะที่ว่ากันว่าเก่งมากมาย ลงสนามพร้อมกันเมื่อไหร่น่าจะชนะง่าย ๆ ได้เสมอ เพียงแต่ไม่ใช่กับเกมกับ ไฟร์บวร์ก ที่เล่นจนมาถึงนาทีที่ 90 ... สกอร์ยังเท่ากันที่ 1-1 ทำให้กุนซืออย่าง ฟลิค ต้องทำอะไรสักอย่าง และเขาก็หันไปเรียกดาวรุ่งอายุ 18 ปีที่เพิ่งมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ได้ราว 2 สัปดาห์ ให้ลุกมาจากม้านั่งสำรอง โดยมีเวลาราว 3 นาทีกับภารกิจที่ยิ่งใหญ่เพื่อนำทีมสู่ชัยชนะ 

โจชัว เซิร์กเซ่ ถูกส่งลงมาแทน ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ... เป็นธรรมดาที่สโมสรจะต้องรายงานผ่านทวิตเตอร์ อัพเดทระหว่างรายงานการเปลี่ยนตัวครั้งนี้ ไม่กี่วินาทีคอมเมนต์ก็เริ่มพรั่งพรู "ม้านั่งสำรองเราสิ้นหวังมาก" ข้อความหนึ่งบอกแบบนั้น 

ทว่าหลังจากผู้คอมเมนต์เคาะแป้นพิมพ์ได้ไม่กี่อึดใจ ไอหนูวัย 18 ปีก็ทำหน้าที่ที่ไม่มีใครทำได้มาหลายนาที นั่นคือการส่งบอลเข้าประตู ... อิวาน เปริซิซ โยนบอลจากทางกราบขวา โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ โหม่งชงต่อ 1 จังหวะ แซร์จ นาร์บี้ แตะจังหวะเดียวส่งบอลมาในกรอบเขตโทษ และ เซิร์กเซ่ ก็ใช้ขายาว ๆ จากความสูง 193 เซนติเมตร ส่งบอลเข้าประตู กลายเป็นประตูชัย 2-1 และชื่อของเขาก็ติดปากแฟนบาเยิร์นไปในทันที 

หลังจบเกมนั้น ฮันซี่ ฟลิค ถูกถามว่า คิดอย่างไรกับเด็กคนนี้ ? เขาตอบว่า นี่คือสิ่งที่ เซิร์กเซ่ ควรได้รับ หลังจากได้เห็นการซ้อมร่วมกับทีมชุดใหญ่มา 2-3 สัปดาห์ และสิ่งที่สโมสรแห่งนี้ทำมาตลอด คือการผลักดันดาวรุ่งจากระบบเยาวชนขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่

"ไม่ใช่ผม (ที่ควรได้รับเครดิต) ... โจชัว ให้รางวัลกับตัวเขาเอง และกับทีมของเราด้วย เราจะผลักดันเขาต่อ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา" ฟลิค ว่าแบบนั้น 

จากนั้น เซิร์กเซ่ ก็ถูกเรียกว่า "Dutch young gun" เพราะเกมต่อมา เขาใช้สัมผัสแรกยิงประตูให้กับทีมได้อีกครั้ง หลังลงมาเป็นตัวสำรองในเกมกับ โวล์ฟส์บวร์ก และจากนั้นอีก 1 เกม เขายิงประตูใส่ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ได้อีก 1 ลูก ... 3 จังหวะยิงประตู เปลี่ยนเป็น 3 สกอร์ สถิติความแม่นยำ 100% ไม่ต้องแปลกใจทำไมเขาได้ฉายานั้น 

ถ้าเริ่มจากจุดนี้ โจชัว เซิร์กเซ่ ควรเป็นสมบัติล้ำค่าของ บาเยิร์น เพียงแต่ว่าอย่างที่เรารู้กัน หลายครั้งซูเปอร์ซับดาวรุ่งอย่างเขาก็ไปไม่รอด เหมือนกับพลุที่ดังขึ้นมาเปรี้ยงเดียวแล้วดับไป เขามีแววจะเป็นเหมือนกับดาวรุ่งอีกหลาย ๆ คนที่ทนแรงเสียดทานไม่ไหว จนต้องถอยลงไปเล่นให้ทีมที่เล็กกว่า ลีกที่เข้มข้นน้อยกว่า เพื่อโอกาสลงสนามที่มากกว่า

