Feature

อองตวน กรีซมันน์ : บุรุษผู้ถูกเลือกให้ผิดหวัง ในการสัมผัสแชมป์ลา ลีกา | Main Stand

ความผิดหวังในโลกฟุตบอลเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง และมีมาให้แฟนบอลอย่างเราได้เห็นอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นการแพ้การแข่งขัน การไม่สามารถทำประตูในช่วงเวลาสำคัญได้ หรือการพลาดแชมป์ อย่างที่เราเรียกกันอย่างติดปากว่า “ผิดที่ ผิดเวลา”

 

แต่ถ้าคุณมีฟอร์มการเล่นที่ดีและสม่ำเสมออยู่ตลอดแต่ต้องมาพบกับความผิดหวังบ่อยครั้งก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าจดจำเช่นกัน ดั่งชีวิตของ “อองตวน กรีซมันน์” ชายผู้ที่สามารถพาทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกได้ แต่กลับไม่เคยสัมผัสแชมป์ลา ลีกา เลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งที่ตัวเขาเองนั้นก็ค้าแข้งอยู่ในสเปนมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเยาวชน

เส้นทางการค้าแข้งของกรีซมันน์มีจุดพลิกผันอย่างไร ทำไมเขาถึงยังไม่ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ลา ลีกา เป็นเพราะโชคชะตาหรือว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ไปหาคำตอบกันได้ที่ Main Stand

 

จากเมืองน้ำหอมสู่แดนกระทิงดุ

จุดกำเนิดของกรีซมันน์เริ่มต้นที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ในเมืองมากง (Macon) ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส โดยมีพ่อของเขาที่เป็นแฟนฟุตบอลตัวยงคอยแนะนำให้กรีซมันน์รู้จักกับกีฬาชนิดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้ตัวเขาได้เริ่มเล่นฟุตบอลครั้งแรกตอนอายุ 4 ขวบ และเข้าร่วมอคาเดมีเยาวชนในสโมสรแรกของเขาอย่าง “UF Maconnais” เมื่อตอนอายุ 6 ขวบในตำแหน่งศูนย์หน้า พร้อมเข้าไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรอีกหลายแห่งแต่ถูกปฏิเสธกลับมาเนื่องจากร่างกายที่เล็กและน้ำหนักตัวที่น้อยเกินไป

ชีวิตของเขาเป็นเช่นนี้ควบคู่ไปกับการเรียนมาเรื่อย ๆ จนถึงอายุ 14 ปีที่กรีซมันน์ได้ลาออกจากโรงเรียน เพราะว่าตัวเขาต้องการมุ่งเน้นไปที่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพแบบเต็มตัว โดยได้เข้าร่วมอคาเดมีเยาวชนของ “เรอัล โซเซียดาด” สโมสรชื่อดังของสเปนในปี 2005 ที่ขณะนั้นยังคงเล่นอยู่ในลีกรอง อันเป็นผลมาจากการโชว์ทักษะการเลี้ยงบอลที่น่าประทับใจระหว่างการทดสอบฝีเท้ากับ มงต์เปลลิเยร์ จนได้รับฉายาว่า “เจ้าชายน้อย” เนื่องจากเป็นคนที่มีรูปร่างเล็กแต่มีทักษะในการเล่นฟุตบอลที่ชาญฉลาด ทำให้ไปเตะตาแมวมองของ เรอัล โซเซียดาด เข้าจนเกิดการเซ็นสัญญาขึ้นในที่สุด และเมื่อการเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้วเขาก็ย้ายไปอยู่สเปนพร้อมกับครอบครัวของเขา

