Feature

ดานี่ โอลโม่ : จากกระทิงหนุ่มพันธุ์ทาง สู่แข้งสเปนฉบับโมเดิร์น | Main Stand

เกม ยูโร 2024 นัดที่ สเปน เอาชนะ เยอรมนี 2-1 ถูกเรียกว่า "เกมนัดชิงชนะเลิศที่มาก่อนกาล" ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ เมื่อทั้ง 2 ทีมทุ่มทุกอย่าง ใส่กันอย่างสุดตัว จนเวลา 90 นาทีในการแข่งขันยังไม่พอ

 


หนึ่งในนักเตะของ สเปน ที่ลงมาและแบกเกมรุกจนนาทีสุดท้ายคือ ดานี่ โอลโม่ นักเตะที่มีเรื่องราวมากมายซ่อนอยู่เบื้องหลัง และวันนี้เขาแจ้งเกิดในเวทีระดับโลกอย่างเต็มตัว

เด็กหนุ่มจาก บาร์เซโลน่า ที่ย้ายออกไปอยู่ใน โครเอเชีย โดยที่ไม่เคยค้าแข้งในสเปน บ้านเกิดเลยแม้แต่เกมเดียว ... เขาถูกเรียกว่า "นักเตะสเปนที่ถูกตัดต่อพันธุกรรม" ซึ่งกลายเป็นของแปลก และกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญของทัพกระทิงดุในเวลานี้

ติดตามที่ Main Stand 

 


จาก ลา มาเซีย สู่ โครเอเชีย

ดานี่ โอลโม่ คือนักเตะที่เติบโตจาก ลา มาเซีย อคาเดมี่ชื่อดังของสโมสร บาร์เซโลน่า นักเตะคนใดที่เติบโตมาจากสังเวียนนี้ ว่ากันว่าพวกเขาจะเป็นนักเตะที่มีความเข้าใจในฟุตบอลแบบ Tiki-Taka เป็นอย่างดี 

พวกเขาจะถูกสอนให้มีเทคนิคในการครอบครองบอลที่ยอดเยี่ยม เคลื่อนที่อย่างมีระบบระเบียบ และแน่นอนที่สุด พวกเขาจะถูกวางกรอบให้เป็นนักเตะที่เล่นเพื่อทีม ด้วยการจ่ายฟุตบอลง่าย ๆ ให้บอลเคลื่อนที่ตลอดตามสไตล์ที่เป็น DNA ของทีม ... มันเป็นเรื่องที่ดี และยืนยันด้วยคุณภาพจากศิษย์เก่าหลายคน แต่ไม่ใช่สำหรับ ดานี่ โอลโม่ 

เขาสละโควต้านักเตะเยาวชนของ ลา มาเซีย ที่เด็กหนุ่มทั้งโลกอยากได้ และเลือกสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุด จากสโมสรที่ดีที่สุดในโลก ณ เวลานั้น โอลโม่ เลือกไปค้าแข้งใน โครเอเชีย กับ ดินาโม ซาเกร็บ เขาทำให้ทีมงานอคาเดมี่ของ บาร์เซโลน่า สงสัยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ? 

คำตอบเรื่องนี้มันง่ายมากถ้าคุณถามชายวัยกลางคนที่ตกผลึกชีวิตมาพอสมควร มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และสภาวะแวดล้อมรอบข้าง มันเหมือนกับคุณเข้าไปนั่งเรียนในห้องและพบว่าเพื่อน ๆ ยกมือตอบคำถามจากอาจารย์ได้กันหมด มีแต่คุณเท่านั้นที่อาจจะต้องใช้เวลาคิดอยู่พักหนึ่ง ... โอลโม่ เป็นแบบนั้น เขาพบว่าตัวเองเป็นเด็กหลังห้อง และเข้าใจภาพรวมว่ามีเด็กหลายคนที่จะได้รับการโปรโมตขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ก่อนเขาแน่ ๆ มันทำให้เขาเลือกที่จะออกไปเติบโตที่อื่น ในที่ซึ่งเขาเชื่อว่าตัวเองจะได้ประโยชน์มากกว่า ... ไม่น่าเชื่อว่านี่คือความคิดของเด็กอายุ 16 ปี เขาไม่ได้ยอมแพ้ เขาแค่ประเมินสถานการณ์แล้วว่า สิ่งใดกันแน่จะดีต่ออนาคตของเขาที่สุด

