"ผมมักจะถูกมองข้าม และเป็นตัวเลือกสุดท้ายมาตลอดตั้งแต่จำความได้ แต่ใครจะคิดล่ะว่าผมมาถึงจุดที่ได้ใส่ปลอกแขนกัปตันทีม เรอัล มาดริด และพาทีมชูถ้วยแชมป์ยุโรปอย่างวันนี้"
ประโยคสุดเท่นี้เกิดจาก นาโช่ เฟร์นานเดซ นักเตะคนเดียวในทีมชุดนี้ของ เรอัล มาดริด ที่เติบโตมาจากทีมเยาวชน และไม่เคยย้านออกไปเล่นทีมอื่นเลย เขาคือ "วันคลับแมน" ที่แสงส่องไม่เคยถึง จนกระทั่งทุกอย่างกลับมาเปล่งประกายเหมือนได้เจอชีวิตใหม่อีกครั้งในวัยหลัง 30 ปี
จากตัวสำรองอดทน และนักเตะที่มีไว้เพื่อรักษาโควต้าโฮมโกรน แต่ไม่มีส่วนร่วมกับทีมเลย เขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร นี่คือเรื่องราวยอดนักสู้ตัวแทนแห่ง ลา ฟาบริกา ที่ มาดริดิสต้า แสนจะภาคภูมิใจ
ติดตามที่ Main Stand
นักสู้ในวัยเยาว์
ภาพของ นาโช่ เฟร์นานเดซ นั้นแทบไม่ปรากฎในความทรงจำแฟนบอลมากนักหากคุณไม่ใช่แฟนบอลของ เรอัล มาดริด อย่างที่เขาได้บอกไว้ เขาเป็นคนที่อยู่ท้ายแถวมาโดยตลอดตั้งแต่ตอนที่เล่นอยู่ในระดับเยาวชนแล้ว
ตัวของ นาโช่ เป็นชาวมาดริดตั้งแต่กำเนิด และเป็นแฟนบอลของราชันชุดขาว ตั้งแต่จำความได้ กลิ่นอายของเขาคล้าย ๆ กับ การ์เลส ปูโยล ตำนานของ บาร์เซโลน่า ที่ถึงแม้จะไม่ได้เก่งกาจจนทุกคนต้องจับตา แต่เขาก็มีจุดแข็งที่มันเป็นประโยชน์ต่อทีมนั่นคือการใส่เกิน 100% ทุกครั้งที่ได้โอกาส เพราะเขารู้ว่ากว่าที่เขาจะได้สิ่งนี้มามันยากขนาดไหน
"ตอนที่ผมอายุ 12 ปี ผมกำลังมีความฝันใหญ่โต แต่สุดท้ายผมถูกตรวจพบว่าเป็นโรคเบาหวาน ณ เวลานั้นผมทำอะไรไมมได้เลยตลอด 2 ปี ผมได้แต่นั่งดูเพื่อน ๆ เล่น นั่งอ่านหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารที่เกี่ยวกับทีม"
"ผมจำได้ว่าครั้งหนึ่งผมรักษาตัวที่โรงพยาบาลทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นผมตั้งใจมาก ๆ ว่าผมจะไปดู เรอัล มาดริด ที่สนาม แต่สุดท้ายก็พลาด บรรยากาศในวันนั้นไม่มีสัญญาณอะไรเตือนมากนัก ผมพบแพทย์ และเขาก็บอกว่าผมมีปัญหาเรื่องต่อมไร้ท่อ และคำสุดท้ายที่เอ่ยมาคือ ความหวังจะเป็นนักฟุตบอลของผมนั้นจบลงแล้ว" นาโช่ กล่าว