หลังจากที่กรีซมันน์เข้ามาอยู่ในอคาเดมีของสโมสรเรอัล โซเซียดาด เขาก็ได้พัฒนาตัวเองเรื่อยมาจนมีโอกาสสอดแทรกขึ้นมาเป็นตัวจริงของทีมได้บ้างในรายการโกปา เดล เรย์ ที่เป็นบอลถ้วยของประเทศสเปน ในฤดูกาล 2009-2010 และเริ่มได้รับโอกาสในบอลลีกมากขึ้นในเวลาถัดจากนั้นไม่กี่วัน จนสามารถทำประตูแรกในอาชีพการค้าแข้งได้สำเร็จในเกมที่ชนะ อูเอสกา ไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 โดยเขาเป็นคนทำประตูแรกให้กับทีมได้ และฟอร์มของเขาก็คงเส้นคงวาเรื่อยมาจากการลงเป็นตัวจริงและตัวสำรองสลับกันไป จนในเดือนเมษายนปี 2010 เขาก็ได้รับสัญญาอาชีพฉบับแรกกับสโมสร โดยเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 5 ปี และในปีเดียวกันนั้นเองกรีซมันน์ก็เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่ช่วยให้ เรอัล โซเซียดาด เลื่อนชั้นกลับมาสู่ลา ลีกา ได้สำเร็จ

หลังจากนั้นในฤดูกาลถัดมาเขาก็ได้รับโอกาสในการลงสนามมากขึ้น และเขาก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปแม้แต่น้อย โดยตัวเขาได้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในฤดูกาลถัดมาจากการที่สามารถพาทีมเข้าไปเล่นในรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ และตัวเขาก็รักษาฟอร์มการเล่นของตัวเองได้อย่างสม่ำเสมอจนจบฤดูกาล 2013-14 ด้วยจำนวนการยิงประตูและแอสซิสต์ทำให้ฟอร์มของเขาไปเตะตาแมวมองของ “แอตเลติโก มาดริด” ทีมแชมป์ลา ลีกา ทีมล่าสุด

 

ความฝันในการคว้าแชมป์ลา ลีกา ที่ขยับขึ้นอีกก้าว

ในที่สุดกรีซมันน์ก็ได้ย้ายไปยังแอตเลติโก มาดริด ในเดือนกรกฎาคมปี 2014 ด้วยค่าตัวประมาณ 30 ล้านยูโร และเซ็นสัญญาถึง 6 ปี โดยดีลนี้ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยกันทั้งสองฝ่าย ฝั่ง แอตเลติโก มาดริด ก็ต้องการหาดาวยิงคนใหม่เพื่อป้องกันตำแหน่งแชมป์ หลังจากที่ ดีเอโก คอสต้า ดาวยิงตัวเก่งจากฤดูกาลก่อน ได้บรรลุข้อตกลงย้ายไปยัง เชลซี ส่วนฝั่งกรีซมันน์ก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตการค้าแข้งมากขึ้นจากการย้ายไปสู่ทีมที่ใหญ่ขึ้นและมีดีกรีเป็นแชมป์เก่า ทำให้ความฝันของกรีซมันน์ในการคว้าแชมป์ลา ลีกา นั้นขยับขึ้นไปอีกก้าว 

โดยเขาได้ทำผลงานให้กับต้นสังกัดใหม่ดีกว่าตอนอยู่กับทีมเก่าเสียอีก ด้วยผลงานที่คงเส้นคงวา ส่งผลให้จบฤดูกาลนั้นเขาทำประตูในลา ลีกา ได้ถึง 22 ลูก อีกทั้งยังช่วยให้ต้นสังกัดคว้าแชมป์โกปา เดล เรย์ ได้สำเร็จ และเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวจาก แอตเลติโก มาดริด ที่ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของลา ลีกา และฤดูกาลหลังจากนั้นเขาก็ยังทำผลงานได้อย่างสม่ำเสมอผ่านการยิงแตะเลขสองหลักได้ในทุกฤดูกาลที่ค้าแข้งให้กับทีมตราหมี รวมไปถึงยังทำผลงานได้ดีในเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยการพาทีมเข้าชิงชนะเลิศในปี 2016 แต่ก็พลาดท่าแพ้เรอัล มาดริด ในการดวลจุดโทษไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งรวมทุกฤดูกาลที่กรีซมันน์เล่นให้กับทีมตราหมี เขาทำประตูไปได้ถึง 133 ลูก จากการลงเล่นทั้งหมด 257 นัดในทุกรายการ

