Feature

คิดแบบ โฆเซลู : ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนต้อง "หาประโยชน์" ของตัวเองให้เจอ | Main Stand

โฆเซลู กองหน้าในวัย 34 ปี กลายเป็นฮีโร่ของ เรอัล มาดริด หลังเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองและยิง 2 ประตูใน 3 นาที ช่วยให้ทีมผ่าน บาเยิร์น มิวนิค ลิ่วชิงแชมป์ยุโรปอีกครั้งในซีซั่นนี้ 

 


แม้จะไม่ใช่กองหน้าที่โด่งดังมีชื่อเสียง แต่เรื่องราวแต่ละตอนแต่ละพาร์ทของ โฆเซลู นั้นน่าสนใจอย่างที่สุด ไล่ตั้งแต่วันที่เขาเป็นดาวรุ่งที่ มาริด คัดทิ้ง, วันที่เขาล้มลุกคลุกคลานที่อังกฤษ และวันที่เขากลับมาอยู่กับ มาดริด อีกครั้ง พร้อมการโดนแฟนบอลต่อต้านว่า "มาตรฐานไม่ถึง"

แต่ใละช่วงเวลาเขาจัดการกับความรู้สึกจากคนภายนอก และปรับปรุงจากตัวเองได้อย่างไร นี่คือเรื่องราวที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้คุณทุกคน 

ติดตามที่ Main Stand 

 

ประเมิณความสามารถตัวเองให้ขาด 

โฆเซลู เป็นนักเตะที่ย้ายทีมในทุก ๆ 2 ฤดูกาล มีหนเดียวในอาชีพค้าแข้งของเขาที่ค้าแข้งกับทีมเดิมเกิน 3 ปี คือช่วงเวลาที่อยู่กับ อลาเบส ตั้งแต่ฤดูกาล 2019-2022 

เหตุผลที่เขาย้ายทีมบ่อย ๆ ไม่ใช่เพราะเขาไม่เป็นที่ต้องการของทีมเดิมเสียทุกครั้ง แต่เขาบอกว่ามันเป็นเรื่องของการประเมินสิ่งรอบข้างไปพร้อม ๆ กับการวิเคราะห์ฝีเท้าของตัวเองในช่วงเวลานั้น ๆ ถ้าพบว่าตัวเองไม่ดีที่จะแย่งตำแหน่งไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ต่อไป และถ้าเขารู้ว่าตัวเองมีความสามารถที่พร้อมสู่ระดับต่อไปที่สูงกว่า เขาก็พร้อมจะที่ก้าวกระโดดแบบไม่กลัวผิดหวังเช่นกัน 

เหตุการณ์ลักษณ์นี้เกิดขึ้นมาตลอดอาชีพของเขา เขาเติบโตมากับ เซลต้า บีโก้ แจ้งเกิดมาตั้งแต่ปี 2008 ด้วยการถูกดันขึ้นชุดใหญ่ไม่กี่เกม เรอัล มาดริด ยุคกวาดดาวรุ่งในประเทศมารวมตัวไว้ในทีมสำรอง ก็ซื้อตัวเขามาร่วมทีม 

โดย โฆเซลู สัมภาษณ์ในตอนย้ายครั้งนั้นที่เขาอายุ 19 ปีว่า นี่คือการย้ายทีมที่เขาไม่ต้องให้ใครมาเตือนว่าเป็นการเสี่ยงต่ออาชีพของเขา มีเด็กดาวรุ่งมากมายจากทั่วสเปนถูกดึงมาที่นี่ หลายคนโชคไม่ดี ที่ไม่ได้โอกาส และค่อย ๆ หายไป แต่กลับกันเขามองว่าเมื่อคุณมาอยู่ในสถานการณ์ที่แวดล้อมด้วยโค้ชที่ดี เพื่อนร่วมทีมเก่ง ๆ ศูนย์ฝึกที่พร้อม คุณจะเก่งขึ้นแน่นอน และถ้าคุณไม่เก่งขึ้น นั่นแปลว่ามันเป็นปัญหาที่ตัวคุณเอง 