สำหรับเด็กที่ได้เข้ามาอยู่ในทีมเยาวชนแล้ว และตั้งความหวังไว้ใหญ่โต การเจอคำพูดแบบนั้นกระทบจิตใจอย่างไร เขาหวังเล็ก ๆ ว่าสิ่งที่หมอพูดจะไม่เป็นจริงทั้งหมด เขาอาจจะแก้ไขอะไรบางอย่างได้ จนกระทั่งไม่กี่เดือนต่อมา แม่ของเขาพาไปพบกับหมอที่เชี่ยวชาญเรื่องต่อมไร้ท่อโดยตรง ชื่อว่า ดร. รามิเรซ
บนเตียงผู้ป่วย พร้อมกับเครื่องมือแพทย์สารพัด ดร. รามิเรซ วินิจฉัยอย่างละเอียดถึงโรคที่เขาเป็น นาโช่ ใจเต้นระทึก เหมือนกับยืนอยู่ปากเหว ดร. รามิเรซ จะเป็นผู้โยนเหรียญที่ตัดสินอนาคตของเด็กชายวัย 12 ปี ... ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า นาโช่ กดดันขนาดไหน
"หมอ รามิเรซ คือฮีโร่ของผมเลย เขาวิเคราะห์และบอกกับผมในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่ผมเคยได้ยิน 'ไม่มีทางเลยที่ฟุตบอลจะจบลงแล้วสำหรับเธอ' ... คำพูดนี้โคตรจะสำคัญกับชีวิตผมเลย ผมเป็นคนชอบออกกำลังกายมาก ๆ เช้าวันจันทร์ผมเดินไปโรงเรียนด้วยความสดใส พร้อมกับบอกตัวเองว่า ชีวิตของฉันมันได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง" นาโช่ กล่าว
เขากลับมาดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ? ถ้าถามว่าดีขนาดไหน ก็ต้องบอกว่าใส่ใจทุกรายละเอียด และเจ้าตัวยืนยันได้ว่าดูแลตัวเองมากกว่าคนปกติทั่วไปถึง 3 เท่า กินทุกอย่างที่หมอบอกว่ากินได้ ห้ามทุกสิ่งที่หมอบอกว่ากินไม่ได้ ไม่เคยผิดนัดหมอ จัดตารางชีวิตและรับผิดชอบตารางนั้นอย่างจริงจัง
"ผมรู้ว่าผมจะต้องทำแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่ผมก็ยินดีที่จะดูแลตัวเองแบบนี้เช่นกัน" นาโช่ ย้อนกลับไปในวันนั้น ที่มันกลายเป็นแรงผลักดันที่เขาได้ไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ ชนิดที่ว่าตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่า ณ เวลานั้นเขาหวังไว้ถึงขั้นที่เขามาถึง ณ ตอนนี้หรือไม่ ?
ภายนอกจืด ๆ ภายในสารพัดประโยชน์
ที่ ลา ฟาบริกา หรือศูนย์ฝึกเยาวชนของ เรอัล มาดริด ผลิตนักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดีมากมาย แต่น่าเสียดายที่เมื่อถึงช่วงอายุหนึ่งพวกเขาต้องย้ายออกไปเพื่อหาโอกาสลงเล่น เพราะนโยบายของสโมสรคือ ถ้าหากดาวรุ่งไม่เก่งจริง ๆ ในระดับที่เบียดนักเตะซูเปอร์สตาร์ในทีม ไม่ว่าจะในฐานะ 11 ตัวจริง หรือตัวสำรองบนม้านั่งได้ พวกเขาก็จะขายออกไปเพื่อทำเงินเข้าบัญชีรายรับของสโมสร