ซึ่งเมื่อดูจากผลงานส่วนตัวแล้วเขาก็ควรที่คว้าแชมป์ลา ลีกา ได้สักครั้ง ประกอบกับการเล่นให้กับทีมที่มีองค์ประกอบพร้อมในการคว้าแชมป์อย่าง แอตเลติโก มาดริด ทว่าเรื่องตลกร้ายก็คือ ตลอดระยะเวลา 5 ฤดูกาลที่เขาเล่นให้กับ แอตเลติโก มาดริด รอบแรกนั้น เขาไม่เคยคว้าแชมป์ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยในช่วงนั้นเป็นช่วงที่ “บาร์เซโลน่า” และ “เรอัล มาดริด” เป็นก้างขวางคอชิ้นโตในการคว้าแชมป์ของแอตเลติโก มาดริด และสลับกันคว้าแชมป์ไปมาในช่วง 5 ฤดูกาลนี้ โดยที่ทีมตราหมีไม่มีส่วนเอี่ยวเลยแม้แต่ครั้งเดียวในช่วงที่กรีซมันน์ค้าแข้งอยู่ ทั้งที่เมื่อดูจากองค์ประกอบและผลงานโดยรวมของทีมตราหมีแล้วก็อยู่ในระดับดีมากและเหนือกว่าทีมอื่น ๆ ในลีกแทบทั้งหมด ยกเว้นแต่เพียงแค่สองทีมที่กล่าวไปเท่านั้นเอง ทั้งปัจจัยในเรื่องของอิทธิพลทางการเงินที่ แอตเลติโก มาดริด นั้นมีน้อยกว่าสองทีมนั้นเป็นอย่างมากที่ส่งผลต่อปัจจัยถัดมาคือ การมีขุมกำลังนักเตะที่น้อยเกินไป ทำให้การหมุนเวียนผู้เล่นในหลายรายการที่เข้าแข่งขันนั้นทำได้ยาก จนส่งผลกระทบต่อทีมตราหมีและตัวกรีซมันน์

ลองคิดดูสิว่า จากปัจจัยข้างต้นนั้นเป็นเรื่องยากแค่ไหนที่ทีมของคุณต้องต่อกรกับทีมอย่างบาร์เซโลน่า ในยุคที่มีขุมกำลังเพียบพร้อม ทั้งการเงินและนักเตะ อีกทั้งการมีสามประสาน MSN (ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ และ เนย์มาร์) ที่ช่วยกันทำประตูจนสามารถคว้าเทรเบิลแชมป์ไปครองได้ในฤดูกาล 2014-15 และคว้าแชมป์ลา ลีกา ได้ถึง 4 ครั้งในช่วง 5 ฤดูกาลนั้น

หรือจะเป็นช่วงที่ เรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทีมของ ซีเนดีน ซีดาน ตำนานทีมชาติฝรั่งเศส เป็นเฮดโค้ช และมีอิทธิพลทางการเงินที่สูงมากจากการบริหารของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ทำให้พวกเขามีขุมกำลังที่อยู่ในจุดพีกทุกตำแหน่ง ประกอบกับการนำทัพโดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จนทำให้ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัยติดต่อกัน รวมไปถึงการคว้าแชมป์ลา ลีกา ได้ด้วย ซึ่งในช่วงนั้นถือว่าเป็นยุคทองของทั้งสองทีมนี้เป็นอย่างมาก ทำให้ แอตเลติโก มาดริด ยังคงไม่สามารถสอดแทรกขึ้นไปคว้าแชมป์ได้ เนื่องจากยังมีศักยภาพไม่มากพอ ส่งผลให้ความฝันในการคว้าแชมป์ลา ลีกา ของกรีซมันน์ยังคงต้องรอต่อไป

 

พักซับน้ำตา ด้วยการคว้าแชมป์โลก

แม้กรีซมันน์จะพบกับความผิดหวังในการคว้าแชมป์ลา ลีกา ในช่วงครึ่งทศวรรษนี้ แต่ผลงานส่วนตัวของเขาก็อยู่ในช่วงที่พีกที่สุดในการเล่นให้กับทีมชาติ เริ่มจากผลงานส่วนตัวในรายการฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ “ฟุตบอลยูโร” ในปี 2016 โดยเขายิงไปถึง 6 ประตู และมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ทีมชาติฝรั่งเศสที่เป็นเจ้าภาพทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศกับ โปรตุเกส ก่อนที่จะแพ้ไปอย่างน่าเสียดาย แต่ตัวเขาก็สามารถคว้ารางวัลดาวซัลโวและผู้เล่นยอดเยี่ยมในรายการนี้ไปครองได้สำเร็จ