"ที่ สเปน ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับเรื่องของการใช้ร่างกาย แต่หลัก ๆ แล้วตอนอยู่สเปนเด็กทุกคนจะถูกสอนให้เล่นกับลูกฟุตบอลมากกว่าเรื่องอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ บาร์เซโลน่า ตอนที่ผมยังอยู่ในอคาเดมี่ มันเป็นแบบนี้" โอลโม่ เล่าถึงความทรงจำตอนที่อยู่ในอคาเดมี่ ลา มาเซีย 

เรื่องนี้ไม่ใช่เขาคนเดียวที่คิดแบบนั้น พ่อและแม่ของ ดานี่ โอลโม่ เองก็มีส่วนสำคัญมาก ๆ ในการย้ายทีมที่แปลกที่สุด 3 คนพ่อแม่ลูกนั่งประเมินสถานการณ์ และสุดท้ายก็ได้พูดคุยกับ โรเมโอ โยซัค อดีตผู้อำนวยการอคาเดมีของ ดินาโม ซาเกร็บ และสุดท้าย ทีมดังจาก โครเอเชีย ก็บอกกับ โอลโม่ และครอบครัวว่า พวกเขาจะให้ในสิ่ง โอลโม่ คงจะไม่ได้กับ บาร์เซโลน่า นั่นคือถ้าการย้ายทีมตอนอายุ 16 ปี เกิดขึ้น โอลโม่ จะใช้เวลาที่นี่ราว 1 ปี เพื่อเรียนรู้แนวทางสโมสรเบื้องต้น ฝึกซ้อมพัฒนาตัวเอง และทันทีที่เขาพร้อม เขาจะถูกผลักดันให้เล่นทีมชุดใหญ่ของ ซาเกร็บ ทันที 

"ตอนที่ผมเล่าให้ฟังใครก็ว่าผมบ้า เพราะเรากำลังล้วงคองูเห่าด้วยการเอานักเตะเยาวชนของ บาร์เซโลน่า มาร่วมทีม" โยซัค กล่าวเริ่ม

"พ่อและแม่ของ ดานี่ โอลโม่ สำคัญมากสำหรับดีลนี้ ผมยังจำได้ พ่อ แม่ ลูก 3 คน ร่วมกันคิดวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์อย่างละเอียดก่อนจะตัดสินใจทำอะไร โอลโม่ รู้ว่าตัวของเขาจะถูกดันขึ้น บาร์เซโลน่า เบ ในอีกไม่นาน แต่เขาก็ไม่โกหกตัวเองว่ามีเด็กอีกหลายคนที่นำหน้าเขาอยู่ ... พ่อของเขาเป็นคนที่ถ่อมตัวและฉลาดพอที่จะวิเคราะห์สภาพแวดล้อมรอบตัว จากนั้นพวกเขาก็มองหาโอกาสยังสโมสรต่าง ๆ ในยุโรป ก่อนจะเจอเรา"

"เขาตระหนักว่า ดินาโม ซาเกร็บ คือสโมสรที่มอบโอกาสให้นักเตะดาวรุ่งได้ดีที่สุด เราทำแบบนั้นมาเสมอ และผมจะไม่ปฏิเสธว่ามันเป็นเรื่องของธุรกิจ เพราะเราต้องการจะขายพวกเขาเพื่อทำเงินในอนาคต ... แต่เรื่องราวระหว่างทางมันตรงกับจริตนักเตะดาวรุ่งหลายคน พวกเขาจะได้เล่นในเกมลีก ได้เล่นในเวทียุโรปที่เราได้ไปเตะทุก ๆ ปี  และ ดานี่ โอลโม่ รู้ว่านี่คือสิ่งที่เขาต้องการ ... เขาตัดสินใจเซ็นสัญญากับเรา และประวัติศาสตร์ก็เริ่มขึ้นจากตรงนั้น" 

 

