Feature

คาร์โร่-โรลเฟส-เซบา : คนเบื้องหลังผลงานมหัศจรรย์ของ ชาบี อลอนโซ่ | Main Stand

ชาบี อลอนโซ่ กลายเป็นกุนซือรุ่นใหม่ที่ได้รับคำชมมากที่สุดหลังจากพา ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น คว้าแชมป์บุนเดสลีกาแบบที่ฤดูกาลยังไม่ทันจบ พร้อมทั้งยังมีลุ้นอีก 2 รายการอย่าง เดเอฟเบ โพคาล และ ยูโรป้า ลีก อีกต่างหาก 

 


แน่นอนว่าคน ๆ เดียวไม่สามารถจัดการทุกเรื่องให้ออกมาได้สมบูรณ์แบบขนาดนี้ และ Main Stand จะนำเสนอเรื่องราวของ 3 คนสำคัญที่เป็นลมใต้ปีกของ ชาบี อลอนโซ่ 

พวกเขาคือใคร ทำอะไรบ้าง ติดตามได้ที่นี่ 

 

วางโครงการและวิสัยทัศน์ 

สโมสรฟุตบอลในยุคปัจจุบัน มักจะมีการแบ่งหน้าที่กันอย่างเป็นสัดส่วน ดูแลงานกันเฉพาะทาง ไล่เรียงมาจากตำแหน่งสูงสุดอย่างเจ้าของสโมสร ต่อยอดลงมาที่ซีอีโอ ที่เป็นผู้บริหารองค์กร จากนั้นก็จะมีคนที่ถนัดเรื่องฟุตบอล เรื่องการตลาด แยกย่อยกันออกไป ซึ่งที่ เลเวอร์คูเซ่น ก็เป็นโครงสร้างแบบนี้เช่นกัน 

พวกเขาคือสโมสรเดียวในประเทศเยอรมนี ที่สามารถเอาชื่อขององค์กรมาใส่ในชื่อของสโมสรได้ เนื่องจากสโมสรได้ก่อตั้งก่อนที่สหพันธ์ฟุตบอลเยอรมัน หรือ เดเอฟเบ จะออกกฎที่ทำให้สโมสรฟุตบอลเป็นเจ้าของโดยแฟนบอล 

ซึ่งถ้าไล่เรียงคนที่ทำงานและมีส่วนเกี่ยวข้องกับงานที่ อลอนโซ่ ทำ สำหรับงานในแผนกของ "คนนั่งโต๊ะ" หลัก ๆ แล้วจะมีอยู่ 2 คน และพวกเขาคือคนที่ตัดสินใจนำพา ชาบี อลอนโซ่ เข้ามารับงานที่นี่ครั้งแรก ซึ่ง ณ เวลานั้น ฤดูกาล 2022-23 เลเวอร์คูเซ่น กำลังจมอยู่ในท้ายตารางของ บุนเดสลีกา 

และ 2 คนที่ตัดสินใจเลือกเขามาคือ เฟร์นานโด คาร์โร่ ซีอีโอฝ่ายบริหารกิจการฟุตบอล และ ไซม่อน โรลเฟส อดีตนักเตะของ เลเวอร์คูเซ่น ที่ผันตัวมารับงานในตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬา ซึ่งเนื้องานหลัก ๆ คือเลือกคนที่ถูกต้องเข้ามาอยูในทีมไม่ว่าจะเป็นนักเตะ ทีมงานต่าง ๆ หรือแม้กระทั่ง "เฮดโค้ช" อย่าง ชาบี อลอนโซ่ 

"งานของผมคือการเลือกบุคลากรที่กระหายความสำเร็จเข้ามาอยู่ในสโมสร ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น คนที่กระหายที่ผมหมายถึงคือแทบทุกตำแหน่ง ผมเจาะจงไปตั้งแต่นักเตะและโค้ชซึ่งถือเป็นอันดับแรก ๆ ในแง่ของควาสำคัญ" 

