Feature

โคกิ โมริตะ : น้ำตาของกัปตันทีม ผู้พา โตเกียว เวอร์ดี กลับสู่ลีกสูงสุดอีกครั้งในรอบ 15 ปี | Main Stand

หลังสิ้นเสียงนกหวีดของผู้ตัดสิน ในเกมนัดชิงชนะเลิศของศึกเพลย์ออฟ เจลีก 2 ฤดูกาล 2023 หาผู้ชนะอีกหนึ่งทีม เลื่อนชั้นขึ้นสู่เจลีก 1 ในฤดูกาลหน้า เหล่ากองเชียร์และนักเตะของ โตเกียว เวอร์ดี ต่างส่งเสียงดีใจกันกึกก้อง เมื่อทีมรักของพวกเขา เป็นฝ่ายคว้าตั๋วเลื่อนชั้นได้สำเร็จในศึกครั้งนี้

 

กล้องถ่ายทอดสดการแข่งขัน ได้แพนไปยังนักเตะคนหนึ่งของ โตเกียว เวอร์ดี ที่พอเกมนี้จบลง ก็ล้มลงไปกับพื้นสนาม เอามือกุมหน้าพร้อมหลั่งน้ำตาออกมา ขณะที่เพื่อนร่วมทีม วิ่งกรูมาหานักเตะคนนี้ เพื่อสวมกอดแสดงความยินดีกับความสำเร็จของทีมร่วมกับเขา

นักเตะคนนั้น มีชื่อว่า "โคกิ โมริตะ" กัปตันทีมของ โตเกียว เวอร์ดี ผู้ร่วมเดินทางกับสโมสรแห่งนี้ มาตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่ทีมยังโลดแล่นอยู่ในลีกสูงสุดของฟุตบอลอาชีพญี่ปุ่น เมื่อปี 2008 ซึ่งเวลานั้นเขาเป็นเพียงนักเตะเยาวชนของทีม

จนเติบใหญ่ขึ้นมาเป็นกัปตันทีมของ โตเกียว เวอร์ดี ในปี 2023 และพาต้นสังกัด กลับขึ้นมาอยู่ในจุดที่พวกเขาควรจะอยู่อีกครั้ง นั่นคือ เจลีก 1

ติดตามเรื่องราวของนักเตะคนนี้ไปกับเรา Main Stand

 

จุดเริ่มต้นสู่ยุคตกต่ำ

เท้าความถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของ "โตเกียว เวอร์ดี" ต้นสังกัดของ โคกิ โมริตะ กันก่อน ว่าทำไมพวกเขาถึงหล่นลงมาอยู่ในเจลีก 2 ยาวนานหลายปี

ย้อนกลับไปในช่วงที่ญี่ปุ่น เพิ่งจะก่อตั้ง "เจลีก" ลีกฟุตบอลอาชีพในประเทศขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1992 ก่อนจะเริ่มจัดการแข่งขันขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 1993

"โตเกียว เวอร์ดี" หรือเวลานั้นใช้ชื่อทีมว่า "เวอร์ดี คาวาซากิ" พวกเขาคือหนึ่งใน 10 สโมสรฟุตบอลญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า "ออริจินอล 10" ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ แล้วกลายเป็นทีมฟุตบอลทีมแรกที่สามารถคว้าแชมป์เจลีกมาครองได้สำเร็จ ในฤดูกาล 1993 อีกทั้งยังป้องกันแชมป์รายการนี้ได้อีกด้วยในฤดูกาลต่อมา

ทำให้ เวอร์ดี คาวาซากิ ถูกยกให้เป็นยอดทีมสุดแกร่งของเจลีก ณ เวลานั้น จากผลงานการคว้าแชมป์ลีกได้สองสมัยติดต่อกัน รวมถึงอุดมไปด้วยเหล่านักเตะมากฝีเท้าของญี่ปุ่น เช่น "คิงคาซู" คาซูโยชิ มิอุระ, รุย รามอส หรือ สึโยชิ คิตาซาวะ

