ขณะที่ทีมชาติญี่ปุ่นอยู่ในช่วงขาขึ้นในการอุ่นเครื่องเกมแรกของปฏิทินฟีฟ่าเดือนกันยายน 2023 หลังบุกจัดหนัก เยอรมนี ถึงดินแดนแห่งเบียร์ 4-1 ตามด้วยเกมอัด ตุรกี 4-2
กลับกันผลงานทีมชาติคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เกาหลีใต้ ภายใต้การคุมทีมของ เยอร์เกน คลินส์มันน์ ดันมีสถานการณ์ที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง เพราะก่อนที่พวกเขาจะเอาชนะ ซาอุดีอาระเบีย 1-0 ในเกมส่งท้ายอุ่นเครื่องเดือนกันยายน พลพรรคโสมขาวมีสถิติสุดบู่ชนิดไม่ชนะใครติดต่อกัน 5 เกม
นี่คือสถานการณ์ที่ยากลำบากมากที่สุดครั้งหนึ่งของทีมพยัคฆ์ขาวแห่งเอเชีย นอกจากผลการแข่งขันในสนามจะเป็นตัวบ่งชี้แล้ว ปัจจัยนอกสนามของแวดวงทีมชาติเกาหลีใต้ก็ดูไม่สบอารมณ์คอลูกหนังในประเทศสักเท่าไร เมื่อบรรดาสื่อกีฬาแดนกิมจิและแฟนบอลจำนวนไม่น้อยต่างพร้อมใจกันตั้งคำถามและกดดันตัวกุนซือใหญ่อย่างคลินส์มันน์สนั่นสังคมเกาหลี
เกิดอะไรขึ้นกับอดีตกุนซือทีมชาติเยอรมนีและสหรัฐอเมริกา จากผู้เข้ามาเป็นความหวังใหม่ของทีมชาติเกาหลีใต้ ทำไมวันนี้เขากลับโดนกระแสต้านเป็นวงกว้าง
ติดตามไปพร้อม ๆ กันกับ Main Stand
กุนซือความหวังใหม่
ทีมชาติเกาหลีใต้ ทำผลงานในฟุตบอลโลก 2022 ได้น่าประทับใจในระดับหนึ่ง เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยน้ำมือของ บราซิล ไปด้วยสกอร์ 1-4 ทว่าผลงานในรอบแบ่งกลุ่มถือว่าน่าประทับใจ โดยเฉพาะเกมส่งท้ายที่พวกเขาเฉือน โปรตุเกส สุดมัน 2-1
เมื่อจบทัวร์นาเมนต์เวิลด์คัพที่กาตาร์ อายุสัญญาการคุมเกาหลีใต้ของ เปาโล เบนโต้ กุนซือคนก่อนหน้าก็หมดลงพอดี ที่สุดแล้วสมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ หรือ KFA กับตัวเทรนเนอร์โปรตุกีสก็ไม่ได้ทำงานร่วมกันต่อ
การสานต่อและยกระดับทีมชาติเกาหลีใต้ให้ไปให้ไกลกว่าเดิมคือหมุดหมายสำคัญที่สมาคมฟุตบอลโสมขาววางเอาไว้อย่างไม่ต้องสงสัย โดยทาง KFA ใช้เวลาสรรหาหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติชุดใหญ่ไม่นานนัก ก่อนจะได้ชื่อกุนซือคนใหม่นาม “เยอร์เกน คลินส์มันน์”
แม้การกาชื่อคลินส์มันน์ของสมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้จะถูกตั้งคำถามอยู่บ้าง เพราะอดีตตำนานทีมชาติเยอรมนีรายนี้ว่างเว้นจากการคุมทีมไปนานถึง 3 ปี หนล่าสุดที่เขาทำหน้าที่กุนซือคือการอยู่คุม แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ในฤดูกาล 2019-20 และเป็นช่วงสั้น ๆ ราว 10 สัปดาห์เท่านั้น