"นอกจากนี้ก็มีคนฝ่ายบริหาร พนักงานส่วนต่าง ๆ ของทีมทุกคน ทุกคนจะเหมือนน็อตตัวเล็ก ๆ ที่หมุนด้วยตัวเอง และทำให้เครื่องจักรทั้งเครื่องเดินหน้าไปแบบที่มีโอกาสประสบความสำเร็จ" คาร์โร่ กล่าว ซึ่งเขานี่แหละที่เป็นคนเลือก คนอย่าง ไซม่อน โรลเฟส เข้ามาดูเรื่องการเลือกโค้ชและนักเตะโดยเฉพาะ  

ในเดือนตุลาคม 2022 ทั้งสองคนต้องจับเข่าคุยกัน เนื่องจากผลงานของของทีมที่นำทัพโดย เคร์ราร์โด เซโออาเน่ (Gerardo Seoane) พาทีมตกอยู่อันดับบ๊วยของลีกช่วงต้นฤดูกาล 2022-23 โดยที่นักเตะส่วนใหญ่ก็เป็นนักเตะที่อยู่ในชุดแชมป์ บุนเดสลีกา ฤดูกาล 2023-24 นี่แหละ 

การปลดโค้ชครั้งนั้นทั้งสองคนบอกว่าพวกเขาพยายามเลือกมองหากุนซือที่เป็นคนรุ่นใหม่ มีแนวคิด และวิธีการเล่นที่ชัดเจน ซึ่งสุดท้ายก็มาลองกับโค้ชที่ยังไม่เคยคุมสโมสรจริงจังอย่าว ชาบี อลอนโซ่ 

โดย อลอนโซ่ รับงานเป็นโค้ชทีม เรอัล โซเซียดาด เบ ลงเล่นในศึกดิวิชั่น 3 ของ สเปน เท่านั้น แต่หลายองค์ประกอบ ทั้งเรื่องการเติบโตมากับยอดโค้ชมากมายทั้ง ราฟา เบนิเตซ, คาร์โล อันเชล็อตติ, โชเซ่ มูรินโญ่ และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า รวมถึงเรื่องวิธีของทีมที่ โรลเฟส ให้คำจำกัดความว่า "บอลสมัยใหม่" 

"ตอนที่เราเลือกผู้จัดการทีม มันละเอียดกว่าการใช้คำว่า 'คาดเดา' มาก ๆ เราเห็นวิธีการเล่นฟุตบอลของเขาจากทีมสำรองของ เรอัล โซเซียดาด ซึ่งเป็นทีมที่รูปแบบการเล่นน่าประทับใจมาก ปรัชญาชัดเจนในเรื่องของการคอนโทรลเกม และการเข้าทำที่ไดเร็กต์รวดเร็ว"

"วิธีการเล่นแบบที่เขาทำ เหมาะกับสไตล์ของนักเตะที่เรามีอยู่ เราจะเป็นต้องหาสิ่งที่สอดคล้องกันให้ได้ เพื่อให้นักเตะและโค้ชมีเคมีที่เข้ากัน และพวกเราก็เลือก ชาบี"

"คาแร็คเตอร์ของเขายอดเยี่ยมมากจริง ๆ การทำงานละเอียดยิบ พิถีพิถันในแต่ละจุด โค้ชที่ดีสำหรับผม คือโค้ชที่เอาความกดดันออกจากบ่าของนักเตะได้ก่อนที่พวกเขาจะลงสนาม และเขาเป็นคนนั้น" โรลเฟส กล่าว 

โรลเฟส กับ คาร์โร่ เป็น 2 คนที่ต่อสายตรงกันสำหรับคนนั่งโต๊ะ พวกเขาจะสุมหัวคุยกันแทบทุกเรื่อง ไม่ใช่แค่เรื่องการเสริมทัพ แต่รวมถึงเรื่องการตลาด การพยายามหาทางขายตั๋วปีให้มากขึ้น การยกระดับสโมสรแบบที่เป็นรูปธรรม ตลอดจนการวางโปรเจ็กต์ระยะยาว 

การทำงานของคนนั่งโต๊ะ 2 คนนี้ มีส่วนอย่างมากให้งานของ อลอนโซ่ ออกมาง่ายและสะดวกขึ้น เนื่องจากทั้ง โรลเฟส และ คาร์โร่ ทำเข้างานเข้าขารู้ใจ ทั้ง 2 คนต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสรออกไป เนื่องจากชอบในความท้าทายที่กำลังรออยู่

