Feature

สืบจาก ซานโช่ : แค่เปลี่ยนโค้ช - เปลี่ยนทีม ทำให้นักเตะฟอร์มตกกลายเป็น "เทพ" ได้ยังไง ? | Main Stand

เจดอน ซานโช่ ทำเอาแฟน แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเกาหัวด้วยความงุนงงจากฟอร์มการเล่นระดับเทพในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศกับ เปแอสเช ระหว่างที่เขาถูกยืมตัวไปอยู่กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 

 


วิ่งก็เร็ว เลี้ยงก็ติดเท้า พื้นที่สุดทำอะไรก็ดีลงล็อกไปหมด ... นี่มันคนละคนชัด ๆ เพียงแค่เปลี่ยนโค้ช เปลี่ยนเพื่อนร่วมทีม ทุกอย่างเปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือทันที 

โอเค… เราจะลองไปหาคำตอบกันทั้งเชิงจิตวิทยา หรือทางฟุตบอล ว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับ ซานโช่ ได้อย่างไร ? 

ติดตามที่ Main Stand 

 

ความวุ่นวายที่ ยูไนเต็ด 

เจดอน ซานโช่ คือนักเตะเจ้าของค่าตัว 85 ล้านยูโร ในวันที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ซื้อตัวเขามาจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จากวันนั้นก็ผ่านมาแล้ว 3 ปีกว่า ซานโช่ ลงเล่นให้ปีศาจแดงไป 58 นัด ยิงได้ 9 ลูก ทำงานร่วมกับเฮดโค้ชถึง 3 คน และล่าสุดคือทะเลาะกับ เอริก เทน ฮาก โค้ชคนปัจจุบัน ซึ่งเจ้าตัวไม่ยอมขอโทษ สโมสรจึงต้องหาทางออกและลงเอยด้วยการปล่อยให้ ดอร์ทมุนด์ ยืมตัวใช้งานจนจบซีซั่นนี้ 

ย้อนกลับไปในวันที่ เทน ฮาก มีปัญหากับ ซานโช่ เริ่มจากเรื่องที่ เทน ฮาก ที่ให้สัมภาษณ์สื่อว่าเขาหลุดทีมชุดบุกเยือน อาร์เซน่อล เพราะทำผลงานตอนซ้อมไม่ดี(แพ้ 1-3) ซึ่ง ซานโช่ ก็ไม่ปล่อยให้จบแค่นั้นเจ้าตัวโพสต์โซเชี่ยลกระทบและวิจารณ์ถึงกุนซือชาวดัตช์ว่า 

"โปรดอย่าเชื่อทุกสิ่งที่คุณอ่าน! ผมจะไม่ปล่อยให้คนอื่นพูดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง ตลอดสัปดาห์นี้ผมฝึกซ้อมได้ดี ผมเชื่อว่ามีเหตุผลอื่นที่ทำให้ผมไม่ได้อยู่ในทีม ผมเป็นแพะรับบาปมานานแล้ว ซึ่งไม่ยุติธรรมเลย!" ซานโช่ โพสต์ก่อนเป็นฟางเส้นสุดท้ายระหว่างทั้งสองคน ซึ่ง ซานโช่ ต้องเป็นฝ่ายออกไปก่อนแบบยืมตัว 

ณ เวลานั้นแฟน ๆ ยูไนเต็ด ต่างมองว่า ซานโช่ คือคนที่ผิดเต็มประตู เพราะสิ่งสำคัญที่นักฟุตบอลจะใช้ตอบข้อสงสัยของคนอื่น ๆ ได้ดีที่สุดคือฟอร์มในสนาม ไม่ใช่คำพูด หรือการโพสต์ในโซเชี่ยลแบบที่เขาทำ และก็ต้องยอมรับจริง ๆ ว่า ซานโช่ ไม่ได้ฟอร์มดี หรือมีเกมที่ประทับใจแฟนบอลมากนัก ... ศึกหนนั้น เทน ฮาก เป็นฝ่ายถูกมองว่า "ผิดน้อยกว่า" และ ซานโช่ กลายเป็นคนที่ "ผิดมากกว่า" 

