นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเล่นฟุตบอลอาชีพแบบเต็มตัวตั้งแต่อายุ 16 ปี จู๊ด เบลลิงแฮม ก็ได้สร้างปรากฏการณ์มากมายให้กับทั้งตัวเองและวงการลูกหนังยุโรป จนได้รับการจับตาจากทีมยักษ์ใหญ่ไม่เว้นแต่ละวัน
ก่อนที่ข่าวลือน้อยใหญ่เกี่ยวกับการย้ายทีมของจู๊ดจะถูกปิดลงอย่างเป็นทางการ หลังการตัดสินใจซบ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวมหาศาล กลายเป็นนักเตะอังกฤษคนล่าสุดที่กำลังจะได้ผจญภัยบนถนนลูกหนังลีกอาชีพสเปน
ท่ามกลางความท้าทายในเรื่องของความสำเร็จและผลงานของเหล่าแข้งอิงลิชคนก่อน ๆ หน้านี้ที่เคยมาเล่นในลีกอาชีพแดนกระทิง ดังเช่นแฟนบอลยุคเก่าอาจคุ้นชื่อของ แกรี่ ลินิเกอร์ กับการย้ายมาซัลโวประตูกับ บาร์เซโลน่า หรือคอลูกหนังยุคต่อมาก็อาจจะเคยรับรู้ว่า เดวิด เบ็คแฮม เป็นส่วนหนึ่งของ เรอัล มาดริด ยุค “กาลาคติกอส” ในขณะที่ ไมเคิ่ล โอเว่น และ โจนาธาน วู้ดเกต ที่ย้ายมาล้มเหลวกับทีม
เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยอดีตนักเตะที่เคยล้มเหลว เป็นโอกาสที่ดีที่ จู๊ด เบลลิงแฮม จะพาตัวเองไปให้ไกลกว่าแข้งคนก่อนหน้า มีปัจจัยใดบ้างที่พร้อมจะเข้าทดสอบเขา ร่วมวิเคราะห์ไปพร้อม ๆ กับ Main Stand
อิงลิชชน อิน ลีกกระทิง
ในขณะที่พรีเมียร์ลีก หรือลีกสูงสุดของอังกฤษ มีนักเตะสแปนิชพาเหรดเข้ามาค้าแข้งในทุก ๆ ฤดูกาล แต่สำหรับศึกลา ลีกา หรือลีกสูงสุดของสเปน กลับมีนักเตะอิงลิชเข้ามาโลดแล่นเป็นจำนวนที่ไม่เยอะเท่า ซึ่งหากนับดี ๆ แล้ว ก่อนที่ จู๊ด เบลลิงแฮม จะเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของ เรอัล มาดริด ลา ลีกา มีนักเตะอังกฤษเข้ามาค้าแข้งเพียง 20 คนเท่านั้น
โดยในจำนวน 20 คนที่ว่านี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะเห็นภาพของ “ความล้มเหลว” มากกว่า “ความสำเร็จ” ที่นักเตะหลายคนอยู่ค้าแข้งร่วมกับสโมสรน้อยใหญ่ไม่เกินสองฤดูกาล
คนที่พอจะนับได้ว่าไม่ได้ล้มเหลวก็มีอยู่บ้าง เช่น ลอรี่ คันนิงแฮม นักเตะอังกฤษคนแรกที่ย้ายมาเล่นให้ เรอัล มาดริด โดยสตาร์ผู้ล่วงลับรายนี้มีช่วงเวลาที่โลดแล่นกับทีมและพาทีมคว้าแชมป์ลา ลีกา หนึ่งสมัย และโกปา เดล เรย์ สองสมัย และการย้ายไปร่วมทีม สปอร์ติง กิฆอน รวมถึงระดับเซกุนด้า กับ ราโย บาเยกาโน่
แกรี่ ลินิเกอร์ ก็เคยมีช่วงเวลากับบาร์เซโลน่าถึงสามฤดูกาล ตำนานดาวซัลโวฟุตบอลโลก 1986 ฝากสถิติยิงไปถึง 52 ประตูจาก 138 เกม คว้าแชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพ และ โกปา เดล เรย์ มาอย่างละสมัย
ขณะที่ เดวิด เบ็คแฮม เคยค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด ในระหว่างปี 2003-2007 ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งยุคกาลาคติกอส แม้จะไม่ได้คว้าความสำเร็จผ่านโทรฟี่ได้มากมาย (เป็นแชมป์ลา ลีกา หนึ่งสมัย) แต่เบ็คแฮมก็เป็นนักเตะที่แฟนบอลรัก เนื่องจากความทุ่มเทที่มีให้ทีมตลอด ทำให้แฟน ๆ ไม่ได้มองว่าล้มเหลวเสียทีเดียว