เครื่องบินลงจอด

เด็กหนุ่มจากสเปนในวัย 16 ปี เดินทางมา โครเอเชีย คนเดียว นี่คือการตัดสินใจครั้งใหญ่ของเขา จากเมืองที่มีแสงแดดจัดตลอดปีอย่าง บาร์เซโลน่า เครื่องบินลงจอดที่ ซาเกร็บ ในเดือนพฤศจิกายน อากาศหนาวเย็นต้อนรับเขา พยาการณ์อากาศบอกว่า ช่วงปลายปีแบบนี้ในเมืองหลวงของโครเอเชีย บางวันจะหนาว บางวันฝนตก บางวันลมแรง ... ก็เหมือนกับชีวิตนี่แหละ โลกจะเหวี่ยงอะไรมาให้เราตอนไหน ไม่มีใครรู้ 

โอลโม่ เริ่มต้นอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เขาตกลงกับ ดินาโม ซาเกร็บ คือ "เขาจะต้องได้ซ้อมกับทีมชุดใหญ่ และทันทีที่พร้อม จะถูกโปรโมตขึ้นสู่การเล่นทีมชุดใหญ่ทันที" เพราะนี่คือแนวทางเดียวที่จะทำให้เขาพัฒนาได้ไกลกว่าการเติบโตตามลำดับขั้นตอนที่ ลา มาเซีย 

"เรื่องราวที่เกิดขึ้นในโครเอเชียเปลี่ยนชีวิตผมมากจริง ๆ" โอลโม่ ณ ปัจจุบันในวัย 26 ปี เล่าย้อนหลังไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว

"ตอนนั้นผมอายุ 16 ปี และมันเป็นการซ้อมอีกระดับที่ผมเจอ เพราะตอนนั้นผมได้ซ้อมกับทีมชุดใหญ่ มีนักเตะทีมชาติโครเอเชียที่ได้เล่นในฟุตบอลโลกมาแล้วหลายคน มันคือก้าวสำคัญมาก ๆ มันทำให้ผมพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วในฐานะนักเตะคนหนึ่ง ทั้งร่างกายและจิตใจ ... การเล่นกับทีมชุดใหญ่มันส่งผลมากเพราะมันคือของจริง เกมที่มีความเร็ว ความหนัก และทุกอย่างดีขึ้นจากทีนั่น นั่นคือสิ่งที่ผมคิด"

"ผมได้สัมผัสและผมคิดว่าผมตัดสินใจไม่ผิด นับตั้งแต่นั้น ผมไม่เคยเสียใจเลยที่ย้ายออกมาจากสเปน ผมรู้ตั้งแต่แรกว่านี่คือเป้าหมายของผม ผมไม่ปฏิเสธว่าการมาที่นี่มันมีทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี แต่พอผมอายุ 18 ปี ผมได้ลงเล่นเป็นประจำในเกมลีก ได้สัมผัสเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกแล้ว มันเป็นก้าวที่สมบูรณ์แบบ ตามที่คิดไว้ทุกอย่าง" 

ในขณะที่นักเตะสเปนที่เกิด โต และเล่นฟุตบอลใน สเปน ส่วนใหญ่จะเป็นทรงที่เราเห็นกันเป็นประจำ ตัวเล็ก คล่องแคล่ว ครองบอลเหนียว เหลี่ยมบอลดี จ่ายบอลแม่น ... แต่ ดานี่ โอลโม่ ที่โตในลีกโครเอเชีย เป็นนักเตะอีกแบบหนึ่ง จังหวะฟุตบอลของเขา จะเป็นนักเตะประเภทที่อาศัยการชิงเหลี่ยม การตัดสินใจแรกแบบ "เล่นด้วยตัวเองก่อนถ้ามีโอกาส" บ่อยครั้งเราจะได้เห็น โอลโม่ ลองพยายามยิงไกล และพยายามที่จะเลี้ยงผ่านคู่แข่ง มันอาจจะดูมุทะลุ แต่นั่นก็แนวทางที่เขาเติบโตมากับฟุตบอลที่ ซาเกร็บ ... เขาต้องแบกเกมรุกของทีม และเล่นเหมือนกับตัวเองเป็นนักเตะเบอร์ 10 ของฟุตบอลในอดีต ว่าง่าย ๆ คือ เขาเป็นเพลย์เมคเกอร์ที่ทำหน้าที่เป็นจุดเริ่มต้นในการเล่นเกมบุกทุก ๆ ครั้งของทีม 