พวกเขาเป็นคนที่คอยเชื่อมระหว่าง แวร์เนอร์ เวนนิ่ง (ประธานผู้ถือหุ้น) ที่มองผลลัพธ์ของทีม กับ ชาบี อลอนโซ่ คนที่ทำให้ทีมขับเคลื่อนให้เห็นไปทิศทางที่ตรงกัน จุดไหนที่น่าลงทุนเพิ่ม จุดไหนที่ยังไม่จำเป็นต้องรีบมาก เรียกได้ว่าทั้งคู่คือมือประสานสิบทิศอย่างแท้จริง  

"สำหรับผม ความต่อเนื่องในการทำงาน การเชื่อมระหว่างจุดต่าง ๆ ภายในองค์กรคือสิ่งสำคัญที่สุด ผมคิดว่าเรา (เขาและโรลเฟส) ต่างทำงานส่งเสริมกันได้เป็นอย่างดี เรามีจุดแข็งที่แตกต่างกัน แต่เรารับฟังกันเสมอ ไว้วางใจในความคิดของอีกฝ่าย รวมถึง เวนนิ่ง ที่เราติดต่อกับเขาเป็นประจำ ซึ่งเขาก็จะคอยช่วยเหลือเราทุกอย่างให้เป็นไปได้ด้วยดี" คาร์โร่ กล่าว 

ขณะที่ โรลเฟส ก็สรุปการทำงานของพวกเขาทั้ง 2 คนว่า เป็นเหมือน "หยินกับหยาง" คนหนึ่งมุทะลุมองไกล อีกคนใจเย็นพิจารณาอย่างละเอียดในทุก ๆ ก้าว ซึ่งคุณสมบัตินี้มันลงตัวในการทำงานร่วมกัน ทำให้ต่างคนต่างได้เห็นมุมมองอีกแบบ ซึ่งผลประโยชน์มากที่สุดคือสโมสรเอง 

"เฟร์นานโด เป็นคนหุนหันพลันแล่น แต่ผมจะใจเย็นกว่า นิสัยของเราทั้งคู่เป็นข้อได้เปรียบในบางกรณีที่แตกต่างกัน แต่เชื่อเถอะว่าถ้าเราผนึกกำลังกันสโมสรจะได้ประโยชน์จากทั้งสองสิ่งแน่นอน" โรลเฟส ว่าแบบนั้น  

นี่คือส่วนของงานนั่งโต๊ะ สิ่งที่ทั้งคู่คุยกันจะถูกถ่ายทอดมายัง โรลเฟส คนที่ทำงานร่วมกับ อลอนโซ่ โดยตรง 

 

เลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุด

หาก ชาบี อลอนโซ่ อยากได้ใคร อยากซื้อนักเตะคนไหน มาเสริมทัพ ตรงนี้จะเป็นหน้าที่ของ โรลเฟส กับ อลอนโซ่ โดยตรง ทั้งสองคนจะสุมหัวกัน เพื่อให้ได้นักเตะที่ออกมาตรงสเป็ก ภายในงบที่จำกัดมากที่สุด 

ตัวของ โรลเฟส เดิมทีก่อนรับตำแหน่งนี้ เขาเป็นแค่หัวหน้าทีมสรรหา โดยมี รูดี้ โฟลเลอร์ ตำนานของทีมเป็นผู้อำนวยการกีฬา จนกระทั่งในปี 2022 โฟลเลอร์ ลาออก โรลเฟส ก็ถูกดันขึ้นมานั่งเก้าอี้สำคัญตัวนี้ ซึ่งในช่วงที่เขาเป็นทีมสรรหา นักเตะตัวหลักของทีมชุดปัจจุบันหลายคนก็มาจากการผ่านสายตาของเขา อาทิ เอเซเกล ปาลาซิออส, เอ็ดมอนด์ แท็ปโซบา, ปาทริก ชิค, เจเรมี่ ฟริมปง, ปิเอโร ฮินคาปิเอ และ โรเบิร์ต อันดริช 