แต่ทว่าช่วงเวลาอันหอมหวานกลับอยู่กับพวกเขาได้ไม่นาน เมื่อ เวอร์ดี คาวาซากิ ประสบปัญหาในการบริหารทีม โดยเฉพาะปัญหาด้านการเงิน หลังเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยของญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า "ทศวรรษที่หายไป" มาตั้งแต่ช่วงปี 1993 ซึ่งพวกเขาได้รับผลกระทบโดยตรงจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้

ทำให้ปี 1997 ผลงานในเจลีกของ เวอร์ดี คาวาซากิ ย่ำแย่ลงและเริ่มเข้าสู่ยุคตกต่ำ ด้วยเหตุผลที่พวกเขาไม่มีเม็ดเงินจากรายรับสโมสรที่มากพออีกต่อไป สำหรับจ่ายเงินให้กับนักเตะต่างชาติที่มีค่าเหนื่อยสูง หลัง Yomiuri Shimbun หรือ หนังสือพิมพ์โยมิอุริ บริษัทที่เป็นแหล่งเงินทุนให้กับสโมสรแห่งนี้ ประกาศขอไม่ไปต่อกับพวกเขา

จนในที่สุด "เวอร์ดี คาวาซากิ" ที่หลังจากปี 2001 ได้เปลี่ยนชื่อทีมใหม่เป็น "โตเกียว เวอร์ดี 1969" ก็ไม่สามารถประคับประคองทีมให้โลดแล่นอยู่ในลีกสูงสุดต่อไปได้ ร่วงลงสู่เจลีก 2 หลังจบฤดูกาล 2005 และถึงแม้จะใช้เวลาสองฤดูกาล กลับขึ้นมาสู่เจลีก 1 แต่ "โตเกียว เวอร์ดี 1969" ที่เปลี่ยนชื่ออีกรอบเป็น "โตเกียว เวอร์ดี" ก็ไม่สามารถยืนระยะในลีกระดับนี้ได้ ตกชั้นลงไปเล่นในเจลีก 2 อีกครั้งหลังจบฤดูกาล 2008

และนับจากนั้นตั้งแต่ปี 2009 "โตเกียว เวอร์ดี" ก็ไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศในการได้ลงเล่นเกมลีกสูงสุดของญี่ปุ่นอีกเลย

ปี 2008 นอกจากจะเป็นช่วงเวลาครั้งสุดท้ายที่ โตเกียว เวอร์ดี ได้ลงเล่นในศึกเจลีก 1 แล้ว มันยังเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการที่เด็กชายคนหนึ่งที่ชื่อ "โคกิ โมริตะ" ในวัย 8 ขวบ ได้เข้ามาเป็นนักเตะในระบบเยาวชนของ โตเกียว เวอร์ดี อีกด้วย

 

เด็กหนุ่มจากท้องถิ่น

"โคกิ โมริตะ" เป็นเด็กชายที่เกิดในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สำหรับการเล่นฟุตบอล ตัวเขาไม่ได้มีร่างกายที่สูงใหญ่ และไม่ได้เป็นคนที่วิ่งเร็ว แต่หลาย ๆ คนมักจะบอกว่าเขาเป็นคนที่มีเทคนิคการไปกับบอลที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง

"เขาไม่ได้เป็นคนที่มีพรสวรรค์ในเรื่องของร่างกาย และความเร็ว แต่การเลี้ยงบอลของเขาในสนาม ทำให้สายตาของผู้คนต่างจับจ้องไปที่เขา" มาริเอะ คามิโอกะ นักเขียนอิสระสายกีฬา กล่าวถึงจุดเด่นของ โคกิ โมริตะ ในเว็บไซต์ทางการของสโมสร โตเกียว เวอร์ดี

โมริตะ ใช้ชีวิตช่วงวัยเด็กอยู่ในเมืองนาโงยา จังหวัดไอจิ และได้เข้าร่วมฝีกฝนฟุตบอลกับศูนย์ฝึกอะคาเดมีของ นาโงยา แกรมปัส ทีมฟุตบอลชั้นนำของเจลีก แต่อยู่ได้ไม่นาน เขาก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านเกิดของตัวเองในกรุงโตเกียว และเข้าร่วมฝึกฝนฟุตบอลในระดับเยาวชนของ โตเกียว เวอร์ดี ในปี 2008

เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องสภาพร่างกายที่ไม่ได้สูงใหญ่มากนัก เมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ แถมยังไม่ได้เป็นคนที่วิ่งได้เร็ว ทำให้ โคกิ โมริตะ เลือกที่จะนำจุดเด่นของเขาที่มีมาตั้งแต่เด็กนั่นคือ "เทคนิคการไปกับบอล" มาขัดเกลาให้เฉียบคมมากยิ่งขึ้น และมันได้กลายเป็นประโยชน์ต่อเขาในอนาคต สำหรับการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

หลังเข้าไปเป็นนักเตะเยาวชนของ โตเกียว เวอร์ดี เขาก็ได้รับการยกย่องอยู่ตลอด ในฐานะนักเตะคนสําคัญของทีมในแต่ละชุด ไล่ตั้งแต่ทีมชุด U-10, U-12, U-15 และ U-18 ด้วยความสามารถในการคุมเกมแดนกลางได้อยู่หมัด จากทักษะการจ่ายบอลที่ชาญฉลาด, แม่นยำ และการครองบอลที่เหนียวแน่น โดนแย่งยาก

"ผมคิดว่าการผ่านบอลและเทคนิคการไปกับบอลของผม ทำให้ผมได้รับการยอมรับเป็นอย่างมากจากทุกคน แม้ว่าผมจะไม่ได้คนที่มีความเร็ว หรือร่างกายที่แข็งแกร่ง หลายคนมักจะบอกว่าผมเป็นนักเตะจอมเทคนิค หลังจากที่ได้เล่นฟุตบอลร่วมกับผมในสนามซ้อม" โคกิ โมริตะ กล่าวถึงช่วงเวลาของตัวเอง สมัยยังเป็นนักเตะเยาวชนของ โตเกียว เวอร์ดี

"ตอนประถม ผมได้ดู โรนัลดินโญ ลงเล่นให้กับ บาร์เซโลนา ผ่านหน้าจอทีวี ผมไม่เคยได้รับแรงบันดาลใจจากการเล่นฟุตบอลของใคร มากกว่าเขามาก่อน ผมรู้สึกทึ่งกับการเทคนิคการเลี้ยงบอลของเขาในสนาม ผมอยากจะเป็นนักฟุตบอลที่สามารถทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นเต้นได้เหมือนกับที่เขาทำ"

โคกิ โมริตะ ฝึกปรือศาสตร์ลูกหนังอยู่ในทีมระดับเยาวชนของ โตเกียว เวอร์ดี เป็นเวลา 11 ปี จนเข้าสู่ปี 2019 เขาก็ได้รับสัญญานักเตะอาชีพกับสโมสรแห่งนี้ พร้อมกับการขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัว

ในฤดูกาลแรก 2019 ด้วยวัย 19 ปี กับการลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ โตเกียว เวอร์ดี โมริตะ ลงเล่นไปเกมเจลีก 2 ไปทั้งหมด 24 เกม ยิงได้ 3 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์ โดยเขามักจะได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวสำรอง ในตำแหน่งกองกลางตัวรุก หรือขยับขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้าเสียส่วนใหญ่

ต่อมาฤดูกาล 2020 โมริตะ ยังคงได้ลงเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก หรือไม่ก็กองหน้าตัวเป้าเหมือนเดิม ลงสนามในเกมลีก 39 เกม แต่ผลงานกลับดิ่งลง หลังไม่สามารถทำประตูหรือแอสซิสต์ให้กับทีมได้เลย

"มันเกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อยสำหรับผมกับสิ่งที่เกิดขึ้น มีการแข่งขันมากมายของนักเตะในแผงกองกลางของทีม และทุกคนต่างก็กำลังทำให้ดีที่สุดเพื่อคว้าโอกาสนั้น ผมหวังว่าหลังจากนี้ผมจะสามารถคว้าโอกาสนั้นมาได้" โคกิ โมริตะ เผยกับ targma.jp

เป็นผลทำให้ฤดูกาล 2021 เขาได้รับโอกาสลงเล่นน้อยลงเหลือเพียง 18 เกม ทำผลงานได้แค่ 1 ประตู ตลอดทั้งฤดูกาล 

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องปรับเปลี่ยนบทบาทการเล่นของเขาให้ต่างจากเดิม โดยหวังว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้น

