Feature

ไซอง ซูซุกิ : นายทวารดาวรุ่งเจลีก ที่ฝันอยากยืนเฝ้าเสาบนเวทีพรีเมียร์ลีก | Main Stand

"ผมอยากจะลงเล่นให้กับ อุราวะ เรด ไดมอนส์ อย่างสม่ำเสมอและคว้าแชมป์กับสโมสรแห่งนี้ ผมมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งนั้นให้กลายเป็นจริงอยู่ตลอด หลังจากนั้นผมก็อยากจะทำตามความฝันอีกอย่าง นั่นก็คือการได้ไปเล่นในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ" ไซอง ซูซุกิ เคยกล่าวไว้

 

กลายเป็นที่พูดถึงขึ้นมาทันทีสำหรับ "ไซอง ซูซุกิ" ผู้รักษาประตูดาวรุ่งวัย 20 ปี ของ อุราวะ เรด ไดมอนส์ หลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ความสนใจในการดึงตัวนายทวารรายนี้ไปร่วมทีม ตามรายงานของ ฟาบริซิโอ โรมาโน่ นักข่าวเจ้าของประโยคเด็ด Here we go! ที่ได้เปิดเผยว่ามีชื่อของ ไซอง ซูซุกิ อยู่ในลิสต์รายชื่อนักเตะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ให้ความสนใจจริง ๆ

ซึ่งตัวเขาถือว่าเป็นนักเตะที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว จากการเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีศักยภาพมากพอจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญให้กับวงการฟุตบอลญี่ปุ่นได้ในอนาคต แต่ถึงกระนั้นก็มีผู้คนอีกมากที่ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ? มีจุดเด่นอย่างไร ? อะไรที่ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สนใจในตัวผู้รักษาประตูรายนี้ ?

ร่วมทำความรู้จักถึงความเป็นมาและตัวตนของ ไซอง ซูซุกิ ให้มากขึ้นไปกับ Main Stand 

 

ช่วงวัยเด็ก

ไซอง ซูซุกิ เกิดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2002 ที่เมืองลิตเทิลร็อค ในรัฐอาร์คันซอ สหรัฐอเมริกา มีคุณพ่อเป็นชาวกาน่าคุณแม่เป็นชาวญี่ปุ่น เขาเดินทางมาเริ่มต้นใช้ชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ยังเด็ก

ชื่อของเขา "ไซอง" มีที่มาจากชื่อของเทือกเขาที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งชื่อดังกล่าวเป็นชื่อที่ไม่ค่อยได้พบเห็นบ่อยนักสำหรับคนญี่ปุ่น 

จึงทำให้หลายครั้งเมื่อชื่อของเขาที่เขียนเป็นอักษรคันจิของภาษาญี่ปุ่นไปอยู่ตามหน้าสื่อต่าง ๆ จะต้องมีอักษรฮิรางานะ ซึ่งถูกใช้เป็นคำอ่านของอักษรคันจิแทรกเข้าไปด้วย เพื่อให้คนญี่ปุ่นหลายคนที่ไม่สามารถอ่านชื่อของเขาที่เขียนเป็นอักษรคันจิ สามารถอ่านชื่อที่ถูกต้องของเขาได้

"ผมโดนเรียกชื่อตัวเองผิดอยู่เรื่อย ๆ เลย มันเป็นชื่อที่ไม่ค่อยมีคนรู้นะว่าจะต้องอ่านให้ถูกต้องอย่างไร แต่ถ้าจะให้เรียกผมว่า 'ซูซุกิ' ก็จะเป็นนามสกุลที่หลายคนใช้กัน" ไซอง ซูซุกิ กล่าวในช่องยูทูปอย่างเป็นทางการของ อุราวะ เรด ไดมอนส์

ในช่วงวัยเด็ก ไซอง ซูซุกิ เป็นคนที่ชอบส่งเสียงดังและมักจะไปร้องเพลงอยู่ตรงระเบียงห้องอยู่บ่อย ๆ แต่ปัจจุบันนิสัยดังกล่าวได้หายไปจากตัวเขาแล้ว เขาเริ่มหัดเล่นฟุตบอลตั้งแต่ตอนนั้นโดยเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู ก่อนที่จะได้เข้าไปเป็นนักเตะฝึกหัดในอคาเดมีของ อุราวะ เรด ไดมอนส์ ทีมดังในศึกเจลีก ญี่ปุ่น ตอนเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