แต่ถึงอย่างไรคลินส์มันน์ก็มีคุณสมบัติอีกหลายประการที่ทีมบริหารสมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้มองแล้วว่าเหมาะสมกับการเข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ ไม่ว่าจะดีกรีพาขุนพลเยอรมันจบอันดับสามในฟุตบอลโลก 2006 ไปจนถึงการพาสหรัฐอเมริกายิ่งใหญ่เป็นแชมป์ระดับทวีปอย่างรายการโกลด์คัพ 2013 มาแล้ว
ไปจนถึงจุดเด่นเรื่ององค์ประกอบโดยรวมที่กุนซือคนหนึ่งพึงมีมากไปกว่าแท็กติกและวิธีการเล่น ดังบทสัมภาษณ์ของ มิชาเอล มุลเลอร์ หัวหน้าคณะกรรมการทีมชาติของสมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ ที่พูดถึงเหตุผลหลักที่ทัพโสมขาวแห่งคาบสมุทรเกาหลีเลือกกุนซือวัยใกล้แซยิดรายนี้มากุมบังเหียน
“เยอร์เกน คลินส์มันน์ มีบุคลิกที่แข็งแกร่งตั้งแต่วินาทีแรก (ของการสัมภาษณ์) ชัดเจนว่าเขาต้องการงานนี้ เขามีสมาธิ มีแรงบันดาลใจ เขาสนใจงานนี้และอยากประสบความสำเร็จ”
“ฟุตบอลมันไม่ใช่แค่เรื่องของแท็กติก มีหลายสิ่งอย่างที่เชื่อมโยงกัน มันเกี่ยวข้องกับทั้งการทำงานเป็นทีม วิธีการจูงใจนักเตะในสถานการณ์พิเศษ คลินส์มันน์เป็นสมาชิกทีมงานด้านเทคนิค (Technical Study Group) ในฟุตบอลโลก (2022) ไม่เพียงเขามีความรู้ความเข้าใจในเรื่องแท็กติกเท่านั้น แต่เขายังมีความรู้ความเข้าใจเรื่องเครื่องมือที่ทันสมัยและการวิเคราะห์เกมการแข่งขัน แต่แน่นอนว่า เยอร์เกน คลินส์มันน์ มีความรู้ความสามารถในเชิงแท็กติกครับ”
สัญญา 3 ปีไปสิ้นสุดหลังจบฟุตบอลโลก 2026 พร้อมศึกใหญ่ระดับทวีป เอเชียน คัพ ที่จะแข่งขันในต้นปี 2024 เหล่านี้คือภารกิจของอดีตแข้งฉายา “ฉลามขาว” มีร่วมกับทีมชาติเกาหลีใต้
ภารกิจและโปรเจ็กต์ใหม่ของทีมชาติเกาหลีใต้ในยุคของ เยอร์เกน คลินส์มันน์ กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
กระแสต้านหลังผ่าน 6 เดือน
เยอร์เกน คลินส์มันน์ ประเดิมนำลูกทีมทีมชาติเกาหลีใต้ลงแข่งขันเกมอุ่นเครื่องตามปฏิทินฟีฟ่าเดย์ครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2023 หรือในช่วงหนึ่งเดือนหลังเข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอน ซึ่งผลงานเกมในบ้านทั้งสองนัดของทัพแทกึก วอริเออร์ส (태극전사) ในยุคของเฮดโค้ชคนใหม่อาจจะยังไม่เข้าตาแฟนบอลสักเท่าไร ไล่มาตั้งแต่เกมเจ๊า โคลอมเบีย 2-2 ตามด้วยพ่ายหวิว อุรุกวัย 1-2 ตามลำดับ
แน่นอนว่ามันคือแมตช์กระชับมิตรภายใต้ช่วงเวลาที่ดูกระชั้นชิดไม่น้อยสำหรับกุนซือฉายาฉลามขาว แม้แฟนบอลจะผิดหวังกับผลงานแต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้