มีเหตุปัจจัยหลายประการที่มีส่วนให้นักเตะอังกฤษไม่ค่อยเลือกย้ายมาเล่นในต่างประเทศ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่ประเทศสเปนเท่านั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะความแตกต่างด้านภาษาและวัฒนธรรม และคนอังกฤษก็ไม่ได้พูดภาษาสแปนิชในชีวิตประจำวันกันมากนัก
ฉะนั้นการโยกไปค้าแข้งในดินแดนใหม่ก็ย่อมเจออุปสรรคที่ทำให้นักเตะคนนั้น ๆ และครอบครัวต้องปรับตัวไปพร้อม ๆ กับเรื่องในสนาม เพื่อทำให้การสื่อสารกับคนท้องถิ่นเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
นักเตะที่เจอกรณีนี้เต็ม ๆ ก็คือ ไมเคิ่ล โอเว่น ที่ย้ายจาก ลิเวอร์พูล มายังถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว แค่ซีซั่นเดียวเท่านั้น เหตุผลนอกจากการเบียดดาวดังอย่าง โรนัลโด้ และ ราอูล กอนซาเลซ ไม่ได้คือปัญหาเรื่องการปรับตัวเข้ากับชีวิตในสเปน ส่งผลให้เขาตัดสินใจย้ายกลับไปค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก
ดังบทวิเคราะห์ของ เอมอนน์ ฟอสเตอร์ ผ่านสื่อ เดอะ การ์เดี้ยน
“โอเว่นยอมรับว่าเขาและครอบครัวเผชิญเรื่องยากสำหรับการปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตแบบมาดริด” ฟอสเตอร์ นักเขียนสายกีฬา เผยถึงสถานการณ์ของอดีตกองหน้าฉายา “เบบี้โกลด์” ที่ เรอัล มาดริด
“เขายอมรับด้วยซ้ำว่าหลังจากเล่นกอล์ฟกับเพื่อนร่วมทีมมาดริดในช่วงบ่ายเป็นครั้งคราวเขาจะรู้สึกผิด เพราะรู้ว่าภรรยาและลูกสาวของเขานั้น “ไม่มีอะไรทำ” เวลาอยู่ในโรงแรม ภรรยาของเขาต้องการกลับไปอังกฤษ และโอเว่นก็คิดถึงความตื่นเต้นของพรีเมียร์ลีก อย่างไรก็ตาม โอเว่นก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจที่ย้ายมาเมืองหลวงของสเปน”
และยังไม่นับเรื่อง “ภาพจำ” ของสไตล์การเล่นที่แตกต่างกันของฟุตบอลอังกฤษและสเปน พรีเมียร์ลีกขึ้นชื่อในเรื่องของการใช้สภาพร่างกายและใช้เกมที่นักเตะต้องตัดสินใจแบบฉับพลัน ตรงกันข้ามกับภาพของลา ลีกา ที่ขึ้นชื่อในเรื่องเทคนิคการเล่นที่เน้นการครอบครองบอล
ตลอดจนเรื่องความน่าสนใจของฟุตบอลอังกฤษที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นลีกที่มีการแข่งขันสูงและมีมูลค่าทางการเงินสูงที่สุดในโลก
อย่างไรก็ดี แม้ปัจจัยที่ว่ามานี้จะมีส่วนไม่มากก็น้อยที่ทำให้นักเตะอังกฤษเลือกอยู่ค้าแข้งในประเทศมากกว่าโยกมาเล่นที่สเปน ทว่าก็มีข้อยกเว้นสำหรับนักเตะบางรายที่เลือกมาหาความท้าทายในชีวิต เช่นเดียวกับ จู๊ด เบลลิงแฮม ที่มีความพิเศษมากกว่านักเตะอังกฤษคนอื่น ๆ
เพราะก่อนที่ดาวเตะรายนี้จะโยกมาสวมเสื้อเป็นนักเตะเบอร์ 5 คนใหม่ของราชันชุดขาว เขาเลือกที่จะกระโดดข้ามจากเวที เดอะ แชมเปี้ยนชิพ จาก เบอร์มิงแฮม ซิตี้ มาค้าแข้งยังบุนเดสลีกากับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เลยโดยไม่ได้สัมผัสเวทีลีกสูงสุดในประเทศบ้านเกิดมาก่อน และที่สำคัญนี่เป็นการก้าวออกจาก “Comfort Zone ” ตั้งแต่วัยที่ยังเป็นเยาวชน
บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งของนักเตะอังกฤษกับการเข้ามาประสบความสำเร็จอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะเหล่าแข้งอังกฤษคนก่อน ๆ ไม่ได้สร้างมาตรฐานที่สูงจนเกินไป ขณะที่แพสชั่นและศักยภาพของ จู๊ด เบลลิงแฮม ก็มีอยู่เต็มเปี่ยม เรียกได้ว่ากราฟการประสบความสำเร็จพร้อมจะพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง
ความสม่ำเสมอที่มีมาตลอด
จู๊ด เบลลิงแฮม ฉายแววเด่นในศาสตร์ลูกหนังใบกลมมาตั้งแต่อายุเพียง 15 ปีเท่านั้น เมื่อเขาได้โอกาสสัมผัสประสบการณ์ฟุตบอลร่วมกับทีมรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ของ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ สโมสรที่เขาเป็นแฟนตัวยง
จากนั้นจู๊ดก็ถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ได้ลงเล่นให้ทีมฉายา “ลูกโลก” อย่างเป็นทางการในฤดูกาล 2019/20 และกลายเป็นเจ้าของสถิตินักเตะอายุน้อยสุดที่ลงเล่นและทำประตูให้เบอร์มิงแฮม
กับโอกาสลงเล่นฟุตบอลอาชีพฤดูกาลแรก จู๊ดสถาปนาตัวเองจนกลายนักเตะที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “วันเดอร์คิดส์” แห่งวงการ กลายเป็นนักเตะเนื้อหอมมากที่สุดคนหนึ่งในช่วงตลาดนักเตะรอบซัมเมอร์ปี 2020 และเมื่อถึงคราวอำลา เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ทีมดังแห่งมิดแลนด์สก็ถึงขั้นยกเลิกเสื้อหมายเลข 22 ที่เขาเคยใส่
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ว่ากันว่าจู๊ดเลือก “ปฏิเสธ” สองทีมบิ๊กซิกซ์ในพรีเมียร์ลีกทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี ชนิดที่ทั้งสองทีมพร้อมทุ่มค่าเหนื่อยก้อนโตให้ แล้วตัดสินใจเลือกย้ายมาเล่นกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยเหตุผลที่ว่าทีม “เสือเหลือง” ฉมังในเรื่องการปั้นนักเตะจนกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ดังที่เห็นจากกรณีของ จาดอน ซานโช และ คริสเตียน พูลิซิช
ไปจนถึงแรงกดดันที่เขาอาจต้องเผชิญ “น้อยกว่า” การลงเล่นในพรีเมียร์ลีก ซึ่งในขณะนั้นเขาอายุแค่ 17 ปี เรียกได้ว่าการลงเล่นกับดอร์ทมุนด์จะเป็นเวทีบ่มเพาะชั้นดีสำหรับการพัฒนาฝีเท้าเพื่อเติบใหญ่ในอนาคต และอย่างที่ทุกคนรู้กัน จู๊ด เบลลิงแฮม พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าตัวเอง “คิดไม่ผิด” และหากจะกล่าวว่าเขา “เก่งเกินวัย” ก็ย่อมได้
นอกจากนี้ดาวรุ่งจากเบอร์มิงแฮมยังคงฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวาและพัฒนาฝีเท้าชนิดที่เรียกว่าเก่งขึ้นในทุก ๆ วัน เขามีความครบเครื่องที่ทำได้ดีในทุก ๆ ตำแหน่งในแผงกลาง เล่นตัวตัดเกมได้ เล่นเป็นมิดฟิลด์พลังไดนาโมได้แบบไม่เคอะเขิน หรือจะขึ้นไปเล่นเป็นเพลย์เมกเกอร์ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน
ทำให้ตลอดสามฤดูกาลที่ซิกนัล อิลดูนา พาร์ก ชื่อของมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษรายนี้ปรากฏเป็นข่าวลือเรื่องการย้ายทีมในทุก ๆ รอบตลาดซื้อ-ขาย
จู๊ดมันเป็นนักสู้
นอกจากความเก่งเกินวัยที่ปรากฏให้เห็นในสนามแล้ว จู๊ด เบลลิงแฮม ยังมีคุณสมบัติของความเป็นนักสู้ในสนามอย่างเต็มเปี่ยม
ในสมัยที่ค้าแข้งกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ช่วงต้นปี 2022 เคยปรากฏภาพที่เขาเคยบ่น นิโก้ ชูลซ์ แบ็กซ้ายรุ่นพี่กลางสนามแข่งขัน เช่นเดียวกับการมีความเห็นที่ขัดแย้งกันกับ อักเซล วิตเซล ถึงขั้นแสดงความไม่พอใจออกมา
หลังเหตุการณ์ มาร์โก โรเซ กุนซือในเวลานั้น ไม่ได้ตำหนิความห้าวเกินวัยของเบลลิงแฮมแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้น โรสยังบอกด้วยซ้ำว่านี่แสดงถึงความทุ่มเทของดาวโรจน์อังกฤษที่อยากให้ทีมเล่นกันได้ดุดันกว่านี้
“นั่นเป็นส่วนหนึ่งของเกมการแข่งขัน จู๊ดอยากชนะการแข่งขัน เขาโกรธ นั่นเป็นมุมมองของเขาในฐานะนักเตะคนหนึ่ง” มาร์โก โรเซ ให้สัมภาษณ์
ไม่เว้นแม้แต่กุนซือชื่อดังอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เคยทำทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฉะแข้งกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก็เคยชื่นชมในความห้าวหาญของเจ้าหนูวัย 19
“เขาเป็นผู้เล่นที่มหัศจรรย์เหลือเกิน มีจังหวะหนึ่งที่กองหลังทีมตัวเองไม่จ่ายบอลมาให้เขาขึ้นเกม ซึ่งเขาเลือกที่จะตะโกนสั่งออกมาแบบเต็มเสียงเพื่อขอบอลทั้งที่อายุแค่ 17 ปี นั่นแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่สำคัญมาก ๆ” นายใหญ่ที่พาแมนฯ ซิตี้ คว้าเทรเบิลแชมป์ 2022/23 ชื่นชมเบลลิงแฮม
“หลังจบเกมผมได้พูดคุยกับโค้ชของเขา ซึ่งเขาตอบผมกลับมาว่า สิ่งที่คุณเห็นตลอดสองเกมที่ผ่านมาเป็นเหตุการณ์ปกติที่เขาทำในทุกเซสชั่นของการซ้อมทีม”
เมื่อฝีเท้าอยู่ในสถานะที่พร้อมสู่โอกาสที่ยิ่งใหญ่อยู่ตลอดเวลา “พรสวรรค์” เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยค้าแข้งในลีกรองอังกฤษ กอปรกับการไขว่คว้า “พรแสวง” จากการพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด ทั้งยังได้สัมผัสเกมน้อยใหญ่มากมายทั้งในระดับเกมลีกรวมทั้งทวีปยุโรปร่วมกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
ตลอดจนสภาพจิตใจที่เพียบพร้อม จึงถึงวันและเวลาอันควรแล้วกับการปิดฉากสถิติ 132 นัด 24 ประตู พ่วงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาล 2022/23 เพื่อมาสวมชุดแข่งขันใหม่ของ เรอัล มาดริด
Hey Jude ในชุดขาว
16 มิถุนายน 2023 เกิดข่าวใหญ่ในวงการฟุตบอลยุโรปและโลก เมื่อ เรอัล มาดริด ประกาศคว้าตัว จู๊ด เบลลิงแฮม ด้วยสัญญา 6 ปี ด้วยค่าตัว 103 ล้านยูโร (88.5 ล้านปอนด์) ไม่รวมแอดออนต่าง ๆ ที่ว่ากันว่าอาจมีมูลค่าสูงถึง 133.9 ล้านยูโร (115 ล้านปอนด์)