แน่นอนว่า เลเวอร์คูเซ่น ไม่ใช่ทีมที่รวยที่สุด ดังนั้นการซื้อตัวแต่ละครั้งพวกเขาอาจจะไม่ได้นักเตะเกรดที่ดีที่สุดในตำแหน่งนั้น ๆ แต่การพิจารณาระหว่าง อลอนโซ่ และ โรลเฟส จะหากันตรงกลางนั่นคือ เป็นนักเตะที่มีประโยชน์ต่อทีม ทำหน้าที่ทีมกำลังมองหาได้ และอยู่ภายใต้ราคาและค่าจ้างที่เหมาะสม ... พวกเขาไม่ได้เลือกคนที่เก่งที่สุด แต่เลือกคนที่เหมาะสมกับทีมที่สุดตามที่ข้อจำกัดมี 

ยกตัวอย่างเช่นในตลาดซื้อขายซัมเมอร์ปี 2023 ซึ่งถือว่าเป็นปีแรกที่ อลอนโซ่ ได้จับจ่ายเลือกซื้อนักเตะที่เขาต้องการจริง ๆ หลังจากปล่อยนักเตะค่าตัวแพงอย่าง มุสซ่า ดิยาบี้ ไปให้ แอสตัน วิลล่า ด้วยราคา 55 ล้านปอนด์ พวกเขาได้ตัว อเล็กซ์ กรีมัลโด้, อาร์ตูร์, โยนาส ฮอฟฟ์มันน์, กรานิต ชาก้า, วิคเตอร์ โบนิเฟซ, มาเตจ์ โควาร์, นาธาน เทลล่า, และยืมตัว 2 นักเตะอย่าง โยซิป สตานิซิซ จาก บาเยิร์น มิวนิค และ บอร์ฆา อิงเกลเซียส จาก เรอัล เบติส 

จากรายชื่อทั้งหมดที่เอ่ยมา มีนักเตะที่มีผลต่อแชมป์บุนเดสลีกาสมัยแรกของสโมสรถึง 6 จาก 9 คน โดยเฉพาะในรายของ กรีมัลโด้, ชาก้า, เทลล่า และ โบนิเฟซ นั้น ถือว่าเป็นตัวที่หยิบมาเติมได้ตรงจุดเป๊ะ ซึ่งก็ต้องให้เครดิตทีมสรรหา เพราะพวกเขาใช้เงินไปทั้งหมด 30 ล้านยูโรเท่านั้น หากหักลบจากเงินที่ขายนักเตะเก่าออกไป 

นักเตะเหล่านี้ที่กล่าวมาไม่มีใครเป็นตัวท็อปสักคน แต่พอเอามาใช้งานและส่งประโยชน์มากมาย อย่าง ชาก้า ในวัยย่าง 33 ปีนั้น เลเวอร์คูเซ่น จ่ายเงินถึง 25 ล้านยูโร และถ้าถามว่าทำไมถึงซื้อนักเตะอายุมากด้วยเงินขนาดนี้ ชาบี ก็ตอบตรง ๆ การเพิ่มนักเตะที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์ และมีความเข้าใจเกมสูง จะทำให้ทีมของเขามีความนิ่งมากขึ้น ซึ่งถ้าใครได้ดู เลเวอร์คูเซ่น ในปีนี้เล่นบ้าง ก็จะเห็นได้ว่า ชาก้า มีความสำคัญระดับห้องเครื่อง จะเร็วจะช้า จะยาวจะสั้น 60-70% ในการเอาบอลขึ้นหน้าแทบต้องผ่านจากเท้าของเขาทั้งสิ้น 

ไม่นานมานี่ อูลี่ เฮอเนส ตำนานของ บาเยิร์น ได้ออกมาบอกว่า เลเวอร์คูเซ่น โชคดีมากที่ซื้อนักเตะมาเสริมทัพได้ถูกตัวถูกฝา ซึ่ง โรลเฟส ก็สวนทันทีว่า "ในพจนานุกรมของเขา คำว่า 'โชค' ไม่มีจริง"

