มีหนึ่งแนวคิดที่หลุดออกมาบนโลกอินเตอร์เน็ต เรื่องดังกล่าวว่าด้วยการวิเคราะห์ถึงเหตุผลที่นักเตะในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มักจะมีอาการ ขาดซ้อม ลาป่วย ตื่นสาย และเจ็บง่าย ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ว่า เพราะพรีเมียร์ลีกเตะกันทั้งปีทั้งชาติไม่มีพักหนีหนาว จนทำให้นักเตะไม่มีเวลาไปรับแสงแดด
เอาล่ะ เรื่องนี้อาจจะเป็นหัวข้อที่ชวนร้อง "ห๊ะ ?" แต่จริงแล้ว ไอ้แสงแดดที่ว่ามันสำคัญขนาดนั้นจริง ๆ ถึงขนาดที่ว่านักเตะอาชีพที่ "โคตรฟิต" ก็ยังขาดแสงแดดไม่ได้
เราจะหาคำตอบในเรื่องเล่นแต่จริงจัง ด้วยงานวิจัยที่จะย่อยให้มันเข้าใจง่ายและสนุกที่สุด ติดตามพร้อมกันที่นี่กับ Main Stand
เริ่มกันด้วยความจริง
มันเป็นโอกาสดีเลยทีเดียวที่เราเอาเรื่องนี้มาพูดกัน เพราะฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เริ่มมีการ "เบรกสั้น ๆ" ระหว่างฤดูกาลราว 2 สัปดาห์ ในช่วงเดือนมกราคม ซึ่งการเบรกนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2020
เรื่องดังกล่าวถือว่าประหลาดใจกับหลายคน เพราะจริง ๆ แล้วพรีเมียร์ลีกขึ้นชื่อว่าบ้าพลัง นอกจากจะไม่เคยมีเบรกหนีหนาวเลยในก่อนหน้านี้ พวกเขายังอัดโปรแกรมช่วงปลายเดือนธันวาคมจนถึงต้นเดือนมกราคม หรือที่เราเรียกกันติดปากว่าช่วง "บ็อกซิ่งเดย์" ซึ่งเป็นช่วงที่หนาวที่สุดของปีอย่างแน่นเอี๊ยด
อย่างไรก็ตาม มันมีแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องความล้มเหลวของทีมชาติอังกฤษในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ๆ ไม่ว่าจะฟุตบอลโลก หรือฟุตบอลยูโร เพราะทุกครั้งที่อังกฤษแพ้ตกรอบ มักจะมีการโจมตีว่า เพราะลีกอังกฤษไม่เคยพักหนีหนาวเหมือนกับลีกประเทศอื่น ๆ นักเตะจึงกรอบ ฟิตไม่พอที่จะคว้าชัยในทัวร์นาเมนต์ใหญ่
ดังนั้นในปี 2020 พรีเมียร์ลีก จึงแก้ปัญหาเรื่องนี้แบบ "พบกันครึ่งทาง" เพราะพวกเขาก็จะทิ้งวัฒนธรรมบ็อกซิ่งเดย์ที่เป็นจุดขายของลีกไม่ได้ เมื่อลีกอื่นปิดหมด มีพรีเมียร์ลีกที่หวดกันอยู่ลีกเดียว จนได้กระแสมาโดยตลอด แต่พวกเขาก็ยังหาทางลงให้ทุกทีมได้พักสั้น ๆ เหมือนกัน และไม่ได้เป็นการพักเบรกปิดไปดื้อๆ เหมือนลีกอื่น ๆ อีก เพื่อให้แฟนบอลทั่วโลกได้มีฟุตบอลชมต่อเนื่อง
กล่าวให้เห็นภาพ ช่วงพักเบรกพรีเมียร์ลีกจะมีราว ๆ 2 สัปดาห์ ทว่าแต่ละทีมจะได้พักจริง ๆ แค่ราว 1 สัปดาห์เท่านั้น เพราะเป็นการ "สลับกันเบรก" โดยแมตช์วีกที่มีช่วงพักเบรก ซึ่งมักเป็นช่วงกลางเดือนมกราคมนั้น จะถ่างขยาย 10 นัด แข่งกัน 2 สัปดาห์ สัปดาห์แรก แข่ง 5 คู่ 10 ทีม อีก 10 ทีมที่เหลือได้เบรก อีกสัปดาห์ 10 ทีมที่ได้เบรกไปก่อนหน้า จะลงแข่งในอีก 5 คู่ที่เหลือของแมตช์วีกนั้น ส่วน 10 ทีมที่แข่งไปก่อนหน้าได้เบรกกับเขาบ้าง