แต่กระนั้นผลงานในฟีฟ่าเดย์รอบต่อมา (มิถุนายน 2023) เกาหลีใต้ก็ยังคงทำผลงานอีหรอบเดิมกับสองเกมแรก คลินส์มันน์นำลูกทีมที่ยังคงเล่นในบ้านทั้งที่ปูซานและแทจ็อน เก็บผลแข่งพ่าย เปรู 0-1 และเจ๊า เอล ซัลวาดอร์ 1-1 กลายเป็นว่าผลงาน 4 นัดของเทรนเนอร์จากเมืองเบียร์เกาหลีใต้ไม่ชนะทีมใดเลย นำมาซึ่งกระแส “คลื่นใต้น้ำ” จากแฟนฟุตบอลในประเทศที่เริ่มก่อตัวอย่างช้า ๆ
อย่างไรก็ดี ผลงานที่ไม่เป็นดั่งใจนี้กลับไม่ได้หนักหนาเท่ากับการรับรู้เรื่องราวนอกสนามของกุนซือใหม่รายนี้ เมื่อมีรายงานว่าคลินส์มันน์มักใช้เวลาอยู่ในบ้านของเขาที่รัฐแคลิฟอเนียร์ สหรัฐอเมริกา “มากกว่า” ที่จะใช้ชีวิตในประเทศเกาหลีใต้
เรื่องนี้มันขัดกับคำมั่นสัญญาของเขาในช่วงแถลงข่าวเปิดตัวเป็นกุนซือใหม่เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเขาบอกว่าตั้งใจจะอาศัยอยู่ในเกาหลีใต้เพื่อเรียนรู้เรื่องราวและวัฒนธรรมของประเทศนี้โดยเร็วที่สุด เฉกเช่นกับกุนซือต่างชาติคนที่ผ่าน ๆ มา
สื่อมวลชนสำนักหนึ่งในกรุงโซลคำนวณช่วงเวลาที่กุนซือวัย 59 ปีอาศัยอยู่ในเกาหลีใต้นับแต่เข้ามาเป็นกุนซือชุดใหญ่เมื่อช่วง 6 เดือนที่แล้ว ผลปรากฏว่าเขาอยู่ในประเทศแค่ 67 วันเท่านั้น ทั้งยังถูกเปรียบเทียบอย่างหนักหน่วงกับ เปาโล เบนโต้ กุนซือคนก่อนหน้า ที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในเกาหลีใต้ ทั้งยังเคยเดินทางไปชมเกมการแข่งขันเคลีกตั้งแต่เหนือจรดใต้
ประเด็นหลังนี้เองที่คลินส์มันน์ถูกสื่อและแฟนบอลในเกาหลีโจมตี ยิ่งในช่วงที่เขาโดนโจมตีหนัก ๆ (สิงหาคม 2023) ลีกสูงสุดของเกาหลีใต้ หรือเคลีก1 อยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งขันรอบปกติ
อนึ่ง ศึกเคลีก1 จะแบ่งการแข่งขันรอบปกติไปจนถึงแมตช์เดย์ที่ 33 ซึ่งจะจบในช่วงต้นเดือนตุลาคม ก่อนจะเริ่มรอบไฟนอลส์ทั้งกลุ่ม A ที่จะหาทีมแชมป์และโควตาฟุตบอลเอเชีย รวมถึงกลุ่ม B ที่หาทีมตกชั้น ในนัดที่ 34-38 ช่วงปลายเดือนตุลาคม
ผลปรากฏว่าคลินส์มันน์แทบไม่ปรากฏตัวให้เห็นในสนามแข่งขันของแต่ละทีมเลย เขาพลาดเกมใหญ่ ๆ ทั้งศึกระหว่าง ชอนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ปะทะ อุลซาน ฮุนได ไปจนถึงเกมของทีมดังแห่งเมืองหลวงอย่าง เอฟซี โซล ที่ว่ากันว่าเดินทางง่ายที่สุดด้วยซ้ำไป
“เมื่อพิจารณาถึงความคุ้นเคยที่จำกัดของเขาต่อผู้เล่นชาวเกาหลี อย่างน้อยเขาควรจะไปดูเกมเคลีกด้วยตัวเองทั้งหมด มันดีกว่าที่จะไปรับฟังโค้ชคนอื่น ๆ ในขณะที่เขาอยู่ต่างประเทศ” ชเว ดง-โฮ นักวิจารณ์และผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยศูนย์วัฒนธรรมการกีฬาเกาหลีใต้ แสดงความเห็น
