โคล พาลเมอร์ กลายเป็นทุกอย่างในเกมรุกของ เชลซี ไปเรียบร้อยแล้วในเวลานี้ เหนือสิ่งอื่นใดเขาเปรียบเหมือนน้ำทิพย์ชะโลมใจแฟน สิงห์บลูส์ ในฤดูกาลที่ไม่ค่อยเป็นอย่างที่คิดได้อีกด้วย
ทำไมนักเตะที่แทบไม่ได้ลงเล่นให้ แมนฯ ซิตี้ เลย เต็มที่ก็หยอดลงท้ายเกมช่วง 5 นาที หรือ 10 นาทีสุดท้ายในซีซั่นที่แล้ว ถึงมีอิทธิพลต่อ เชลซี ขนาดนี้
ติดตามเรื่องของ “จอมทัพ” ในวัย 21 ปี อย่าง โคล พาลเมอร์ ที่แจ้งเกิดเต็มรูปแบบในปีนี้ได้ที่ Main Stand
การขยับขยายจาก ซิตี้ สู่ เชลซี
เหตุผลเดียวที่ โคล พาลเมอร์ ต้องออกจาก แมนฯ ซิตี้ นั่นก็เพราะว่าเขาไม่ได้มีทางเลือกมากนัก ... เขาอยากจะอยู่กับทีมต่อไป อยากจะเป็นลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือที่เก่งที่สุดในโลก แต่บางครั้งชีวิตคนเราก็ไม่ได้มีทางเลือกขนาดนั้น
ก่อนจะย้ายออกจาก แมนฯ ซิตี้ ในซัมเมอร์ 2023-24 โคล พาลเมอร์ คือนักเตะที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า วางเป้าไว้เป็นกำลังของทีมในระยะยาว เป๊ป จะบอกเป้าหมายและตำแหน่งหน้าที่อย่างชัดเจน และค่อย ๆ สอนกันไปตามเวลาที่เหมาะสม
ถ้าจะพูดให้เห็นภาพคือ โคล พาลเมอร์ จะเป็นเหมือนกับ โฟเด้น ในอายุไล่เลี่ยกัน นั่นคือการถูก เป๊ป ค่อย ๆ หยอดลงสนามทีละนิด อาจจะเป็นช่วงท้ายเกม เป็นตัวจริงในฟุตบอลถ้วย หรือเป็นตัวสลับในฟุตบอลลีกตอนที่โปรแกรมไม่เอื้ออำนวยกันเหล่านักเตะ 11 ตัวจริง
หนทางแบบนี้ไม่ใช่ไม่ดี เพราะ เป๊ป เองก็ค่อย ๆ ใช้ โฟเด้น ทีละเล็กทีละน้อย จนถึงช่วงนักเตะในทีมผลัดใบ ดาบิด ซิลบา ย้ายออก, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ย้ายออก และ ริยาด มาห์เรซ ย้ายออก โฟเด้น ก็ขยับระดับตัวเองขึ้นสูงเรื่อย ๆ จนกระทั่งรับบทบาทตัวหลักของทีมในเวลานี้ ซึ่งวิธีการของ เป๊ป มันอาจจะช้าหน่อยแต่มันก็เป็นเหมือนการสร้างความพร้อมให้เด็ก ชนิดที่ว่าเมื่อถึงเวลาขึ้นชั้น พวกเขาจะเล่นได้ทันที เนื่องจากมีประสบการณ์ในทีมชุดใหญ่มาแล้ว
แต่ โคล พาลเมอร์ ไม่ได้คิดแบบนั้น ... ไม่ใช่ว่าเขาเนรคุณหรืออย่างใด เป๊ป พยายามใช้เขามีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ในช่วงฤดูกาล 2022-23 ซึ่งเขาได้ลงเล่น 26 เกมในทุกรายการ ยิงไป 1 ประตู ทำไปอีก 1 แอสซิสต์ อย่างไรก็ตามการได้เล่นเป็นตัวจริงเพียงแค่ 7 เกม (ตัวสำรอง 18 เกม) และถ้านับเวลาลงเล่น พาลเมอร์ ได้สัมผัสเกิม 850 นาที คิดเป็นไม่ถึง 10 เกมเลยด้วยซ้ำ แม้จะจบปีด้วยการคว้าเทรเบิลเเชมป์แต่ พาลเมอร์ ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะย้ายออก แต่ขอออกไปแบบชั่วคราว เขาต้องการให้ ซิตี้ ปล่อยยืมเขากับสโมสรอื่น ไปอยู่กับทีมที่จะให้เขาเล่นมากกว่านี้