 

ทนแรงเสียดทานไม่ไหว

ช่วงเวลาการเป็นดาวรุ่งขึ้นมาใหม่นั้นหอมหวานเสมอ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรมันก็ดูดีดูน่ารักสำหรับทุกคนไปเสียหมด ทว่าเมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งถ้าคุณยังไม่ทะลุขึ้นมาเป็นตัวหลักได้ ความว้าวที่มีก็จะเปลี่ยนไป กลายเป็นคำถามว่า "ของปลอมหรือเปล่า ?" 

หลังจากเล่นได้ดีมาก ๆ ในช่วงแรกกับ บาเยิร์น เซิร์กเซ่ ก็ดูเหมือนจะไม่พัฒนาต่อไป ส่วนหนึ่งคือคนที่ให้โอกาสของเขาอย่าง ฟลิค ลาออกด้วย อย่างไรก็ตาม เซิร์กเซ่ ก็ไม่ได้โทษใคร เขาบอกว่ามันเป็นสถานการณ์ที่กดดัน ความคาดหวังสูงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ตัวเขาก็รับมือไม่ทัน จากคนที่เคยยิงยังไงก็เข้า กลายเป็นคนที่แม้กระทั่งหลุดเดี่ยวไม่มีประตู ไม่กองหลังขวาง ก็ยังยิงไม่เข้า 

เกมนั้นเป็นเกมพรีซีซั่น ฤดูกาล 2021-22 กับ อาแจ็กซ์ ซึ่ง เซิร์กเซ่ พลาดแบบไม่น่าพลาด พลาดเหมือนกับคนไม่ใส่ใจ ไม่กระตือรือร้น เพราะไม่ยอมยิงประตูที่อยู่โล่ง ๆ จนโดนคู่แข่งตามมาสกัดบอลทิ้ง และนั่นทำให้ ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ กุนซือของ บาเยิร์น ในตอนนั้นโมโหมาก

"เขาอาจจะไม่เห็นคนที่วิ่งตามหลังมา แต่อย่างนั้นก็เถอะ ถ้านี่เป็นแมตช์การแข่งขันทางการ หรือใด ๆ ก็ตาม ผมหวังว่าเขาจะจริงจังมากขึ้น ใส่ใจกับสถานการณ์แบบนี้ให้มากกว่าเดิม ... ผมคิดว่าเขาก็รู้ว่ามันต้องทำได้ดีกว่านี้" นาเกลส์มันน์ ว่าแบบนั้น จากนั้นไม่นาน เซิร์กเซ่ ก็ถูกปล่อยให้ไปเล่นกับทีมอื่นแบบยืมตัว

"ผมมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก นั่นคือสิ่งที่ต้องยอมรับ มันยากที่จะแสดงคาแร็คเตอร์ของตัวเองในวันที่ผมไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมจริง ๆ ถ้าคุณถามว่าผมทุ่มเทน้อยกว่า 100% หรือไม่ ? ผมตอบได้เลยว่าไม่มีทาง ผมใส่สุดตัวตลอด แต่ ณ เวลานั้นหลายสิ่งเกิดขึ้น และถ้าคุณจะถามว่า ผมกลับบ้านด้วยความเศร้ามากกว่าปกติหรือไม่ ? ... แน่นอน มันเป็นแบบนั้นเลย" เซิร์กเซ่ เล่าย้อนความ

"ตอนนั้นผมควรจะเต็มที่และเป็นมืออาชีพมากกว่านี้ มันไม่ควรเกิดขึ้นเลย ผมรู้สึกผิดและขอโทษ แต่สุดท้ายผมก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ซึ่งผมคิดว่ามันแย่ เพราะหลังจากนั้น ข้อความเกลียดชังมากมายในโซเชี่ยลมีเดียก็เกิดขึ้น เหยียดเชื้อชาติ โง่เขลา กระหน่ำเข้าใส่ผม" 