แต่ช่วงที่พีกที่สุดของกรีซมันน์จริง ๆ เกิดขึ้นในช่วงกลางปี 2018 หลังจากที่เขาช่วยให้ต้นสังกัดคว้าแชมป์ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ได้สำเร็จ ต่อเนื่องถึงการสร้างผลงานในมหกรรมใหญ่ที่สุดของโลกฟุตบอลอย่าง “ฟุตบอลโลก” ที่จัดขึ้นที่ประเทศรัสเซีย โดยตัวกรีซมันน์นั้นถือว่ามีบทบาทสำคัญต่อแนวรุกของทีมอย่างมากในรายการนี้ ซึ่งในตลอดทัวร์นาเมนต์นี้เขาได้แสดงทักษะ วิสัยทัศน์ และความเยือกเย็นในสนามออกมาอย่างชัดเจนจากการยิงไปถึง 4 ประตูให้กับทีมตราไก่

โดยความพีกที่สุดของกรีซมันน์เกิดขึ้นในนัดชิงที่ทีมสามารถเอาชนะ โครเอเชีย ไปได้ 4-2 นอกเหนือจากการทำประตูแล้ว การเคลื่อนไหว และการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมนั้นก็เป็นปัจจัยสำคัญและมีส่วนช่วยให้ทีมชาติฝรั่งเศสสามารถคว้าแชมป์โลกไปครองได้สำเร็จ ซึ่งจากผลงานส่วนตัวของเขาที่ดีตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ทำให้เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก โดยเขาได้ให้สัมภาษณ์หลังการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศว่า “ผมภูมิใจมากกับรางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ในนัดชิง พวกเรามีความสุขมากกับการคว้าแชมป์ครั้งนี้ เราตั้งหน้าตั้งตารอที่จะฉลองและกลับไปสนุกกับทุกคนที่ประเทศของเรา”

 

จุดพลิกผัน

เมื่อตัวเขาได้ประสบความสำเร็จสูงสุดกับทีมชาติจากการคว้าแชมป์โลกแล้ว ความสำเร็จในการคว้าแชมป์ลีกกับสโมสรก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เขาต้องการหลังจากที่ค้าแข้งในแดนกระทิงดุมาเกือบทศวรรษ จนในช่วงกลางปี 2019 เขาได้ตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตในการย้ายไปยัง บาร์เซโลน่า ทีมแชมป์ลาลี กา ขณะนั้น ด้วยค่าตัวที่สูงถึง 120 ล้านยูโร และเซ็นสัญญาทั้งหมด 5 ปี ซึ่งถือว่าเป็นจุดพลิกผันครั้งใหญ่ในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้กับการที่เขาได้ย้ายไปเล่นในทีมที่ลุ้นแชมป์ลา ลีกา ได้เกือบทุกฤดูกาล และเป็นทีมที่มีองค์ประกอบที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว ส่งผลให้ตัวเขาเองก็เพิ่มโอกาสในการคว้าแชมป์ลา ลีกา ครั้งแรกให้ตัวเอง ส่วนทางบาร์เซโลน่าเองก็ได้รับประโยชน์จากตัวกรีซมันน์ด้วยเช่นกัน เพราะทีมต้องการหานักเตะเพื่อเข้ามาทดแทนการขาดหายไปของ “เนย์มาร์” อดีตดาวยิงคนสำคัญของทีมที่ย้ายไปอยู่กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งกรีซมันน์ก็ถือว่าเป็นนักเตะที่มีระดับใกล้เคียงกับเนย์มาร์ ประกอบกับโปรไฟล์ส่วนตัวของเขาแล้วก็ถือว่าเป็นจิ๊กซอว์คนสำคัญที่บาร์เซโลน่าตามหามาเป็นปี ๆ 