ความจริงจะเป็นอย่างไร มันไม่ใช่ประเด็น.. และเป็นเรื่องระหว่างโค้ช - นักเตะ และการจัดการภายในสโมสร ซึ่งเป็นข้อมูลเกินกว่าที่แฟนบอลอย่างเราจะรู้ทั้งหมด 100% ได้ 

แต่ประเด็นคือ ซานโช่ ที่เล่นเหมือนกับร่างไร้วิญญาณตอนอยู่กับ ยูไนเต็ด ชนิดที่ว่าเป็นแบบนี้ตั้งแต่ย้ายมาวันแรก กลับมากลายเป็นคนละคนได้อย่างไร  เรื่องนี้ต้องมีคำตอบที่ช่วยไขข้อสงสัยได้ไม่มากก็น้อย เราจะลองไปดูกันทั้งในเชิงของจิตวิทยา และเหตุผลในเรื่องของฟุตบอล 

 

แค่กลับบ้านทุกอย่างจบจริงหรือ ? 

ทันทีที่ เจดอน  ทะเลาะกับเทน ฮาก เหมือนกับว่าเขาเลือกทางออกมาแล้วนั่นคือการแตกหักโดยไม่สนผลลัพธ์ 

กล่าวคือเรื่องนี้จะจบลงง่ายมากเพียงแค่เขาขอโทษออกมา ซึ่งการขอโทษนี้อาจจะเป็นการขอโทษแบบขอไปทีก็ได้ เพราะไม่มีใครหยั่งรู้จิตใจเขา เพียงแค่เอ่ยคำขอโทษ เขาจะกลับมาลงเล่นเป็นตัวเลือกให้กับ ยูไนเต็ด อีกครั้ง แต่เจ้าตัวไม่เลือกข้อนี้ และตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าเขาจะออกจากทีมแม้จะต้องแลกมากับอนาคตหาก เทน ฮาก ยังได้ทำทีมต่อไปก็ตาม 

เมื่อการเจรจาเสร็จสมบูรณ์และซานโช่ ย้ายกลับไปอยู่ ดอร์ทมุนด์ แบบยืมตัว เขาสัมภาษณ์ทันทีว่า "เหมือนได้กลับบ้าน" เพื่อเป็นการบอกว่าบรรยากาศในห้องแต่งตัวหรือการอยู่ร่วมกันของ ดอร์ทมุนด์ นั้นดีกว่าบรรยากาศภายในทีมปีศาจแดงทีมเก่าของเขา 

“วันนี้ตอนที่ผมเข้ามาในห้องแต่งตัว มันรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน  ผมรู้จักสโมสรทั้งภายในและภายนอก  ผมสนิทสนมกับแฟนๆ ที่นี่มาก และผมไม่เคยขาดการติดต่อกับผู้คนที่นี่ ผมแทบรอไม่ไหวที่จะได้เจอเพื่อนร่วมทีมอีกครั้ง ได้ลงสนาม ได้เล่นฟุตบอลด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า"  ซานโช่ ว่าแบบนั้นซึ่งมันตรงกับบทความเชิงวิชาการเรื่องราวของ "มนุษย์ บ้าน และที่ที่มนุษย์ไม่รู้จัก" 

บทความเชิงวิชาการของ วิกัส กากวานี ผู้เขียนหนังสือที่ชื่อว่า "Distress to De-Stress"(คลายเครียด) อธิบายเพิ่มเติมว่า "การได้อยู่บ้าน หรือสถานที่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านทำให้คนเราสบายใจ" 