ดีลระดับโลกนี้เรียกได้ว่าหักอกทีมจากพรีเมียร์ลีกทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล โดยเฉพาะลิเวอร์พูลที่เคยปรากฏเป็นข่าวว่าสนใจมากเป็นพิเศษ
ปฏิบัติการของ เรอัล มาดริด ไม่มีอะไรที่ซับซ้อน พวกเขารอให้แน่ใจว่านักเตะตัดสินใจเลือกมาอยู่กับทีมจริง ๆ ถึงจะยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการให้กับดอร์ทมุนด์ และเมื่อลิเวอร์พูลตัดสินใจล้มการเจรจาไปก่อน ตามมาด้วยการถอนสมอของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สุดท้ายผู้สมหวังก็คือทีมราชันชุดขาว
สิ่งที่จะทำให้ จู๊ด เบลลิงแฮม ได้รับประสบการณ์ชั้นดีแน่ ๆ คือการได้ร่วมงานกับสองกองกลางระดับโลกอย่าง ลูก้า โมดริช และ โทนี่ โครส เรียกได้ว่าเป็นการเติมเต็มแนวทางการเล่นในแผงมิดฟิลด์ให้ครบเครื่องยิ่งขึ้นไปอีก
“ผมรับรู้ถึงความคาดหวังที่พาดอยู่บนบ่าผม และผมจะพัฒนาตัวเองต่อไปในทุก ๆ ปี ผมรู้ว่าผมควรอยู่ในระดับไหน เป็นระดับที่ผมต้องทำให้ได้” ส่วนหนึ่งจากบทสัมภาษณ์ของ จู๊ด เบลลิงแฮม ผ่านเว็บไซต์ทางการของ เรอัล มาดริด
“แรงกดดันติดตามผมไปทุกที่และความคาดหวังในตัวผมก็สูงอยู่เสมอ ผมหวังว่าประสบการณ์ของผมจะช่วยให้ผมจัดการกับความกดดันนี้ได้ ผมเรียนรู้อยู่เสมอและไม่คิดว่าการย้ายทีมครั้งนี้จะมีปัญหาอะไร เรื่องค่าตัวก็ไม่ได้ทำให้ผมกังวลมากนัก ผมก็ไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ ผมแค่อยากช่วยมาดริดให้ยิ่งใหญ่ให้ได้มากที่สุด และผมต้องทำให้เห็นในสนาม”
"ทุกคนในทีมชาติอยากให้ผมกลับไปที่อังกฤษเสมอ และผมซาบซึ้งกับเรื่องนั้น แต่ผมอยากออกจากคอมฟอร์ตโซนของตัวเอง สิ่งที่ง่ายที่สุดก็คือการกลับไปที่นั่น (พรีเมียร์ลีก) แต่การมาที่สโมสรอย่างมาดริดก็เป็นโอกาสที่ผมต้องคว้าไว้ มันเป็นการย้ายที่เหมาะสมกับตัวผม เพราะมาดริดเป็นสโมสรที่ผมต้องการมาอยู่ด้วย” จู๊ด เบลลิงแฮม กล่าว
และนี่เป็นการก้าวเข้ามายังถิ่นเบอร์บาเบวและลีกสเปนอีกครั้งของนักเตะสัญชาติอังกฤษ และมีลุ้นว่าเขาจะก้าวไปได้ไกลกว่าอดีตเหล่านักเตะชาติเดียวกันคนก่อนหน้าทุกคน
ถึงเวลาแล้วที่ จู๊ด เบลลิงแฮม ในวัย 19 ปี จะทำให้ทุกคนได้เห็นว่าการตัดสินใจครั้งนี้ “ไม่ใช่เรื่องผิด”
แหล่งอ้างอิง
https://www.realmadrid.com/en/news/2023/06/15/bellingham-real-madrid-is-the-greatest-club-in-history
https://theathletic.com/4609122/2023/06/15/real-madrid-jude-bellingham-transfer-inside-story/
https://www.theguardian.com/football/in-bed-with-maradona/2016/feb/03/english-footballers-europe-ashley-cole
https://www.thesun.co.uk/sport/football/9540486/trippier-20th-england-la-liga-beckham-owen/
https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/jude-bellingham-borussia-dortmund-teammates-26370760
https://www.goal.com/en-gb/lists/jude-bellingham-david-beckham-real-madrid-english-players/bltf5dddf0ece1412b6#cs68e82645aa8445d2