ณ เวลานี้ มีนักเตะทีมชาติอินโดนีเซียนามว่า “จัสติน ฮูบเนอร์” กำลังค้าแข้งอยู่ในลีกชั้นนำของโลก อย่างพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ซึ่งเขาเป็นนักเตะของทีม วูล์ฟแฮมป์ตัน วอนเดอเรอร์ส ส่งผลให้ตอนนี้เขาเป็นนักเตะเพียงคนเดียวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน (ASEAN) ที่มีโอกาสได้โลดแล่นอยู่ลีกสูงสุดของเมืองผู้ดี และเป็นหนึ่งเดียวของชาติอาเซียน ในเอเชี่ยน คัพ ที่มีนักเตะเล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
บทความนี้ Main Stand ขอพาแฟนบอลไปทำความรู้จักเส้นทางลูกหนังของ จัสติน ฮูบเนอร์ กองหลังชาวดัตช์เชื้อสายอินโดนีเซียวัย 20 กะรัตรายนี้ และ ไขข้อสงสัยว่าทำไมอดีตนักเตะทีมชาติเนเธอแลนด์ชุดเยาวชนดีกรี พรีเมียร์ลีก ถึงเลือกที่จะเล่นทีมชาติชุดใหญ่ให้กับอินโดนีเซีย
กองหลังสายเลือด ดัตช์-อินโดฯ
เรื่องราวของ จัสติน ฮูบเนอร์ เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 14 กันยายน ปี 2003 นั่นคือวันที่เขาลืมตาขึ้นมาดูโลก ณ เมืองเซร์โทเคนบอส ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยที่แม่ของฮูบเนอร์คือชาวเนเธอร์แลนด์ ส่วนพ่อของฮูบเนอร์นั้นเป็นชาวอินโดนีเซีย นั่นทำให้ จัสติน ฮูบเนอร์ มีทั้งเลือดดัตช์และอินโดนีเซียไหลเวียนอยู่ภายในตัวเขา แต่ด้วยความสัมพันธ์อันลึกซึ้งต่อรากเหง้าของชาวอินโดนีเซียทำให้ จัสติน ฮูบเนอร์ เลือกใช้สัญชาติของผู้เป็นพ่อซึ่งมาจากจาการ์ตาและย่าของเขาที่มาจากเมืองบันดุงในเกาะชวา ซึ่งแม่ของ จัสติน ฮูบเนอร์ ก็เคารพในการตัดสินใจของลูกชายพร้อมทั้ง ยังชื่นชมในความติดดินและความผูกพักทางสายเลือดระหว่าง จัสติน ฮูบเนอร์ กับบ้านเกิดของพ่อเขา อย่างไรก็ตามอีกครึ่งหนึ่งในตัวเขายังเป็นชาวดัตซ์
จัสติน ฮูบเนอร์ มีเบื้องหลังความสำเร็จที่คล้ายกับนักฟุตบอลหลายคน นั่นคือ พ่อแม่ของเขาที่คอยผลักดันให้ ฮูบเนอร์ เติบโตบนเส้นทางลูกหนังอย่างแน่วแน่
พ่อแม่ของฮูบเนอร์ พบว่าลูกชายของพวกเขานั้นมีความหลงใหลในกีฬาฟุตบอลเป็นอย่างมาก
นับตั้งแต่ฮูบเนอร์เริ่มต้นเล่นฟุตบอลครั้งแรกกับสโมสรวิลเลม ทเวล และ สโมสรบราแบนต์ ยูไนเต็ด ในเมืองบ้านเกิด จากนั้นในปี 2017 จัสติน ฮูบเนอร์ ย้ายไปเล่นกับสโมสรเอฟซี เดน บอสช์ ในทีมชุดเยาวชน และสามารถพัฒนาฝีเท้าจนขึ้นไปเล่นรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปีได้ตั้งแต่ตัวเขาอายุได้เพียง 15 ปีเท่านั้น ในระหว่างที่เขาเก็บตัวฝึกซ้อมกับสโมสรเอฟซี เดน บอสช์ สื่อท้องถิ่นเผยว่าเขามีโอกาสเล่นกับทีมชุดใหญ่บ้างสองถึงสามครั้งและสโมสรแห่งนี้ทำให้เขาเติบโต