ซูซุกิขัดเกลาฝีมือในการยืนเฝ้าเสาอยู่ในระบบอคาเดมีของสโมสรแห่งนี้ จนได้รับโอกาสมีชื่อติดทีมชาติญี่ปุ่น ชุด U-15 เมื่อปี 2016 ต่อเนื่องกับทีมชาติญี่ปุ่น ชุด U-16 ในปีต่อมา และติดทีมชาติชุด U-17 ลุยศึกฟุตบอลโลก U-17 ในปีเดียวกัน ซึ่งเวลานั้นเขามีอายุเพียง 15 ปี เป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดของทีมชาติญี่ปุ่นชุดดังกล่าว ขณะเดียวกันในปี 2017 เขาก็ได้โอกาสลงเล่นให้กับทีมชาติญี่ปุ่น ชุด U-18

และด้วยผลงานเช่นนั้น ทำให้ อุราวะ เรด ไดมอนส์ ตัดสินใจสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่กับนักเตะคนนี้

 

สู่เวทีระดับอาชีพ

ไซอง ซูซุกิ ได้รับสัญญาเป็นนักเตะอาชีพของ อุราวะ เรด ไดมอนส์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2019 ส่งผลให้เขากลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับสโมสรแห่งนี้ด้วยวัย 16 ปี 5 เดือน 11 วัน

ซึ่งเขาก็ได้กล่าวขอบคุณทุก ๆ คนที่ช่วยผลักดันให้เขาสามารถก้าวมาถึงจุดนี้ได้ พร้อมกับสัญญาว่าจะมุ่งมั่นทำงานหนักเพื่อสโมสรต่อไป

"ผมได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับ อุราวะ เรดส์ แล้ว ขอบคุณทุกคน รวมถึงครอบครัวของผมที่คอยให้การสนับสนุนมาโดยตลอด หลังจากนี้ผมจะยังคงทำงานหนักทุกวันเพื่อสโมสรแห่งนี้ คอยเป็นปราการด่านสุดท้ายป้องกันไม่ให้ทีมเสียประตูให้ดีที่สุด" ไซอง ซูซุกิ กล่าวในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ อุราวะ เรด ไดมอนส์

หลังจากได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มตัว เขาก็เริ่มประเดิมโชว์ฟอร์มแกร่งด้วยการเซฟกระจายให้กับทีมชาติญี่ปุ่น ชุด U-17 ในรอบแบ่งกลุ่มของศึกฟุตบอลโลก U-17 ช่วงปลายปี 2019 เขาก็พาทีมผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ไปแบบไม่เสียประตูเลยแม้แต่ลูกเดียว

เขาสับเปลี่ยนหมุนเวียนอยู่กับการลงซ้อมร่วมกับนักเตะทีมชุดใหญ่ และเก็บชั่วโมงการลงเล่นอย่างสม่ำเสมอกับทีมชุดเยาวชนของ อุราวะ เรด ไดมอนส์ เป็นเวลา 2 ปี จนถึงปี 2021 ซูซุกิก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะของทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัว

ก่อนจะได้ประเดิมลงเล่นเกมการแข่งขันอย่างเป็นทางการให้กับทีมชุดใหญ่ครั้งแรกด้วยวัย 18 ปี ในวันที่ 2 มีนาคม 2021 กับศึกฟุตบอลถ้วย ลูวาน คัพ รอบแบ่งกลุ่ม เกมบุกไปเยือน โชนัน เบลล์มาเร่ โดยผลการแข่งขันของเกมดังกล่าวจบลงด้วยการไม่มีสกอร์ 0-0 แต่ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลวสำหรับเกมแรกในนามทีมชุดใหญ่ของ ไซอง ซูซุกิ ซึ่งเขาก็รู้สึกดีใจกับการได้ลงเล่นเกมนัดแรกในเวทีระดับอาชีพ พร้อมกับหาทางทำให้ตัวเองได้ลงเล่นเกมการแข่งขันในระดับอาชีพอย่างต่อเนื่อง

"ผมดีใจกับการได้ลงเล่นเกมฟุตบอลระดับอาชีพเป็นครั้งแรก แต่การได้ลงเล่นเพียงนัดเดียวนั้นยังไม่พอ สิ่งสำคัญสำหรับผมกับอาชีพการค้าแข้งคือการได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง ผมจะพยายามต่อไปเพื่อสิ่งนี้" ไซอง ซูซุกิ กล่าวหลังเกมบุกเสมอ โชนัน เบลล์มาเร่ 0-0 กับทาง Hochi News