แต่ความฝันในการคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกของกรีซมันน์ก็ดูเหมือนจะต้องรอต่อไป เพราะผลงานของทีมในฤดูกาลแรกที่ตัวเขาย้ายไปนั้นถือได้ว่าต่ำกว่ามาตรฐานที่เคยทำได้ในฤดูกาลก่อน ๆ โดยในฤดูกาลนั้น บาร์เซโลน่าถือว่ามีปัญหาและมีจุดเปลี่ยนสำคัญในหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องผู้จัดการทีมซึ่งถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของทีมในฤดูกาลนั้น เริ่มจากที่ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ผู้จัดการทีมในตอนนั้นมีปัญหาภายในกับผู้บริหารสโมสรและมีความไม่ลงรอยกันตั้งแต่ในฤดูกาลก่อนที่แพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล จนตกรอบรองชนะเลิศในเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ต่อเนื่องมาจนถึงฤดูกาลนี้ อีกทั้งยังถูกวิจารณ์เกี่ยวกับรูปแบบการเล่นที่พึ่งพาความสามารถของนักเตะแต่ละคนมากเกินไปจนไม่มีความเป็นทีม จึงเป็นเหตุให้บัลเบร์เด้ถูกไล่ออกจากตำแหน่งในเดือนมกราคมปี 2020 และถูกแทนที่ด้วย กีเก้ เซเตียน และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมระหว่างฤดูกาลแบบนี้ก็เป็นเรื่องยากที่ทีมจะประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ รวมไปถึงการที่ทีมมีผลงานน่าอับอายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จากการแพ้ให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ในรอบก่อนรองชนะเลิศไปด้วยสกอร์ถึง 2-8 ในการแข่งขันแค่เลกเดียว

ปัญหาถัดมาคือความวุ่นวายภายในสโมสร เพราะมีรายงานจากแหล่งที่น่าเชื่อถือได้ว่าเกิดความขัดแย้ง และความตึงเครียดภายในทีมจากความสัมพันธ์ระหว่างบอร์ดบริหารและนักเตะ โดยเฉพาะกัปตันทีมอย่าง “ลิโอเนล เมสซี่” ที่ได้ออกมาวิจารณ์ เอริก อบิดัล ผู้อำนวยการกีฬาอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะเกี่ยวกับเรื่องความมุ่งมั่นของนักเตะภายในทีม รวมไปถึงทิศทางของทีมในอนาคต และอีกปัญหาหนึ่งที่สำคัญคือ ปัญหาทางการเงิน เพราะบาร์เซโลน่าในฤดูกาลนั้นประสบปัญหาทางการเงินเนื่องมาจากค่าเหนื่อยนักเตะของสโมสรอยู่ในระดับสูง ทำให้พวกเขาต้องใช้มาตรการลดต้นทุนหลายอย่าง รวมไปถึงการลดค่าเหนื่อยของนักเตะและการปลดบุคลากรภายในสโมสร

ทำให้ปัจจัยต่าง ๆ จากปัญหาของทีมประกอบกับการปรับตัวเข้ากับทีมใหม่ของตัวกรีซมันน์ที่ยังทำได้ไม่ดีมากนัก ส่งผลให้เขามีฟอร์มการเล่นที่ตกลงไปอย่างมากจนไม่สามารถช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ได้ และในฤดูกาลเดียวกันนั้นก็เป็น เรอัล มาดริด เจ้าเก่า ที่สามารถคว้าแชมป์ลา ลีกา ไปครองได้สำเร็จ จนทำให้กรีซมันน์ถึงแม้จะย้ายไปยังทีมที่มีองค์ประกอบที่ดีขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าก็ยังมีปัญหาทั้งทางตรงและทางอ้อมที่ทำให้ยังคงไม่ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์

 