ซ้ำยังมีแฟนบอลและสื่อในประเทศไปพบว่าคลินส์มันน์ใช้เวลาส่วนใหญ่เดินทางไปทั่วยุโรป เช่น เขาอยู่ที่กลาสโกว์ในเกมโอลด์เฟิร์มดาร์บี้เมื่อปลายเดือนสิงหาคม รวมถึงโผล่ปรากฏตัวในงานจับสลากยูโรป้า ลีก รอบแบ่งกลุ่ม
กอปรกับการทำงานที่ดูเข้าข่ายกับงาน “รับงานซ้อน” ที่ปรากฏบ่อย ๆ เช่น การแสดงความเห็นของตัวเองเกี่ยวกับกรณีการย้ายทีมของ แฮร์รี่ เคน จาก ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ไป บาเยิร์น มิวนิค, พูดถึงกรณี วาตารุ เอนโด ที่ย้ายไปร่วมทีมลิเวอร์พูล ตลอดจนรับหน้าที่เป็นผู้สันทัดกรณีของช่องกีฬาดัง ESPN โดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานทีมชาติเกาหลีใต้แต่อย่างใด
และหากไม่มีภารกิจในทวีปดังกล่าว เขาก็มักจะกลับไปอยู่ที่บ้านพักในแคลิฟอร์เนียมากกว่า
นั่นทำให้กระบวนการทำงานของ เยอร์เกน คลินส์มันน์ จะปรากฏในรูปแบบของการทำงานทางไกล หรือทำงานที่ไหนก็ได้ (Remote Work) ซึ่งขัดกับขนบการทำงานของชาวเกาหลีเข้าเต็มเปา
วัฒนธรรมการทำงานของเกาหลีใต้เป็นวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับการใช้เวลาอยู่ในออฟฟิศมาโดยตลอด ชาวเกาหลีมีชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานและมีวันหยุดเพียงไม่กี่วัน ซึ่งนี่ถือเป็นเรื่องปกติของสังคมเกาหลี
ปี 2022 องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Cooperation and Development; OECD) รายงานในปี 2022 ว่า ชาวเกาหลีใต้ทำงานโดยเฉลี่ยถึง 1,901 ชั่วโมงต่อปี ซึ่งสูงเป็นอันดับที่ 5 ในการจัดอันดับการทำงานทั่วโลก
และด้วยการทำงานในลักษณะของออนไลน์มากกว่าออฟไลน์ เลยกลายเป็นว่าทีมชาติเกาหลีใต้ยุคเฮดโค้ชฉายาฉลามขาวได้ฉีกขนบการทำงานในรูปแบบเดิมออกไปอย่างสิ้นเชิง
โดยเฉพาะเรื่องการแถลงข่าวประกาศรายชื่อนักเตะติดทีมชาติชุดใหญ่ จากเดิมที่กุนซือจะเป็นคนประกาศแบบรายบุคคลในรูปแบบเพรสคอนเฟอร์เรนซ์ (Press conference) แล้วให้สื่อมวลชนถามคำถามต่อ
แต่คลินส์มันน์ก็เปลี่ยนใหม่และยกเลิกการประกาศชื่อแบบรายบุคคล แล้วเปลี่ยนไปทำในรูปแบบข่าวแจก (Press release) แทน
“ขนาดสื่อใหญ่ในเกาหลีอย่าง Yonhap ยังให้ความเห็นว่ากรณีนี้เป็นการฝ่าฝืนประเพณีที่ได้รับการปฏิบัติกันมาอย่างยาวนานจากเหล่ากุนซือทีมชาติเกาหลีใต้ ซึ่งมักจะจัดงานแถลงข่าวและชี้แจงเหตุผลการเลือกนักเตะแต่ละคนเข้าสู่ทีม” จอห์น เดอร์เด็น นักข่าวสายฟุตบอลเอเชียของ BBC ระบุ
ไม่ว่าจะเป็นกรณีไม่ได้ใช้ชีวิตกุนซือทีมชาติในเกาหลีใต้ เน้นทำงานทางไกลมากกว่าเข้าออฟฟิศ ตลอดจนกระแสรับงานนอกพร้อม ๆ กับการปรับเปลี่ยนธรรมเนียมเดิมของวงการลูกหนัง คลินส์มันน์จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนสังคมต่อต้านจนเป็นกระแส