ทีนี้มันมีสถิติที่น่าสนใจมาก ๆ ว่าการมีการพักเบรกหนีหนาวทำให้นักเตะในพรีเมียร์ลีก เจ็บ-ป่วย จนถึงขั้นพลาดการลงสนามน้อยลงจริง โดยในฤดูกาล 2018-19 นั้น College of Podiatry และ Opta ระบุว่าพรีเมียร์ลีก คือลีกที่มีอัตราผู้เล่นบาดเจ็บมากที่สุดในลีก 5 ลีกใหญ่ยุโรป โดยเป็นการครองแชมป์ร่วมกับ บุนเดสลีกา
สถิติบอกว่า พรีเมียร์ลีก มีสถิตินักเตะเจ็บจนต้องเปลี่ยนตัวออก (ทั้งในแง่การเล่นต่อไม่ไหว และการพักร่างกายจากอาการเจ็บเล็กน้อย) อยู่ที่เฉลี่ย 2.3 ครั้งต่อเกม
แต่เมื่อมีการเบรกหนีหนาว จากการเก็บสถิติในฤดูกาล 2022/-23 แม้จะมีฟุตบอลโลกมาคั่นตรงกลาง แต่การที่นักเตะได้หยุดในช่วงฤดูหนาว ได้ทำให้ค่าเฉลี่ยการบาดเจ็บของนักเตะในพรีเมียร์ลีกน้อยลง จากเดิมที่พวกเขาเคยครองแชมป์เจ็บเยอะร่วมกับ บุนเดสลีกา หลังจากมีการเบรกหนีหนาว พรีเมียร์ลีก ตกลงมาเป็นอันดับที่ 2 โดยลดลงกว่ากว่าที่ไม่มีการปิดเบรกอยู่ที่ 25% ... ดังนั้นในแง่ของตัวเลข การเบรกหนีหนาวช่วยลดอาการบาดเจ็บได้จริง
เทรเวอร์ ไพรเออร์ (Trevor Prior) ที่ปรึกษาศัลยแพทย์ด้านเท้าและโฆษกของ College of Podiatry สรุปเรื่องนี้ว่า "การวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้เล่นในพรีเมียร์ลีกมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บมากกว่าลีกคู่แข่งบางลีกทั่วยุโรป เป็นที่ทราบกันดีว่ากระดูก เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อ ต้องการใช้เวลาให้เพียงพอในการฟื้นตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการทำงานหนักเกินไป"
แค่นี้ก็ตอบชัดแล้วว่า เบรกหนีหนาว ให้หลาย ๆ ทีมได้ออกไปเก็บตัวตามประเทศต่าง ๆ ตามถนัด ช่วยลดอาการบาดเจ็บได้จริง แต่เรายังไม่ได้คำตอบว่า "วิตามินดี" จากแสงแดดในช่วงเก็บตัวระหว่างเบรกหนีหนาวนั้นทรงประสิทธิภาพขนาดไหน ? แสงแดดวิเศษขนาดที่ว่าเปลี่ยนเส้นทางอาชีพของนักเตะเหล่านี้ได้จริงหรือ ? ... แน่นอนว่าเราจะไปต่อกันยังชุดข้อมูลต่อไป ที่คุณจะเห็นภาพชัดแบบเคลียร์ ๆ ไปเลย
แสงแดดทรงประสิทธิภาพ ?
นักเตะคนไหนดูแลร่างกายดีที่สุดในโลก ? ... ถ้าคุณได้ยินคำถามนี้ แน่นอนว่าชื่อของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ต้องลอยมาเป็นชื่อแรก ดังนั้นถ้านักเตะที่ดูแลร่างกายตัวเองได้ดีที่สุดคนนี้พูดถึงแสงแดด มันพอจะน่าเชื่อถือขึ้นไหม ?
