Feature

รวมพล Cult Hero : พอร์ทสมัธ 2007-08 ทีมเล็กเสน่ห์แรงจนชูถ้วย เอฟเอ คัพ | Main Stand

พอร์ทสมัธ กลับสู่ลีก แชมเปี้ยนชิพ ครั้งแรกในรอบ 12 ปี และจนถึงตอนนี้พวกเขาห่างจาก พรีเมียร์ลีก ลีกสูงสุดมาแล้วถึง 15 ปี 

 


ครั้งหนึ่ง นี่คือทีมที่มีสีสัน ผู้จัดการทีมจอมเก๋า นักเตะจอมขี้เกียจ นักเตะดาวรุ่งจอมห้าว กลุ่มนักเตะที่มีคาแร็คเตอร์กวนโอ๊ย และบางคนก็เลยจุดพีกไปแล้ว 

ทว่านักเตะเหล่านี้พากันไปถึงแชมป์ เอฟเอ คัพ ในฤดูกาล 2007-08 ได้สำเร็จ ... และนี่คือเรื่องราวหลังบ้านของทีมชุดนี้ ที่หลายคนคิดถึง

ติดตามกับ Main Stand ที่นี่ 

 

ของร้ายที่กลายเป็นดี 

พอร์ทสมัธ คือทีมเก่าแก่ของอังกฤษ มีอายุถึง 125 ปี เป็นสโมสรที่เริ่มจากพนักงานในท่าเรือเริ่มสร้างสโมสรขึ้นมาให้ ก่อนเข้าสู่ยุคทอง สมัยยุค 1930s ถึง 1950s ด้วยการคว้าทั้งแชมป์ลีกสูงสุดสมัยนั้นอย่าง ดิวิชั่น 1 และ แชมป์บอลถ้วย เอฟเอคัพ ทว่าหลังจากนั้น ด้วยเหตุผลมากมายหลายประการ ไม่ว่าจะโลกฟุตบอลที่เปลี่ยนไป เรื่องของเจ้าของและเงินทุน ทำให้ พอร์ทสมัธ กลายเป็นทีมระดับลีกรองไปอีกนานกว่า 40 ปี 

ช่วงยุค 1960s ถึง 1990s "ปอมปีย์" ไม่เคยได้แชมป์ระดับเมเจอร์เลย จนกระทั่งมาเจอความเปลี่ยนแปลงเอาในปี 1999 เมือ มิลาน มันดาริช เข้ามาซื้อสโมสร และแต่งตั้งโค้ชที่มีฝีมือ ลงทุนกับนักเตะมากขึ้น จากทีมระดับหนีตกชั้น ค่อย ๆ ขยับขึ้นมา จนคว้าแชมป์ ดิวิชั่น 1 ลีกรอง ณ เวลานั้น กลับสู่ พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ ในปี 2003 หลังจากจ้าง แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ เข้ามาคุมทีม 

แต่ด้วยการที่ทีมมีศักยภาพแค่พอเอาตัวรอดได้ แถมไม่มีเงินมากนักให้จับจ่ายใช้สอย กอปรกับปัญหาที่มีกับ มันดาริช เร้ดแน็ปป์ ที่ถือเป็นกุนซือเนื้อหอมของทีมระดับกลางค่อนล่างในยุคนั้นจึงลาออกในปี 2004 พร้อมทำแสบด้วยการย้ายไปคุม เซาธ์แฮมป์ตัน ทีมคู่ปรับตลอดกาลของ พอร์ทสมัธ ทำเอาสาวกแทบไม่เผาผี

ทว่าคู่กันแล้วไม่แคล้วกัน เส้นทางระหว่าง พอร์ทสมัธ กับ เร้ดแน็ปป์ ก็มาบรรจบกันจนได้ ในวันที่ มิลาน มันดาริช เบื่อกับการบริหารที่ขาดทุน เขาขายสโมสรต่อให้ อเล็กซานเดอร์ "ซาช่า" เกย์ดามัค เศรษฐีชาว อิสราเอล-ฝรั่งเศส เข้ามาบริหารทีม 