แต่ แมนฯ ซิตี้ ไม่เห็นด้วยแบบที่เขาคิด เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อยากให้เขาอยู่ต่อในฐานะตัวสแตนด์บาย แต่ พาลเมอร์ บอกว่าไม่ เขาต้องการอะไรที่ดีกว่านั้น
สโมสรให้ไม่ได้ แมนฯ ซิตี้ ตอบกลับแบบไม่มีการประนีประนอม อยู่ หรือ ไป อย่างถาวรเท่านั้นคือทางออก
โคล พาลเมอร์ จะต้องเลือกระหว่างการอยู่กับทีมเพื่อรอโอกาสต่อไป หรือไม่ก็ย้ายออกไปในรูปแบบของการขายขาดเพื่อทำกำไรให้กับสโมสร ... และเมื่อถึงเวลาตัดสินใจ เขาเลือกที่จะย้ายออก เขาก็ทำมันอย่างกล้าหาญและรวดเร็ว
ในตลาดซื้อขายวันสุดท้ายของซัมเมอร์ 2022-23 ... โคล พาลเมอร์ ก็เลือกไปอยู่กับ เชลซี ด้วยราคา 40 ล้านปอนด์ ส่วนเหตุผลที่เขามาที่นี่ เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเองว่าเขาไม่ใช่เด็กอีกต่อไป ศักยภาพของเขาดีพอจะเป็นผู้เล่นที่ได้รับโอกาสลงสนามในทุกสัปดาห์ ซึ่งข้อนี้เอง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ บอกว่าจะมอบให้กับเขาตามต้องการ และนั่นคือการตัดสินใจที่ฝืนหัวใจของเขาที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตเลยทีเดียว
และการย้ายแบบสุดฝืนใจครั้งนี้ของเขา...คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้
8 เดือนแห่งการพัฒนา
พาลเมอร์ ไม่ได้เล่นปรีซีซั่นเลยสักเกม แต่การคุยกันระหว่าเขาและ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ นั้นชัดเจน ทันทีที่ร่างกายเขาพร้อม พาลเมอร์ จะถูกวางเป็นคนสำคัญในเกมรุกของ สิงห์บลูส์ ทันที ... เหตุผลนี้คือสิ่งที่ทำให้ พาลเมอร์ ย้ายมา
กันยายน 2023 คือการเริ่มต้นที่ยากลำบาก อย่างที่ได้กล่าวไว้ เขาไม่ได้ปรีซีซั่น จึงได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองในช่วง 25 นาทีสุดท้าย ติดต่อกันถึง 3 เกม โดยที่ โปเช็ตติโน่ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะใช้งานเขาลงเล่นตรงไหน เดี๋ยวยืนตรงกลาง เดี๋ยวไปทางขวา เดี๋ยวขยับขึ้นมาเป็นกองหน้า ผลงานจึงไม่มีอะไรเด่นชัดเลย ไม่มีประตู ไม่มีแอสซิสต์ ไม่มีฟอร์มแรงให้ใครพูดถึง
โคล พาลเมอร์ เกือบเป็นเหมือนนักเตะหนุ่ม เชลซี คนอื่น ๆ ที่ซื้อมามากองกันไว้ แต่ยังใช้งานได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย บ้างก็หาตำแหน่งที่เหมาะกับตัวเองไม่เจอ แต่ โปเช็ตติโน่ พูดถึง โคล พาลเมอร์ หลังเกมที่แพ้ แอสตัน วิลล่า 0-1 ว่า ... "เขาคือคนสำคัญของเราแน่ แล้วคุณจะได้เห็นกัน"
ผ่านเดือนกันยายน พาลเมอร์ กลับมาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงให้กับ เชลซี เป็นครั้งแรก และประตูแรกของเขาก็มาถึงในวันที่ 7 ตุลาคม ที่ เอาชนะ เบิร์นลี่ย์ 4-1 จากนั้น ประตู และแอสซิสต์ของเขาก็เริ่มไหลมาเทมา ทั้ง ๆ ที่ทีม เชลซี จับต้นชนปลายไม่ถูกด้วยซ้ำ เรียกว่าเป็นนักเตะของทีมที่ซื้อมาคนแรก และลงล็อกเป๊ะก่อนใครเพื่อน ทำไมเป็นแบบนั้น ?