"สิ่งที่สำคัญที่สุดในร่างกายก็คืออย่าได้ขาดวิตามินเชียว วิตามินดีที่เข้มข้นที่แหละเป็นอะไรที่สุดยอด การที่คุณได้สัมผัสแสงแดด 20-30 นาทีต่อวัน มันจะทำให้คุณแข็งแรงและมีภูมิคุ้มกันร่างกายที่ดีเลยล่ะ" โรนัลโด้ กล่าวถึงเรื่องของแสงแดด
ถ้าคุณจะเอาให้ชัดอีกก็คงต้องเอางานวิจัยมาพูดคุยกัน ในปี 2021 ยุน เซวูน (Yoon Sewoon), ควอน โอคิว (Kwon Ohkyu) และ คิม จูยอง (Kim Jooyoung) สามนักวิทยาศาสตร์ชาวเกาหลีใต้ ได้วิจัยเรื่อง วิตามินดีกับความสำคัญกับการฟื้นฟูร่างกาย กล้ามเนื้อ และกระดูก
ครั้นอธิบายเชิงวิทยาศาสตร์คงซับซ้อนและน่าเบื่อไป เราคงต้องว่าด้วยสรุปของงานวิจัยนี้ซึ่งมีอยู่ว่า เมื่อถึงฤดูหนาว นักกีฬาในร่ม (ยกตัวอย่างเช่น ยิมนาสติก) จะมีระดับวิตามินดีในเลือดต่ำกว่านักกีฬากลางแจ้ง (ยกตัวอย่างเช่น นักฟุตบอล)
แม้นักกีฬากลางแจ้งจะได้วิตามินดีมากกว่านักกีฬาในร่ม แต่เมื่อฤดูหนาวมาถึง อุณหภูมิต่ำ แสงแดดกลายเป็นของหายาก ก็เท่ากับว่าพวกนักกีฬากลางแจ้งเองก็เจอกับปัญหาการขาดวิตามินดี ส่งผลต่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ, พละกำลัง และความตรึงเครียดของกล้ามเนื้อและกระดูก อันนำมาซึ่ง "ความเสี่ยงในการออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูง" ไม่แพ้นักกีฬาในร่มเลยด้วยซ้ำ
ดังนั้นการสรุปงานวิจัยคงจบที่คำว่า แสงแดด คือจุดกำเนิดวิตามินดี และวิตามินดี ทำให้นักเตะมีความเสี่ยงในการบาดเจ็บน้อยลง ดังนั้นวิธีง่าย ๆ อย่างการออกไปเจอแสงแดด เปลี่ยนแปลงร่างกายของพวกเขาได้ไม่มากก็น้อย
มาถึงท่อนนี้ชัดเจนแล้วว่า การใช้ร่างกายหนัก ๆ ของนักกีฬาในช่วงฤดูหนาว ส่งผลเสียทั้งขึ้นทั้งล่อง เดิมทีการไม่ได้พักก็เสี่ยงอยู่แล้ว แต่ในพรีเมียร์ลีก (ยุคเก่า) ที่ไม่มีการพักเบรก เท่ากับว่านักเตะจะต้องลงเล่นในภาวะเสี่ยงเจ็บยิ่งกว่าเดิม ในช่วงเวลาที่มีแสงแดดที่เป็นภูมิคุ้มกันสำคัญกับร่างกายน้อยลงอีก
ดังนั้นการที่หลายคนแทบกราบกราน ขอให้พรีเมียร์ลีกมีการพักเบรกเพื่อผลงานระดับทีมชาติดูเหมือนจะไม่ใช่การคิดไปเอง ซึ่งตัวเลข สถิติ งานวิจัย และนักเตะระดับโลกก็เชื่อมั่นว่า แสงแดดดีต่อสุขภาพ และช่วยให้อาชีพของนักเตะเหล่านี้ยืนยาวขึ้นได้แน่นอน
คำตอบสุดท้าย
เป็นที่ชัดเจนยิ่งกว่าเดิม เมื่อเหล่าทีมดังในยุโรปใช้เวลาเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีอากาศอบอุ่นในช่วงเบรกหนีหนาว ไปเจอแสงแดด ไปรับวิตามินดี เติมความสดชื่นให้ร่างกายเพื่อสู้ศึกต่ออีก 4-5 เดือน ที่รออยู่ในช่วงเลกที่สอง