ทว่าในรายของ นาโช่ นั้นแตกต่างออกไปสักหน่อย ในระดับเยาวชนนั้นถือว่าเขาก็ดีในระดับหนึ่ง อาจจะไมได้ถึงขั้นวันเดอร์คิด แต่อย่างที่กล่าวในข้างต้น คือเขามีประโยชน์บางอย่างที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของทีมได้ อาจจะไม่ใช่ตัวหลัก แต่ความสารพัดประโยชน์ของ นาโช่ ที่เล่นได้ทุกตำแหน่งในแผงหลัง เรื่องร่างกายที่ไม่ต้องห่วงเพราะดูแลตัวเองเป็นอย่างดีมาตั้งแต่อายุ 12 ปี และอีกเรืองที่สำคัญมาก นี่คือนักเตะที่ไม่เคยปริปากบ่นเรื่องโอกาสลงเล่น เป็นนักเตะประเภทตามสั่ง นายบอกยังไง พร้อมลงไปใส่ตามที่บอกเป๊ะ
"นาโช่ เฟร์นานเดซ มีความเป็นกัปตันโดยสายเลือดตั้งแต่ยังเล่นในชุดเยาวชนแล้ว กลุ่มนักเตะที่โตพร้อมเขาคือ ดานี่ การ์บาฆาล, ลูคัส บาสเกซ, เดนิส เชริเชฟ, และ อัลบาโร โมราต้า ... เขาคือนักเตะที่เป็นกัปตันของทีมชุดนี้ และเป็นกัปตันทีมมาดริดมาในทุกรุ่นอายุ คุณวัดความยอดเยี่ยมของเขาจากตรงนี้ได้เลย" กิลเยร์โม่ ไร นักข่าวสายบอลสเปนของ ดิ แอธเลติก ว่าแบบนั้น
เรื่องนี้โค้ชคนแรกที่ให้โอกาสเขากับทีมชุดใหญ่ของ เรอัล มาดริด คือ โชเซ่ มูรินโญ่ ยืนยันได้เป็นอย่างดี มูรินโญ่ เคยให้สัมภาษณ์ต่อหน้าสื่อว่า สตาฟโค้ชของเขาเป็นคนบอกกับเขาเองว่า นาโช่ จะไม่สามารถเป็นกองหลังที่ดีได้ เพื่อให้ มูรินโญ่ คิดใหม่ก่อนโปรโมตนาโช่ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2011 ตอนนั้นสื่อในสเปนและแฟนบอลของ มาดริด ไม่พอใจที่ มูรินโญ่ พูดแบบนั้น มันเหมือนเป็นการตบหน้าลูกน้องออกสื่อ
แต่เบื้องหลัง มูรินโญ่ เป็นคนที่ นาโช่ เคารพ และให้โอกาสนักเตะเยาวชนของ มาดริด ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ถึง 12 คน หนึ่งในนั้นคือ นาโช่ ด้วย และเรื่องที่เขาพูดถึง นาโช่ นั้นก็เป็นเรื่องจริง นาโช่ ไม่ใช่กองหลังระดับโลกแน่หากมองเรื่องฝีเท้า แต่ถ้ามองเรื่องทัศนคติ ... มูรินโญ่ ชอบนักเตะแบบนี้ที่สุด ชอบจนถึงขนาดที่ว่าในซัมเมอร์ปี 2022 ที่เขาคุมทีม โรม่า มูรินโญ่ เคยพยายามขอซื้อตัว นาโช่ ไปร่วมทัพหมาป่าแห่งกรุงโรมมาแล้ว ทำไมเขาถึงอยากได้ นาโช่ ?