ก่อนหน้านี้ ช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2020-21 เซิร์กเซ่ ถูกส่งให้ ปาร์ม่า แบบยืมตัว และไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันจากอาการบาดเจ็บ ยิ่งฟอร์มในช่วงพรีซีซั่นของฤดูกาล 2021-22 ยังออกทะเล นาเกลส์มันน์ ไม่มีทางเลือกอื่น เมื่อเขาไม่ดีขึ้น การปล่อยยืมอีกครั้งคือทางออกที่ดีที่สุด จาก เซเรีย อา สู่ลีกเล็กลงไปอีกที่ เบลเยียม กับ อันเดอร์เลช 

หนนี้หลายสิ่งดีขึ้น ความเข้มข้นที่น้อยลง ทำให้เขายิงประตูได้ต่อเนื่อง และในทางเดียวกันคือเขาได้รับการดูแลที่จริงจังจาก แว็งซองต์ กอมปานี กุนซือของ อันเดอร์เลช ในเวลานั้น 

เซิร์กเซ่ บอกว่า กอมปานี เหมือนครูใจร้ายที่ตามจี้ตามจิกเขาเป็นพิเศษ เวลาทำดี เขาจะได้รับคำชม แต่เวลาที่เขาทำอะไรผิดพลาดหรือไม่ถูกต้อง กอมปานี จะเจาะจงวิจารณ์เขาโดยเฉพาะ ซึ่งภายหลังเขาก็บอกว่าเพราะ กอมปานี เห็นว่าเขาสามารถดีได้มากกว่านี้ เลยต้องจ้ำจี้จำไชเป็นพิเศษ

โดยในเกมหนึ่งที่ อันเดอร์เลช พลาดถูกตีเสมอในนาทีที่ 90+4 และจบเกมด้วยการคว้า 1 แต้ม กอมปานี ระเบิดอารมณ์ในห้องแต่งตัว วิจารณ์เกมรับของทีม และเอ่ยชื่อ เซิร์กเซ่ ขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษ 

"เซิร์ก ... ครั้งสุดท้ายที่ฉันคุยกับแกเรื่องทัศนคติ จำได้ไหม แกทำได้แต่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มโง่ ๆ นั้นกลับมา ถามจริง ๆ จะต้องให้ย้ำกี่ครั้งเรื่องทัศนคติ ? แกทำผลงานห่วยชะมัด ห่วยพอ ๆ กับคนอื่นนี่แหละ ถ้าเปลี่ยนตัวสำรองได้มากกว่านี้ฉันจะเปลี่ยนพวกแกออกทั้งทีมเลย" กอมปานี ว่าแบบนั้น 

หลังจากโดนด่าเข้าไปดอกนั้น เซิร์กเซ่ ก็ตาสว่างกลับเข้าสู่ร่างทองที่ดีที่สุดของเขา เขายิงไป 18 ประตู ทำไป 12 แอสซิสต์จาก 45 เกม อันเดอร์เลช เป็นแชมป์ลีกเบลเยียม ส่วนความสัมพันธ์ของเขากับ กอมปานี เรียกได้ว่าซี้ปึ๊ก ขนาดที่ว่าก่อน เซิร์กเซ่ จะย้ายไปอยู่กับ โบโลญญ่า ในปี 2022 ด้วยสัญญาถาวร เขายังพูดว่า ถ้า คอมปานี ที่ตอนนั้นคุม เบิร์นลี่ย์ ติดต่อเขามา เขาไม่ลังเลจะย้ายทีมแน่ 

"วินนี่ (กอมปานี) โทรมาหาผมหรือยัง ? ... ยังหรอก แต่ถ้าเขาโทรมา ประตูการย้ายทีมของผมอาจเปิดขึ้นก็ได้" เซิร์กเซ่ ว่าแบบนั้น เพียงแต่ข้อเสนอของ เบิร์นลี่ย์ น้อยเกินไปไม่ตรงใจ บาเยิร์น เขาพลาดที่จะได้ร่วมงานกับนายเก่า แต่ดูเหมือนจะเป็นโชคดี เพราะว่าเมื่อประตูบานหนึ่งปิดลง ประตูบานใหม่ที่ โบโลญญ่า ก็เปิดขึ้น 

 

เซิร์กเซ่ ของแท้ต้องแบบนี้ !