Coach Voice เว็บไซต์ที่รวมความคิดเห็นของเหล่ากุนซือทั่วยุโรป และวิเคราะห์วิธีการเล่นของนักเตะหัวแถวในลีกดัง อธิบายว่า พาลเมอร์ คือความแตกต่างของ เชลซี เพราะรูปแบบการเล่นของผู้เล่นเกมรุก ในขณะที่ เชลซี เต็มไปด้วยนักเตะที่รวดเร็ว แข็งแรง มีความเป็นตัวริมเส้น หรือไม่ก็ตัวที่เน้นยิงประตูมากกว่าเสียส่วนใหญ่ อาทิ มิไคโล มูดริค, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, โนนี่ มาดูเอเก้ หรือแม้กระทั่ง คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู และ แจ็คสัน มาร์ติเนซ
พาลเมอร์ เป็นตัวรุกในแบบที่ไม่ได้ไปกับบอลด้วยทักษะการเลี้ยง แต่เขาเก่งเรื่องการไปตัวเปล่า การเคลื่อนที่ และการเล่นแบบเข้าใจเกม จังหวะจ่ายเป็นจ่าย จังหวะยิงเป็นยิง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นแนวคิดและวิธีการจากการที่เขาเป็นลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะพูดแบบนั้นก็คงไม่เกินเลยไปนัก
"ที่ เชลซี เขาได้แสดงความสามารถของเขาในฐานะนักสร้างโอกาสให้กับเหล่าตัวริมเส้นของทีม เขามีประสิทธิภาพในการทำลายล็อกเกมรับของคู่แข่ง ไม่ว่าจะตอนเล่นทางขวา ก็จะมีวิธีการเลี้ยงแบบตัดเข้าในที่เมือ่ถึงระยะทำการเท้าซ้ายของเขาไว้ใจได้ คุณจะได้เห็นจากจังหวะเปิดบอลเข้าในให้กับตัวสอดได้เข้ามาโหม่ง หรือหาโอกาสยิงในกรอบเขตโทษได้เป็นประจำ" บทความโดย Wyscout อธิบายถึง พาลเมอร์แบบนี้
"เขาอาจจะไม่ใช่นักเตะที่พาบอลไปสุดเส้นหลัง หรือเลี้ยงหนีผู้เล่นคู่แข่ง 2-3 คนได้บ่อยนัก แต่สิ่งที่เขาไม่เหมือนใครคือการหาจังหวะยิงประตูของตัวเอง พาลเมอร์ มีเทคนิคในการเปลี่ยนทิศทางบอลตอนเลี้ยงได้รวดเร็ว และแต่งบอลไม่นาน โดยมีเทคนิคพิเศษในการยิงบอลก่อนที่คู่แข่งจะบล็อกทัน"
2 คำอธิบายนี้คือสิ่งที่พวกเขาพูดถึง พาลเมอร์ ในช่วงครึ่งซีซั่นแรก ส่วนใหญ่ยังเป็นเรื่องของแอสซิสต์กับการหาโอกาสยิงประตู ที่เขาทำได้ดี แบกแนวรุกของ เชลซี ทั้งยิงทั้งจ่ายอยู่บ่อย ๆ
ทว่าครึ่งหลังของ ซีซั่นต่างหากที่ โคล พาลเมอร์ เข้าสู่ร่างที่ดีที่สุด ... ที่เปี่ยมไปด้วยความคิด ความแข็งแรง และทักษะในการอ่านสถานการณ์ล่วงหน้า
พาลเมอร์ ร่างทอง
