ทอม ล็อคเยอร์ ปราการหลังกัปตันทีมของ ลูตัน ทาวน์ เกิดร่วงลงไปแน่นิ่งอยู่กลางสนาม ในนาทีที่ 59 ของเกมที่พวกเขาบุกไปเยือน เอเอฟซี บอร์นมัธ จนเพื่อนร่วมอาชีพทั้งสองทีมต้องรีบกวักมือให้ทีมแพทย์วิ่งมาช่วยเหลือในทันที
การที่นักฟุตบอลอาชีพทรุดลงไปแน่นิ่งโดยไม่มีการปะทะกับผู้เล่นคนอื่น ก็เพียงพอทำให้เกิดความกังวลถึงความปลอดภัยของผู้เล่นรายนั้นแล้ว แต่สำหรับกองหลังวัย 29 ปี ที่เพิ่งล้มลงกลางสนามระหว่างแมตช์การแข่งขันเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ความกังวลดังกล่าวยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก โดยสังเกตเห็นได้จากสีหน้าของเพื่อนร่วมอาชีพ ทีมงาน และแฟนบอลทั่วสนาม
เกิดอะไรขึ้นในเกมดังกล่าว สถานการณ์ล่าสุดของ ล็อคเยอร์ เป็นอย่างไรบ้าง Main Stand ได้รวบรวมข้อมูลล่าสุดจากเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ในบทความนี้
เกิดอะไรขึ้นในสนาม?
ทอม ล็อคเยอร์ ร่วงลงไปแน่นิ่งโดยไม่มีการปะทะกับนักเตะคนอื่น เพียงไม่นานหลังจาก บอร์นมัธ ไล่ตีเสมอมาเป็น 1-1 โดยทีมเยือนได้เป็นฝ่ายเขี่ยลูกเริ่มเล่นอีกครั้งในนาทีที่ 58:48
10 วินาทีให้หลัง กล้องถ่ายทอดสดได้หันกลับมาบริเวณกลางสนามอีกรอบ ปรากฏภาพของ ล็อคเยอร์ ที่ทรุดตัวลงไปในตำแหน่งที่ยังคุกเข่ายันพื้นใกล้กับวงกลมกลางสนามอยู่ ก่อนที่ในนาที 59:00 เขาจะล้มลงหน้าคว่ำไปทั้งตัว
หลังจาก ไซม่อน ฮูเปอร์ ผู้ตัดสินในเกมนี้ได้เป่านกหวีดหยุดเกมได้ไม่นาน ฟิลิป บิลลิ่ง ศูนย์หน้าของ บอร์นมัธ ที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ เป็นคนแรกที่รีบกวักมือให้ทีมแพทย์ลงมาช่วยเป็นการด่วน ก่อนที่ภาพถ่ายทอดสดจะตัดไปเป็นกล้องมุมอื่น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสีหน้าความตึงเครียดและเป็นกังวลของทั้งผู้จัดการทีม เพื่อนนักเตะ และแฟนบอลที่อยู่บนอัฒจันทร์
แมตช์ดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไป ด้วยความเห็นชอบจากผู้ตัดสินและทั้งสองสโมสร โดย ลูตัน ทาวน์ ได้ระบุผ่าน X (Twitter) อย่างเป็นทางการของสโมสรว่า ล็อคเยอร์ เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Cardiac Arrest) ระหว่างลงแข่ง แต่สามารถตอบสนองได้ในระหว่างนำตัวออกจากสนาม โดยเจ้าตัวได้รับการรักษาเพิ่มเติมจากทีมแพทย์ในห้องพยาบาล ก่อนถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจสอบเพิ่มเติม
ด้วยข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 17 ธันวาคม ล็อคเยอร์ ยังต้องได้รับการตรวจสแกนอย่างละเอียดเพิ่มเติม ก่อนจะได้ข้อสรุปขั้นตอนการฟื้นตัวของกองหลังวัย 29 ปีรายนี้
อาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน
จากข้อมูลของโรงพยาบาลพญาไท ระบุว่าภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน คือภาวะที่หัวใจทำงานผิดปกติ จนไม่มีการบีบตัวหรือหยุดเต้นทันที โดยไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า เมื่อเกิดภาวะนี้ จะไม่มีการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้การทำงานของอวัยวะผิดปกติ
ข้อมูลสถิติจากโรงพยาบาลกรุงเทพ พบว่าในประเทศไทยมีการเสียชีวิตเฉียบพลันจากโรคหัวใจปีละประมาณ 50,000 คน และแม้ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันจะเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในนักกีฬาอายุต่ำกว่า 35 ปี แต่ทาง Mayo Clinic ระบุว่าโอกาสในการเกิดมีเพียง 1 ใน 50,000-80,000 คนต่อปีเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้นเสียทีเดียว
สำหรับนักฟุตบอลอาชีพ เหตุการณ์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นกับ คริสเตียน อีริคเซ่น ในระหว่างรายการฟุตบอลยูโร 2020 โดยเจ้าตัวเกิดล้มลงระหว่างแมตช์ที่ เดนมาร์ก พบกับ ฟินแลนด์ ด้วยภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ก่อนที่เจ้าหน้าที่แพทย์จะรุดเข้ามาทำการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ หรือ CPR และใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ หรือ AED ในสนามโดยทันที