"ผู้คนส่วนใหญ่มักรู้สึกว่าตัวเองเผชิญความคาดหวังตลอดเวลาที่พวกเขาอยู่นอกบ้าน ไม่ว่าจะออฟฟิศ ห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่ไปงานปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ เนื่องจากมีความคาดหวังจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เกี่ยวกับรูปลักษณ์และพฤติกรรมของคุณเสมอ ... คุณอาจจะต้องถูกคุกคามและคาดหวังไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จะน้อยหรือมากก็ตามแต่ ... นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ มันเป็นสิ่งอยู่มาตั้งแต่อยู่ก่อตั้งเผ่าพันธ์มนุษย์แล้ว"

"มนุษย์คือเผ่าพันธ์ที่ไม่สบายใจกับความไม่แน่นอนเสมอ พวกเราต่างถูกพัฒนาให้มีความระมัดระวังมากเป็นพิเศษเวลาที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ย้อนไปสมัยที่มนุษย์เป็นนักล่าต้องเข้าป่า ผู้คนก็ต้องมีการตื่นตัวตลอดเวลา เพราะถ้าไม่ตื่นตัวพวกเขาก็อาจจะถึงแก่ความตายได้อย่างรวดเร็วด้วยน้ำมือนักล่าที่อยู่ในห่วงโซ่ที่เหนือกว่า"

หากเราจะสรุปว่าบ้านคือวิมาน ? ดังนั้นการที่ ซานโช่ บอกว่าได้กลับมาบ้านทำให้ร่างเทพในตัวของเขาตื่นขึ้นง่าย ๆ แบบนั้นเลยหรือ ? ... คำตอบคือไม่ใช่เสียทีเดียว ซานโช่ อาจจะเป็นมนุษย์ที่ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นนักล่า และไปอยู่ในทีที่ไม่สบายใจ ...นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนที่ไม่ดีหรือมีทัศนคติแย่ แต่มันอาจจะเป็นเพราะว่าคนเรามีความถนัดต่างกันออกไป  และดอร์ทมุนด์ คือที่ที่ใช่สำหรับเขามากกว่า

 

ได้เวลา ได้ความเชื่อใจ ได้อยู่ท่ามกลางคนที่เคมีเข้ากัน 

ดอร์ทมุนด์ คือที่ที่คุ้นเคย คือบรรยกาศที่ทำให้ ซานโช่ รู้สึกสบายใจ ทว่า ซานโช่ เองก็เริ่มต้นที่นี่(ในการยืมตัวครั้งล่าาสุด)ได้ไม่ดีนัก ถึงขนาดที่ว่า เซบาสเตียน เคห์ล ผอ.กีฬาของทีมยังออกมาบอกว่า "เขายังไม่ใช่คนเดิมทีเรารู้จัก" แม้จะลงเล่น 2 เกมแรกและทำไป 2 แอสซิสต์ ทว่าหลังจากนั้น 4 เกมต่อมา ซานโช่ ไม่มีทั้งประตู ไม่มีทั้งแอสซิสต์ และยังเป็นนักเตะตัวริมเส้นที่มีอัตราการเลี้ยงผ่านคู่แข่งต่ำมากในแต่ละเกม

นั่นแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนบรรยากาศรอบตัวเพียงอย่างเดียว ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ทั้งหมด และโลกแห่งความจริงและโลกฟุตบอลมันก็ไม่ได้โรแมนติกขนาดนั้น ... ถ้าคุณจะเป็นนักฟุตบอลที่ดี ความรู้สึกสบายใจเพียงอย่างเดียวส่งคุณไปถึงจุดนั้นไม่ได้ เพราะมีส่วนประกอบอีกหลายอย่างที่สำคัญไม่แพ้กัน ไมว่าจะเรื่องของโอกาสการได้ลงสนาม การถูกปฎิบัติในแบบที่ตัวเองชอบ และการตอบสนองกลับด้วยสภาพจิตใจที่พร้อมจะพัฒนา เต็มด้วยทัศนคติ ระเบียบวินัย และความมุ่งมั่น 