ประการแรกที่ พาลเมอร์ เด่นขึ้นมาเกิดขึ้นจากการเปิดและยิงแบบที่กล่าวมาในข้างต้น แต่เรื่องทัศนคติและหัวใจของเขาก็โดดเด่นทำให้เป็นที่พึ่งพาของทีมได้ เขาใช้เวลาไม่นานนักเข้ามา "แย่งตำแหน่งตัวยิงจุดโทษ" จาก ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ตอนแรกเรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นปัญหา แต่สุดท้ายตอนนี้ พาลเมอร์ ก็เป็นมือวางอันดับ 1 เรื่องจุดโทษของทีม ที่ยังไม่เคยยิงพลาดเลยแม้แต่หนเดียว
"ผมชอบแสดงความเชื่อมั่นในตัวเองออกมาเสมอ แต่ผมยืนยันว่าผมไม่ได้ยโสโอหังเกินตัว เพราะความเชื่อในความสามารถของตัวเองช่วยคุณได้มาก และเมื่อคุณแสดงมันออกมาให้คนอื่น ๆ เห็น ทั้งทีมจะมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นด้วย" พาลเมอร์ กล่าว และถึงแม้เขาจะไม่บอกว่าทำไมเขาหาญกล้าขึ้นมาท้าทาย สเตอร์ลิ่ง ยิง แต่หลายคนก็น่าจะเดาออกเพราะอัตราการพลาดของ สเตอร์ลิ่ง นั้นมีสูง มีการยิงจุดโทษพลาดให้ได้เห็นบ่อย ๆ พาลเมอร์ จึงตัดสินใจ "ขอรับผิดชอบความกดดันนั้นแทน" เพราะเขามั่นใจว่าตัวเองทำมันได้
ที่จะบอกคือเขาทำให้เพื่อนร่วมทีมเชื่อใจผ่านความมั่นใจของเขา การส่งบอลให้ พาลเมอร์ จะไม่สูญเปล่าแน่นอน เขาจะไม่เสียบอลง่าย ๆ หรือใด ๆ ก็ตามดังที่เขาแสดงออกมา ดังนั้นไม่ว่าจะเล่นในตำแหน่งปีกขวา กองหน้าแบบฟอลซ์ไนน์ หรือ เพลย์เมคเกอร์ พาลเมอร์ เล่นตรงไหน บอลก็มาถึงเขาเสมอ
นอกจากจะเป็นที่มองหาของเพื่อน ๆ แล้ว พาลเมอร์ ยังมีทักษะการเคลื่อนที่ทั้งตอนมีบอลและไม่มีบอลที่ดีมาก พาลเมอร์ เป็นนักบอลที่พยายามจะเอาบอลไปข้างหน้า และเผชิญหน้ากับคู่แข่ง มากกว่าที่จะส่งบอลกลับหลัง ดังนั้น ในวันที่ เชลซี มีเขาอยู่ในสนาม เราจะได้เห็นวิธีการเล่นที่ชัดเจนใเนกมรุก เพื่อนร่วมทีมรับ - มองหาพาลเมอร์ - พาลเมอร์ จ่ายในแนวลึกเพื่อสร้างโอกาสทำประตู - จากนั้นก็อาจจะจบด้วยการที่เพื่อนร่วมทีมได้โอกาสจบสกอร์ หรือไม่ พาลเมอร์ ก็จะตามงานขึ้นมาช่วยเพื่อนให้มีทางเลือกมากขึ้น .... การขึ้นหน้าตลอดทำให้เขามีส่วนร่วมกับประตูของ เชลซี มากถึง 33 ลูกแล้วในเวลานี้