"คุณอยู่ในบรรยากาศรอบตัวที่ดีขึ้น คุณภาพสูงขึ้น ด้วยวัยขนาดนั้น ถ้าคุณซึมซับมันได้ดีคุณจะต้องเก่งขึ้น ... เรื่องมันง่าย ๆ แบบนั้นผมจึงเลือกมาที่นี่" โฆเซลู กล่าว

เขามาที่ มาดริด และเล่นให้กับชุด เบ(บี) โดยคู่หูในเกมรุกของเขาในเวลานั้น อัลวาโร่ โมราต้า แล้ว โฆเซลู ก็เก่งขึ้นจริง ๆ ตอนที่เขาอยู่กับ มาดริด เบ เขาเป็นดาวซัลโวร่วมกับ โมราต้า พาทีมเพลย์ออฟเลื่อนชั้นในระดับดิวิชั่น 3 ขึ้นสู่ เซกุนดา ดิวิชั่น 

หลังจากจบปีนั้นดาวรุ่งหลายคนขอยืมตัวไปเล่นให้กับทีมอื่น ๆ เพื่อโอกาสลงเล่น แต่เป็นอีกครั้งที่ โฆเซลู มองต่างเขามองว่าด้วยวัยขนาดนี้เขามีเวลามากพอที่จะอยู่กับทีมชุดใหญ่ของ มาดริด สักปี ... แม้จะไม่ได้ลงเล่น แต่มันจะได้ประสบการณ์ และแนวคิดของนักเตะระดับแถวหน้าของโลก ซึ่งหาได้ยากถ้าเขาไปหาเล่นกับทีมเล็ก ๆ เพื่อยืมตัว 

เรื่องนี้ อัลเบร์โต้ บูเอโน่ กองหน้ารุ่นราวคราวเดียวกับ โฆเซลู ที่ มาดริด ยังยอมรับว่า โฆเซลู มีแนวคิดที่ต่างจากเด็กคนอื่น ซึ่ง ณ เวลานั้นหลายคนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเลือกเสียเวลา 1 ปี ในฐานะกองหน้าตัวแบ็คอัพ ที่ 1 ปี อาจจะได้เล่นไม่ถึง 10 เกม ... เขาเก่งขึ้นไหม ยากที่จะตอบในตอนนั้น แต่ปลายทางของการเรียนรู้กับเหล่าสตาร์ในวันนั้น คือทำให้เขารู้ว่าหน้าที่ตัวเองในเวลาที่อยู่กับเหล่านักเตะระดับแถวหน้าของโลกต้องทำอย่างไร จึงจะได้เป็นคนสำคัญในแบบของเขา 

ตัดภาพกับกลับมาวันนี้ อีก 15 ปีให้หลัง โฆเซลู เดินทางไปทั่วยุโรปเล่นทั้งใน สเปน, โปรตุเกส, เยอรมัน และ อังกฤษ ก่อนจะกลับมาอยู่กับ เรอัล มาดริด อีกครั้ง ในสถานะเดิม "กองหน้าตัวแบ็คอัพ" ด้วยสัญญายืมตัวจาก เอสปันญอล และรับรู้ตั้งแต่แรกว่าเขามาที่นี่เพราะอะไร 

คาริม เบนเซม่า ย้ายออกไปที่ ซาอุดิอาระเบีย ขณะที่กองหน้าคนใหม่ที่จะมาเป็นเบอร์ 1 นั้น ทีมยังไม่พร้อมทุ่มงินก้อนใหญ่ซื้อใคร เพราะต้องการรอคว้าคัว คิลิยัน เอ็มบัปเป้ หลังจากหมดสัญญากับ เปแอสเช 