โอลโม่ เติบโตและเก่งกาจด้วยวิธีนั้น เขาเล่นที่ ซาเกร็บ จนถึงอายุ 21 ปี เมื่อเดือนมกราคม 2020 ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ กุนซือของ แอร์เบ ไลป์ซิก ที่ปัจจุบันคุมทีมชาติเยอรมนี ก็โทรมาหาเขาเพื่อติดต่อดึงตัวเขามาเล่นใน เยอรมนี สิ่งที่ นาเกลส์มันน์ บอกคือ ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะต้องเล่นฟุตบอลในอีกระดับหนึ่ง เขาไต่จนถึงระดับสูงสุดของฟุตบอลโครเอเชีย ไม่มีอะไรที่เขาจะเรียนรู้ได้เพิ่มอีก แต่ที่ เยอรมนี และฟุตบอลของ ไลป์ซิก จะทำให้ ดานี่ โอลโม่ กลายเป็นนักเตะที่ดีขึ้น และการย้ายทีมก็เกิดขึ้น 

"ฟุตบอลที่ เยอรมนี และ ยูเลี่ยน เป็นอีกแบบที่พัฒนาและสร้างผมขึ้นมาให้เป็นผมในตอนนี้ เขาทำให้ผมเป็นคนที่มีความยืดหยุ่น ทำให้ผมเจอกันตรงกลางระหว่างคำว่า แท็คติก และ เทคนิค" โอลโม่ ว่าแบบนั้น 

นาเกิลส์มันน์ เปลี่ยน โอลโม่ จากเดิมที่เป็นตัวริมเส้นให้กับ ซาเกร็บ เปลี่ยนมาเป็นกองกลางเบอร์ 10 ในระบบการเล่น 4-2-2-2 ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ผ่านการวิเคราะห์แล้วว่า จะตรงกับคุณสมบัตินักเตะอย่าง โอลโม่ มากที่สุด

หน้าที่ของ โอลโม่ ที่ นาเกลส์มันน์ ฝากฝังคือ เป็นเบอร์ 10 ที่ใช้พื้นที่หน้าไลน์เกมรับคู่แข่งเป็นหลัก สร้างโอกาสด้วยตัวเองเมื่อมีบอล และยามไม่มีบอลต้องไม่ลืมที่จะสอดเข้าไปเป็นตัวเลือกในกรอบเขตโทษในเวลาที่ทีมต้องครอสบอล หรือจะแทงบอลจากแนวลึก พยายามเลือกวิธีที่เร็วที่สุดในการบุกแต่ละครั้ง โดยเขาต้องประเมินสถานการณ์เองว่าจังหวะนี้ "ควรเร็วแค่ไหน" 

"ตำแหน่งเบอร์ 10 จะเป็นตำแหน่งโปรดของ โอลโม่ เราจะให้เขาเข้าไปอยู่ตำแหน่งนั้นเพื่อให้เขาได้มีโอกาสยิงประตูมากขึ้น เขาอาจจะต้องช่วยทีมเล่นเกมรับบ้าง แต่หน้าที่หลักของเขาคือการเล่นเกมรุก และเขาต้องเป็นคนที่เวลาเพื่อนมองหาเวลาบุกแล้วต้องเจอ" นาเกลส์มันน์ ว่า

"เขาจะปรับตัวได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ความสามารถเขามีอยู่แล้ว แถมยังเป็นคนเก่งที่อยากจะเรียนรู้ มีความกระหายทะเยอทะยาน ผมชอบนะที่ช่วงแรก ๆ หลังย้ายทีม เขามาเปิดใจคุยกับผมว่าเขาอยากจะได้โอกาสลงเล่นมากกกว่านี้ ผมชอบมาก เพราะผมรู้ว่าเขาจะพัฒนาตัวเองได้ และจะกลายเป็นผู้เล่นที่มีอนาคตไกลสำหรับเรา" 

ถึงตอนนี้ โอลโม่ เล่นในเยอรมนีมาแล้ว 4 ปี หลายสิ่งอย่างเปลี่ยนไป เขาไม่ใช่ดาวรุ่งอีกแล้ว และผลงานของเขาก็โดดเด่นพอที่จะถูกเรียกไปติดทีมชาติสเปนชุดใหญ่ ซึ่งจริง ๆ เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2019 สมัยที่ยังเล่นให้ ดินาโม ซาเกร็บ แล้ว เพียงแต่ว่าในทัวร์นาเมนต์ที่ผ่าน ๆ มา นับตั้งแต่ยูโร 2020 ฟุตบอลโลก 2022 แฟนบอลและหลาย ๆ ฝ่ายในสเปนมองว่า เขาโดนตัดต่อพันธุกรรมจนไม่เหมาะที่จะเล่นให้ทีมชาติสเปนแล้ว 