นาโช่ มีสกิลหนึ่งที่โค้ชหลายคนพูดตรงกันคือ "การใช้คน" การเป็นกัปตันทีมมาในทุกรุ่นอายุ ทำให้ นาโช่ มีสายตาที่กว้างไกล มองเกมและมีสมาธิอยู่ตลอดเวลา และแน่นอน เขาไม่เกรงใจที่จะต้องตะโกนสั่งคนอื่น เรียกง่าย ๆ ว่ามีความเป็นผู้บัญชาการอยู่ในตัว ต่อให้ตัวเองไม่ได้เร็ว และตัวใหญ่แข็งแรง แต่การที่เขาคอยบอกเพื่อนในจังหวะคับขัน มันก็เป็นอีกทางที่ทำให้เกมรับของทีมเหนียวแน่นขึ้นเช่นกัน
อีกคนหนึ่งที่เห็น นาโช่ มาตั้งแต่ชุดเยาวชนคือ ฆวนฟราน ตำนานแบ็กขวาของ แอตฯ มาดริด ที่เป็น 1 ในนักเตะเยาวชนและรุ่นพี่ของ นาโช่ ในทีม เรอัล มาดริด ตัวของ ฆวนฟราน เล่าถึงถึงนาโช่ ว่า
"กับนาโช่ คุณจะเห็นบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากนักเตะที่มาจาก ลา ฟาบริกา ที่อยูในทีมชุดปัจจุบัน (บาสเกซ, การ์บาฆาล) เขาไม่ได้ถูกยกมาคุยผ่านสื่อมากเท่า แต่หมอนี่มีสมาธิดี อ่านเกมตลอดเวลา ดุดัน และร่างกายที่เหลือเชื่อ"
"คุณสมบัติของเขาเป็นที่ถูกพูดถึงกันภายในมาตลอด เห็นแบบนั้นเขามีความเร็วนะ เล่นได้ทั้งสองเท้า และผมมั่นใจว่าคุณสมบัติทั้งหมดที่บอกมาจะทำให้เขาเป็นตัวจริงของทีมไหนก็ได้บนโลกนี้ถ้าเขาคิดจะย้ายออกจาก เรอัล มาดริด"
เมื่อทีมคุณมีนักเตะอย่างนาโช่ คุณมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าไม่ว่าคุณจะส่งเขาลงเล่นเป็น 11 ตัวจริง หรือตัวสำรอง คุณจะได้เกมรับที่ดีขึ้นแน่ และได้คนที่มีสมาธิอยู่กับเกมตลอดเวลา นี่คือจุดเด่นที่ซ่อนอยู่ในตัวของเสมอ ไม่ว่าจะผ่านโค้ชกี่ยุค กี่คน กี่สมัย นาโช่ จะเป็น 1 ในจิ๊กซอว์ที่เมื่อถึงเวลาจะต้องถูกเรียกออกมาใช้งานอยู่ทุกครั้งไป
"ตำแหน่งของผมในทีมเรอัล มาดริดเหรอ ? ผมมักจะเริ่มต้นด้วยการเป็นคนสุดท้ายเสมอ แต่ด้วยความพยายามและผลงานที่ผมมุ่งมั่นที่จะทำผม บ่อยครั้งผมจึงสามารถพลิกสถานการณ์ได้" เขากล่าว "ท้ายที่สุดแล้ว ทุก ๆ ปีผมก็กลายเป็นคนที่มีความสำคัญในทีม ไม่ว่าในแง่ใดแง่หนึ่งเสมอ" เหตุผลที่เป็นแบบนั้นไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะเขาพยายามที่ทำตัวเองให้อยู่ในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด เพื่อให้ได้เล่นกับ เรอัล มาดริด เท่านั้น
กัปตันผู้ยิ่งใหญ่
เผลอแว้บเดียว ณ ตอนนี้ผ่านมาแล้ว 13 ปีที่ นาโช่ เล่นให้กับ เรอัล มาดริด นักเตะหลายคนมาแล้วไป แต่นาโช่ คือคนที่อยู่เงียบ ๆ พยายามรักษามาตรฐานของตัวเองให้ได้ และไม่ได้ย้ายออกไปไหนเลย ถึงตอนนี้เขาอยู่กับ มาดริด มาครบ 24 ปีแล้ว (เข้าทีมเยาวชนตั้งแต่อายุ 11 ปี)