คาร์โล อันเชล็อตติ ทำในสิ่งที่ตัวเองที่สุดคือการปรับวิธีการเล่นตามที่นักเตะในทีมมี ... แม้ อันเช่ จะเก่งเรื่องการวางแผนขนาดไหนแต่ "ตัวสำรองอดทน" คือสิ่งที่ทุกทีมต้องมี พวกเขาติดต่อไปยัง โฆเซลู เพื่อให้เข้ามาทำหน้าที่นั้น และ โฆเซลู ในวัย 33 ปีก็ตกลงรับหน้าที่ดังกล่าว เพราะเขาเชื่อว่าตัวเองเหมาะกับสถานะนี้ที่สุดในช่วงวัยขนาดนี้ 

"โฆเซลู รู้บทบาทและรับบทบาทของตัวเองได้ดีมาก ๆ ... เขารู้ว่าตัวเองต้องตั้งใจทำงานในสนามซ้อมมาก ๆ เพื่อให้ตัวเองมีส่วนร่วม เมื่อใดก็ตามที่เขาถูกส่งลงเป็นตัวสำรอง เขาจะลงไปด้วยความคิดที่จะเป็นซูเปอร์ซับ ถ้าทีมต้องการชนะ เขาก็อยากจะลงไปเปลี่ยนผลการแข่งขัน และถ้าทีมนำอยู่เขาจะลงไปทำอะไรบางอย่างเพื่อรักษาสกอร์นั้นเอาไว้ ... หมอนี่รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ตัวเลือกแรก แต่เขาก็รู้ว่าตัวเองจะเป็นคนสำคัญในแบบที่กองหน้าตัวแบ็คอัพคนหนึ่งเป็น" บูเอโน่ กล่าวชมเพื่อนเก่า

 

สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วดีเสมอ 

สิ่งหนึ่งที่ โฆเซลู แสดงออกมาตลอดคือทัศนคติที่ดีไม่ว่าจะเป็นการค้าแข้งกับทีมไหน ๆ ก็ตาม เขาเล่นให้กับหลายสโมสรหลังออกมาจาก มาดริด ในปี 2012 จะว่าไปก็ไม่มีที่ไหนที่ใช้คำว่าประสบความสำเร็จจริง ๆ จังได้เต๋มปากนัก

สำหรับการเป็นนักเตะตำแหน่งกองหน้า ในรอบ 1 ปี หากคุณยิงได้ไม่ถึง 10 ลูกมันค่อนข้างน่าผิดหวัง และ โฆเซลู ก็เป็นแบบนั้น เขาไม่เคยยิงได้ถึงหลัก 10 ประตูในเกมลักเลย นับตั้งแต่ปี 2011 จนถึงปี 2019  

และเมื่อคุณย้อนกลับไปถาม โฆเซลู ถึงเรื่องเก่า ๆ ที่ผ่านมา เขาตอบกลับอย่างฉะฉานว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความล้มเหลว แต่มันคือช่วงเวลาที่ได้เรียนรู้ แต่ละที่มีความทรงจำที่แตกต่างกันออกไป และมันทำให้เขาเติบโตขึ้น และกลายเป็นนักเตะที่ถูกเรียกว่า "Late Bloomer" (คนที่ประสบความสำเร็จในอาชีพตอนอายุเยอะ ๆ) แบบที่เป็นทุกวันนี้ 

"ผมไปเล่นที่ สโต๊ก ซิตี้ และได้อะไรกลับเยอะเกินกว่าที่ใครจะมาตัดสินผมว่าล้มเหลว ตอนนั้นเราเป็นทีมที่ดี จบอันดับที่ 9 ของตาราง ชนะทั้ง แมนฯ ซิตี้ และ แมนฯ ยูไนเต็ด และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศลีก คัพ ... ตอนนั้นผมได้วิธีการเล่นจากนักเตะที่ดีมาหลายคนเลย ปีเตอร์ เคราช์, มาร์โก อเนาโตวิช และ จอน วอลเตอร์ส สอนอะไรใหม่ ๆ ให้ผมไม่น้อย"