ซึ่งคำถามที่ควรถามต่อจากนี้คือ ทำไมที่ ดอร์ทมุนด์  เขาจึงทำได้ แต่กลับที่ ยูไนเต็ด เขาถึงทำไม่ได้ ? เพราะนอกจากข่าวทะเลาะกับโค้ชไม่ยอมขอโทษแล้ว ตอนที่อยู่กับ ปีศาจแดง เนมานย่า มาติช อดีตเพื่อนร่วมทีมก็ออกมาพูดผ่านสื่อว่า ซานโช่ เป็นเบอร์ต้น ๆ ของนักเตะที่มาซ้อมสายบ่อยที่สุด อีกต่างหาก 

คำตอบคือที่นี่มีเวลามากพอ และความกดดันความคาดหวังที่น้อยลงจากเดิม ซึ่งจะทำให้ ซานโช่ ค่อย ๆ สลัดความล้มเหลวเก่า ๆ ทิ้ง ไม่ใช่การสะสมความล้มเหลวและความผิดหวังเพิ่มจนทำให้สภาวะทางจิตใจถดถอยไปเรื่อย ๆ  

มันเหมือนกับการค่อย ๆ เทน้ำดีใส่ถังที่มีน้ำเสียทีละนิด ทีละนิด เมื่อคุณใส่น้ำดีไปในจำนวนที่มากพอจะดันน้ำเสียออกจากถังจนหมด คุณก็จะได้น้ำดีใสสะอาดพร้อมใช้บริโภคอีกครั้ง นั่นคือการเปรียบเทียบคร่าว ๆ ที่ ดอร์ทมุนด์ ทำให้ ซานโช่ กลับมาเป็นนักเตะที่ดีได้ในท้ายที่สุด 

ต้องยอมรับว่าที่ดอร์ทมุนด์ นั้นมีการปฎิบัติกับ ซานโช่ แตกต่างออกไปจากที่ ยูไนเต็ด ... ยืนยันตรงนี้ว่าไม่ได้บอกว่า ยูไนเต็ด หรีอ เทน ฮาก เป็นฝ่ายผิดที่ดูแลนักเตะในแบบของพวกเขา เพราะการปกครองคนหมู่มากกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ขององค์กรเป็นเรื่องที่สำคัญ 

เพียงแต่ว่าคนเรามีหลายประเภท และแต่ละคนก็ชอบที่จะโดนปฎิบัติแตกต่างกันออกไป และมีสังคมในอุดมคติที่แตกต่างกันออกไป... เรื่องการปกครองคนหมู่มากจึงไม่มีทฤษฎีไหนที่ถูกต้อง 100%  

คนบางคนเมื่ออยู่ในที่ที่มีกฎระเบียบเข้ม ๆ ก็สามารถอดทนทำตามได้ซึ่งตอนท้ายประโยชน์ก็จะตกอยู่ที่พวกเขาเอง ยกตัวอย่างเช่น จู๊ด เบลลิงแฮม ที่ย้ายจาก ดอร์ทมุนด์ ไปอยู่กับ เรอัล มาดริด 

ในตอนที่ย้ายไปใหม่ ๆ ก็มีข่าวออกมาเพื่อนร่วมทีมดอร์ทมุนด์หลายคนรู้สึกดีใจที่ จู๊ด ออกไป เพราะจู๊ดเป็นคนที่มีความกระหาย ตั้งมาตรฐานกับตัวเองและเพื่อนร่วมทีมสูงมาก มากชนิดที่ว่ามันเป็นดาบสองคมที่เขามักจะสร้างความไม่สบายใจให้กับเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ  

มีการกล่าวอ้างว่านักเตะของ ดอร์ทมุนด์ ไม่ชอบที่ จู๊ด ชอบทำตัวเป็นที่สนใจ เห็นตัวเองเป็นพระเอกและมองว่าเพื่อนร่วมทีมเป็นเหมือนตัวละครรอง  ว่าง่าย ๆ คือเขาไม่ชอบความเหยาะแหยะและความผิดพลาด เพราะเขาเคยด่า นิโก้ ชูลซ์ แบ็คซ้ายรุ่นพี่ในทีมว่าเล่นห่วยแตกมาตรฐานต่ำในเกมกับ เรนเจอร์ส   

จังหวะนั้นเรียกว่าด่าเสียจน นักข่าวจาก Bild ต้องออกมาเล่าเรื่องนี้หลังจากที่ จู๊ด ย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ว่านักเตะในทีมดอร์ทมุนด์เกือบจะคว่ำบาตร จู๊ด เบลลิงแฮม มาแล้ว ... 