ตอนนั้นแฟนบอล ปอมปีย์ ไม่ชอบ เกย์ดามัค มากนัก เพราะตระกูลของเขาประกอบธุรกิจสีเทา มีการค้าอาวุธผิดกฎหมาย และ อาร์คาดี้ เกย์ดามัคผู้พ่อ ซึ่งเกิดในประเทศรัสเซีย ก็มีคดีในฝรั่งเศสอยู่ แถมตอนที่ยื่นซื้อสโมสรก็มีการถูกสอบสวนโดยตำรวจสากลด้วย แต่ ซาช่า ในวัย 29 ปี เชี่ยวชาญมากเรื่องนี้ เขาตอบว่าเขาไม่เกี่ยวกับบริษัทของพ่อ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อไม่มีหลักฐาน ก็จับไม่ได้ 

แฟนบอลปอมปีย์ผิดหวังกับเจ้าของใหม่ ที่รู้ว่าที่สุดแล้วจะเข้ามาใช้สโมสรเหมือนกับเป็นแหล่งฟอกเงิน แต่ก็อย่างที่กล่าวไว้ เมื่อคุณไม่มีหลักฐานมามัดตัว คุณจะต่อต้านเขาได้อย่างไร ? เมื่อทุกอย่างเจรจาจบกันที่โต๊ะผู้บริหาร  

ซาช่า ซื้อสโมสรสำเร็จ ในเดือนกันยายน 2006 แต่การลงทุนสร้างที่เกิดขึ้นก่อนแล้วอย่างลับ ๆ ว่ากันว่าในช่วงที่เขาโดนสอบสวน มิลาน มันดาริช ได้เอาเงินของ ซาช่า มาใช้ซื้อนักเตะเข้าสโมสรตามที่ ซาช่า ได้มอบมายและขอความเห็นจาก แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ ที่กลับมาคุมทีมอีกครั้ง ในช่วงครึ่งหลังของซีซั่น 2005-06 แน่นอนว่าการกระทำของ ซาช่า เกย์ดามัค เกิดขึ้นเพื่อลบกระแสด้านลบที่แฟนบอลมีต่อเขา 

อย่างน้อย เกย์ดามัค ก็มีโชค ... เขามอบเงินและสิทธิ์ในการซื้อนักเตะได้ถูกคน แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ ลุยตลาดแรกในยุคของ เกย์ดามัค ได้อย่างเร้าใจ และเป็นจุดเริ่มต้นของทีม "ปอมปีย์" ที่ดีที่สุดในรอบ 50 ปี สายตาอันแหลมคมของเขา พานักเตะอย่าง เกล็น จอห์นสัน ตัวสำรองของ เชลซี, โซล แคมป์เบลล์ กองหลังวัยใกล้ฝั่ง, เดวิด เจมส์ ประตูเสือเฒ่าจอมเหวอจาก แมนฯ ซิตี้ , เอ็นวานโก้ คานู กองหน้าที่แม้แต่ เวสต์บรอมวิช ก็ไม่ต่อสัญญา, แอนดี้ โคล ดาวยิงที่เลยจุดพีกตั้งแต่ยุค 2000s ต้น ๆ และ ฌิมี่ ตราโอเร่ กองหลังที่ถูกจดจำด้วยท่า "ซีดาน เทิร์น" เข้าประตูตัวเอง มาสู่ทีม

จากที่กล่าวอ้างสรรพคุณ มันไม่น่าใช่นักเตะที่ควรซื้อมาเสริมทัพเลย แต่สำหรับ เร้ดแน็ปป์ เขาอธิบายว่า นักเตะพวกนี้อาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ที่สุดในพรีเมียร์ลีก ไม่ได้อยู่ในจุดพีก มีตัวเลขสถิติยืนยันความยอดเยี่ยม แต่นักเตะเหล่านี้เป็นผู้เล่นระดับ Cult Hero หรือนักเตะที่แฟนบอลของตัวเองรักมาก ๆ ครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลจากฝีเท้า นิสัย หรือทัศนคติ ซึ่ง เร้ดแน็ปป์ ชอบนักเตะประเภทนี้มาก ๆ โดยเฉพาะตอนที่เขาจะเริ่มสร้างทีมจากฐาน 