"ผมเห็นความเป็นสัตว์ร้ายของ วอลเตอร์ส เขามุ่งมั่น ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแรง และเป็นคนที่ยิงในอาชีพได้เกิน 100 ประตู ส่วน เคร้าช์ เองก็น่าทึ่ง ผมเห็นวิธีที่เขาเล่นลูกครอส เขาช่วยผมได้มากในช่วงอายุขนาดนั้น ผมมีช่วงเวลาที่ดีสำหรับเขา"

และถ้าคุณได้เห็น 2 ประตูที่ โฆเซลู ยิงใส่ บาเยิร์น คุณจะพบว่ามันคล้าย ๆ กับวิธีการยิงประตูของ สโต๊ค ซิตี้ นั่นคือการพยายามส่งบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ และให้กองหน้าเข้าถึงบอลให้เร็วที่สุด อาทิ ลูกแรกที่เขาวิ่งตามลูกยิงของ วินี่ จูเนียร์ จนได้ส้มหล่น และลูกที่สองที่เขาขยับตัวก่อนใครและเล่นลูกครอสที่มาจาก อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ทั้ง 2 เป็นการยิงประตูแบบเบสิค ที่มาได้ถูกที่ถูกเวลา ไม่ต้องซับซ้อน ไม่ต้องล็อคหลบ ไม่ต้องยิงแบบเสียบมุมสุดแรง ขอแค่ไปให้ถึงบอล ทุกอย่างจบ นี่คือหลักสูตรแบบที่ มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือของ สโต๊ค ยันให้เขาในตอนนั้นอย่างแท้จริง

“การเล่นเชื่อมโยงกับทีมของเขานั้นดีมาก ๆ เลย แต่สิ่งแรกและเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราเห็นในการฝึกซ้อมคือความสามารถของเขาในการโจมตีและจบสกอร์” มาร์ค ฮิวจ์ส กล่าว

โฆเซลู ไปมาหลากหลายที่ และตัดสินใจกลับ สเปน ในปี 2019 กับทีมอย่าง อลาเบส ตอนนั้นเขาอายุ 29 ปี  และเขายอมรับว่ามันเป็นอายุที่มากกว่าจะใช้คำว่าเรียนรู้แล้ว เขาเลือกกลับมาเล่นในสเปนเพื่อจะได้ลงเล่นต่อเนื่องกับ อลาเบส โดย ณ เวลานั้นจริง ๆ แล้วนิวคาสเซิล จะต่อสัญญาเขาด้วยเงินที่มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ 

เขากลับมาเรียนรู้วิชาที่เขาไม่เคยมาก่อนนั่นคือ "การเป็นกองหน้าหมายเลข 1 ของทีม" และที่ อลาเบส เขากลับมายิงในลีกได้เกิน 10 ประตูตลอด 3 ซีซั่น (11, 11 และ 14 ประตู) และในวัย 32 ปี เขาถูก เอสปันญ่อล ดึงตัวมาร่วมทีม ซึ่งปี 2022-23 เขายิงได้ 17 ประตู จาก 34 เกม เป็นดาวซัลโวอันดับ 3 ของ ลา ลีกา สเปน เป็นรองเพียง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และ คาริม เบนเซม่า เท่านั้น 

"การออกเดินทางไปหลายที่ทำให้ผมสั่งสมประสบการณ์และมาถึงจุดนี้ ผมผ่านการเรียนรู้มาเยอะมากจากฟุตบอลหลาย ๆ แห่ง และในชีวิตที่เติบโตเรื่อย ๆ ผมมีครอบครัวและทำให้ผมเป็นคนมีความสงบ เยือกเย็นมากขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่าผมเลือกทางเดินของตัวเองได้ไม่เลว ต่อใครมองว่าล้มเหลว แต่มันคือการเรียนรู้มากกว่า" โฆเซลู ที่ติดทีมชาติ สเปน ชุดใหญ่ครั้งแรกอายุ 33 ปี ว่าเช่นนั้น 

 

ตัดสินใจเพื่อตัวเอง(บ้าง) 