ความในใจจากคลินส์มันน์
ก่อนเกมที่เกาหลีใต้จะทำศึกกระชับมิตรตามปฏิทินฟีฟ่าเดย์เดือนกันยายน กับทั้ง เวลส์ และ ซาอุดีอาระเบีย คลินส์มันน์ได้จัดแถลงข่าวพิเศษในรูปแบบออนไลน์เพื่อชี้แจงถึงกระแสที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง
ท่ามกลางข้อครหาน้อยใหญ่จากคนในสังคมเกาหลีใต้ กุนซือรายนี้ยืนกรานว่าเขาเต็มที่กับทีมชาติเกาหลีใต้ชุดใหญ่ไม่มีเสื่อมคลาย ต่อให้จะทำงานนอกประเทศแต่ทุกอย่างล้วนมีเหตุผลในตัวเอง
อนึ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ เยอร์เกน คลินส์มันน์ ยึดวิถีทำงานจากต่างพื้นที่ เพราะสมัยที่เขาคุมทีมชาติเยอรมนี เขาก็ยึดวิถีดังกล่าวมาก่อน
“คลินส์มันน์อาศัยอยู่ที่แคลิฟอร์เนียตอนใต้กับภรรยาชาวอเมริกันของเขานับตั้งแต่แขวนสตั๊ดหลังจากฟุตบอลโลกปี 1998 ที่ฝรั่งเศส เขายังคงอยู่ที่อเมริกาตลอดแม้ในช่วงที่เขาเป็นกุนซือทีมชาติเยอรมนี เขาเดินทางไปคุมทีมชาติและเข้าแคมป์ฝึกซ้อม ซึ่งเป็นข้อตกลงที่เขาคุยกันมาก่อนแล้ว” ดั๊ก แม็กอินไทร์ นักข่าวสายฟุตบอลจาก Fox sports เผยข้อมูล
และที่คลินส์มันน์เลือกจะเดินทางในยุโรปบ่อย ๆ ก็เพื่อเข้าไปคุยกับบรรดาผู้จัดการสโมสรที่มีแข้งสัญชาติเกาหลีใต้ค้าแข้งอยู่ ขณะที่ในเกาหลีใต้เขาก็มีทีมงานโค้ชทำหน้าที่อยู่แล้ว ทีมโค้ชทัพนักรบแทกึกแบ่งงานทำกันอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับประเด็นเรื่องการทำงาน คลินส์มันน์ยืนยันว่าต่อให้ไม่ได้อยู่ที่เกาหลีใต้แต่เขาก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองแบบตรงไปตรงมา
“บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนที่คุ้นเคยกับการทำงานในลักษณะที่ต่างออกไป ผมไม่ตำหนิใครเลยเวลามีคนพูดว่า “เขา (คลินส์มันน์) อยู่ที่ไหน ?” งานโค้ชทีมชาติเป็นงานระดับนานาชาติ ผมเองก็ต้องรู้ว่าเกิดอะไรที่ยุโรปบ้าง ผมต้องติดต่อกับโค้ชของนักเตะ (เกาหลี) ในยุโรป ผมเข้าใจเรื่องการควานหาทีมที่ดีที่สุด” เยอร์เกน คลินส์มันน์ กล่าวผ่านโปรแกรม Zoom ต่อหน้าสื่อกีฬาแดนกิมจิ
“ผมเป็นคนบ้างานนะ ผมชอบทำงานเหมือนกับที่คนเกาหลีชอบทำงานนั่นแหละ ต่อให้ผมไม่ได้อยู่ในเกาหลีตลอด 24 ชั่วโมงในทุก ๆ วัน แต่ผมก็ยังคงทำงานตลอด 24 ชั่วโมงในทุก ๆ วัน คอยติดต่อใครหลาย ๆ คน ได้สังเกต ดูวิดีโอของทีมคู่แข่ง และพูดคุยกับใครหลาย ๆ คนนอกเหนือไปจากคนที่ได้ร่วมงานด้วยในตอนนี้ นี่ก็เพื่อเปิดรับข้อมูลใหม่ ๆ ไปด้วย”
ทางออกของกระแสต้าน ?