ฤดูกาล 2022 จากนักเตะในบทบาทที่เน้นไปในทางตัวรุก โมริตะ ได้รับคำสั่งจากโค้ช ให้เปลี่ยนมาเล่นเป็นกองกลางตัวรับมากขึ้น ซึ่งมันก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกทาง แข้งรายนี้ลงเล่นเกมเจลีก 2 ให้กับ โตเกียว เวอร์ดี ไปทั้งหมด 34 เกม ยิงไป 4 ประตู กับอีก 3 แอสซิสต์ เป็นผลงานที่ดีที่สุดของเขา นับตั้งแต่ที่ก้าวขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

"ผมรู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ทั้งการคอยสนับสนุนเกมรุกอยู่ห่าง ๆ และมีส่วนช่วยเป็นอย่างมากในแนวรับ ผมมีความสุขที่ได้สร้างความประทับใจให้กับทุกคน" โคกิ โมริตะ กล่าวถึงผลงานของตัวเอง กับการลงเล่นให้ โตเกียว เวอร์ดี ในฤดูกาล 2022

และในที่สุด เขาก็ได้รับโอกาสครั้งสำคัญ เมื่อทุกคนในทีม โตเกียว เวอร์ดี เห็นชอบที่จะให้เขารับบทบาทสวมปลอกแขนกัปตันทีม ในฐานะนักเตะที่เติบโตจากระบบเยาวชนของสโมสรมาตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะกำลังหลักของทีมชุดใหญ่

 

สวมปลอกแขนนำทัพ

โคกิ โมริตะ ได้กลายมาเป็นกัปตันทีมคนต่อไปของ โตเกียว เวอร์ดี ในศึกเจลีก 2 ฤดูกาล 2023 โดยเขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในการได้รับเกีรยติสวมปลอกแขนกัปตันทีมให้กับสโมสรแห่งนี้ พร้อมกับประกาศว่าการพา โตเกียว เวอร์ดี เลื่อนชั้นขึ้นสู่ เจลีก 1 ให้ได้อีกครั้ง คือเป้าหมายอย่างแรกในตอนนี้ที่เขาจะต้องทำให้ได้ก่อนเป้าหมายอื่น ๆ

"ตอนนี้ผมตัดสินใจที่จะลงเล่นให้ เวอร์ดี ผมอยากเป็นคนที่พาทีม ๆ นี้ เลื่อนชั้นขึ้นสู่เจลีก 1" โคกิ โมริตะ กล่าวในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 2023 ของศึกเจลีก 2 กับทาง Nikkansports

"ตั้งแต่ผมเข้าร่วมอะคาเดมีของ เวอร์ดี ผมได้รับการบอกเล่าจากนักเตะรุ่นพี่หลายคนว่า เวอร์ดี เป็นทีมที่ควรจะอยู่ใน เจลีก 1 ผมได้ยินเรื่องแบบนั้นมาโดยตลอด"

"ผมได้รับความสนใจจากหลายสโมสรในเจลีก 1 มันเป็นหนึ่งในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผม ในฐานะนักฟุตบอลอาชัพ และผมรู้สึกขอบคุณพวกเขามาก ผมมีตัวเลือกมากมาย แต่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตอนนี้ของผม คือการลงเล่นให้กับ เวอร์ดี และพาทีมเลื่อนชั้นสู่ เจลีก 1 ให้ได้"

กองกลางวัย 23 ปี ลงเล่นให้กับ โตเกียว เวอร์ดี ในฤดูกาล 2023 ไปทั้งหมด 40 เกม ขาดเพียง 2 เกมเท่านั้นที่ไม่ได้ลงเล่น ทำไป 1 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ โดยส่วนใหญ่จะลงเล่นเป็นกองกลางตัวรับที่ทั้งคอยตัดเกมรุกคู่แข่ง และคุมจังหวะการเล่นของทีมให้มีความไหลลื่น มีบ้างที่ได้ลงเล่นเป็นกองกลางตัวรุก คอยสร้างสรรค์เกมอยู่หลังกองหน้า