โชคชะตาที่กลั่นแกล้งไม่เลิก

โชคชะตาที่ตลกร้ายกับเขายังไม่หมดแต่เพียงแค่นี้ เพราะในฤดูกาล 2020-21 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่สองของเขากับบาร์เซโลน่าที่เขาเริ่มปรับตัวได้มากขึ้น ส่งผลให้ฟอร์มการเล่นของเขากลับมาอยู่ในมาตรฐานที่ควรจะเป็นอีกครั้ง จากจำนวนการทำประตูที่กลับมาแตะเลขสองหลักอีกครั้ง แต่สภาพทีมโดยรวมของทีมนั้น ยังถือว่ามีปัญหาอยู่หลายจุด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเดิมอย่างวิกฤตการเงิน ประกอบกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงดำเนินอยู่ ทำให้รายได้ของสโมสรในเชิงพาณิชย์ลดลงอย่างมาก จากการที่ต้องแข่งขันในสนามที่ไม่มีแฟนบอลเข้ามารับชม หรือจะเป็นการลาออกของคณะกรรมการบริหารสโมสร ที่นำโดย โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ในเดือนตุลาคมปี 2020 ที่เน้นย้ำถึงปัญหาภายในและความไม่มั่นคงของสโมสรได้เป็นอย่างดี

รวมไปถึงปัญหาที่สำคัญที่สุดเรื่องผู้จัดการทีมและระบบการเล่นที่ยังไม่ตอบโจทย์กับตัวกรีซมันน์ เพราะต้นสังกัดเก่าที่เขาเคยเล่นนั้นมีระบบการเล่นและการยืนตำแหน่งที่ไม่เหมือนกับต้นสังกัดปัจจุบัน การที่กรีซมันน์ถูกจับไปเล่นในตำแหน่งปีกซ้ายซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งถนัดของเขา ส่งผลให้ฟอร์มการเล่นของเขายังคงไม่เป็นเหมือนในช่วงพีกสักเท่าไร จากบทสัมภาษณ์ของเขาที่ออกมาพาดพิงถึงผู้จัดการทีมคนปัจจุบันอย่าง โรนัลด์ คูมัน หลังเกมพักเบรกทีมชาติว่า “ที่ทีมชาติผู้จัดการทีมรู้ดีว่าควรส่งผมลงเล่นในตำแหน่งไหน ดังนั้นผมจึงสามารถใช้ประโยชน์จากการเล่นตำแหน่งที่ถนัดนี้เพื่อดึงศักยภาพออกมาในการช่วยเหลือทีมได้มากกว่า” และนี่เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่าตัวเขาไม่มีความสุขกับบทบาทที่ได้รับที่บาร์เซโลน่า

แต่ความตลกร้ายที่ว่านั้นก็คือ เมื่อจบฤดูกาลนั้นทีมเก่าของเขาอย่าง แอตเลติโก มาดริด สามารถคว้าแชมป์ลา ลีกา ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014 ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เช่น ผลงานที่คงเส้นคงวาตลอดทั้งฤดูกาลที่ทำให้พวกเขาคว้าแชมป์ได้สำเร็จ แต่ปัจจัยที่เป็นกุญแจสำคัญในการคว้าแชมป์และทำให้บาร์เซโลน่าและกรีซมันน์ต้องเสียดายมากที่สุดคือการที่ทีมปล่อยตัว “หลุยส์ ซัวเรซ” อดีตดาวยิงชุดเทรเบิลแชมป์ของทีมไปให้กับทีมตราหมี ก่อนที่ซัวเรซจะเป็นคนสำคัญในการยิงประตูให้แอตเลติโก มาดริด จนสามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ

 