“ผมเจอเรื่องบ้า ๆ ที่นั่น แต่ผมก็เรียนรู้ที่จะยืนหยัดเพื่อตัวเองด้วย คุณต้องทำงานหนักลักษณะเดียวกันในโลกฟุตบอล ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะเดินแซงหน้าคุณไป” จัสติน ฮูบเนอร์ กล่าวกับ Brabants Dagblad สื่อท้องถิ่นของเนเธอร์แลนด์กับการเติบโตที่เมืองบ้านเกิด
จุดเริ่มต้นในลีกอังกฤษ
วันที่ 13 มกราคม 2020 คือจุดเริ่มต้นของ จัสติน ฮูบเนอร์ กับฟุตบอลอังกฤษ หลังจากนั้นหนึ่งวัน Talking Wolves เว็บไซต์ข่าวสารภายในสโมสรได้ออกเผยว่า “วูล์ฟ” ได้เซ็นสัญญากับจัสติน ฮูบเนอร์ กองหลังวัย 16 ปี แบบไม่มีการเปิดเผยค่าตัว จาก เอฟซี เดน บอสช์ พร้อมระบุข้อความว่า
“กองหลังชาวดัตช์รายนี้ถือเป็น นักเตะพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอคาเดมีของบอสเช่ชุดเยาวชน (เอฟซี เดน บอสช์)”
จัสติน ฮูบเนอร์ ประเดิมสนามนัดแรกในสีเสื้อของวูล์ฟแฮมป์ตัน วอนเดอเรอร์ส วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ปี 2020 กับทีมวูล์ฟแฮมป์ตันฯ รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี โดยเขารับใช้ วูล์ฟแฮมป์ตันฯ U18 ไปทั้งสิ้น 36 นัด ทำได้ 3 ประตู ถัดมาในเดือนเมษายนปี 2021 จัสติน ฮูบเนอร์ มีโอกาสได้เล่นกับรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี แต่ในเวลานี้เขามีโอกาสลงไปสัมผัสเกมในฐานะตัวสำรองเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม วันที่ 29 พฤศจิกายนภายในปีเดียวกัน จัสติน ฮูบเนอร์ ถูกเรียกขึ้นไปเล่นกับทีมวูล์ฟแฮมป์ตันฯ รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี อีกครั้ง และดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะได้รับโอกาสจาก เจมส์ คอลลินส์ เฮดโค้ชของทีม U21ให้ยืนครบ 90 นาทีเต็มเป็นครั้งแรก พร้อมทั้งได้ลงเล่นให้กับชุด U21 เรื่อยมาจวบจนปัจจุบัน โดยฤดูกาล 2023-24 จัสติน ฮูบเนอร์ ลงเล่นให้กับวูล์ฟแฮมป์ตันฯ รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ในศึกพรีเมียร์ลีก2 ไปแล้ว 10 นัด พร้อมผลงานเบิกสกอร์ไป 4 ประตู เรียกว่าได้เป็นตัวเลขที่สูงพอสมควรในฐานะผู้เล่นตำแหน่งกองหลัง และด้วยผลงานดังกล่าวนี้ส่งผลให้เจ้าตัวมีสถิติการทำประตูสูงเป็นอันดับ 2 ของทีม อีกทั้งยังมีชื่อเข้าชิงนักเตะยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก2 ประจำเดือนธันวาคม ปี 2023 อีกด้วย
จัสติน ฮูบเนอร์ ไม่ได้มีดีแค่ฝีเท้าเท่านั้น เพราะ เรื่องทัศนคติ ด้านความเป็นผู้นำของเขาก็ทำออกมาได้ดีเช่นกันเราจะเห็นได้จากการได้รับความไว้วางใจจาก เจมส์ คอลลินส์ เฮดโค้ชและเพื่อนร่วมทีมที่ได้มอบหมายให้เขาเป็น กัปตันทีมรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี นอกจากนั้น ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2023-24 จัสติน ฮูบเนอร์ ได้รับโอกาสมีชื่อติดทีมชุดใหญ่ไปแล้วด้วย