 

ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์กับใคร 

โอลโม่ ถูกวิจารณ์อยู่บ้างกับผลงานในทัวร์นาเมนต์ที่กล่าวมา หลายฝ่ายมองว่าเขาเป็นนักเตะที่พึ่งพาตัวเอง และพยายามเล่นด้วยตัวเองมากเกินไป เพียงแต่ว่าการเปลี่ยนแปลงใน ยูโร 2024 มันช่วยเขาได้มาก 

หลุยส์ เดอ ลา ฟวนเต้ เฮดโค้ชทีมชาติสเปนชุดนี้ คือโค้ชที่ทำบอลเยาวชนมาทุกรุ่น และ ดานี่ โอลโม่ ทำงานร่วมกับเขามาตลอด การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับทีมชาติสเปนชุดนี้ โดยในเชิงแท็คติก มันคือวิธีการเล่นที่นักเตะที่โดนตัดต่อพันธุกรรมทางฟุตบอลอย่างเขาจะมีความสำคัญกับทีมมากขึ้น ... ท่ามกลางการตั้งคำถามจากสื่อ สเปน โอลโม่ ให้สัมภาษณ์ตั้งแต่ทัวร์นาเมนต์เริ่มว่า นี่จะเป็นปีที่แตกต่างออกไป

"ใน สเปน พวกเขาไม่ค่อยได้ติดตามฟุตบอล บุนเดสลีกา กันมากมายนัก ดังนั้นพวกเขาอาจจะไม่รู้จักผมมากมาย แต่สุดท้ายแล้ว ใครก็ตามที่รู้จักผมดี พวกเขาจะเข้าใจว่าผมคือความแตกต่างในเชิงฟุตบอลเท่านั้น ทุกครั้งที่ผมมาเข้าแคมป์ทีมชาติ มันไม่มีปัญหาเรื่องนี้ ทุกคนให้ความเคารพกัน และผมสบายใจที่มาที่นี่เสมอ" โอลโม่ กล่าวเริ่ม

"ทัวร์นาเมนต์นี้จะเป็นเราที่แตกต่าง สเปนชุดนี้จะมีความตรงไปตรงมามากกว่า พวกเราจะเป็นทีมที่พยายามเสี่ยงมากกว่าเดิม ตอนนีโครงสร้างเปลี่ยนไป ตอนที่ หลุยส์ เอ็นริเก้ คุมทีม ผมเล่นปีก และบางครั้งก็เป็นเบอร์ 9 และกองกลางเบอร์ 8 แต่ตอนนี้ผมได้รับบทบาทเบอร์ 10 ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ผมคิดว่าเหมาะกับผมที่สุด โชคดีมาก ๆ ที่ หลุยส์ เดอลา ฟวนเต้ รู้จักผมเป็นอย่างดี"

"ผมไม่ได้บอกว่า เอ็นริเก้ ไม่ดี เขาก็ช่วยผมได้มาก แต่ตอนนี้เรามีการเปลี่ยนผู้เล่นใหม่มากมาย เราจะเป็นทีมที่ดีขึ้น มีการผสมผสานกันแบบยุคเก่ากับยุคใหม่มากขึ้น เรามีพวกนักเตะเสาหลัก และก็นักเตะที่สร้างความแตกต่าง"

"แนวคิดพื้นฐานที่ หลุยส์ บอกกับผมมาตลอดตั้งแต่ทำงานด้วยกันในชุดยู 21 คือ เขาจะให้อิสระกับเราในการเล่นเกมบุกในพื้นที่สุดท้าย และนั่นจะเป็นความแตกต่างที่เราพร้อมจะเสี่ยงกันมากขึ้น" โอลโม่ ว่าแบบนั้น 