"รายชื่อนักเตะพวกนี้ ใครเห็นก็ขำกันหมด พวกเขาหลายคนถูกมองว่าเป็นม้าแก่ที่กำลังหมดสภาพ นั่นก็จริง ถ้าคุณวัดพวกเขาด้วยสถิติและตัวเลขต่าง ๆ" 

"แต่เชื่อผมเถอะ ต่อให้โลกนี้คุณจะมีระบบคิดคำนวณมีคอมพิวเตอร์ที่อัจฉริยะแค่ไหน มันสู้สายตาและการตัดสินใจของคุณไม่ได้หรอกในบางเรื่อง ... อย่างเช่นเรื่องการเลือกซื้อนักเตะพวกนี้ ที่พวกเขามีอะไรซ่อนอยู่ภายใต้ตัวเลขแย่ ๆ แบบนั้น" เร้ดแน็ปป์ กล่าว 

รายชื่อที่เอ่ยมา ล้วนเป็นรายชื่อนักเตะที่ลงเล่นในระดับพรีเมียร์ลีกกันมาอย่างโชกโชน ประสบการณ์ของนักเตะเหล่านี้มากพอที่จะทำให้พวกเขาเป็นนักเตะสำเร็จรูป แกะซองเสร็จก็ใช้งานได้เลย ซึ่งพวกเขาทำแบบนั้นได้จริง ๆ 

เร้ดแน็ปป์ ผู้เป็นกุนซือที่ถูกเรียกว่า "นักปลุกผี" พาเหล่าตัวเหลือ ๆ จากทีมใหญ่รวมกันเป็นหนึ่ง และยังมีการเสริมนักเตะหน้าใหม่ ๆ อิมพอร์ทจากต่างแดนเข้ามาอย่าง นิโก้ ครานชาร์ จอมทัพชาว โครเอเชีย ที่โนเนมในเวลานั้น รายชื่อทั้งหมดสร้างความตื่นเต้นมากพอที่จะทำให้แฟน ๆ ปอมปีย์ ลืมเรื่องที่กังวลกับเจ้าของทีมไปได้ 

จากทีมอันดับ 17 ในฤดูกาล 2005-06 เร้ดก็แน็ปป์ พาทีมจบอันดับที่ 9 ในฤดูกาล 2006-07 พร้อมด้วยผลงานการปลุกผีทำให้นักเตะอย่าง คานู กลับมาเล่นอย่างร้อนแรง แต่นั่นยังไม่พอเมื่อ เกย์ดามัค เป็นเจ้าของเต็มตัวแล้วในซัมเมอร์ปี 2007-08 การสร้างทีม พอร์ทสมัธ ชุดที่ดีที่สุดก็เริ่มขึ้น 

 

จับปูใส่กระด้ง 

ทีมชุดฤดูกาล 2006-07 อาจจะดีในระดับหนึ่ง แต่การลงทุนในซีซั่น 2007-08 ถือว่าใช้คำว่า "ทุ่มทุน" ได้เต็มปากของแท้ เนื่องจาก เกย์ดามัค อนุมัติงบตามที่ เร้ดแน็ปป์ ขอเป็นเงินถึง 55 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าเยอะสุด ๆ ในยุคนั้น ก่อนที่ เร้ดแน็ปป์ จะจัดการซื้อนักเตะเซ็ตที่ 2 เข้ามา หนนี้ไม่ใช่ม้าแก่แล้ว แต่เป็นนักเตะพลังหนุ่มที่มีแววจะเก่งมากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะเป็นผลดีทั้งในสนาม และในตลาดซื้อขาย 

