Feature

คาร์โล อันเชล็อตติ : เปิดตำราปราบเด็กดื้อเปลี่ยน "วันเดอร์คิด" ให้เป็น "แข้งเวิลด์คลาส" | Main Stand

จู๊ด เบลลิงแฮม แบกความคาดหวังภายใต้ค่าตัว 100 ล้านปอนด์, วินิซิอุส จูเนียร์ ถูกมองว่าเป็นแค่ดาวรุ่งทั่วไปจากสไตล์ที่เลี้ยงบอลพร่ำเพรื่อ, โรดรีโก้ โกเอส ถูกตัดสินว่าไม่มีจุดเด่นอะไรสักทาง เกินกว่าจะถูกเรียกว่าวันเดอร์คิด 

 

ทั้ง 3 คนเป็น "เป็นดาวรุ่ง" ที่น่าจับตามอง แต่เมื่ออยู่ภายใต้การทำทีมของ อันเชล็อตติ พวกเขากลายเป็นนักเตะเวิลด์คลาส 

ภายใต้ปัญหาในจัดการกับดาวรุ่ง หลักสูตรของ อันเชล็อตติ มีวิธีการอย่างไรในการดึงเอาสิ่งที่เด็ก ๆ เหล่านี้มีออกมาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ?

ติดตามได้ที่นี่กับ Main Stand

 

การเป็นคน "ง่ายๆ"

คาร์โล อันเชล็อตติ คือยอดกุนซือในเชิงของแท็คติกและการสร้างทีมเพื่อคว้าผลลัพธ์แบบที่ใครก็ไม่สามารถปเฏิสธได้ ผลงานที่เขาทำพาลทำให้นึกถึงว่าเขาเป็นพวกเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ อย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน, เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หรือนักบริหารจัดการคนอย่าง เยอร์เก้น คล็อปป์ แต่ในฐานะของมนุษย์คนหนึ่ง ลักษณะนิสัยของ อันเชล็อตติ เป็นคนสบาย ๆ เปรียบได้กับคุณลุงวัยเกษียณในต่างจังหวัด ตื่นเช้ามาแบบไม่รีบร้อน ทำกิจวัตรส่วนตัวแบบสบาย ๆ และจากนั้นจึงเริ่มทำในสิ่งที่รักด้วยแพชชั่น ...นั่นคือ "ฟุตบอล"

เพราะทำด้วยความชอบ บวกกับเป็นคนที่เจนจัดในเรื่องเชิงทฤษฎี ดูเหมือนว่าฟุตบอลของ อันเชล็อตติ จะไม่ได้เครียดและกดดันลูกทีม เขาไม่สร้างความแตกแยกในทีม ไม่ชอบที่บ่นลูกทีมให้สื่อได้ยิน 

มีหนังสือชีวประวัติของเขาที่ชื่อว่า "Carlo Ancelotti Quiet Leadership" หรือ "การเป็นผู้นำแบบเงียบ ๆ" ในหนังสือเล่มนั้นมีส่วนหนึ่งที่ อันเชล็อตติ พูดถึงการบริหารทีมของเขาว่า

"ผมหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น ผมไม่ชอบความตึงเครียด ผมชอบหาวิธีรับมือกับความกดดันโดยทำให้มันเป็นเรื่องเล็กที่สุด เพื่อให้ลูกทีมของผมได้ทำงานของพวกเขาอย่างสงบที่สุด" อันเชล็อตติ บอกวิธีการทำงานของเขา 

เรื่องนี้ยิ่งน่าสนใจเข้าไปอีกเมื่อนักเตะที่เคยทำงานกับเขา อย่าง ฟิลิปป์ ลาห์ม ที่เปรียบเทียบการทำงานของ อันเช่ และ เป๊ป ให้เข้าใจในประโยคเดียวว่า "อันเชล็อตติ คือโลกใบใหม่ของนักเตะ บาเยิร์น ในเวลานั้น คุณสามารถสบายใจกับการทำงานกับเขาได้เต็มที่ เขาพร้อมที่จะนำวิธีการของเขามาใส่ในทีม วิธีการของเขาแตกต่างกับโค้ชคนอื่น ๆ" ลาห์ม เริ่มกล่าว