ทางเลือกที่เลือกได้แค่ทางเดียว

เนื่องจากฟอร์มการเล่นที่ต่ำกว่ามาตรฐานในสายตาแฟนบอลบาร์ซ่า และปัญหาภายในระหว่างตัวเขากับบาร์เซโลน่า แม้ว่าตัวเขาจะออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “การย้ายไปบาร์เซโลน่าในตอนนั้นไม่ใช่หายนะ มันคือความภาคภูมิใจเป็นอย่างมากสำหรับผมกับการได้ลงเล่นให้กับยอดทีมอย่างบาร์เซโลน่า และผมก็ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมายจากโค้ชและเพื่อนร่วมทีมทุกคน” และปัญหาอื่น ๆ ที่เรามิอาจทราบได้ แต่เท่าที่หลายสื่อรายงานนั้นมาจากปัญหาทางการเงินของบาร์เซโลน่าที่ทำให้ไม่สามารถจ่ายค่าเหนื่อยให้ตามที่กรีซมันน์ต้องการได้ สโมสรจึงพยายามผลักตัวเขาออกจากทีมเพื่อลดเพดานค่าเหนื่อยของสโมสร และก็เป็น แอตเลติโก มาดริด ทีมเก่าของเขาที่สนใจดึงตัวเขากลับไป และใจของกรีซมันน์เองก็อยากย้ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจากการเปิดเผยความรู้สึกของเขาในตอนนั้นว่า “ตัวเขาพยายามอย่างมากในการย้ายออกจากบาร์เซโลน่า แต่ก็กังวลใจเหมือนกันว่าแฟน ๆ ของแอตเลติโกจะต้อนรับผมอย่างไร ผมหวังว่าพวกเขาจะรักผมในแบบที่ผมเป็น” 

สุดท้ายแล้วเมื่ออยู่ในที่ที่ไม่ใช่ การกลับไปยังสโมสรเก่าถึงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กลงและมีโอกาสในการคว้าแชมป์น้อยลงกว่าเดิม แต่ก็เป็นสโมสรที่ให้โอกาสเขาในการทำผลงานดีที่สุดในชีวิตค้าแข้ง ก็เป็นทางเลือกที่ไม่แย่เหมือนนัก โดยเขาได้กลับไปอยู่กับ แอตเลติโก มาดริด ในเดือนกันยายนปี 2021 ด้วยสัญญายืมตัวก่อนในตอนแรก และเมื่อเคลียร์ปัญหาเรื่องของสัญญาระหว่างสองสโมสรเสร็จ แอตเลติโก มาดริด ก็ทำการซื้อขาดกรีซมันน์กลับมาในช่วงปลายปี 2022 ซึ่งตัวเขาก็ได้กล่าวขอโทษต่อแฟนบอลตราหมีกับการตัดสินใจย้ายไปบาร์เซโลน่าในครั้งนั้นในการให้สัมภาษณ์หลังเกมที่ แอตเลติโก มาดริด เอาชนะ แอธเลติก บิลเบา ในช่วงเดือนตุลาคม 2022 ว่า “ผมภูมิใจมากที่ได้เซ็นสัญญากลับมาเป็นส่วนหนึ่งของ แอตเลติโก มาดริด อีกครั้ง และท้ายที่สุด ผมขอโทษ ผมรู้ว่าแฟนบอลต้องการได้ยินคำนี้จากปากของผม แต่การให้อภัยที่ดีที่สุดของพวกคุณผมขอตอบแทนคืนให้จากผลงานในสนาม ผมพร้อมทุ่มเททุกอย่างเพื่อทีม”

และเมื่อเขาได้ย้ายกลับมายังทีมที่เขารักที่มีระบบการเล่นที่เหมาะสมกับตัวเขา รวมไปถึงมีความรู้ใจกันดีกับ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ผู้จัดการทีมด้วยแล้ว ทำให้ผลงานของเขากลับมาอยู่ในมาตรฐานที่ดีอีกครั้ง

แต่โชคชะตาก็ยังคงเล่นตลกกับกรีซมันน์ไม่เลิก เพราะทันทีที่เขาย้ายกลับมายัง แอตเลติโก มาดริด แบบถาวร ในฤดูกาลนั้นซึ่งเป็นฤดูกาลล่าสุดในปี 2022-23 บาร์เซโลน่า ทีมเก่าของเขา ที่เพิ่งย้ายออกมาหมาด ๆ ก็ได้ทำการปรับปรุงปัญหาทางการเงินของสโมสรจนกลับมาอยู่ในระดับที่ดีขึ้น ก็สามารถคว้าแชมป์ลา ลีกา ได้สำเร็จ ภายใต้การคุมทีมของ ชาบี เอร์นันเดซ ที่นำปรัชญาและวิธีการเล่นที่เหมาะสมกับทีมมาใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ จนเปลี่ยนแปลงบาร์เซโลน่าให้กลายเป็นทีมใหม่ที่แตกต่างกับในช่วงที่กรีซมันน์ค้าแข้งอยู่ ทำให้บาร์เซโลน่าประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ลา ลีกา ได้อีกครั้ง (โดยที่กรีซมันน์ไม่มีส่วนร่วมอีกแล้ว)