จากนั้นอีก 7 เดือน ไซอง ซูซุกิ ก็ได้ประเดิมลงเล่นเกมการแข่งขันในศึกเจลีกเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2021 เกมเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ เวกัลตะ เซนได เกมดังกล่าวซูซุกิสามารถเก็บคลีนชีตช่วยทีมเอาชนะไปได้ 2-0

"ผมรู้สึกประหม่ากว่าในเกมของศึกลูวาน คัพ แต่ผมยังคงรักษาฟอร์มการเล่นตามมาตรฐานของตัวเองไว้ได้ในเกมนี้ ต้องขอบคุณกำลังใจจากเพื่อน ๆ และแฟนบอลทุกคน" ไซอง ซูซุกิ กล่าวหลังเกมเปิดบ้านชนะ เวกัลตะ เซนได กับทาง Gekisaka

แม้จะไม่ค่อยมีโอกาสลงเล่นมากนักกับทีมชุดใหญ่ของ อุราวะ เรด ไดมอนส์ แต่ทุกครั้งที่ได้ลงสนาม เขาก็สามารถโชว์ฟอร์มได้ดีอย่างสม่ำเสมอ จนเข้าไปอยู่ในสายตาของ ฮาจิเมะ โมริยาสุ กุนซือทีมชาติญี่ปุ่น ที่ตัดสินใจหยิบเขามาลองใช้งานกับทีมชาติญี่ปุ่นชุดใหญ่ที่จะลงเล่นในการแข่งขันรายการ "EAFF E-1 Football Championship" หรือ "ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชียตะวันออก" ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2022

ซึ่ง ไซอง ซูซุกิ ก็ได้ลงเล่นให้กับทีมชาติญี่ปุ่นในการแข่งขันรายการนี้ไป 1 นัด เป็นเกมถล่ม ฮ่องกง 6-0 โดยเขาสามารถเก็บคลีนชีตในเกมนั้นได้สำเร็จ พร้อมกับได้รับคำชมจากทาง ฮาจิเมะ โมริยาสุ ที่กล่าวถึงนายทวารดาวรุ่งรายนี้ไว้ว่า

"เขาเป็นผู้รักษาประตูสำรองของอุราวะ เขายังไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงของที่นั่นได้ก็จริง แต่เขาแสดงให้เห็นแล้วว่านักเตะที่มีศักยภาพสูงนั้นเป็นอย่างไร และนั่นคือเหตุผลที่ผมเรียกเขามาติดทีมชาติชุดใหญ่ในครั้งนี้"

ทั้งนี้ การที่ ไซอง ซูซุกิ สามารถไต่เต้าขึ้นมาเป็นผู้เล่นของทีมชาติญี่ปุ่นชุดใหญ่ได้ทั้งที่บทบาทของเขากับสโมสรยังเป็นเพียงนายทวารสำรองของทีมเท่านั้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะสไตล์การเล่นของเขาในตำแหน่งผู้รักษาประตูที่มีความเหมาะสมกับเทรนด์การเล่นฟุตบอลสมัยใหม่

 

นายทวารสมัยใหม่

"ทักษะการเล่นบอลกับเท้าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้รักษาประตูในยุคสมัยนี้ เพราะมันจะทำให้ทีมสามารถสร้างเกมรุกได้ตั้งแต่หน้ากรอบเขตโทษฝั่งตัวเอง ตอนนี้ผู้รักษาประตูไม่ได้มีหน้าที่แค่ออกแรงเซฟช่วยให้ทีมไม่เสียประตูอย่างเดียวแล้ว แต่ยังมีส่วนในการสร้างเกมรุกร่วมกับคนอื่น ๆ ในทีมด้วย" ไซอง ซูซุกิ กล่าวถึงสไตล์การเล่นของผู้รักษาประตูสมัยใหม่

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่ ไซอง ซูซุกิ ได้กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นความจริงเกี่ยวกับคุณสมบัติที่ผู้รักษาประตูที่ดีและเหมาะสมกับฟุตบอลที่เป็นอยู่ในตอนนี้
 