"การย้ายออกจาก ดอร์ทมุนด์ ของ เบลลิงแฮม ทำให้มีช่องว่างให้คนอื่นขึ้นมาแจ้งเกิดแทน สิ่งที่แน่นอนที่สุดคือเขาเป็นนักเตะที่เก่งมาก ดอร์ทมุนด์ จะคุณภาพตกลงหากไม่มีเขา แต่ในห้องแต่งตัวของทีม ไม่ใช่ทุกคนที่เสียใจหรอกนะกับการที่เขาย้ายไปอยู่กับ มาดริด" นักข่าวจาก Bild กล่าวอ้างแบบนั้น 

ไม่มีใครผิด เบลลิงแฮม แค่อยากจะอยู่กับทีมที่สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยคนเก่ง ไม่ชอบความเหยาะแหยะ และเกลียดความผิดพลาด ต่อให้ต้องเผชิญความกดดันแค่ไหนก็ช่าง แต่การเอาชนะความกดดันนั้นนำมาซึ่งรางวัลที่ยิ่งใหญ่และโลกต้องกล่าวถึง

แต่สำหรับบางคน อาทิ เจดอน ซานโช่ มันแตกต่างออกไป ที่ ยูไนเต็ด การโดนเรียกร้องให้แสดงศักยภาพออกมา ก็เหมือนกับการยิ่งโดนบีบก็เหมือนยิ่งอึดอัดไม่เป็นตัวเอง พอยิ่งโดนบีบมากเข้าพวกเขาก็ระเบิดออกมาอย่างที่ ซานโช่ เป็นกับ เทน ฮาก   

แตกต่างกันกับที่ ดอร์ทมุนด์ ที่ทั้งโค้ชอย่าง แทร์ซิช และ ผอ.ทีมอย่าง เคห์ล ต่างออกมาพูดหนุนหลังหิ้วปีก ซานโช่ ตลอดเวลาแม้ตอนที่เขาเล่นไม่ดีในช่วงแรก ๆ ขณะที่เพื่อนร่วมทีมก็สนิทสนมกับเขาเป็นอย่างดีมีเคมีที่เข้ากัน มันเหมือนกับว่าทางดอร์ทมุนด์ใช้น้ำเย็นลูบเรื่อย ๆ จนทุกอย่างเริ่มสงบ ซานโช่ ได้เวลาเล่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่เขาชอบ ผลงานของเขาก็ดีขึ้นตามลำดับอย่างที่เราเห็นในเกมกับ เปแอสเช เมื่อคืนนี้  ที่มันแสดงถึงความมั่นใจของเขาที่ทะยานไปถึงขีดสุดแล้วในตอนนี้ 

“ผมบอกได้เลยจากการสัมผัสไม่กี่ครั้งแรกของเขาว่าเขามั่นใจ” โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ อดีตกองกลางแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทีมชาติอังกฤษ กล่าวกับ TNT Sports

“ภาษากายของเขาบ่งบอกว่าเขาเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างที่เขาเลี้ยงบอลวิ่งเข้าใส่คู่แข่งด้วยท่าทีที่ท้าทายและอยากจะเอาชนะ มันมีความหยิ่งผยองที่ผมเห็นในตัวเขาประมาณว่า 'กูผ่านมึงแน่' เมื่อประกอบเข้ากับการที่เขาเป็นนักเตะที่มีไหวพริบสูงแล้วยิ่งไปกันใหญ่  เราไม่เคยเห็นความหยิ่งผยองจากเขาเลยตลอด 3 ปีที่ยูไนเต็ด" 