ซุลเลย์ มุนตารี ห้องเครื่องวัยกำลังห้าวจาก อูดิเนเซ่, จอห์น ยูทาก้า กองหน้าดาวยิงสูงสุดของ แรนส์ ในฝรั่งเศส, เจอร์เมน เดโฟ สายโป้งปิดบัญชีวัย 25 ปี จาก สเปอร์ส, เดวิด นูเจนท์ กองหน้าที่ยิงกระจายในระดับแชมเปี้ยนชิพ, ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า เจ้าของฉายา "นิว มาเกเลเล่", มิลาน บารอส กองหน้าแชมป์ยุโรปกับ ลิเวอร์พูล นักเตะพวกนี้อายุไม่เกิน 26 ปีสักคน 

"การตัดสินใจเลือกนักเตะเข้าทีมสำคัญมากนะ คุณห้ามตาถั่วเด็ดขาด ถ้าคุณเอาผู้เล่นแย่ ๆ มาอยู่ในทีมเยอะ รับรองคุณเจ๊งแน่นอน ผมมีประสบการณ์ตอนทำงานที่ บอร์นมัธ ช่วงเริ่มงานโค้ช ผมซื้อนักเตะห่วย ๆ มากองกันมากเกิน สุดท้ายมันเละจนเกินจะแก้ไขได้" 

นอกจากนักเตะเหล่านี้ยังมีนักเตะในวัยพีกใกล้ ๆ 30 ปีอย่าง ซิลแว็ง ดิสแต็ง เซ็นเตอร์ฮาล์ฟจาก แมนฯ ซิตี้, ปาปา บูบา ดิย็อป ตัวรับจาก ฟูแล่ม ... การซื้อนักเตะมากขนาดนี้เหมือนเป็นการจับปูใส่กระด้ง แต่อย่างที่บอก เร้ดแน็ปป์ ก็คือ เร้ดแน็ปป์ เขามีสไตล์เฉพาะตัว มีการจัดการกับนักเตะในแบบของตัวเอง เขาไม่ใช่คนที่ตึงเกินไปและหย่อนเกินไป 

เอ็นวานโก้ คานู บอกว่า เร้ดแน็ปป์ เป็นโค้ชที่ยึดเรื่องผลงานเป็นหลัก ไม่ว่าคุณจะมีนิสัยนอกสนามแบบไหน แต่ถ้าอยู่ในช่วงเวลาที่จะต้องจริงจังก็ต้องเอาใจใส่กันเต็มที่ ซึ่ง เร้ดแน็ปป์ ก็ยกตัวอย่างว่า นักเตะอย่าง คานู นี่แหละที่เขาต้องใช้ไม้อ่อน เพื่อดัดให้อยู่ในร่องในรอย และจะได้ผลงานที่ยอดเยี่ยมกลับมา

"ผมแค่อยากจะสื่อสารกับนักเตะ ทำความรู้จักของพวกเขาให้มาก ทำบางอย่างให้พวกเขาเชื่อใจ ไม่ดูหมิ่น หรือดูถูกนักเตะที่อยู่มาก่อน นั่นคือสิ่งจำเป็น คุณจะรู้ว่าแต่ละคนมีวิธีเข้าหาแบบไหน" 

"นักเตะอย่าง เอ็นวานโก้ นี่ผมบอกเลยว่า คุณอย่าไปอะไรกับเขามาก เขามืออาชีพพอ และรู้วิธีว่าจะเล่นยังไงในสนาม ผมเดาทางเขาออกง่ายมาก ๆ ทุกวันจันทร์ เขามักจะโทรมาตอนเช้า ๆ ทำเสียงอ่อย ๆ ว่า เจ้านายครับ วันนี้ผมปวดท้องน่าจะมาซ้อมไม่ได้ ย้ำนะว่าทุกวันจันทร์" เร้ดแน็ปป์ พยายามจะอธิบายว่านักเตะบางคนก็ปล่อยได้ ถ้าการแกล้งหลับตาข้างเดียวทำให้เกิดผลบวกอะไรสักอย่าง เพราะเมื่อลงสนาม เขาไม่ยิงก็แอสซิสต์ได้เสมอ