บังเอิญว่า โอลโม่ เป็นนักเตะที่อิสระมาตั้งแต่การไปเล่นที่ โครเอเชีย แล้ว นี่คือสิ่งที่เป็นเขามาโดยตลอด เช่นเดียวกับตอนที่เล่น เยอรมนี วิธีการเล่นของเขาก็หลากหลาย มีความแตกต่างจากเบอร์ 10 สไตล์สเปนแท้พอสมควร ความกล้าเสี่ยง และมีอิสระในตัวเองของเขา คือสิ่งนั้น 

"ผมอยากจะบอกว่าผมได้เรียนรู้ฟุตบอลมาอีกแบบหนึ่ง อีกวิธีหนึ่งในเยอรมนี นั่นคือสาเหตุที่ฟุตบอลของผมมันมีความไดเร็กต์มากขึ้น และเป็นการเล่นในแนวลึกมากขึ้น มันคือแนวคิดจากไลป์ซิกที่เราจะโจมตีด้วยการส่งบอลไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มันจะเป็นฟุตบอลประเภทที่ตรงกับสิ่งที่ผมเป็น รับบอล ลุยไปข้างหน้า เล่นแนวลึก ยิงจากระยะไกลที่มีลุ้นและเห็นช่อง นั่นแหละฟุตบอลของผมมันเป็นแบบนั้น" 

"วิธีการของผมอาจจะแตกต่าง แต่ผมไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองกับใคร พวกเขาจะได้เห็นมันในสนาม และทุกคนที่อยู่รอบตัวผม พวกเขารู้ดีถึงสิ่งที่ผมสามารถทำได้" โอลโม่ ว่าแบบนั้น 

ความแตกต่างที่ถูกสร้างโดยฟุตบอลโครเอเชียและผสมแนวคิดของฟุตบอลเยอรมนี คือสิ่งที่ทำให้ ดานี่ โอลโม่ มีความดุดันกระแทกกระทั้น มีความหัวดื้อ และมีความหยิ่งผยองอย่างชัดเจน บางครั้งเขาก็ทำบอลเสีย และนั่นอาจจะทำให้ใครหลายคนเกิดภาพจำและไม่ชอบสไตล์ของเขา 

แต่กับทีมชาติสเปนชุดนี้ พวกเขาไปข้างหน้ามากขึ้น เสี่ยงมากขึ้น และพร้อมทำประตูมากขึ้น ดังนั้นการมีนักเตะที่เติบโตมากับฟุตบอลสไตล์นี้อย่าง ดานี่ โอลโม่ จึงเป็นส่วนที่สร้างความแตกต่างได้เป็นอย่างดี ชัดเจนที่สุดในเกมที่ชนะเยอรมนีเมื่อคืนนี้ ... เขาลงมาและลองยิงประตูจนกระทั่งกลายเป็นประตูขึ้นนำ 

และในช่วงที่ เดอ ลา ฟวนเต้ ถอด 2 แนวรุกริมเส้นอย่าง นิโก วิลเลี่ยมส์ กับ ลามีน ยามาล ออกหมดแล้วเพื่อปิดเกม โอลโม่ ก็เป็นนักเตะสเปนเพียงคนเดียวมที่พยายามเล่นและเอาชนะการดวล 1-1 จนกลายเป็นลูกเปิดจากด้านข้างที่ทำให้ทีมได้ประตูชัยในนาทีที่ 119 ... ฟุตบอลเป็นเรื่องของความหลากหลาย และ ดานี่ โอลโม่ นำสิ่งเหล่านี้มาให้กับทัพกระทิงดุยุค โคตรซิ่ง โคตรวิ่ง อย่างแท้จริง  

 

แหล่งอ้างอิง : 

https://www.theguardian.com/football/article/2024/jul/04/spains-dani-olmo-germany-are-a-tough-opponent-this-could-be-a-final
https://www.skysports.com/football/news/11095/13148191/dani-olmo-is-a-spain-star-but-croatia-was-where-he-grew-as-a-player-with-dinamo-zagreb-after-unusual-career-move
https://www.nytimes.com/athletic/5589208/2024/06/25/dani-olmo-spain-euro-2024/
https://www.beinsports.com/en-mena/football/bundesliga/articles/nagelsmann-lauds-great-talent-olmo-after-br-1
https://www.common-goal.org/Stories/-This-had-a-profound-impact-on-me-2022-11-07

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อภิสิทธิ์ โชติพิบูลย์ทรัพย์

Art Director ผู้รับเหมางานภาพกราฟิกหน้าปกบทความทุกชิ้น