ด้วยฟอร์มการเล่นของโมริตะ กับการคุมแดนกลางสร้างความได้เปรียบให้กับทีม ทำให้ โตเกียว เวอร์ดี จบฤดูกาล 2023 ของศึกเจลีก 2 อยู่ที่อันดับ 3 ของตาราง นับเป็นผลงานที่ดีที่สุดของทีมในรอบ 10 ปี กับลงเล่นเกมลีก คว้าโควตาลุ้นที่จะเลื่อนชั้นสู่เจลีก 1 ฤดูกาล 2024 ผ่านการเป็นผู้ชนะในรอบเพลย์ออฟ 

ซึ่ง โคกิ โมริตะ และเพื่อนร่วมทีม จะต้องฝ่าฟันแย่งชิงตั๋วเลื่อนชั้นใบนี้กับอีก 3 ทีมที่ได้โควตามาด้วยเช่นกัน ได้แก่ ชิมิสุ เอส-พัลส์ ทีมอันดับ 4 ของตารางเจลีก 2 ฤดูกาล 2023, มอนเตดิโอ ยามางาตะ ทีมอันดับ 5 และ เจฟ ยูไนเต็ด ชิบะ ทีมอันดับ 6

โอกาสที่ โคกิ โมริตะ จะสามารถยุติการรอคอยอันยาวนานกว่า 15 ปี ของ โตเกียว เวอร์ดี ในการเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุด อยู่ข้างหน้านี้แล้ว ...

 

เรากลับมาแล้ว !!

26 พฤศจิกายน 2023 โตเกียว เวอร์ดี เจอกับ เจฟ ยูไนเต็ด ชิบะ ในรอบรองชนะเลิศของศึกเพลย์ออฟเจลีก 2 ใครชนะเข้ารอบชิงชนะเลิศ ไปเจอกับ ชิมิสุ เอส-พัลส์ ที่จัดการ มอนเตดิโอ ยามางาตะ ไปแล้วก่อนหน้านี้

โคกิ โมริตะ สวมปลอกแขนกัปตันทีม นำทัพนักเตะ โตเกียว เวอร์ดี ลงสนามฟาดฟันคู่แข่งในอีกหนึ่งเกมสำคัญของทีมในฤดูกาลนี้

เริ่มเกมไปได้ครึ่งชั่วโมง โมริตะ ผ่านบอลให้เพื่อนได้เล่นชิ่งกันหน้ากรอบเขตโทษฝั่งคู่แข่ง ก่อนที่สุดท้ายจะเป็นตัวเขาเอง ที่เข้าไปร่วมวงชิ่งบอลกับเพื่อนด้วย แล้วไขว้ขาจ่ายบอลให้ ฮิคารุ นากาฮาระ ปีกขวาของทีม ได้ยิงผ่านมือผู้รักษาประตูของ เจฟ ยูไนเต็ด ชิบะ เข้าไป ส่ง โตเกียว เวอร์ดี ขึ้นนำในนาที 34

จากนั้นอีก 10 นาที บอลขึ้นมาทางซ้ายให้ โคสุเกะ ไซโตะ ปีกซ้ายของ โตเกียว เวอร์ดี ดึงจังหวะรอเพื่อนวิ่งขึ้นมาเติม ยกเท้าหลอกหนึ่งทีแล้วเปิดโด่งไปตรงกลาง บอลเข้าทาง โคกิ โมริตะ ที่วิ่งขึ้นมาจากกลางสนาม ขึ้นโขกเดี่ยว ๆ ช่วย โตเกียว เวอร์ดี หนีห่างเป็น 2-0 ในนาที 44 และเป็นประตูชัยของพวกเขา หลังทาง เจฟ ยูไนเต็ด ชิบะ ได้ประตูตีไข่แตกในเกมนี้ หนึ่งประตูในนาที 78

โตเกียว เวอร์ดี ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ไปเจอกับทาง ชิมิสุ เอส-พัลส์ โดยทีมดังจากกรุงโตเกียว เป็นรองคู่แข่งในแง่สถิติ หลังจากเกมในเจลีก 2 ฤดูกาล 2023 พวกเขาแพ้ให้กับ เอส-พัลส์ แบบทั้งเกมเหย้าและเยือน ดังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายของ โตเกียว เวอร์ดี สำหรับเกมต่อไปที่จะนี้ของพวกเขา