เหนือสิ่งอื่นใดที่ทุกคนหายห่วงจาก พาลเมอร์ และเห็นชัดขึ้นมากในช่วงครึ่งซีซั่นหลัง การเป็นคนที่เพรสซิ่งได้มีประสิทธิภาพ สถิติจาก Opta บอกว่าเขาเป็นนักเตะแนวรุกของ เชลซี ที่ไล่บอลมากที่สุดในทีม ซึ่งจุดนี้มันประกอบกันสิ่งที่บอกว่าเขาต้องการเป็นผู้นำของ เชลซี ดังนั้นภาพมันจึงคล้าย ๆ กับที่ บรูโน่ ทำกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เขามักจะเป็นคนเริ่มไล่บอลกดดันคู่แข่งเป็นคนแรก จากนั้นเพื่อน ๆ ก็จะช่วยกันกดดันตาม แน่นอนว่าบางทีมันก็มีการไล่ไม่จน และผิดพลาดบ้าง เพราะ เชลซี มีนักเตะรุ่นใหม่ที่ซื้อมาเสริมทัพเต็มไปหมด ความพร้อมเพรียงจึงยังมีไม่มากนัก
โปเช็ตติโน่ เองก็เคยบอกว่าวิธีการเพรสซิ่งแบบ พาลเมอร์ คือสิ่งที่เขาต้องการอย่างมากและเป็น 1 ในแผนการที่เขาจะวางไว้ให้กับทีม เชลซี ในระยะยาว และเมื่อเล่นได้ทั้งรุกและรับแบบนี้ ไม่แปลกใจที่ โปเช็ตติโน่ จะใส่เขาลงเป็น 11 ตัวจริงในทุก ๆ เกมและตั้งให้เขาเป็นศูนย์กลางเกมรุกของทีมชุดนี้
เก่งกว่านี้ได้อีกไหม ?
คุยกันเรื่องแท็คติกและวิธีการกันมายาวยืด เราลองมาดูตัวเลขและสถิติที่เป็น Fact สำหรับ พาลเมอร์ บ้างดีกว่า ณ ตอนนี้เขากำลังไล่ไต่อันดับน "นักเตะที่ยิงประตูสำคัญ" ให้กับทีม กล่าวคือเมื่อใดก็ตามที่ยิงประตูได้ จะเปลี่ยนเป็นแต้มให้กับทีมได้มากที่สุด
ในประวัติศาสตร์สโมสร เชลซี ทั้งหมด ณ ตอนนี้ พาลเมอร์ ขึ้นมาอยู่อันดับ 10 จากการยิงได้ 16 ลูก และมีประตูที่ช่วยเปลี่ยนเป็นแต้มให้ทีมได้ทั้งหมด 10 คะแนน โดยยังเหลืออีก 7 นัด ถ้าเขายิงยิงพาทีมเก็บแต้มได้อีก เขาอาจจะทำสถิติเทียบเท่าอันดับ 1 อย่าง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ก็เป็นได้ (29 ประตูเปลี่ยนเป็น 16 แต้ม) ซึ่งต่อให้ทำไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะตอนนี้ พาลเมอร์ ยังอายุ 21 ปีเท่านั้น โดยที่เขายังมีสัญญากับทีมถึงปี 2030 เขายังมีโอกาสไต่อันดับขึ้นไปได้สูงกว่านี้ในฐานะเดอะ แบกของทีม
ศักยภาพของ พาลเมอร์ ไม่จบแค่นี้แน่นอน ดังที่กล่าวเอาไว้ข้างต้นว่าเขาค่อนข้างเป็นนักเตะที่พร้อมสรรพ เรื่องความขยัน ความฉลาด และความเฉียบคมในจังหวะสุดท้าย แต่เขาจะเก่งได้ยิ่งกว่านี้อีก หาก เชลซี หา 11 ตัวจริงที่ลงล็อกเป๊ะ แบบเดียวกับที่เขา พาลเมอร์ เป็นในเวลานี้
ยิ่งถ้าได้เพื่อนร่วมทีมที่เซ้นส์ตามกันทัน มีการขยับเคลื่อนที่แบบเหมาะเจาะถูกที่ถูกเวลา บอลจากเท้าของ พาลเมอร์ ก็ยังมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าที่เป็น เชลซี จะกลายเป็นที่ที่เล่นเกมรุกในพื้นที่แคบ ๆ ได้ดีขึ้น