ซึ่ง ไซอง ซูซุกิ เองก็คิดไปในทางเดียวกับ เอริค เทน ฮาก กุนซือของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกี่ยวกับผู้รักษาประตูที่ดีในความคิดของพวกเขาที่ต้องมีความสามารถในการเป็นนายทวารที่พร้อมอ่านเกมและกล้าออกมาตัดเกมในพื้นที่นอกเขตโทษ มีการเล่นบอลกับเท้าได้ดี ไม่ใช่เพียงการเลี้ยงบอลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการจ่ายบอลและเปิดบอลจากแดนหลังที่แม่นยำและสร้างประโยชน์ให้กับเกมรุกของทีม

และด้วยบทบาทที่เพิ่มขึ้นมาของผู้รักษาประตูในตอนนี้จึงมีส่วนให้ ดาบิด เด เคอา นายทวารชาวสเปนวัย 32 ปี ที่ออกแรงเซฟให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด มาอย่างยาวนานมากกว่า 10 ปีไม่ได้ไปต่อกับทัพ "ปีศาจแดง" ที่มี เอริค เทน ฮาก กุมบังเหียน เนื่องจากความสามารถในการเล่นบอลกับเท้าของเขายังไม่เป็นที่น่าประทับใจสำหรับกุนซือชาวดัตช์รายนี้สักเท่าไร

แต่สำหรับ ไซอง ซูซุกิ นั้นดูจะมีสไตล์การเล่นที่ตอบโจทย์กับผู้รักษาประตูที่ เอริค เทน ฮาก ต้องการนำเข้ามาจากการเป็นนายทวารที่ไม่ยืนนิ่งอยู่ในกรอบเขตโทษอย่างเดียว เขาพร้อมจะออกมาเล่นบอลนอกเขตโทษอยู่ตลอดและสามารถจ่ายบอลให้เพื่อนสามารถเล่นต่อได้เป็นอย่างดี

โดยเฉพาะการเปิดบอลเพื่อสร้างเกมรุกให้กับทีมด้วยการเตะบอลแบบดร็อปคิก (Dropkick) และการขว้างบอลระยะไกล (Long Throw) ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่ซูซุกิจะสามารถช่วยให้ทีมสามารถขึ้นเกมรุกได้อย่างรวดเร็ว

"แม้จะไม่ได้มีความแม่นยำในทุก ๆ ครั้ง แต่ความสามารถในการขว้างบอลระยะไกลและการเตะบอลเปิดเกมด้วยการดร็อปคิกของเขาถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้ทีมสามารถทรานซิชั่นจากเกมรับเป็นเกมรุกได้อย่างรวดเร็ว" ทวิตเตอร์ของ AJAnalysis ที่คอยวิเคราะห์ความสามารถของนักเตะชื่อดังหลายคนแบบเชิงลึก ได้อธิบายเกี่ยวกับจุดเด่นของ ไซอง ซูซุกิ

อย่างไรก็ตาม ไซอง ซูซุกิ ก็ยังมีจุดอ่อนในเรื่องของ "ประสบการณ์" 

แม้เขาจะมีความสามารถที่สูง แต่ด้วยชั่วโมงการลงสนามที่ยังไม่มากนักทำให้ความนิ่งและความเยือกเย็นเวลาที่ต้องเจอกับความกดดันระหว่างลงเล่นในสนามยังไม่มากพอ หลายครั้งที่เขาต้องเล่นบอลกับเท้าในสถานการณ์ที่ถูกผู้เล่นเอาต์ฟิลด์ของฝั่งตรงข้ามวิ่งไล่บีบแดนบน ความสามารถในการจ่ายบอลที่แม่นยำของเขาก็จะถูกลดทอนไป

กระนั้นด้วยวัย 20 ปีในตอนนี้ ยังมีเวลาอีกมากที่เขาจะได้ลงสนามเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และสร้างความคุ้นเคยกับช่วงเวลาที่กดดันที่จะเป็นการพัฒนาฝีมือและเดินไปสู่ความฝันของเขาที่ได้วางเอาไว้ให้ได้ในสักวัน

นั่นคือ การได้ลงเล่นในศึก "พรีเมียร์ลีก อังกฤษ"

 

ความฝันที่รอวันเป็นจริง

เชื่อว่าข่าวที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ความสนใจในตัว ไซอง ซูซุกิ นั้นคงจะทำให้นายทวารดีกรีทีมชาติญี่ปุ่นรายนี้รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย

เพราะการได้ไปเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คือความใฝ่ฝันที่เขาอยากจะทำให้กลายเป็นจริงมาโดยตลอด