การตัดสินใจของนาโช่ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องเงิน ซึ่งไม่เคยเป็นปัญหาหลักสำหรับเขาเลย และนี่คือเหตุผลที่ค่าเหนื่อยของเขาค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับสมาชิกที่มีรายได้สูงสุดในทีม โดยรับอยู่ที่สัปดาห์ละ 130,000 ยูโรเท่านั้น โดยคนที่ได้น้อยกว่าเขามีเพียงแค่ 5 คนเท่านั้นได้แก่ บราฮิม ดิอาซ, อาร์ดา กูแลร์, ฟราน การ์เซีย, อังเดรย์ ลูนิน และ โฆเซลู
เขาอยากเล่นและรู้สึกเหมือนเป็นส่วนสำคัญของทีม และด้วยความภักดีและทัศนคตินี้ที่ทำให้หลายคนใน เรอัล มาดริด รู้สึกว่านาโช่ไม่ได้รับการตอบแทนแบบสมน้ำสมเนื้อเท่าที่ควร ทั้งโอกาสการลงสนาม และค่าจ้างที่มากกว่าแค่กลุ่มตัวสำรอง และดาวรุ่งเท่านั้น
คนทีเห็นเรื่องนี้ และเข้าใจความเป็น นาโช่ อย่างมากที่สุดคือ คาร์โล อันเชล็อตติ วันที่ อันเช่ กลับมารับงานกับ มาดริด คำรบสอง เขาให้สัมภาษณ์ชื่นชม นาโช่ บ่อยมาก ซึ่งมันต่างจากคนอื่นพอสมควรที่มักจะพูดถึงเรื่องราวความยอดเยี่ยมนอกสนามของเขา แต่ อันเช่ ชมเรื่องฝีเท้าของเขาด้วย และบอกว่าเขาจะทำให้ นาโช่ เป็นคนสำคัญของ เรอัล มาดริด ให้ได้ ตราบที่เขาอยู่ในตำแหน่งกุนซือ
"การแข่งขันในทีมของ เรอัล มาดริด นั้นสูงมากโดยเฉพาะตำแหน่งของเขาอย่างเซ็นเตอร์แบ็ก ... แต่รู้อะไรมั้ย เวลาที่ นาโช่ ลงเล่น เขาทำงานของเขาได้ดีมาก เนี้ยบตามสั่งเสมอ และผมไม่เคยแปลกใจในตัวของเขา เพราะนาโช่เป็นแบบนี้มาโดยตลอด ไม่ว่าจะปีก่อน ปีที่แล้ว หรือปีนี้ ... ผมชอบมองเขาว่า นี่คือกองหลังที่มองโลกในแง่ร้ายมากที่สุดคนหนึ่ง" อันเช่ ว่าแบบนั้น
มองโลกในแง่ร้ายในที่นี้คือ ? นักเตะที่คิดเสมอว่าความอันตรายจะเกิดขึ้น ซึ่งว่าง่าย ๆ ก็คือมีสมาธิอยู่ตลอด ไม่เคยประมาทคู่แข่ง และไม่ชอบใจเวลาที่เพื่อนร่วมทีมผ่อนความเข้มข้น และวินัยหย่อนยานในบางช่วงของการแข่งขัน เสียงตะโกนของนาโช่จะดังขึ้นเสมอ นั่นคือสิ่งที่ อันเชล็อตติ พยายามจะสื่อ ... คาแร็กเตอร์แบบนี้ทำให้เขาได้รับปลอกแขนกัปตันทีม เป็นกัปตันเบอร์ 1 ของทีมหลังจากที่ คาริม เบนเซม่า ย้ายออกไปเมื่อซัมเมอร์ปี 2023
ยิ่งกว่าความยอดเยี่ยมในฐานะนักฟุตบอลคือในฐานะคน ๆ หนึ่ง นาโช่ ไม่สร้างเรื่องเสียหาย ไม่เคยมีปัญหากับใคร แม้จะอยู่แบบเงียบ ๆ แต่ถ้าพูดถึงในห้องแต่งตัว ออร่าความเป็นผู้นำของเขาแผ่ออกมาเทียบเท่ากับ โทนี่ โครส หรือ ลูก้า โมดริช สิ่งนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรก และสะสมมาเรื่อย ๆ การที่เขาไม่ย้ายออกจากมาดริดเลย อาจจะมีผล ... ฆวนฟราน วิเคราะห์ว่า ความอดทนของ นาโช่ ทำให้เขามีวันนี้ เพราะการได้ซ้อมกับนักเตะระดับโลกทุกวัน อยู่กับความกดดันระดับสูงจากแฟน ๆ ทำให้ นาโช่ ยกระดับตัวเองได้ไวขึ้น