จริงอยู่ที่ โฆเซลู จะเลือกเส้นทางที่น่าตื่นเต้นตั้งแต่วัยหนุ่มจนถึงวัย 33 ปี แต่สำหรับนักเตะอาชีพ เขาไม่เคยคว้าแชมป์เลยสักครั้งนับตั้งแต่ค้าแข้งมา ซึ่งเมื่อคุณเติบโตขึ้น และคุณได้พิสูจน์อะไรบางอย่างที่ค้างคาใจไปแล้ว คุณย่อมอยากที่จะทำในสิ่งที่ท้าทาย สิ่งที่โลกไม่เห็นด้วยและปรามาสว่าคุณไม่ดีพอ 

อย่างที่กล่าวไปในข้างต้น เรอัล มาริด ปล่อย เบนเซม่า ออกไป และต้องการกองหน้าแบ็คอัพชั้นดี ซึ่งหวยดันมาออกที่ โฆเซลู ย้อนกลับไปเมื่อช่วง มิถุนายน ปี 2023 แฟนบอล เรอัล มาดริด ต่อต้านการมาของ โฆเซลู มาก เพราะถ้าเทียบกับคนที่ออกไปอย่าง เบนเซม่า ในแง่คุณภาพนั้นตกลงไปเยอะ ซึ่งปกติแล้ว เรอัล มาดริด เป็นทีมที่ต้องแกร่งขึ้นทุกปี ไม่ใช่ด้อยลงแบบที่เอา โฆเซลู มาแทนที่กองหน้าระดับบัลลงดอร์ 

อย่างไรก็ตาม โฆเซลู กับ อันชล็อตติ คุยกันแบบบเคลียร์มาก ๆ ว่าอะไรบ้างที่เขาต้องทำ อันเชล็อตติ อยากที่กองหน้าที่ไม่ได้ลงเล่นทุกสัปดาห์ แต่เป็นคนที่สร้างความเปลี่ยนแปลงได้ เต็มใจจะนั่งเป็นตัวสำรอง และยังต้องมีความเป็นทีมเพลยเยอร์สูง และด้วยงบประมาณที่ใช้ไปกับการซื้อ จู๊ด เบลลิงแฮม แล้ว  มาดริด เหลืองบเพียงแค่ยืมตัว โฆเซลู มาจากเอสปันญ่อล เท่านั้น 

โดย เอสปันญอล นั้นตกชั้น ตัวของ โฆเซลู ก็ได้คุยกับซีอีโอชาวจีนของทีมอย่าง Mao Ye เพื่อไปเล่นที่ มาดริด 1 ฤดูกาล และเมื่อทีมกลับมาสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง เขาจะะกลับไปช่วยทีม โดยให้คำมั่นสัญญาว่า ร่างกายของเขาจะพร้อมใช้งานเมื่อวันนั้นมาถึง ... แม้สโมสรไม่อยากปล่อย แต่ โฆเซลู ยืนยันว่าเขาขอเลือกแบบนี้ ซึ่งสุดท้ายเขาก็ถูกยืมมาที่ มาดริด จริง ๆ 

"ผมต้องการเล่นในลีกสูงสุดต่อไป และในวัย 33 ปี ฟุตบอลมันเปลี่ยนไปเยอะ ผมน่ะพยายามดูแลตัวเองมากขึ้น พัฒนาประสิทธิภาพด้านร่างกายให้สูงขึ้น ผมคิดว่าร่างกายผมในตอนนี้ดีกว่าตอนอายุ 25-26 ปี อีกด้วยซ้ำ "

เขาเอาร่างกายแบบนั้นมาเล่นที่ มาดริด จริง ๆ ร่างกายของ โฆเซลู แข็งแรง แข็งแกร่ง และแตกต่างในแง่ของสไตล์หากเทียบกับของหน้าคนอื่น ๆ ของทีม เขากลับมาที่นี่ ในฐานะคนสำคัญของห้องแต่งตัว ไม่เคยสร้างปัญหา แม้เขาจะเป็นตัวจริงของทีมไหนก็ได้ใน ลา ลีกา จากผลงานในซีซั่นก่อน แต่เขาเลือกที่จะเสี่ยงกับทีมเก่าที่เขาโดนปล่อยตัวมาในวัยเด็ก ซึ่งในที่สุดเขาก็ทำได้ 