และในทางกลับกันหากเพื่อนร่วมทีมเล่นกันอย่างถูกจังหวะ มีการจ่ายบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายแบบมองตาก็รู้ใจ รับรองได้ว่า พาลเมอร์ ที่เป็นนักเตะที่แอบเข้ามาเล่นในกรอบเขตโทษเป็นประจำ อาจจะมีสถิติการยิงประตูมากกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้
ท้ายที่สุดต้องบอกว่านี่คือดีลที่ เชลซี จ่ายเงินไปคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ นักเตะถูกสอนเรื่องฟุตบอลมาอย่างแตกฉาน มีร่างกายที่ดี มีไหวพริบที่ยอดเยี่ยม และเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อเพื่อนร่วมทีม การลงสนามของเขาช่วยขยับให่คนอื่นมีชีวิตชีวาขึ้นได้
แม้ เชลซี ในตอนนี้จะเป็นทีมที่มีผลงานที่น่าผิดหวังหากเทียบกับการลงทุน แต่สำหรับผลงานส่วนตัวของ พาลเมอร์ นั้นแตกต่าง และเหตุผลก็อย่างที่เราได้อธิบายออกไปทั้งหมดนั่นคือ ความเข้าใจเกม การเป็นคนที่มีจุดเด่นชัดเจน มีเท้าซ้ายที่หวังผลได้ เคลื่อนที่อยู่ตลอด ทำให้ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานของ เชลซี เกิดขึ้นเมื่อไหร่เขามักจะไปอยู่ที่นั่นเสมอ
จากวันที่ย้ายมาจาก แมนฯ ซิตี้ ในฐานะดาวรุ่งวัย 21 ปี ตอนนี้เขาเปลี่ยนสถานะตัวเองได้สำเร็จแล้ว พาลเมอร์ ขยับตัวเองขึ้นมาเป็นตัวรุกที่อันตรายที่สุดในพรีเมียร์ลีกได้อย่างสง่างาม ... ที่เหลือมันขึ้นอยู่กับ เชลซี ว่าจะสร้างทีมจากการมี พาลเมอร์ เป็นศูนย์กลางเกมรุกได้ดีขนาดไหน เพราะตอนนี้ พาลเมอร์ พร้อมที่จะรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเอง และไปต่อยังระดับถัดไปแล้ว
แหล่งอ้างอิง
https://theathletic.com/5062177/2023/11/17/cole-palmer-chelsea-mauricio-pochettino/
https://www.theguardian.com/football/2023/nov/11/cole-palmer-has-nothing-to-prove-manchester-city-chelsea-pochettino
https://theathletic.com/5387915/2024/04/04/chelsea-palmer-hazard-mata-costa-drogba/
https://theathletic.com/5353363/2024/03/20/cole-palmer-england-gareth-southgate/
https://www.coachesvoice.com/cv/cole-palmer-position-and-style-of-play-chelsea/
https://www.transfermarkt.com/cole-palmer/leistungsdatendetails/spieler/568177/saison/2023/wettbewerb/GB1