"โชคชะตาไม่มีจริง มันไม่เกิดขึ้นเอง และไม่เกิดขึ้นแบบที่เราไม่รู้ตัวเหมือนกับอุบัติเหตุ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะพวกเขาทำการบ้านมาเป็นอย่างดี และถ้าใครได้รู้เบื้องหลังการทำงาน คุณก็จะเข้าใจโดยที่ผมไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเลย" 

"เราตามดู กรีมัลโด้ ถึง ลิสบอน มาตั้งแต่ปี 2019 เราเห็น วิคเตอร์ โบนิเฟซ เล่นและปั่นป่วนเกมรับของเราในเกม ยูโรป้า ลีก ที่เราเจอกับ แซงต์ ชิลลัวส์ และสำคัญที่สุดคือเขาเป็นนักเตะในแบบที่โค้ชของเรามองหา ดังนั้นผมจึงมีหน้าที่เข้าไปโน้มน้าวและพาพวกเขามาที่นี่"

"กรีมัลโด้ เก่งตั้งแต่เล่นที่ เบนฟิก้า แล้ว ก่อนจะหมดสัญญา เรารับทราบมาว่าเขาต้องการประสบการณ์ใหม่ ๆ ผมเข้าหาเขาและบอกว่าเรามีสิ่งนั้นเสนอให้คุณ เรากำลังจะทำทีมไปในระดับาสูง เรามีโค้ชที่พูดภาษาสเปน และโค้ชของเราอยากจะได้คุณมาเสริมทัพมาก ๆ ก่อนที่เขาจะมาร่วมทีมเรา" 

หลังจบตลาดซื้อขายซัมเมอร์ 2023 โรลเฟส ยังได้ทิ้งท้ายว่า "เราทำงานเรื่องการวางแผนด้านขุมกำลังอย่างละเอียกจริง ๆ เรามี 3 ถ้วยต้องเล่น แถมยังมีฟุตบอล แอฟคอน (แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์) เข้ามาระหว่างซีซั่นด้วย และด้วยทีมที่มี ผมว่าเราพร้อมแล้วกับความท้าทายที่มีอยู่ เราจะมีนักเตะให้ใช้งานมากพอ หลังจากนั้นเราจะมาดูกันต่อว่าในเดือนมกราคม เราจะต้องเสริมความแข็งแกร่งตรงไหนอีกหรือไม่" 

สิ่งที่ โรลเฟส สัมภาษณ์กลายเป็นจริง ... เลเวอร์คูเซ่น มีกลุ่มผู้เล่นหมุนเวียนกันได้ตลอดจนถึงปลายทางที่พวกเขาเป็นแชมป์ พวกเขามีนักเตะหลากหลายแบบให้เลือกใช้งานเกมไหนต้องใช้นักเตะมีประสบการณ์ เกมไหนต้องใช้นักเตะเลือดใหม่ไฟแรง เรียกได้ว่าทีมชุดนี้ถูกวิเคราะห์กันจนลงตัวแล้วก่อนจะมาสร้างประวัติศาสตร์ให้โลกลูกหนังได้เห็น นี่คือคนหลังบ้านที่คอยเติมอาวุธให้กับ อลอนโซ่ เอาไปลุยกับทีมต่าง ๆ เมื่อลงสนาม  

ยังไม่หมดแค่นั้นนอกจาก คาร์โร่ และ โรลเฟส แล้ว อีกหนึ่งคนที่สำคัญมาก ๆ กับ ชาบี อลอนโซ่ ที่อยู่เคียงข้างเขาในสนามซ้อมและสนามแข่ง นั่นคือผู้ช่วยผู้จัดการทีมอย่าง เซบาสเตียน ปาร์ริญา หรือที่กลุ่มนักเตะเรียกกันว่า "เซบา" ชายผู้เป็นเหมือนดวงตาของ อลอนโซ่ และสำคัญกับวิธีการเล่นของ เลเวอร์คูเซ่นชุดนี้มาก 

 