ขณะที่นักเตะบางคนที่หย่อนเกินไป เร้ดแน็ปป์ ก็ต้องไขให้ตึงขึ้น อย่างเช่นคนที่รักสบายสายชิลอย่าง เดวิด เจมส์ ที่เร้ดแน็ปป์ ต้องตะคอกให้ได้สติอยู่เป็นประจำ 

"แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ เป็นโค้ชประเภทที่ว่า แม้จะมาคุมซ้อมแค่ไม่กี่นาที ก็มาบอกว่าวันนี้แต่ละคนจะต้องทำอะไร จากนั้นไม่กี่นาทีคุณก็ไม่เห็นเขาในสนามซ้อมแล้ว แต่เขารู้นะว่าใครเป็นยังไง แล้วคนอย่างผมนี่แหละที่เขามักจะมาตะโกนใส่หน้าประจำ เวลาที่ผมปล่อยบอลเข้าประตูตอนซ้อม" เจมส์ ว่าแบบนั้น 

เร้ดแน็ปป์ ก็มาเฉลยทีหลังว่า เวลาเขาทำงานกับนักเตะในทีม เขาจะจัดการทุกอย่างไว้ให้แล้ว ที่เหลือก็แค่ปล่อยทีมงานดูไป แล้วเขาก็จะคอยดูผลลัพธ์ ใครดีก็ดีไป ส่วนใครที่แย่ ก็ต้องโดนไม้แข็งกันบ้าง

"การทำงานของผมที่ พอร์ทสมัธ นี่จะมีปัญหาอยู่เรื่องเดียวคือ ตอนที่ผมรู้ว่าพวกเขาทำงานหนักไม่พอ อย่างเช่นในการซ้อมเนี่ยผมจะดูห่าง ๆ และเห็นว่าใครทำเป็นเล่นบ้าง บางครั้งโค้ชฟิตเนสมาเถียงผมว่าสถิติการวิ่งและการเต้นของหัวใจของนักเตะบางคนก็โอเคไม่ถึงกับแย่ แต่ผมต้องตอบกลับว่า ไม่สนใจหรอก ตาของผมนี่แหละที่เห็นว่าไอ้พวกนี้มันสันหลังยาว ผมไม่สนไอ้เครื่องวัดการเต้นหัวใจนั่นหรอก" 

สรุปใจความได้ว่า การจับปูใส่กระด้งไม่ได้ยากเกินใจสำหรับผู้จัดการทีมที่ผ่านโลกมามากพออย่าง เร้ดแน็ปป์ นักเตะระดับ Cult Hero ที่ดูแลยาก อยู่กับเขาได้อย่างไม่มีปัญหา ไม่ตึงไป ไม่หย่อนไป ซึ่งนักเตะหลายคนในทีมชุดนั้นยังพูดตรงกันว่า ถ้าโค้ชไม่ใช่ เร้ดแน็ปป์ ภาพตอนจบของ พอร์ทสมัธ ยุคนั้นคงไม่ออกมาสวยงามถึงขั้นการไปชูถ้วยแชมป์ที่เวมบลีย์แน่นอน 

 

55 ล้านปอนด์ที่มุ่งสู่ เวมบลีย์ 

การลงทุนด้วยเงินจำนวน 55 ล้านปอนด์ บวกกับโค้ชที่มีทั้งพระเดชและพระคุณในระดับหนึ่ง จริงอยู่ที่ เร้ดแน็ปป์ อาจจะไม่ใช่กุนซือระดับโลกที่คุมนักเตะสตาร์ดัง ๆ ระดับแม่เหล็กไหว แต่ถ้าเป็นนักเตะที่เป็นดาวรุ่งกำลังห้าว หรือม้าแก่ที่เน้นประสบการณ์เขาจัดการได้สบาย 

ทีมพอร์ทสมัธ ในฤดูกาล 2007-08 ถือว่ายกระดับมาได้อย่างรวดเร็ว มีวิธีการเล่นที่เร้าใจ มีนักเตะที่หลากหลายลงมาแก้มาก ภาพจำที่ Sky Sports รีวิวซีซั่นดังกล่าวของพวกเขาคือ 