โดยวันที่ 12 ธันวาคม ปี 2023 เขามีชื่ออยู่ในม้านั่งสำรอง ในนัดที่วูล์ฟแฮมป์ตัน วอนเดอเรอร์ส เปิดบ้านพ่ายให้กับ อาร์เซนอล 2-1 นั่นทำให้ ณ เวลานี้ เขาเป็นนักเตะจากชาติในอาเซียนเพียงคนเดียว ที่มีสโมสรต้นสังกัดอยู่บนลีกสูงสุดของเกาะอังกฤษ โดย จัสติน ฮูบเนอร์ ได้เผยถึงความรู้สึกต่อประสบการณ์ครั้งนี้ กับ Brabants Dagblad สื่อท้องถิ่นประเทศเนเธอร์แลนด์ ว่า
“ทีมผู้ฝึกสอนของทีมชุดใหญ่บอกว่าผมสามารถไปลอนดอนกับทีมชุดใหญ่ได้ และผมก็ได้ยินในระหว่างที่เรากำลังทบทวนการแข่งขันว่า ผมจะนั่งบนม้านั่งสำรองเป็นครั้งแรก ผมโทรหาพ่อแม่ทันทีหลังจากนั้น และบอกพวกเขาว่า นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ? ภายในใจผมมันเต็มไปด้วยความสุข มันเป็นรางวัลสำหรับการทำงานหนักและพัฒนาการของผม”
ถึงกระนั้นเจ้าตัวยังไม่มีโอกาสได้เล่นลงไปสัมผัสเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับทีมชุดใหญ่เลยแม้แต่วินาทีเดียว โดยมีชื่ออยู่ในม้านั่งสำรองเพียงเกมเดียวกับอาร์เซน่อลในตอนนี้ แต่สำหรับสถิติกับวูล์ฟแฮมป์ตันฯ ชุด U18 และ U21 จัสติน ฮูบเนอร์ ลงเล่นไปทั้งสิ้น 81 นัด ตะบันไป 7 ประตูกับอีก 2 แอสซิสต์จากทุกรายการ
ทางด้านรายละเอียดสัญญาของ จัสติน ฮูบเนอร์ นั้นทางสโมสรได้มีการต่อสัญญาเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปี 2023 ด้วยระยะเวลาสองปีครึ่ง นั่นหมายความว่าเขาจะกับทีมวูล์ฟแฮมป์ตันฯ ถึงปลายเดือนมิถุนายน ปี 2025 เป็นอย่างน้อย
เบนเข็มจากฮอลแลนด์สู่ทีมชาติอินโดนีเซีย
บทบาททีมชาตินั้น จัสติน ฮูบเนอร์ เคยลงเล่นให้กับทีมเยาวชนจากทั้งสองประเทศ คือ เนเธอร์แลนด์ และ อินโดนีเซีย โดยเจ้าตัวได้รับใช้ชาติครั้งแรกวันที่ 6 กันยายน ปี 2021 ด้วยวัยเพียง 17 ปี กับอีก 11 เดือน ให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ในแมตซ์กระชับมิตรกับ ทีมชาติอิตาลีรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี จากนั้นเขาได้ลงเล่นให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ในศึก UEFA ยูโร แชมเปี้ยนชิพ U19 อีกจำนวน 6 นัดก่อนที่จะตกรอบแบ่งกลุ่มไปในที่สุด