เซิร์กเซ่ ย้ายมาอยู่กับ โบโลญญ่า ด้วยสัญญาซื้อขาด และการมาเจอกับ ติอาโก้ ม็อตต้า ก็ถือเป็นฉากสำคัญในอาชีพของเขา 

ที่ โบโลญญ่า เซิร์กเซ่ เล่นเป็นกองหน้าในระบบ 4-2-3-1 เพียงแต่ว่าหน้าที่ของเขาเป็นเหมือนกองหน้าที่ไม่ได้ลอยอยู่สูงเป็นตัวเป้าตลอดเวลา แท็คติกที่ ม็อตต้า วางให้ เซิร์กเซ่ เล่น คือกองกลางที่เคลื่อนที่เยอะ เพราะต้องการเล่นเชื่อมเกมกับเหล่าตัวรุกคนอื่น ๆ ทั้งตรงกลางและริมเส้น จะบอกว่าเป็น "False 9" เพื่ออธิบายให้เห็นภาพก็คงไม่เกินเลยไปนัก 

โดยเว็บไซต์วิเคราะห์แท็คติกอย่าง The Analyst วิเคราะห์ โบโลญญ่า ว่า "โบโลญญ่า คือทีมที่เปิดเกมรุกจากด้านกว้าง พวกเขาคือทีมวางปีกไว้ชิดริมเส้นมากที่สุดใน เซเรีย อา โดยมี โจชัว เซิร์กเซ่ คอยขยับเชื่อมเกมในทุก ๆ เพลย์ของเกมรุก เพื่อเพิ่มไดนามิกในการทะลวงพื้นที่ที่พวกเขาพยายามถ่างให้กว้างขึ้น"

"เซิร์กเซ่ เป็นกองหน้าที่เล่นเกมรุกโดยรวมได้เชี่ยวชาญมาก เขาจ่ายบอลอย่างต่อเนื่อง ทำหน้าที่เคลื่อนตัวไปทั่ว ไม่ว่าจะการดันไปข้างหน้า ถอยลงมาลึก และจ่ายบอลผ่านแนวรับให้ตัวรุกคนอื่นเข้าทำ โดยฤดูกาลที่ผ่านมาเขาเป็นกองหน้าที่ผ่านบอลสำเร็จมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของ เซเรีย อา เป็นรองเพียง มาร์คุส ตูราม ของ อินเตอร์ มิลาน เท่านั้น ... การขยับครอบคลุมเกมรุกของเขา ทำให้ เกมรุกของ โบโลญญ่า ไปข้างหน้าได้อย่างไหลลื่น" 

ถ้าคุณเปิดคลิปไฮไลต์ของ เซิร์กเซ่ ในซีซั่น 2023-24 คุณจะเห็นภาพบทวิเคราะห์นี้อย่างชัดเจน เพราะมันตรงกันเป๊ะ แน่นอนว่าคนที่ได้เครดิตเรื่องนี้ นอกจากจะเป็น เซิร์กเซ่ ที่ตื่นรู้เรื่องการพัฒนาตัวเองแล้ว ก็ยังมี ม็อตต้า ที่อ่านขาดว่าเขาถนัดสไตล์ไหน และจะใช้งานเขาอย่างไร 

"เขาบอกผมว่า เขามี ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กับ กาเบรียล บาติสตูต้า ยอดกองหน้าของโลกเป็นไอดอล แต่เท่าที่ผมเห็นเขาในการซ้อมแต่ละครั้ง ผมดูแล้ว เขาเป็นคนที่ถนัดเรื่องการสร้างสรรค์เกมมากกว่า" ม็อตต้า ว่า