อีริคเซ่น รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้อย่างปลอดภัย จากการตอบสนองที่รวดเร็วของทีมแพทย์ และยังกลับมาลงเล่นฟุตบอลได้ตามปกติ แต่กรณีของเขาก็เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก โดยก่อนหน้านั้น ฟาบริซ มูอัมบ้า นักเตะของ โบลตัน เคยประสบเหตุการณ์เดียวกันในเดือนมีนาคม 2012 และหัวใจเขาได้หยุดเต้นไปนานกว่า 78 นาที ก่อนที่ทีมแพทย์จะกู้ชีพกลับมาได้ แต่เจ้าตัวจำเป็นต้องแขวนสตั๊ดในทันที
ด้าน อับเดลฮัค นูริ อดีตดาวรุ่งของ อาหยักซ์ เกิดอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะในเกมพรีซีซันกับ แวร์เดอร์ เบรเมน ในเดือนกรกฎาคม 2017 ได้รับผลกระทบอย่างถาวรต่อสมอง โดยมีส่วนมาจากการปฐมพยาบาลในสนามที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ทำให้ นูริ ไม่สามารถกลับมาลงเล่นฟุตบอลได้อีก และต้องได้รับความช่วยเหลือในการใช้ชีวิตประจำวันจากสมาชิกในครอบครัว
ความกังวลในกรณี ล็อคเยอร์
ความกังวลที่หลายฝ่ายมีต่อกรณีของ ล็อคเยอร์ มาจากการที่เจ้าตัวเคยล้มลงกลางสนามมาแล้วหนึ่งครั้ง ระหว่างเกมนัดชิงเพลย์ออฟแชมเปียนชิพ ที่ ลูตัน ทาวน์ พบกับ โคเวนทรี
“มันตลกมาก ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ผมแค่ตื่นเต้นไปหน่อยหลังจากแย่งโหม่งได้สำเร็จ และกำลังคิดในหัวว่าผมจะยิงประตูในเวมบลีย์ให้ได้เลย” เจ้าตัวเปิดเผยกับ Sky Sport หลังจากออกจากโรงพยาบาลในต้นเดือนมิถุนายน
“จากนั้นผมก็เริ่มวิ่งถอยหลัง และเริ่มรู้สึกขาตัวเองหมดแรง กับจำได้ว่าตัวเองเริ่มล้มไปทางด้านหลัง” โดย ล็อคเยอร์ ระบุว่าเจ้าตัวจำอะไรไม่ได้ในตอนที่กระแทกพื้น และรู้สึกตัวปกติในตอนที่ทีมแพทย์นำตัวออกจากสนามไปตรวจสอบเพิ่มเติม แถมยังเฝ้าตามดูทีมรักตนเองจากเตียงที่โรงพยาลอีกด้วย
ล็อคเยอร์ ได้รับการตรวจว่าเป็นโรคหัวใจเต้นพริ้ว หรือ Atrial fibrillation ซึ่งเป็นโรคหัวใจชนิดหนึ่งที่หัวใจห้องบนเต้นพริ้ว ไม่ผลักดันเลือดลงมาห้องล่างตามปกติ และมักจะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจห้องล่างเร็วผิดปกติ ซึ่งเป็นอาการที่มีงานวิจัยพบว่านักกีฬาอาจเป็นได้มากกว่าคนปกติถึง 2 เท่า
เจ้าตัวระบุว่า “ทีมแพทย์รู้ในทันทีว่ามันคืออาการอะไร โชคดีที่มันไม่ได้อันตรายถึงชีวิต และผมได้รับการแก้ไขไปตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม โดยมันไม่ควรเกิดขึ้นอีกครั้ง” ก่อนเสริมว่าเขาได้รับไฟเขียวจากแพทย์และสโมสรให้กลับมาเล่นฟุตบอลต่อได้อีกครั้ง พร้อมกับเป็นกำลังหลักของ ลูตัน ทาวน์ บนระดับพรีเมียร์ลีกในตอนนี้
สำหรับในตอนนี้ มันยังเร็วเกินกว่าจะด่วนสรุปว่าเกิดอะไรขึ้นกับ ล็อคเยอร์ ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หรือเหตุการณ์นี้จะเป็นผลกระทบโดยตรงจากการล้มในสนามเมื่อเดือนพฤษภาคมไหม โดยต้องรอการสแกนและตรวจสอบอย่างละเอียดจากทีมแพทย์เสียก่อน แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์ที่เคยเกิดเพียง 7 เดือนก่อนหน้า เป็นสิ่งที่ทำให้หลายฝ่ายกังวลต่อความปลอดภัยของกัปตันทีมรายนี้อยู่ไม่น้อย
ข่าวดีที่สุดในเวลานี้ คือการที่ ล็อคเยอร์ ยังมีอาการคงที่ พร้อมกับมีครอบครัวคอยให้กำลังใจอยู่เคียงข้าง เช่นเดียวกับกำลังใจอย่างล้นหลามจากแฟนบอลและสโมสรทั่วโลก ที่ส่งให้กัปตันทีมวัย 29 ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้
แหล่งอ้างอิง:
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/sudden-cardiac-arrest/in-depth/sudden-death/art-20047571
https://theathletic.com/5142118/2023/12/16/cardiac-arrest-tom-lockyer-luton-collapse/
https://theathletic.com/5142235/2023/12/17/tom-lockyer-luton-cardiac-arrest/
https://www.skysports.com/football/news/11717/12897368/tom-lockyer-luton-captain-says-he-has-been-given-the-all-clear-after-collapsing-in-championship-play-off-final