จากคำบอกคำวิจารณ์ของกูรูของสำนักข่าวพูดตรงกันว่า แค่เปลี่ยนทีม ซานโช่ ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เหตุผลก็เหมือนกับที่เราพยายามเขียนบอกคุณทั้งหมด ว่าง่าย ๆ คือมนุษย์เราต่างต้องการที่ทางที่เป็นของตัวเองทั้งนั้น ... ซานโช่ หาเจอแล้วที่ ดอร์ทมุนด์ ไม่ว่าจะวิธีการเล่นที่บุกพร้อมกันทั้งทีม เล่นอย่างเข้าขารู้ใจ แค่ดูก็รู้สึกสนุก ไปจนถึงบรรยากาศในห้องแต่งตัวและความสนิทสนมกับผู้คนรอบข้าง 

อย่างไรก็ตามโลกฟุตบอลนี้มันช่างกว้างใหญ่ไพศาล โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะเป็นที่ที่สำหรับ ซานโช่ ที่เดียวไปตลอดอาชีพค้าแข้งไม่ได้ เขาจะเล่นดีแต่กับเพื่อน ๆ ที่ดอร์ทมุนด์ไม่ได้เช่นกัน เขามีสัญญากับ ยูไนเต็ด เขายังต้องไปเล่นให้ทีมชาติอังกฤษที่เขาเองก็ไม่เคยโชว์ศักยภาพร้อนแรงแบบตอนที่เล่นให้กับ ดอร์ทมุนด์ ออกมาเลยด้วยซ้ำ ข้อเท็จจริงคือ ณ ตอนนี้เขาไม่ใช่ตัวเลือกหลักของ แกเรธ เซาธ์เกต อีกแล้ว หลังไม่ติดทีมชาติมานานหลายเดือน  

การกลับไปที่ ดอร์ทมุนด์ ครั้งนี้คือการพักกายพักใจของเขาเพื่อเตรียมพร้อมสู่ซัมเมอร์ต่อไป 

อย่างที่บอก เขายังมีสัญญากับ ยูไนเต็ด ในและในซัมเมอร์นี้ ปีศาจแดง จะมีการเปลี่ยนแปลงทีมมากมายไม่ว่าจะเรื่องของนักเตะหรือบุคลากรในเชิงโครงสร้างต่าง ๆ ของสโมสร ... และนั่นอาจจะรวมถึงโค้ชใหม่ด้วย 

และถ้ามีการเปลี่ยนโค้ชใหม่มันคือโอกาสดีที่ ซานโช่ จะได้เริ่มใหม่พร้อมกับเพื่อนร่วมทีม ยูไนเต็ด ทั้งหมด ... ซึ่งก็ต้องดูกันต่อไปว่าในสภาพแวดล้อมใหม่ เจดอน ซานโช่ จะเอาความหยิ่งผยองในแบบที่เขาทำกับ ดอร์ทมุนด์ ติดตัวมาด้วยหรือไม่ 

 

แหล่งอ้างอิง : 

https://theathletic.com/5465601/2024/05/02/jadon-sancho-performance-dortmund-psg/
https://www.independent.co.uk/sport/football/jadon-sancho-manchester-united-borussia-dortmund-b2538327.html
https://www.manchestereveningnews.co.uk/sport/football/transfer-news/borussia-dortmund-warning-proves-erik-28688638
https://www.goal.com/en/lists/jadon-sancho-another-chance-man-utd-borussia-dortmund-champions-league-heroics/bltae050e139f4ead24#cs8b1f0d98d0f3fa62
https://www.reddit.com/r/soccer/comments/15sjr3p/bild_the_borussia_dortmund_dressing_room_is_glad/
https://onefootball.com/id/berita/emre-cans-private-bellingham-chat-as-dortmund-dressing-room-rift-exposed-38056388
https://www.quora.com/Why-do-people-feel-so-comfortable-at-their-home

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