เมื่อต่างฝ่ายต่างก็มีมุมมองที่หนักแน่นของตัวเอง บางทีทางออกของเรื่องนี้อาจจะไปจบลงที่ผลการแข่งขันของทีมชาติเกาหลีใต้ในช่วงเวลาต่อจากนี้
แน่นอนว่าหากจะทำผลงานให้ดีในสนาม องค์ประกอบสำคัญอีกประการหนึ่งคือการลงไปทำหน้าที่ของนักเตะ
เรื่องนี้กัปตันทีมชาติคนปัจจุบันอย่าง ซน ฮึง-มิน ยืนยันว่าทีมเองก็กำลังทำงานกันอย่างขมักเขม้นเพื่อประโยชน์ของทีมในอนาคต
“ผมเข้าใจที่มาที่ไปของแฟนบอลนะ ในฐานะคนที่ดูทีมชาติมานาน ผมไม่ได้บอกว่าโค้ชถูกเสมอไป แต่ผมก็ไม่คิดว่าแฟนบอลจะถูกเสมอไปเช่นกันครับ” ดาวเด่นสเปอร์ส กล่าว
“อย่างที่คุณเห็น ทีมเรายังไม่สมบูรณ์แบบ แฟนบอลอยากให้เราสมบูรณ์แบบ และเราอยากจะเป็นแบบนั้นครับ แต่ผมเชื่อว่าเราจะพัฒนาขึ้นอย่างแน่นอน ผมคิดว่ามันสำคัญสำหรับเราที่จะต้องพัฒนาให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป”
แหล่งอ้างอิง
https://www.bbc.com/sport/football/66719384?fbclid=IwAR0x0JQdzzQoT3quOaDVeyRTYMT5x9AgyaBt2p5oK2dKqTCb2Xztc2xdFyY
https://en.yna.co.kr/view/AEN20230911000900315?section=sports/sports
https://en.yna.co.kr/view/AEN20230908000700315?input=fb&fbclid=IwAR3ki4XuPf_GSby2_GqXed43B49Ffp3OQXPSKU4e_9wHotDtyaHIQPA8KKc
https://www.koreaherald.com/view.php?ud=20230908000102
https://thesoccerdispatch.substack.com/p/history-repeating-itself-for-jurgen?utm_source=profile&utm_medium=reader2
https://thinkcurve.co/ekid-aairkhuenkabkhlinsmann/?fbclid=IwAR0xZF4dY88lM-hh0Z7eQ0fPmNS1tjkWEd_-cD1WmdpPxtSXLDw6vHj54XQ
https://www.foxsports.com/stories/soccer/former-usmnt-coach-jurgen-klinsmann-to-lead-south-korea-national-team
https://www.france24.com/en/live-news/20230911-klinsmann-in-trouble-after-seven-months-and-no-wins-with-south-korea