2 ธันวาคม 2023 ที่สนามกีฬาแห่งชาติญี่ปุ่น โตเกียว เวอร์ดี เจอกับ ชิมิสุ เอส-พัลส์ ใครชนะเกมนี้ ได้ขึ้นไปเล่นในเจลีก 1 ฤดูกาล 2024 ใครแพ้ ต้องไปเริ่มต้นใหม่กับเจลีก 2 ฤดูกาล 2024

แต่หากเกิดผลเสมอหลังจบช่วง 90 นาที จะเป็น โตเกียว เวอร์ดี ที่ได้เลื่อนชั้น เนื่องด้วยอันดับที่ดีกว่าในเจลีก 2 ฤดูกาล 2023

นักเตะทั้งหมด 22 คนในสนามของเกมนี้ ต่างเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่อยากจะเป็นผู้ชนะ ส่งผลให้เกมในสนามเต็มไปด้วยบรรยากาศความตึงเครียด ทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ในช่วง 45 นาทีแรก เสมอกันไป 0-0

ก่อนที่ครึ่งหลัง จะเกิดจังหวะสำคัญขึ้น เมื่อกัปตันทีมของ โตเกียว เวอร์ดี พลาดทำบอลโดนแขนตัวเองในกรอบเขตโทษทีมตัวเอง ทำให้ ชิมิสุ เอส-พัลส์ ได้เล่นลูกจุดโทษ แล้วเป็น ติอาโก ซานตานา ที่สังหารจุดโทษนี้เข้าไป เอส-พัลส์ ขึ้นนำ 1-0 ในนาที 63

นาทีนั้น โคกิ โมริตะ ได้แต่โทษตัวเองที่ทำให้ทีมต้องเสียประตู ซึ่งหากจากนี้ โตเกียว เวอร์ดี ไม่สามารถทำประตูตีเสมอได้ ทุกอย่างที่พวกเขาทำมาตลอดหนึ่งฤดูกาล เพื่อที่จะได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่เจลีก 1 จะหมดความหมายไป

ทันใดนั้น โคกิ โมริตะ ก็ได้ยินเสียงเพื่อน ๆ ของเขาในสนาม ที่ตะโกนใส่เขาทันที เมื่อทีมเสียประตู

"เราจะไม่แพ้ !! ห้ามแพ้เด็ดขาด !! พวกเราทำได้ !! พวกเราจะทำมันให้ได้ !!" เสียงของเพื่อนร่วมทีมที่ตะโกนใส่ โคกิ โมริตะ ทันที เมื่อทีมเสียประตู เพื่อกระตุ้นให้เขาลุกขึ้นจากความผิดพลาด และสู้ต่อ

เมื่อเป็นฝ่ายขึ้นนำแล้ว ทาง ชิมิสุ เอส-พัลส์ ก็พยายามจะเล่นรัดกุม ไม่ให้คู่แข่งได้หาโอกาสทำประตูได้ง่าย ๆ 

เกมดำเนินไปถึงช่วงนาที 90+6 ดูเหมือนชัยชนะจะตกเป็นของ ชิมิสุ เอส-พัลส์ แล้วเรียบร้อย เมื่อคู่แข่งอับจนหนทาง ได้แต่โยนบอลยาวขึ้นหน้า หวังให้กองหน้าได้บอลเพื่อจบสกอร์ 

นักเตะ โตเกียว เวอร์ดี เปิดบอลขึ้นหน้าไปเข้าทาง อิทสึกิ โซเมโนะ กองหน้าทีมของพวกเขา ได้ลากไปถึงกรอบเขตโทษคู่แข่ง ส่องหาโอกาสทำประตู กองหลังฝั่ง ชิมิสุ เอส-พัลส์ พยายามสกัดบอลทิ้งแต่กลับพลาดไปโดนตัว โซเมโนะ ในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นลูกจุดโทษแก่ โตเกียว เวอร์ดี ทันที