"สิ่งที่ คาร์โล อันเชล็อตติ พูดกับคุณตลอด 1 สัปดาห์ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สามารถพูดจบภายในเวลา 3 ชั่วโมง ... แต่คุณว่ามันแปลกไหม เพราะเขาเป็นโค้ชคนเดียวที่คว้าแชมป์ 5 ลีกใหญ่ในยุโรป ไม่มีโค้ชคนไหนคว้าแชมป์ยุโรปได้มากกว่าเขา ทั้งจำนวนถ้วย และจำนวนทีมที่คุม นี่แหละถ้าคุณจะอธิบายถึงการทำงานของเขา"  

หากเราจะสรุปจากสิ่งที่ ลาห์ม บอก จะได้ใจความว่าภาพที่นักเตะในทีมเห็นคือ อันเชล็อตติ จะมาในแบบสบาย ๆ พร้อมกับหลักสูตรที่เขาเตรียมการแล้ว ซึ่ง "หลักสูตร" ที่ว่าผ่านการสั่งสมประสบการณ์ตั้งแต่ที่เขาเป็นนักเตะ ตลอดจนการเป็นโค้ช เรียกได้ว่าในหลักสูตรของเขาคัดมาแต่เนื้อ ๆ ไม่มีน้ำสักหยด ดังนั้นผู้รับสารจึงไม่ต้องตีความเยอะ สื่อสารได้เข้าใจอย่างรวดเร็ว 

แน่นอนว่าในเรื่องของฟุตบอลนั้นไม่มีสูตรตายตัว การเป็นคนสบาย ๆ และแตกฉานด้านแท็คติกและความรู้แบบ อันเชล็อตติ ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะชอบเสมอไป ครั้งหนึ่งที่ อันเชล็อตติ คุม บาเยิร์น มิวนิค สโมสรที่เป็นเหมือนตัวแทนของ "คนเยอรมัน" ที่ขึ้นชื่อเรื่องความจริงจัง และเน้นย้ำเรื่องวิธีการลากยาวไปจนถึงผลลัพธ์ ความสบาย ๆ แบบ อันเช่ ก็เคยโดนต่อต้านเหมือนกัน 

ว่ากันว่ากลุ่มนักเตะซีเนียร์ของ บาเยิร์น ไม่พอใจความสบาย ๆ ง่าย ๆ ของ อันเช่ บ้างก็บอกว่าเขามักจะสั่งให้นักเตะซ้อม ให้โค้ชคุมซ้อม โดยที่ตัวเขาดื่มกาแฟและสูบบุหรี่อยู่ไกล ๆ ตามวิถีของ "คนอิตาลี" ง่าย ๆ สบาย ๆ แต่วัดผลกันที่ผลลัพธ์ ความแตกต่างทางวัฒนธรรม ทำให้ อันเชล็อตติ ต้องออกจากงานที่ บาเยิร์น แต่กลับกัน ความสบาย ๆ นี้เอง กลับกลายเป็นสิ่งที่เขาใช้ได้ดี โดยเฉพาะกับกลุ่มนักเตะดาวรุ่งที่ เรอัล มาดริด ณ ปัจจุบัน 

 

อยากฟังก็ฟัง...ไม่อยากฟังก็แล้วแต่ 

บางครั้งคำว่าคนง่าย ๆ กับ อัจฉริยะก็มีเส้นบาง ๆ กั้นเอาไว้ สำหรับ อันเชล็อตติ นั้น วิธีการทำงานของเขาดูจะเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยม และเข้าใจได้ไม่ยาก หากคุณมองย้อนประวัติการคุมทีมของเขา อันเชล็อตติ ไม่เคยมีแผนการเล่นที่จำเจ เขาเปลี่ยนแผนการเล่นรวมถึงวิธีการเล่นตาม  เหตุผลแบบที่ไม่ต้องอธิบายกันเยอะก็คือเขาเป็นกุนซือที่จะปรับวิธีเล่นตามวัตถุดิบที่มี แม้กระทั่งกับทีมเดียวกันก็ใช่ว่า อันเชล็อตติ จะใช้แผนการเล่นเดิม ยกตัวอย่างเช่น เรอัล มาดริด ในซีซั่น 2022/23 กับ เรอัล มาดริด ในซีซั่น 2023/24 แผนการเล่นก็ไม่เหมือนกัน จากเดิมที่เล่น 4-3-3 ก็ปรับมาเล่น 4-1-2-1-2  เพื่อให้สอดคล้องกับนักเตะที่มีมากกว่า 

แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงวิธีการไปแค่ไหน แต่ผลลัพธ์ดูเหมือนจะเหมือนเดิม นั่นการวิ่งเข้าหาความสำเร็จที่ตั้งไว้ เพราะถึงแม้ปีนี้ ลา ลีกา จะยังเหลือเกมอีกเยอะ แต่ในทางปฏิบัติ เรอัล มาดริด นำโด่ง แบบไม่น่าพลาด ขณะที่ในฟุตบอลถ้วยยุโรป พวกเขายังคงเป็น 1 ในทีมเต็งที่ลุ้นเข้ารอบลึก ๆ หรือถึงขั้นเป็นแชมป์ได้ไม่แตกต่างจากวันที่มีนักเตะระดับโลกเป็นแกนหลักของทีม 

การหาสิ่งที่เหมาะที่สุดให้กับนักเตะ ทำให้เราได้เห็นลูกทีมของ อันเช่ รีดศักยภาพของตัวเองออกมาได้มากที่สุด ก่อนจะมาถึงแก๊งดาวรุ่งปัจจุบันอย่าง จู๊ด เบลลิงแฮม, โรดรีโก้ และ วินี่ จูเนียร์ อันเช่ ได้เสริมคลาสระดับโลกให้นักเตะหลายคน ๆ คนเช่น คาริม เบนเซม่า, ลูก้า โมดริช และ โทนี่ โครส 

"ผมยังจำได้ตอนที่ อันเช่ ไปที่ เรอัล มาดริด เขาบอกว่าเขาชื่นชอบความสามารถและวิธีการเล่นของ เบนเซม่า มาก ๆ เช่นเดียวกับการชื่นชมความฉลาดในการสร้างเกมของ โมดริช และการจ่ายบอลที่แม่นยำของ โทนี่ โครส ... คุณลองนึกดี ๆ นักเตะเหล่านี้ใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อน แต่ อันเชล็อตติ เลือกใช้งานพวกเขาที่จุดแข็งเป็นหลักต่างหาก"

"ก่อนหน้านี้ เบนเซม่า ถูกมองว่าเป็นกองหน้าที่มีปัญหาเรื่องการยิงในจังหวะสุดท้าย, โทนี่ โครส เล่นเกมรับไม่ได้ และ ลูก้า โมดริช ก็ตัวเล็กไม่ทนทานแรงปะทะ ... เขาเลือกใช้แท็คติก และภาพรวมของทีม เอานักเตะตำแหน่งอื่น ๆ มากลบจุดอ่อนเหล่านี้ และให้นักเตะทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีที่สุด นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมใคร ๆ ก็ชอบเล่นให้กับโค้ชผู้ยิ่งใหญ่อย่าง อันเชล็อตติ" ฟิลิปป์ ลาห์ม เขียนลงในบทความของเว็บไซต์

จริง ๆ แล้ววิธีการแบบนี้ไม่ใช่แค่สร้างนักเตะระดับหัวแถวให้ดีขึ้นไปอีกเท่านั้น นักเตะระดับดาวรุ่งก็ได้ประโยชน์จากการจัดการในแบบ "อันเช่ สไตล์" ด้วย เมื่อภาพการถกเถียงกันในเรื่องของ เบนเซม่า, โมดริช และ โครส ในอดีตเกิดขึ้นอีกครั้ง ผ่านนักเตะอย่าง จู๊ด เบลลิ่งแฮม, โรดรีโก้ และ วินี่ จูเนียร์ ... แต่คุณก็รู้นี่ อันเช่ การแก้ปัญหาคือหน้าที่ของเขา และเขาก็แก้ปัญหาของเด็ก ๆ เหล่านีได้อย่างรวดเร็ว 

ประการแรก เขาเข้าถึงนักเตะของเขาด้วยความใกล้ชิด ในเวลางาน สถานะคือหัวหน้า-ลูกน้อง แต่นอกเวลางาน อันเช่ ก็เปรียบเหมือนพี่ใหญ่ หรือบางทีก็เข้าข่ายคุณพ่อ ที่นักเตะของเขาสามารถนึกถึง และโทรหาได้ด้วยความรู้สึกสบายใจ ไม่ต้องมีพิธีรีตอง อยากรู้อะไรอะไร สงสัยตรงไหน จะขอความช่วยเหรืออย่างไร อันเช่ เปิดสายรอทุกคนเสมอ ภายใต้อารมณ์ที่สุนทรีย์ ทำให้ผู้ฟังสบายใจเหมือนกับว่า ไม่ว่าจะเจอเรื่องใหญ่แค่ไหน แต่ อันเช่ สามารถทำให้เป็นเรื่องเล็กได้เสมอ 