คริสโต กอนซาเลซ เพื่อนร่วมรุ่นทีมชุด เบ ของ โฆเซลู ยอมรับว่า โฆเซลู มาถึงจุดที่ตัดสินใจได้ง่ายที่สุดสำหรับนักเตะอายุขนาดนี้ เพราะความสำเร็จคือสิ่งที่หอมหวานที่สุด โดยเฉพาะที่ เรอัล มาดริด หากได้ลองสัมผัสสักครั้ง โลกจะไม่ลืมคุณ และคุณเองก็จะไม่ลืมความรู้สึกนี้ด้วย

“ไม่มีใครชอบเป็นตัวสำรองหรอก เราทุกคนชอบลงเล่น แต่ท้ายที่สุดแล้ว การได้อยู่ที่มาดริดในตำแหน่งนี้ถือเป็นรางวัล เพราะคุณกำลังแข่งขันกับสิ่งที่ดีที่สุด ทุกแชมป์ที่คุณชนะที่มาดริดจะมีคุณค่ามากกว่าที่อื่นถึง 10,000 เท่า… โฆเซลูกำลังมีบทบาทรองให้กับทีมที่ดีที่สุดในโลก" คริสโต กอนซาเลซ เสริม

โฆเซลู อาจจะไม่ใช่กองหน้าที่ครบเครื่องหรือดีที่สุดในโลก แต่ทุก ๆ การตัดสินใจของเขามันทำให้ตัวเองเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มประสบความสำเร็จมากขึ้นในวันที่อายุเริ่มเข้าเลข 3 

โชคดีที่เขาหาประโยชน์ของตัวเองเจอ และรู้จักตัวเองดีพอว่าอยู่ในระดับไหน เขาไม่ได้ฝันใหญ่ว่าจะต้องเป็นนักเตะระดับโลก แต่ขอแค่เป็นส่วนประกอบเล็ก ๆ ที่สำคัญในวันที่ทีมต้องการ นั่นคือการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด 

ตอนนี้ โฆเซลู ในวัย 34 ปี คว้าแชมป์เมเจอร์หนแรกในอาชีพได้แล้วในฐานะ แชมป์ ลา ลีกา สเปน และเหลือการแข่งขันอีกเพียงชัยชนะอีกเกมเดียวเขาจะได้เป็นแชมป์ยุโรป พร้อมรับบทบามฮีโร่ที่พาทีมมาถึงรอบชิงชนะเลิศอีกด้วย 

 

แหล่งอ้างอิง 

https://www.beinsports.com/en-us/soccer/uefa-champions-league/articles-video/joselu-went-from-being-a-fan-to-a-hero-for-real-madrid-against-bayern-munich-2024-05-08
https://sports.yahoo.com/joselu-the-unlikeliest-real-madrid-hero-stuns-bayern-and-lifts-the-champions-league-kings-to-another-final-212702790.html
https://www.skysports.com/football/news/11095/13132029/joselu-the-stoke-city-reject-who-eclipsed-harry-kane-to-become-real-madrid-s-unlikely-champions-league-saviour
https://en.wikipedia.org/wiki/Joselu
https://www.realmadrid.com/en-US/news/football/first-team/latest-news/joselu-being-here-changes-everything
https://theathletic.com/5366618/2024/03/28/real-madrid-adebayor-joselu-strikers/
https://www.managingmadrid.com/2023/6/30/23779770/espanyols-ceo-speaks-about-joselus-loan-move-to-real-madrid
https://real-france.fr/joselu-nimporte-quel-joueur-de-la-planete-aimerait-porter-le-maillot-du-real-madrid/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