การไปเก็บตัวที่ ดูไบ, กาตาร์, สเปน, อิตาลี หรือที่อื่น ๆ ที่มีอากาศอบอุ่น มีแคมป์เก็บตัวที่สะดวกสบาย ไม่ใช่แค่นำมาซึ่งการเติมวิตามินดีในร่างกายเท่านั้น แต่มันยังทำให้นักเตะได้รีเฟรช ผ่อนคลายความตึงเครียดด้านจิตใจ และความคิดลงด้วย
จากที่เคยต้องลงเล่นสัปดาห์ละ 2 เกม และบางสัปดาห์หนักถึง 3 เกม สมองของพวกเขาจะต้องถูกยัดแท็กติก ฟิตเนส ระบบการเล่นอะไรต่าง ๆ สารพัด และเจอเกมที่เข้มข้น เตะเป็นเตะหวดเป็นหวด ต้องรักษาตัวรอดไม่ให้บาดเจ็บ แค่คิดก็วุ่นวายหลายเรื่องแล้ว
การหนีจากอากาศอุณหภูมิเฉลี่ย 3 องศาเซลเซียส ไปเจออากาศอุ่นกับแสงแดด อุณหภูมิเฉลี่ย 20 องศาเซลเซียส โดยไม่มีเกมเคร่งเครียดให้ลงเล่น จะทำให้ร่างกายพวกเขารีเฟรชได้มากขนาดไหน ยิ่งที่ดูไบ ยิ่งเป็นสถานที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก เอาเวลาไปทำอย่างอื่นนอกจากฟุตบอลเช่น ตีกอล์ฟ ล่องเรือใบกลางทะเล ถือเป็นการเปลี่ยนระบบนิเวศ ได้เจอกิจกรรมใหม่ ๆ ซึ่งแน่นอนว่า ดีกว่าการเจอแต่เรื่องเครียดจำเจซ้ำซากแน่นอน
ไม่ต้องเป็นนักเตะอาชีพก็ได้ คนธรรมดาทำงานอย่างเรายังเฝ้าฝันถึงวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่วันอังคารยังมาไม่ถึง (เพิ่งไปทำงานวันจันทร์ได้วันเดียว) เราคิดถึงการออกไปทะเล ไปเจอเพื่อน ไปกินอาหารอร่อย ๆ ที่เราอยากจะลองกิน แค่รู้สึกก็ฟินแล้ว
ดังนั้นเรื่องทั้งหมดจึงสรุปได้ว่า วิตามินดี สำคัญต่อนักเตะพรีเมียร์ลีกแน่นอน แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ การไปหาแสงแดดในช่วงที่ประเทศอังกฤษหนาวจับขั้วหัวใจ นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง
ท้องฟ้า สายลม แสงแดด คือสวรรค์ของคนเมืองหนาว และการที่พวกเขาได้มาเจอสวรรค์เป็นเวลาอย่างน้อย ๆ 1 สัปดาห์ เรี่องอะไรที่พวกเขาจะไม่แฮปปี้ล่ะจริงไหม ?
และท้ายที่สุด เมื่อพวกเขาแฮปปี้มีสุขภาพจิตที่ดี สุขภาพกายที่ดี ผลงานที่ดีก็จะพุ่งทะยานขึ้นไปเป็นเงาตามตัวอย่างไม่ต้องสงสัย ... หมดข้อสงสัยเรื่องนี้ไปโดยปริยาย
แหล่งอ้างอิง
https://onefootball.com/en/news/juventus-star-cristiano-ronaldo-tells-fans-exercise-sunlight-vitamin-d-c-and-we-beat-this-virus-31425264
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC8342187/
https://rcpod.org.uk/news/premier-league-players-at-greater-risk-of-injury-than-other-european-leagues/
https://www.howdengroupholdings.com/news/howden-2022-23-mens-european-football-injury-index