หลังจากนั้นได้ 1 ปี วันที่ 17 พฤศจิกายน ปี 2022 จัสติน ฮูบเนอร์ ถูกเรียกติดทีมชาติอินโดนีเซีย รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี และได้ลงเล่นทีมชาติอินโดนีเซียชุด U20 ไป 2 แมตซ์ ก่อนที่จะกลับไปเล่นให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี อีกครั้ง ในวันที่ 25 มีนาคม ปี 2023 และนี่คือนัดสุดท้ายของ จัสติน ฮูบเนอร์ ในสีเสื้อทีมชาติดัตช์ เพราะหลังจากนั้น ชิน แท-ยง หัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีมชาติอินโดนีเซีย ได้เรียกกองหลังเจ้าของส่วนสูง 187 เซนติเมตร ติดชาติอินโดนีเซียชุดใหญ่เพื่อลุยศึก เอเอฟซี เอเชียน คัพ 2023 ณ ประเทศกาตาร์
โดยเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ปี 2023 เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศอินโดนีเซีย (PSSI) ได้รายงานว่า จัสติน ฮูบเนอร์ จะเข้าสู้พิธีสาบานตนเพื่อเป็นพลเมืองอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการกับ โจโก วิโดโด ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย แน่นอนว่าพิธีการดังกล่าวผ่านพ้นไปได้ด้วยดี จากนั้น วันที่ 6 ธันวาคม ปี 2023 จัสติน ฮูบเนอร์ ถือเป็นพลเมืองอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งได้เปิดเผยเหตุที่เลือกเล่นให้กับประเทศอินโดนีเซียว่าส่วนหนึ่งมาจากประชาชนชาวอินโดนีเซียที่คลั่งไคล้ฟุตบอลเป็นอย่างมาก และแฟนฟุตบอลชาวอินโดนีเซียก็คอยสนับสนุนเขามาโดยตลอด
“ผมรู้สึกว่าอินโดนีเซียมีแฟนบอลที่ยิ่งใหญ่กว่าเนเธอร์แลนด์ ผมคิดว่าเรามีเพื่อนร่วมทีมที่ดีและสามารถประสบความสำเร็จได้มากมายกับนักเตะชุดนี้” จัสติน ฮูบเนอร์ กล่าวเมื่อเขาเข้าพิธีสาบานตนเป็นพลเมืองอินโดนีเซีย
“ผมมีความสุขและภูมิใจมากที่ได้เล่นให้กับทีมชาติอินโดนีเซีย” เขากล่าวต่ออย่างมีความสุข
นอกจากนั้น จัสติน ฮูบเนอร์ ได้ยืนยันกับสื่อบ้านเกิดของตัวเองว่าตัวเขาเป็นคนเลือกการตัดสินใจครั้งนี้เองและทั้งหมดมันอยู่ในแผนการของเขา
“ผมตัดสินใจเลือกอินโดนีเซียอย่างมีสติ และผมเป็นคนวางแผนเอง ความซาบซึ้งที่คุณได้รับจากที่นั่น (อินโดนีเซีย) แตกต่างอย่างมากจากในเนเธอร์แลนด์ พวกเขาปฏิบัติกับผมประหนึ่งว่าผมเป็นราชา ผู้คนที่นั่นคลั่งไคล้ฟุตบอลมาก” จัสติน ฮูบเนอร์ กล่าว บนโต๊ะอาหารในครัว ณ บ้านพ่อแม่ของเขา
จัสติน ฮูบเนอร์ ได้ชิมลางเล่นกับทีมชาติอินโดนีเซียชุดใหญ่ไปแล้ว 2 แมตซ์ ในนัดกระชิบมิตรกับทีมชาติลิเบีย โดยทั้ง 2 แมตซ์นี้เป็นทีมชาติอินโดนีเซียที่เป็นฝ่ายปราชัย อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงนัดอุ่นเครื่องเท่านั้น เจ้าตัวยังมีทัวร์นาเมนต์ทางการอย่างเอเชียนคัพปี 2023 ซึ่งจัดขึ้นในเดือนมกราคม ปี 2024 นี่จะเป็นการประเดิมทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติเกมแรกที่ จัสติน ฮูบเนอร์ จะได้เปิดตัวกับทีมชาติอินโดนีเซีย