อิทสึกิ โซเมโนะ อาสาลุกขึ้นมาเป็นคนยิงจุดโทษนี้เอง เหล่านักเตะ, สตาฟฟ์โค้ช, กองเชียร์ โตเกียว เวอร์ดี ได้แต่สวดภาวนาให้จุดโทษลูกนี้เป็นประตูตีเสมอ 1-1 ให้กับพวกเขา โดยเฉพาะ โคกิ โมริตะ ที่คาดหวังถึงประตูนี้มากกว่าใคร ๆ

ซึ่ง โซเมโนะ ก็ไม่พลาด ยิงไปทางขวามือของตัวเอง เป็นประตูตีเสมอ 1-1 ให้กับ โตเกียว เวอร์ดี หากเกมจบลงด้วยสกอร์นี้ พวกเขาจะได้ไปเล่นในลีกสูงสุดอย่างแน่นอน ในฤดูกาลหน้า ทำให้จากนี้ โคกิ โมริตะ และเพื่อนร่วมทีมในสนามอีก 10 คน ต้องแพ็กเกมรับกันให้แน่น ขอเพียงไม่เสียประตูก็พอในช่วงเวลาที่เหลือ

และพวกเขาก็ทำได้สำเร็จ โตเกียว เวอร์ดี ยุติช่วงเวลาที่พวกเขารอคอยมากว่า 15 ปี ในการได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่เจลีก 1

วินาทีที่ผู้ตัดสินเป่านกหวีดจบเกม โคกิ โมริตะ ถึงกับล้มตัวนอนหงายไปที่พื้น หลั่งน้ำตาแห่งความดีใจออกมา พร้อมกับเหล่าเพื่อนร่วมทีมที่กรูกันเข้าร่วมเฮกับเขาด้วย

โคกิ โมริตะ ได้กล่าวถึงแฟนบอล โตเกียว เวอร์ดี หลังเขาและเพื่อน ๆ สามารถพาทีมรักของพวกเขา เลื่อนชั้นขึ้นสู่เจลีก 1 ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี

"ผมดีใจจริง ๆ พวกเรากลับมาแล้ว มันเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ ผมทำให้ทุกคนต้องรอกันมานาน ปีหน้าผมจะได้ลงเล่นในเกมการแข่งขันของเจลีก 1 พวกเราจะได้ร่วมเดินทางกันต่อในฤดูกาลหน้า"

"ผมขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องรอ มันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานถึง 15 ปี ในที่สุดเราก็ได้จบเรื่องราวอันแสนยาวนานนี้ลง"

"ผมดีใจที่จากนี้จะได้ร่วมเดินทางไปกับทุกคนต่อในเจลีก 1 ขอบคุณสำหรับเสียงเชียร์ที่ได้มอบให้กับพวกเรามาตลอด"

จากช่วงวัยเด็ก ที่ต้องเห็นต้นสังกัดของตัวเองตกชั้นไปกับตาเมื่อปี 2008 เวลาผ่านไป 15 ปี ตอนนี้ โคกิ โมริตะ ในวัย 23 ปี ได้เติบใหญ่จนก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีมของ โตเกียว เวอร์ดี พร้อมกับนำทัพนักเตะ พาสโมสรแห่งนี้ กลับขึ้นมาสู่จุดที่พวกเขาเคยอยู่อีกครั้งในปี 2023

และในปีหน้า 2024 เราจะได้เห็น โตเกียว เวอร์ดี กลับมาโลดแล่นในเจลีก 1 ลีกสูงสุดของฟุตบอลญี่ปุ่น ผลงานของพวกเขาจะเป็นเช่นไร ต้องรอติดตามกัน

 

แหล่งอ้างอิง :

https://gendai.media/articles/-/120536
https://www.verdy.co.jp/page/809
https://www2.targma.jp/standbygreen/2020/08/07/post36506/
https://www.nikkansports.com/soccer/news/202301110000001.html
https://www.footballchannel.jp/2023/12/04/post522893/
https://hochi.news/articles/20231202-OHT1T51179.html?page=1
https://web.gekisaka.jp/news/jleague/detail/?397171-397171-fl
https://www.soccerdigestweb.com/news/detail/id=143882

Author

อิสรา อิ่มเจริญ

ชายผู้สนใจญี่ปุ่นเพียงเพราะได้ดูฟุตบอลเจลีก โปรดปรานข้าวไข่เจียวเป็นที่สุด

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