"ทีมที่มีขุมกำลังสับเปลี่ยนกันเล่นได้อย่างไม่มีปัญหา นักเตะที่มีประสบการณ์ทำงานได้ตามเป้า นักเตะหนุ่มทำงานหนัก ความหลากหลายในการเข้าทำ ผ่านนักเตะอย่าง ยูทาก้า, เบนจานี่, คานู, เดโฟ ดีพอจะสับเปลี่ยนกันลง  เหนือสิ่งอื่นใดคือการหาแบ็กโฟร์ที่ลงตัวได้ไว จนกลายเป็นฐานที่ เร้ดแน็ปป์ ต่อยอดไปจนถึง เวมบลีย์ "

ภายใต้ระบบการเล่น 4-5-1 แบบคลาสสิก ความลงตัวนี้นำมาสู่ 11 ตัวจริงที่เจอใครก็มีลุ้นหมด 

เดวิด เจมส์ - เกล็น จอห์นสัน, โซล แคมป์เบลล์, ซิลแว็ง ดิสแต็ง, เฮอร์มัน ไฮดราสัน - ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า,  นิโก้ ครานชาร์, เปโดร เมนเดส , ซุลเลย์ มุนตารี, จอห์น ยูทาก้า - เอ็นวานโก้ คานู 

ซีซั่นนั้น พอร์ทสมัธ จบอันดับ 8 ของพรีเมียร์ลีก ดีที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยทำได้ ขณะที่ใน เอฟเอ คัพ พวกเขาไล่สอยคู่แข่งระดับรอง ๆ เข้ามาตลอด จนกระทั่งรอบ 8 ทีมสุดท้าย โชว์ฟอร์มโหดด้วยการเขี่ย แมนฯ ยูไนเต็ด ที่นำโดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ เวย์น รูนี่ย์ ตกรอบไปแบบคาบ้าน ก่อนจะมาเอาชนะ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ได้ 1-0 ในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งกลายเป็นถ้วยแชมป์ระดับเมเจอร์รายการล่าสุดของสโมสร 

นิโก้ ครานชาร์ ตัวหลักในทีมชุดนั้นออกมาเปิดเผยภายหลังว่า แม้ทีมชุดดังกล่าวจะมีการซื้อตัวเข้ามาเยอะ แต่ถ้าไม่ใช่ เร้ดแน็ปป์ คุมทีม ไม่มีทางได้ทีมที่ลงตัวแน่นอน ไม่ว่าจะด้วยวิธีการสรรหา หรือวิธีการจัดการบริหารนักเตะภายในทีม เพราะในซีซั่นนั้น พอร์ทสมัธ ก็เสียดาวยิงอย่าง เบนจานี่ เอ็มวารูวารี่ ที่ยิงไปถึง 12 ประตูในครึ่งซีซั่นแรกไปให้ แมนฯ ซิตี้ แต่ ก็แก้ไขปัญหาจนผ่านมาได้สบาย ๆ 

"คือจะบอกว่า แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ เก่งที่สุดในฐานะกุนซือที่ผมทำงานด้วยผมก็คงบอกแบบนั้นได้ไม่เต็มปาก แต่เขาเป็นโค้ชที่มีจุดแข็งมากมาย โดยเฉพาะเรื่องการสรรหานักเตะมาใส่ทีม เขาแค่รู้ว่าตอนนี้ทีมมันขาดนักเตะประเภทไหน แล้วใครควรจะมาอุดรูนั้น ซึ่งเมื่อพอซื้อนักเตะมา ก็แค่ปล่อยไว้สักพัก เดี๋ยวพวกเขาก็โชว์ฟอร์มออกมาเอง" 

"ถ้าจะให้อธิบายคือ เขาเป็นโค้ชที่ดึงศักยภาพนักเตะได้ดี เขารู้ว่าทุกคนมีจุดอ่อน แต่เขาดึงจุดแข็งของแต่ละคนออกมาใช้ ผมว่านั่นเป็นพรสวรรค์ของเขา เขาตัดสินใจได้เฉียบขาดจริง ๆ ถ้าเป็นเรื่องพวกนี้" 