“เป็นเรื่องพิเศษที่เราอยู่ในเอเชียนคัพ ผมแทบรอไม่ไหวที่จะเล่นและฝึกซ้อมที่นี่ (กาตาร์) เรากำลังเล่นในกลุ่มที่ค่อนข้างยาก แต่เราเป็นทีมที่แข็งแกร่งและทำงานหนัก” จัสติน ฮูบเนอร์ กล่าวเมื่อ วันที่ 7 มกราคม ปี 2024
“เราจะทำงานอย่างหนักเพื่อสิ่งนั้น เราจะต่อสู้เพื่ออินโดนีเซีย ครอบครัวของเรา และเพื่อทุกคน อย่างที่ผมบอกไว้ จงฝึกฝนให้หนัก แล้วเราจะได้เห็นว่าอะไรจะเกิดขึ้นในภายหลัง” นี่คือทัศนคติของนักเตะทีมชาติอินโดนีเซียวัย 20 ปี ในขณะเดียวกันเขาเป็นกัปตันทีมวูล์ฟแฮมป์ตัน วอนเดอเรอร์ส รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี
ทีมชาติอินโดนีเซีย ของจัสติน ฮูบเนอร์ จะทำการแข่งขันกับญี่ปุ่น , อิรัก , และ เวียดนาม ในรอบกลุ่มเอเชียนคัพปี 2023 ณ ประเทศกาตาร์ นอกจากนี้ยังมีฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก ซึ่งอินโดนีเซียจะพบกับเวียดนามทั้งในบ้านและนอกบ้านในเดือนมีนาคม ปี 2024
ภายใต้แนวทางการทำทีมแบบโอนสัญชาติของ “ทัพอิเหนา”
อีกหนึ่งเหตุผลที่ จัสติน ฮูบเนอร์ ถูกทาบทามให้เล่นกับ “ทัพอิเหนา” เป็นเพราะแนวทางการทำทีมของ สมาคมฟุตบอลอินโดนีเซีย ภายใต้การนำทัพของชิน แท-ยง ที่เลือกใช้นักเตะลูกครึ่งอินโดนีเซียจากลีกต่าง ๆ ทั่วโลก กลับมารับใช้ทีมชาติอินโดนีเซีย เราจะเห็นได้ว่าขุมกำลังของทัพอินโดนีเซีย ชุดลุยเอเชียนคัพปี 2023 มีนักเตะลูกครึ่งมากถึง 8 ราย นั่นคือ เอลคาน แบ็กก็อตต์ , เชน แพตตินามา , อิวาร์ เยนเนอร์ , แซนดี วอลช์ , มาร์ค คล็อค , ราฟาเอล สตรูอิค , จอร์ดี้ อามัต , และ จัสติน ฮูบเนอร์
อันที่จริง ปีเตอร์ วิธ โค้ชของอินโดนีเซียระหว่างปี 2004 - 2007 ได้ให้ไฟเขียวกับแผนการโอนสัญชาตินักเตะเพื่อจัดทีมลุยศึกเอเชียคัพตั้งแต่ปี 2007 แผนการนี้ริเริ่มโดยสมาคมฟุตบอลแห่งอินโดนีเซีย (PSSI) ภายใต้การนำของนูร์ดิน ฮาลิด
“เราดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่านักกีฬาสัญชาติอินโดนีเซียที่มีสายเลือดอินโดนีเซีย และมีคุณภาพสูงเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในทักษะกีฬาของตน กระบวนการเปลี่ยนแปลงสัญชาติมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นตัวแทนของทีมชาติเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของสโมสรอีกต่อไป” ฮัมดาน ฮาเมดัน เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ กระทรวงเยาวชนและกีฬากล่าวเมื่อวันที่ 8 มกราคม ปี 2024 ในกรุงจาการ์ตา
นอกจากนี้ ยังพบว่าปี 2023 มีนักเตะโอนสัญชาติมายังอินโดนีเซียมากถึง 5 รายภายในปีเดียว