อังเดร เชฟเชนโก้ ตำนานดาวยิงของ เอซี มิลาน และ ยูเครน เล่าถึงตอนที่เขาเป็นดาวรุ่งที่กำลังจะยกระดับไปเป็นนักเตะระดับโลก โดยมี อันเชล็อตติ เป็นโค้ชว่า ความสามารถในการดูแลนักเตะดาวรุ่งของ อันเช่ คือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด การเข้านักเตะด้วยวิธีที่่ละมุนละม่อม สบาย ๆ แต่อัดแน่นด้วยข้อเท็จจริงที่หนักแน่น และเป็นการเอาสิ่งเหล่านี้มาถ่ายทอดในรูปแบบของ "คำแนะนำ" ไม่ใช่ "คำสั่ง" วิธีการนี้ทำให้นักเตะดาวรุ่งที่ยังขาดประสบการณ์ และมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ไม่ดีนัก เข้าใจทุกอย่างได้ง่ายขึ้น 

"ผมโทรหา อันเชล็อตติ เกี่ยวกับเรื่องของฟุตบอลในฐานะที่เขาเป็นผู้จัดการทีม และในขณะเดียวกันผมสามารถคุยเรื่องสบาย ๆ กับเขา เช่นการนัดไปกินพาสต้าได้ด้วย ... นี่แหละคลาสของ อันเชล็อตติ" เชฟเชนโก้ กล่าว

แน่นอนว่ามีนักเตะอีกหลายคนคนที่เก่งขึ้นมาก ๆ จากวิธีการปกครองของ อันเช่ ได้แก่ เจนนาโร่ กัตตูโซ่ และ อันเดรีย ปิร์โล่ ทั้งคู่ก็บอกตรงกันในแง่การจัดการนักเตะดาวรุ่งของ อันเช่ ว่า เต็มไปด้วยข้อคิด และเข้าถึงหัวใจและสมองของผู้ฟังได้โดยง่าย

"อันเช่ สอนให้ผมมีความเป็นมืออาชีพ ไม่ว่าจะการกินและการนอน เขาคอยดูแลนักเตะอายุน้อย ๆ อยู่เสมอ หากคุณเป็นนักเตะดาวรุ่งและคุณฟังสิ่งที่เขาพูด มันใจได้เลยว่าสิ่งที่ดีที่สุดจะปรากฎขึ้นกับคุณในอีกไม่นาน" กัตตูโซ่ ที่เป็น "กลางรับ" ที่ดีที่สุดในโลกในยุคของ อันเช่ บอกแบบนั้น 

นักเตะระดับโลกทุกคนล้วนพูดถึง อันเช่ ในแนวทางที่ตรงกัน ทีนี้สำหรับ 3 หนุ่มทรงอย่างแบดของ เรอัล มาดริด ชุดปัจจุบัน ... มีหรือที่พวกเขาไม่หลงคารมณ์ของคุณลุงผู้ใจดีคนนี้ 

 

จู๊ด, วินี่ และ โรดรีโก้ 

จู๊ด เบลลิงแฮม ย้ายจาก ดอร์ทมุนด์ มาร่วมทัพ เรอัล มาดริด ในซีซั่น 2023/24 ด้วยค่าตัว 100 ล้านปอนด์ เด็กอายุ 20 ปีกับราคาขนาดปริ่ม ๆ สถิติสโมสร มันไม่น่าจะปรับตัวได้เร็วขนาดนี้ ? 

เคล็ดลับไม่มีอะไรมากมายจากสิ่งที่เรากล่าวมาในข้างต้น  อันเชล็อตติ เห็นฝีเท้าและความถนัดของ เบลลิงแฮม จากนั้นจึงหาระบบการเล่นที่เหมาะกับทีมและเขาให้ได้มากที่สุด ซึ่ง เบลลิงแฮม ที่เป็นเบอร์ 8 มาตลอด ถูกขยับขึ้นมาเป็นเบอร์ 10 หรือตัวที่ยืนหลังกองหน้า พร้อมกับมอบหน้าที่ "นักลอบสังหาร" ให้กับเจ้าตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ จู๊ด ชอบมาก 

"ที่ มาดริด อันเชล็อตติ ได้มอบความอิสระกับผม เมื่อคุณได้อิสระ และการบอกกล่าววิธีการที่จัดเจน มันจะทำให้งานของคุณสนุกมากขึ้น" จู๊ด เบลลิงแฮม กล่าวหลังจากโดนสื่ออังกฤษถามว่า อันเชล็อตติ เปลี่ยนอะไรในตัวเขา 