ฆวนฟราน เปรียบ นาโช่ กับ อาชราฟ ฮาคิมี่ ที่เก่งมาก ๆ ในตอนที่เป็นแข้งเยาวชนของ เรอัล มาดริด แต่อดรนทนรอโอกาสในทีมชุดใหญ่ไม่ไหว จนย้ายไปเล่นกับทีมอื่น ๆ แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากมายนักเหมือนกับที่ นาโช่ หรือเพื่อน ๆ ร่วมรุ่นของเขาเป็น เรียกง่าย ๆ ว่าการอยู่ท่ามกลางคนเก่ง หากคุณไม่ได้เป็นคนที่มืดบอดด้วยอีโก้ คุณก็จะเก่งขึ้นได้โดยที่ไม่รู้ตัว ... ซึ่งมันก็มีโอกาสที่จะเป็นแบบนั้นจากสิ่งที่เราเห็นจาก นาโช่
ท้ายที่สุดคนที่จะปิดฉากบทความนี้ของ นาโช่ ได้ดีที่สุดน่าจะเป็นประโยคจากปากของ ฮอร์เก้ คาซาโด้ นักเตะตำแหน่งกองหลังในทีม กาสตีย่า ทีมสำรองของ เรอัล มาดริด รุ่นๆ เดียวกันกับเขา ที่พูดถึง นาโช่ ว่า
"นาโช่ เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดให้กับทุกคนในทีมได้เห็น ไม่ว่าจะในฐานะผู้เล่นหรือในฐานะคน ๆ หนึ่ง มารยาทดี ปฎิบัติตัวถูกต้อง มีความเป็นสุภาพบุรุษ คิดทุกครั้งก่อนจะพูดอะไรออกมา และมีความเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ"
"คุณสามารถเห็นอิทธิพลของเขาที่สร้างแรงจูงใจให้กับผู้เล่น เรอัล มาดริด ในชุดปัจจุบันได้เป็นอย่างดี คนที่จะอยู่ทีม ๆ นี้ได้ต้องพัฒนาตัวเองในทุก ๆ วัน และสะสมถ้วยแชมป์มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่ให้ความพอใจเข้ามาเป็นข้อจำกัด ... ไม่ต้องบอกก็รู้ คุณมองย้อนกลับไปสัก 10 กว่าปีที่แล้วสิ เด็กรุ่นพวกเราฝันเหมือนกันกับ นาโช่ ทั้งหมดนั่นแหละ แต่มีใครบ้างที่เดินไปถึงจุดที่เขาเป็นได้ ?"
"นี่คือผู้ชายที่น่ารัก และมีความเป็นคนธรรมดาที่ควรค่าอย่างยิ่งที่สโมสรจะมีรูปของเขาใส่กรอบเอาไว้เลยล่ะ" คาซาโด้ ว่าแบบนั้น
ถึงตอนนี้เขาลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ไปแล้ว 364 นัดตลอด 13 ปีที่ผ่านมา ช่วยให้คว้าถ้วยรางวัลได้ 26 ถ้วย รวมถึงแชมเปี้ยนส์ลีก 6 สมัย และลาลีกา 4 สมัย และเป็นกัปตันทีมของมาดริด ... ด้วยทั้งหมดที่กล่าวมาตอนนี้ คงไม่มีแฟนบอลคนไหนทำชื่อของ นาโช่ เฟร์นานเดซ ตกหล่นอีกแล้วแน่ ๆ
แหล่งอ้างอิง
https://www.nytimes.com/athletic/5523210/2024/05/30/real-madrid-nacho-vazquez-carvajal-joselu-champions-league/
https://www.nytimes.com/athletic/4211812/2023/02/16/nacho-fernandez-real-madrid-future/
https://www.uefa.com/uefachampionsleague/news/0237-0e9663774d0f-24e4e8d8cb4a-1000--madrid-s-nacho-on-diabetes-i-was-told-my-footballing-days/
https://www.managingmadrid.com/2018/10/25/18021850/nacho-fernandez-quotes-2018
https://www.planetfootball.com/quick-reads/where-are-they-now-jose-mourinhos-16-real-madrid-academy-graduates
https://www.marca.com/en/football/real-madrid/2017/11/22/5a1569dd268e3e7a4d8b45df.html