"เขาทำให้ผมนึกถึงตอนเล่นให้ บาร์เซโลน่า กับนักเตะอย่าง โรนัลดินโญ่ ... คือไม่ได้จะเปรียบเขากับใครนะ โจชัว ก็คือ โจชัว เขาเป็นแบบนั้นและมีความพิเศษในแบบของตัวเอง" 

"โจชัว ทำได้ดีตลอดซีซั่น ผมเห็นเขาตั้งแต่วันแรก เป็นนักเตะที่ตั้งใจทำงานหนัก ผมชมเขาแบบนี้มาตั้งแต่เราเข้าแคมป์กันแล้ว เพราะเขาจะมาซ้อมเป็นคนแรก และนับวันความเป็นผู้นำของเขาก็ฉายขึ้นมา ผมอยากให้เขาดีขึ้นอีกเรื่อย ๆ พัฒนาแบบนี้ต่อไป เราจะช่วยเขาไปให้ไกลยิ่งกว่าเดิม เพราะนี่คือเส้นทางที่ผมคิดว่าถูกต้องสำหรับเขาแล้ว"

ขณะที่ ลูอิส เฟอร์กูสัน นักเตะที่เล่นอยู่ข้างหลัง เซิร์กเซ่ ที่กลายเป็นนักเตะจาก สกอตแลนด์ ที่ยิงประตูใน เซเรีย อา ได้มากที่สุด โดยทำไป 13 ประตู ก็พูดคล้ายกันว่า การมี เซิร์กเซ่ เล่นอยู่ข้างหน้า ทำให้ทุกอย่างลื่นไหล และง่ายสำหรับกองกลางตัวรุกอย่างเขาที่จะมีพื้นที่ให้เขาไปยิงประตู

ตัวของ เซิร์กเซ่ ยิงไป 11 ประตูทำไปอีก 5 แอสซิสต์ ไม่มากมาย แต่การมีเขาอยู่ในทีมช่วยให้ โบโลญญ่า เป็นทีมที่มีเกมรุกดุดัน และแม่นยำคลำเป้าเจอ การบุกไม่กี่ครั้งของพวกเขาดูจะเฉียบคมและมีจังหวะจะโคน เพราะมีตัวที่เปิดพื้นที่ และทำลายแนวรับอย่าง เซิร์กเซ่ จนทีมสามารถไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงซื้อตัวเขามา

ค่าตัวราว 42.5 ล้านยูโร หรือ 35 ล้านปอนด์ สำหรับนักเตะวัย 23 ปี ที่ถูกปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาเรียบร้อยแล้วถือว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่า ที่เหลือเราก็ต้องมารอดูกันว่า โจชัว เซิร์กเซ่ จะเอามาตรฐานเดิมมาต่อยอดได้หรือไม่ เพราะในเวทีพรีเมียร์ลีกไม่เคยง่ายสำหรับนักเตะที่มาจาก เซเรีย อา ... อีกไม่นานเราจะได้เห็นกันแน่นอน 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.burnleyexpress.net/sport/football/if-vinny-calls-ex-bayern-munich-striker-previously-of-interest-to-everton-newcastle-united-west-ham-teases-burnley-move-4196223
https://www.marca.com/en/football/bundesliga/2021/07/25/60fd678246163f78948b45c2.html
https://www.bavarianfootballworks.com/2022/2/22/22945527/bayern-munich-joshua-zirkzee-loan-anderlecht-hateful-messages-criticism-hansi-flick-nagelsmann
https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/kompany-zirkzee-rant-anderlecht-manutd-33190086
https://fcbayern.com/en/news/2019/12/joshua-zirkzee-scores-in-bundesliga-debut
https://theanalyst.com/2024/01/thiago-motta-bologna-transformation/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ปริญญา คงปันนา

กราฟฟิคหน้าโหด ทำงานด้วย Passion ว่างๆ ชอบไปคาเฟ่ หลงไหลในศิลปะ, การเดินทางและกีฬา