ดวงตาและมันสมอง 

เซบา เป็นชาวเมืองมาดริด และเคยเป็นอดีตนักเตะมาก่อน แต่ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก จนกระทั่งเขาเริ่มเอาดีด้านการเป็นโค้ช และเริ่มงานกับ กาสตีญ่า ทีมชุดบีของ เรอัล มาดริด ซึ่งที่นั่นทำให้เขาได้เจอกับ อลอนโซ่ และสนิทสนมกันมาตั้งแต่ตอนนั้น ก่อนเริ่มทำงานด้วยกันครั้งแรกในช่วงที่ อลอนโซ่ คุมทีมเยาวชนของ มาดริด หลังจากแขวนสตั๊ด จนกระทั่งมาจริง ๆ จัง ๆ ในปี 2019 ในวันที่ อลอนโซ่ เป็นกุนซือใหญ่ของ เรอัล โซเซียดาด เบ

การรู้จักกันมาถึง 10 ปี ทำให้ทั้งสองคนเข้าขา รู้ใจรู้สไตล์กันเป็นอย่างดี วิธีทำงานหลัก ๆ คือ อลอนโซ่ จะเป็นคนนำนักเตะออกกำลังกายและออกวิ่ง จากนั้นจะมีการอธิบายว่าทีมจะเล่นแบบไหน และพวกนักเตะต้องซ้อมอย่างไร วันนี้จะเน้นเรื่องไหนเป็นพิเศษ 

MARCA สื่อดังของสเปน เผยว่า สิ่งที่ อลอนโซ่ เน้นย้ำกับทีมในช่วงซ้อม คือการควบคุมเกมและสัมผัสบอล จากนั้นก็จะเน้นที่การขึ้นเกมด้วยบอลสั้น ๆ แต่เปลี่ยนแกนสลับจากซ้ายไปขวา (สวิตช์บอล) ด้วบยความรวดเร็ว งานของ อลอนโซ่ จะจบลงตรงนี้ และจากนั้น เซบา ก็เจ้าเข้ามาคุมซ้อมต่อ พร้อมทั้งอธิบายนักเตะแบบละเอียดอีกทีว่า คนไหนต้องซ้อมอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งส่วนนี้ อลอนโซ่ จะถ่ายทอดผ่านการประชุมสตาฟมาที่เขาอีกครั้ง

ชาบี อลอนโซ่ อธิบายความสามารถของ เซบา ว่า "เขาคือผู้ปราดเปรื่องและแตกฉานเรื่องของฟุตบอล เซบา คือโค้ชที่เก่งมาก ๆ และเป็นคนที่สำคัญกับระบบพัฒนาเยาวชนของ เรอัล มาดริด เขาเป็นคนช่วยเตือนและแนะนำที่ดีมาก ๆ" 

ขณะที่คนในฝ่ายพัฒนาเยาวชน มาดริด ก็เล่าต่อว่า ทั้งคู่คุยกันเรื่องฟุตบอลได้ทั้งวัน และเป็นคนที่มีแนวคิด ทำงานกันเข้าขาอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นการจูนกันที่เจอตรงกลาง ชาบี อลอนโซ่ มีประสบการณ์ในฐานะยอดนักเตะ ขณะที่ เซบา ก็เรียนเรื่องโค้ชและทำงานนี้มากว่า 20 ปี พวกเขาเอาทั้งสองสิ่งมารวมกัน และเกิดเป็นแนวทางการเล่น หรือวิธีการซ้อมในแบบที่นักเตะ เลเวอร์คูเซ่น พัฒนาตัวเองขึ้นมาได้อย่างเห็นได้ชัด 

"เซบา เป็นอัจฉริยะ เป็นสมองของทีม เป็นดวงตาของโค้ช ชัดเจนว่าเขาคือคนสำคัญมาก ๆ ในการทำงานของ ชาบี อลอนโซ่" อูไน เวก้า นักเตะทีม โซเซียดาด เบ เล่าถึงความเข้าขากันของทั้งคู่ 

คำชมที่ ชาบี อลอนโซ่ ได้รับบ่อย ๆ ตอนคุมทีม เลเวอร์คูเซ่น คือ การพัฒนานักเตะที่มีอยู่ การสอนให้นักเตะเข้าใจถึงวิธีการเล่น ให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน จนทำให้นักเตะหลายคนที่ไม่ดัง ไม่ใช่ตัวท็อป กลับทำผลงานโดยรวมทั้งทีมออกมาได้ดีอย่างเหลือเชื่อ ... แน่นอนว่างานนี้ เซบา ที่เป็นคนคุมซ้อมก็สมควรได้รับเครดิตไม่มากก็น้อย 