อันเชล็อตติ มาเฉลยเอาทีหลังว่าเหตุผลที่เขาขยับ เบลลิงแฮม ขึ้นมาเล่นเป็นเบอร์ 10 ก็เพราะว่ามั่นใจในเรื่องความคิดความอ่านในแง่ของการตัดสินใจ เมื่อนักเตะรู้ว่าต้องทำอะไรในจังหวะสุดท้าย การเอาเขาไปอยู่ในตำแหน่งหรือพื้นที่ที่อันตรายที่สุด คุณก็จะได้นักเตะที่ชี้ขาดผลการแข่งขันให้กับทีมได้ 

"เบลลิงแฮม อายุ 20 ปี แต่เล่นเหมือนนักเตะอายุ 30 ปี คาแรคเตอร์และบุคลิกของเขาเหมาะกับเบอร์ 10 มาก เพราะเขามักจะปรากฎตัวในช่วงเวลาที่สำคัญกับเกมเสมอ เขารู้ว่าจะต้องทำอะไร นี่คือคุณสมบัติที่คุณหาในนักเตะวัยนี้ไม่ได้อีกแล้ว" อันเชล็อตติ ว่าแบบนั้น 

ขณะที่ในรายของ โรดรีโก้ นั้นเป็นการจัดการที่ อันเชล็อตติ ยกระดับนักเตะคนหนึ่งได้ชัดมาก เพราะก่อนหน้าที่ โรดรีโก้ จะทำงานร่วมกับ อันเช่ เขาแทบไม่มีจุดเด่นเป็นชิ้นเป็นอันเลย บางทีเขาโดนโยกไปเล่นปีกซ้าย บางครั้งก็ย้ายไปเล่นปีกขวา แต่เมื่อถึงวันที่ อันเชล็อตติ มองเห็นความสามารถที่แท้จริง ตำแหน่งของ โรดรีโก้ ถูกขยับไปเป็นกองหน้าหมายเลข 9 แทนที่การจากไปของ คาริม เบนเซม่า ... ซึ่งคุณไม่เห็นได้บ่อย ๆ ในนักเตะอายุน้อย ตัวเล็กและผอมบางแบบเขาเท่าไรนัก 

"อันชล็อตติ คือคนที่สำคัญกับผมมาก สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยคือเขาสนับสนุนผมมาตลอด ตอนแรกผมบอกตรง ๆ ว่าผมไม่ชอบการไปเล่นในตำแหน่งเบอร์ 9 ผมว่ามันไม่เหมาะกับผม แต่ อันเชล็อตติ มีวิธีการที่จะโน้มน้าวคุณเสมอ ... มันยากที่อยู่ดี ๆ จะมาเปลี่ยนตำแหน่ง แต่ถ้า อันเชล็อตติ คิดว่าผมทำได้ ผมจะเชื่อใจเขา 100% ผมพร้อมจะทำตามสิ่งที่เขาบอก เพราะมันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง" โรดรีโก้ กล่าว 

ท้ายที่สุด คือวัยรุ่นทรงอย่าง BAD อย่าง วินิซิอุส จูเนียร์ นี่คือนักเตะที่คุณสามารถพูดได้เต็มปากว่า "เกิดใหม่" ภายใต้การทำทีมของ อันเชล็อตติ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาเคยโดนซีเนียร์อย่าง เบนเซม่า ต่อต้านเพราะเป็นนักเตะที่เลี้ยงบอลมากเกินไปจนทำทีมเสียโอกาสการยิงประตูมาแล้วก็ตาม

อันเชล็อตติ เห็นปัญหานั้นและใช้เวลากับ วินี่ จูเนียร์ มากที่สุดในสนาม ปลายทางที่ อันเช่ ต้องการจาก วินี่ ไม่ใช่การบอกหรือต่อว่าให้เขาเลี้ยงบอลน้อยลง แต่เงื่อนไขที่อันเช ตั้งไว้คือ อยากให้ วินี่ เลือกยิงประตูให้เร็วขึ้น 1 จังหวะ และสัมผัสบอลให้น้อยลงเวลาอยู่ในกรอบเขตโทษของคู่แข่ง  