เร้ดแน็ปป์ เองก็บอกว่าช่วงเวลากับ พอร์ทสมัธ คือช่วงเวลาที่เขาสนุกกับการทำงานที่สุด เพราะนอกจากจะมีถ้วยรางวัลการันตีแล้ว เป็นช่วงเวลาที่เขามีลูกทีมที่รัก เคารพ และเชื่อฟังเขาในฐานะเฮดโค้ชเป็นอย่างดี เหนือสิ่งอื่นใดคือเขาได้รับอิสระในการจัดการทีมอย่างเต็มที่ จนเป็นเหตุให้ทีม พอร์ทสมัธ ฤดูกาล 2007-08 กลายเป็นทีมที่ใครคิดถึงจนกระทั่งทุกวันนี้ ด้วยคาแร็คเตอร์ที่ชัดเจน ผ่านนักเตะแต่ละคนที่โดดเด่นมาก ๆ ในช่วงเวลาที่ฟุตบอลอังกฤษกำลังบูมสุดขีด 

อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่ตำนานเรื่องนี้จบไวไปหน่อย หลังจากที่คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ปี 2008 พอร์ทสมัธ เองก็มีปัญหาเรื่องเงิน เนื่องจาก ซาช่า เกย์ดามัค ไม่อยากจะลงทุนอีกต่อไปแล้ว ขณะที่ค่าเหนื่อยนักเตะก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ตามการซื้อเข้ามา 

สุดท้ายจากนั้นปีเดียว พอร์ทสมัธ ยุค คัลท์ ฮีโร่ ก็แตก นักเตะเริ่มถูกทยอยขายออกไป มีการเปลี่ยนแปลงมากมายในกลุ่มคนนั่งโต๊ะบอร์ดบริหาร จนกลายเป็นความโกลาหล สโมสรถูกควบคุมกิจการ พร้อมตัด 9 คะแนน ที่ทำให้พวกเขาตกชั้นในฤดูกาล 2009-10 ด้วยการเป็นบ๊วยของลีก แม้จะไปถึงรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ อีกครั้ง ก่อนแพ้ เชลซี ดับเบิ้ลแชมป์ในซีซั่นนั้นก็ตาม 

ถึงตอนนี้ผ่ามาแล้ว 15 ปี ... ชื่อของ พอร์ทสมัธ ยุคแชมป์เอฟเอ คัพ กลายเป็นตำนานที่ถูกกล่าวถึงและเป็นทีมที่อยู่ในความทรงจำของแฟนบอลยุคนั้นเสมอ

 

แหล่งอ้างอิง 

https://www.theguardian.com/football/2008/jan/21/match.portsmouth
https://www.theguardian.com/football/blog/2009/oct/17/portsmouth-al-fahim-faraj-harry-redknapp
https://www.theguardian.com/football/blog/2010/apr/11/david-james-harry-redknapp-portsmouth-tottenham
https://www.independent.co.uk/sport/football/premier-league/harry-redknapp-you-can-have-all-the-computers-in-the-world-but-your-eyes-have-to-be-the-judge-1029715.html
https://www.theguardian.com/football/2005/jan/24/sport.comment1
https://www.transfermarkt.com/fc-portsmouth/transfers/verein/1020/saison_id/2007
https://www.portsmouth.co.uk/sport/football/portsmouth-fc/niko-kranjcar-the-truth-is-i-had-a-love-hate-relationship-with-harry-redknapp-at-portsmouth-spurs-and-qpr-3000314
https://www.portsmouth.co.uk/sport/football/portsmouth-fc/ex-portsmouth-striker-benjani-i-love-harry-redknapp-but-time-for-the-truth-about-airport-incident-and-manchester-city-2949142

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

ปริญญา คงปันนา

กราฟฟิคหน้าโหด ทำงานด้วย Passion ว่างๆ ชอบไปคาเฟ่ หลงไหลในศิลปะ, การเดินทางและกีฬา