งานของ เซบา ที่ เลเวอร์คูเซ่น ยังเพิ่มขึ้นอีก เพราะนอกจากการคุมซ้อมแล้ว ชาบี อลอนโซ่ ได้มอบให้เขาเป็นคนสเกาท์ (สอดส่องวิเคราะห์คู่แข่ง) ซึ่งจุดแข็งของ เซบา คือการเอามาเล่าถ่ายทอดให้นักเตะเข้าใจนี่แหละ ... ทำไม เลเวอร์คูเซ่น ยังคงไม่แพ้ใคร ? นั่นก็เพราะว่าพวกเขามีวิธีการเล่นที่ชัดเจน และมีการเตรียมความพร้อมก่อนแข่งที่ดี ซึ่งแน่นอนว่า เซบา เกี่ยวด้วยเต็ม ๆ เรื่องนี้ยืนยันได้จากปากคำของหนึ่งในนักเตะที่ผลงานโดดเด่นที่สุดอย่าง กรีมัลโด้ 

"เราทำงานกันโคตรหนักเลย ตัวของนักเตะเหนื่อยและเข้มข้นมาก ๆในการฝึกซ้อมแต่ละครั้ง แต่เชื่อไหม เซบา โค้ชของเราคือคนสำคัญ เขาเป็นคนที่คอยศึกษาคู่ต่อสู้ และทำให้เราเห็นช่องทางการเอาชนะได้ เขาจะเอาข้อมูลเป็นตั้ง ๆ มาให้เราดูในระหว่างสัปดาห์ มันคือการเพิ่มโอกาสเอาชนะ และทุกอย่างก็ออกมาได้ดี" 

"ทุกคนในทีมทำงานออกมาได้สมบูรณ์แบบ อย่างตัวผมเอง เซบา ก็เตรียมวีดีโอจุดอ่อนของคู่แข่งสำหรับการโจมตี หรือแม้กระทั่งการเล่นลูกนิ่ง ผมกับเขาก็ซ้อมกันแทบทุกวัน ผมพยายามซ้อมจุดนี้มาตลอดหลายปีหลัง แต่การฝึกซ้อมที่ เลเวอร์คูเซ่น ได้ผลดีมากที่สุด ... แน่นอนมันเป็นความช่วยเหลือจาก เซบา และ ชาบี อลอนโซ่ นี่แหละ" กรีมัลโด้ กล่าว

ตั้งแต่คนนั่งโต๊ะจนถึงคนที่ทำงานหนัก ยังมีอีกหลายคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ เลเวอร์คูเซ่น และ ชาบี อลอนโซ่ ... และนี่คือตัวอย่างคร่าว ๆ ของการทำงานเพื่อเป็นแชมป์ ที่จำเป็นต้องใส่รายละเอียดทุก ๆ ภาคส่วน ซึ่งบอกเล่าผ่านคนสามคน คาร์โร่, โรลเฟส และ เซบา ลมใต้ปีกของ ชาบี อลอนโซ่ อย่างแท้จริง 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.bayer04.de/en-us/page/werkself-coaches/sebastian-parrilla#info
https://www.bundesliga.com/en/bundesliga/news/alejandro-grimaldo-interview-xabi-alonso-incredible-coach-bayer-leverkusen-spain-25659
https://www.marca.com/en/football/real-madrid/2019/03/30/5c9ea6c2e5fdea80508b45ea.html
https://www.bayer04.de/en-us/news/bayer04/reached-a-new-level-in-many-areas-carro-and-rolfes-interview
https://www.bundesliga.com/en/bundesliga/news/simon-rolfes-who-is-bayer-leverkusen-s-director-of-sport-xabi-alonso-26716
https://www.marca.com/futbol/real-sociedad/2019/07/10/5d25d09c22601dff238b4621.html
https://www.relevo.com/futbol/bundesliga/sebas-parrilla-escudero-xabi-alonso-20240402025030-nt.html

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