"ผมอยากจะลงเล่นให้กับ อุราวะ เรด ไดมอนส์ อย่างสม่ำเสมอ คว้าแชมป์กับสโมสรแห่งนี้ ผมมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งนั้นให้กลายเป็นจริงอยู่ตลอด หลังจากนั้นผมก็อยากจะทำตามความฝันอีกอย่าง นั่นก็คือการได้ไปเล่นในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ" ไซอง ซูซุกิ กล่าวในช่องยูทูปของ ไดสึเกะ นาสุ อดีตกองหลังชาวญี่ปุ่น วัย 41 ปี

"ผมอยากลงเล่นในพรีเมียร์ลีกในช่วงที่พีกที่สุดของผมในการค้าแข้ง แล้วช่วงบั้นปลายของอาชีพผมจะกลับไปเล่นให้กับ อุราวะ เรด ไดมอนส์ สโมสรที่มอบโอกาสในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพให้กับผม"

อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้คิดว่าการเดินทางไล่ตามความฝันของตัวเองนั้นจะเต็มไปด้วยกลีบกุหลาบอยู่ตลอดทั้งเส้นทาง ปัญหา อุปสรรค และความล้มเหลวคือสิ่งที่เขาคิดว่าจะต้องเจออย่างแน่นอนระหว่างทางสู่ความฝัน และเขาจะต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งพอกับการลุกขึ้นมาต่อสู้ใหม่ได้

"แน่นอนว่าระหว่างทางของความฝันผมจะต้องเจอกับความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน มันขึ้นอยู่ว่าผมจะสามารถลุกขึ้นยืนหลังจากพบกับความล้มเหลวได้ทุกครั้งหรือเปล่า ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ยากกว่าการฝึกฝนร่างกายให้แข็งแกร่งหรือการขัดเกลาทักษะในการเล่นฟุตบอลให้ดีขึ้นเสียอีก"

ถ้าหาก แมนฯ ยูไนเต็ด อยากคว้าตัวนายทวารรายนี้ขึ้นมาอย่างจริงจัง ค่าตัวที่พวกเขาจะต้องจ่ายให้ทาง อุราวะ เรด ไดมอนส์ นั้นมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านปอนด์ ตามรายงานของ Sponichi สื่อกีฬารายใหญ่ของญี่ปุ่น 

และนั่นจะทำให้ ไซอง ซูซุกิ จะกลายนักเตะจากเจลีกที่ย้ายไปเล่นในลีกต่างประเทศด้วยค่าตัวแพงที่สุดตลอดกาลทันที ทำลายสถิติเดิมของ เคียวโงะ ฟุรุฮาชิ ที่ย้ายจาก วิสเซล โกเบ ไป กลาสโกว์ เซลติก ด้วยค่าตัว 4.5 ล้านปอนด์

แต่ไม่ว่าหลังจากนี้สถานการณ์ระหว่าง ไซอง ซูซุกิ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะออกมาในรูปแบบไหน นายทวารดาวรุ่งคนนี้ก็จะยังคงพยายามฝึกฝนตัวเองให้เป็นนักเตะที่ดีขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีเปลี่ยนแปลง

"ฝีมือของผมยังห่างไกลกับผู้รักษาประตูชื่อดังหลาย ๆ คน เพื่อที่จะสามารถไล่ตามพวกเขาให้ใกล้มากที่สุด ผมจะต้องฝึกซ้อมและพัฒนาศักยภาพของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ผมจะพยายามให้มากที่สุดในตอนนี้เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเสียใจในภายหลังและถามตัวเองว่าได้ทำเต็มที่แล้วหรือยังกับการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ" ไซอง ซูซุกิ กล่าว

 

แหล่งอ้างอิง

https://rinda-tokyo.com/2021/06/24/suzukizion-how-to-read/
https://www.youtube.com/watch?v=3s8PXZAMPzA
https://web.gekisaka.jp/news/detail/?227728-227728-fl
https://www.urawa-reds.co.jp/topteamtopics/167657/
https://hochi.news/articles/20210302-OHT1T50256.html?page=1
https://web.gekisaka.jp/news/jleague/detail/?331126-331126-fl
https://www.youtube.com/watch?v=KHPwtC0yWQo
https://twitter.com/A_J_Analysis/status/1677301142127104000
https://www.youtube.com/watch?v=PWs8HXOJx38

Author

อิสรา อิ่มเจริญ

ชายผู้สนใจญี่ปุ่นเพียงเพราะได้ดูฟุตบอลเจลีก โปรดปรานข้าวไข่เจียวเป็นที่สุด

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