“บางทีผู้เล่นโอนสัญชาติยังไม่คล่องในภาษาอินโดนีเซีย และในทางกลับกัน ผู้เล่นท้องถิ่นก็สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ฟุตบอลมีภาษาไม่ว่าจะพูดหรือผ่านท่าทาง ซึ่งมีความชัดเจนในการอธิบายแผนและกลยุทธ์ภายในทีม นั่นคือสิ่งที่ผู้เล่นทุกคนต้องเข้าใจเพื่อความสามัคคีภายในทีมเพื่อเติบโต” สยัมซุดดิน อูมาร์ อดีตผู้จัดการทีมอินโดนีเซียกล่าว
แน่นอนว่าแนวทางการโอนสัญชาติแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรในวงการฟุตบอลแต่ด้วยปริมาณนักเตะจำนวนมากที่ได้โอนย้ายมายังประเทศอินโดนีเซียทำให้มีผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายแสดงความกังวลและออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงแนวทางนี้ ว่าจะมีผลกระทบมากน้อยอย่างไรต่อผู้เล่นรากหญ้าในอินโดนีเซีย
“เราตั้งคำถามถึงทิศทางการพัฒนาฟุตบอลของเรา หากสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซียตัดสินใจ ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการแปลงสัญชาติเพียงเท่านั้น ก็อาจเป็นไปได้ แต่คำถามจะเกิดขึ้นว่าจุดยืนของเราอยู่ที่ไหน หากการแปลงสัญชาติเป็นเพียงป้ายบอกทางไปยังอนาคต แต่รากฐานถูกลืมไป มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย” ทอมมี่ เวลลี่ ผู้สังเกตการณ์ฟุตบอลและสื่อในอินโดนีเซียกล่าว
อนาคตบนเส้นทางลูกหนังของ จัสติน ฮูบเนอร์ จะดำเนินไปอย่างไรกับทีมชาติอินโดนีเซียภายใต้การคุมทีมของ ชิน แท-ยง และ เส้นทางกับสโมสรวูล์ฟแฮมป์ตัน วอนเดอเรอร์ส จะลงเอยอย่างไร ให้ผลงานและฟอร์มการเล่นหลังจากนี้ของเจ้าตัวเป็นคำตอบ
แหล่งอ้างอิง :
https://www.bd.nl/sport/groot-premier-league-talent-uit-den-bosch-kiest-voor-indonesie-voel-me-hier-heel-erg-gewaardeerd~a212442d/?referrer=https%3A%2F%2Fwww.google.com%2F&cb=9aa958dc00c819684c24bdcc97da77eb&auth_rd=1
https://thethaiger.com/world/news/571254/
https://www.metrojambi.com/metro/133707673/justin-hubner-akui-timnas-indonesia-berada-di-grup-sengit-di-piala-asia-ini-persiapannya-jelang-laga-perdana
https://en.wikipedia.org/wiki/Justin_Hubner
https://voi.id/en/sports/336587
https://academy.wolves.co.uk/news/hubner-nominated-for-decembers-pl2-player-of-the-month/
https://talkingwolves.co.uk/
https://www.transfermarkt.com/justin-hubner/profil/spieler/678641
https://www.kompas.id/baca/english/2023/10/09/en-evolusi-pemantik-optimisme-timnas-indonesia?open_from=Section_Artikel_Terkait
https://voi.id/en/sports/341689