วิธีการพูดคุยของ อันเชล็อตติ ไม่ใช่การต่อว่า แต่เป็นการสอนโดยที่เขายังทำให้ วินิซิอุส เชื่อว่าตนเองยังคงเป็นคนสำคัญของทีม เพียงแค่ต้องเล่นให้มั่นใจมากขึ้น มั่นใจในการจ่าย มั่นใจในการยิงประตู เหมือนกับที่เขามั่นใจในการเลี้ยงบอลของตัวเอง

จากคำบอกเล่านี้ อันเช่ มีวาทะศิลป์ในการเข้าหานักเตะอย่างเห็นได้ชัด การใช้คำพูดที่น่าฟัง สามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ ... ระหว่างทางไม่มีการกระทบกระทั่งแตกหัก แต่ปลายทางคือนักเตะเล่นในแบบที่เป็นประโยชน์กับทีม 

ณ ตอนนี้ เรอัล มาดริด คือสโมสรที่กำลังผลัดใบ แต่คุณกลับไม่รู้สึกถึงสิ่งนั้นเลยในคุณภาพการแข่งขันพวกเขายังคงเดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ทั้ง ๆ ที่นักเตะรุ่นก่อน ๆ โรยรา และออกจากทีมไป พวกเขาไม่มี เบนเซม่า ไม่มี คาเซมิโร่ อีกทั้ง โมดริช และ โทนี่ โครส ก็ลงเล่นทุกสัปดาห์ไม่ได้แล้ว ทว่าดาวรุ่งแต่ละคนขยับตัวเองขึ้นมาทำหน้าที่ "กระดูกสันหลังของทีม" ได้อย่างไร้รอยต่อ 

ไม่ใช่แค่ เบลลิ่งแฮม, โรดรีโก้ หรือ วินิซิอุส แต่พวกเขายังมี เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้, ออเรเลียง ชูอาเมนี่, เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า นักเตะเหล่านี้กลายเป็นตัวหลักของทีมไปแล้วในแบบที่แฟนบอลทีมอื่นอาจจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ซึ่งนอกจากรายชื่อที่กล่าวมา ยังอีกหลายคนจากทีมอคาเดมี่ที่กำลังรอโอกาสในทีมชุดใหญ่อีกด้วย 

ตอนนี้ มาดริด ใช้นักเตะหนุ่มแบกทีม โดยมีกลุ่มม้าแก่ที่มีประสบการณ์คอยประคองได้อย่างลงตัว ถ้าคุณจะให้เครดิตใครสักคน โค้ชอย่าง อันเช่ ควรเป็นคนที่ได้รับสิ่งนี้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเข้าหานักเตะในแบบที่ทำให้ทุกคนสบายใจ, การชี้จุดอ่อนของแต่ละในแบบที่ไม่ให้ความรู้สึกเชิงลบ, การหยิบเอาของดีของแต่ละคนออกมาใช้ให้มากที่สุด และสุดท้ายการมอบความไว้วางใจและความสนับสนุนในวันที่เด็ก ๆ กล้าแกร่งพอจะได้รับมัน 

ทั้งหมดนี้คือการบริหารดาวรุ่งที่โค้ชทุกคน และสโมสรทุกสโมสรสามารถเอาไปเป็นแนวทางได้ ในช่วงเวลาที่นักเตะอยู่ในวัยพุ่งพล่าน พร้อมปะทะ และมีทัศนคติที่ยังไม่แตกฉานเรื่องการมองโลก การมีใครสักคนคอยชี้แนะพวกเขาอย่างเป็นมิตร และมอบบทเรียนที่ดีที่สุดผ่านข้อเท็จจริงอย่าง อันเชล็อตติ พวกเขาจะอยู่ในร่องในรอย และเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องได้ดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียว  

 

แหล่งอ้างอิง

https://onefootball.com/en/news/how-carlo-ancelottis-selection-of-rodrygo-goes-won-them-el-clasico-37140654
https://en.as.com/soccer/rodrygo-i-dont-like-playing-as-a-number-9-but-i-do-it-because-i-believe-in-ancelotti-n/
https://www.theguardian.com/football/blog/2022/apr/12/carlo-ancelotti-champions-league-real-madrid
https://www.managingmadrid.com/2024/1/19/24043676/carlo-ancelotti-quality-young-players-force-not-necessary-real-madrid-atletico-press-conference
https://theathletic.com/5266454/2024/02/11/vinicius-jr-bellingham-rodrygo-real-madrids-front-line-is-something-special/ 

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