 

ผิดที่ … ผิดเวลา

มันเกิดอะไรขึ้นกับกรีซมันน์ ทั้งที่เขาก็มีผลงานส่วนตัวที่ดีและสม่ำเสมอมาตลอด อีกทั้งยังสามารถพาทีมชาติคว้าแชมป์โลกได้ในช่วงที่ตัวเองพีกที่สุด รวมไปถึงการตัดสินใจย้ายไปยังสโมสรที่ใหญ่ขึ้น แต่ช่วงที่เขาย้ายไปอยู่นั้นสโมสรกลับทำผลงานได้ดีไม่พอหรือมีทีมอื่นที่ดีกว่าอยู่ตลอด หรือแม้กระทั่งย้ายกลับมาทีมที่ตัวเองคุ้นเคยมากที่สุด ทีมที่เขาเพิ่งย้ายออกมากลับได้แชมป์เสียอย่างนั้น จะว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดก็ไม่ใช่เหมือนกัน เพราะตัวเขาก็ออกมาให้สัมภาษณ์เองว่าไม่ใช่การตัดสินใจที่ผิดพลาด และในความเป็นจริงทุกคนรวมถึงตัวเขาก็ต้องตัดสินใจในสิ่งที่ตนเองคิดว่าดีที่สุด ณ ช่วงเวลานั้นอยู่แล้ว มันอาจเป็นเพราะองค์ประกอบโดยรวมของทีมที่เขาไปค้าแข้งในช่วงเวลานั้นไม่เอื้อต่อการประสบความสำเร็จ หรืออาจเป็นเพราะโชคชะตาที่เล่นตลกกับเจ้าชายน้อยแห่งเมืองน้ำหอมผู้นี้มากเกินไป ทำให้เขายังคงไม่สมหวังกับการคว้าแชมป์ลา ลีกา เสียที จนได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่อยู่ผิดที่ผิดเวลาในโลกฟุตบอล เราก็ต้องมาดูกันว่าความ “ผิดที่ ผิดเวลา” ของชายผู้นี้จะไปสิ้นสุดลงในช่วงเวลาใด

 

ที่มา

https://successstory.com/people/antoine-griezmann
https://www.sportskeeda.com/player/antoine-griezmann
https://www.fotmob.com/players/184138/antoine-griezmann
https://www.goal.com/en/lists/fun-facts-about-antoine-griezmann/blt510a00f00f5bce78#cs467eb95bf44b0cf5
https://inews.co.uk/sport/football/world-cup/world-cup-final-antoine-griezmann-kylian-mbappe-star-176813
https://www.youtube.com/watch?v=-5k-vgqHO2I (บทสัมภาษณ์หลังรอบชิง)
https://www.sundayobserver.lk/2023/01/29/sports/antoine-griezmann-man-match-france%E2%80%99s-2018-fifa-world-cup-victory
https://www.barcablaugranes.com/2020/7/22/21333209/the-good-the-bad-and-the-ugly-of-barcelonas-2019-20-la-liga-season
https://www.eurosport.com/football/liga/2022-2023/antoine-griezmann-apologises-to-atletico-madrid-fans-for-the-hurt-i-have-caused-after-barcelona-tran_sto9189020/story.shtml
https://www.theguardian.com/football/2023/may/15/how-barcelona-won-la-liga-the-stories-behind-success-for-a-new-era
https://bleacherreport.com/articles/1977747-6-reasons-why-atletico-madrid-are-not-on-barcelona-and-real-madrids-level-yet
https://barcauniversal.com/antoine-griezmann-at-barcelona-a-tale-of-chaos-failure-and-finally-redemption/
https://www.goal.com/en/news/griezmann-insists-eur120m-barcelona-move-wasn-t-a-disaster-as-he-defends-record-at-camp-nou/blt7818fb5cb703f115

Author

Main Stand

Stand ForAll สื่อกีฬาที่เข้าถึงทุกคน

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ภราดร ภราดร

อยากจะทำให้ดี ไม่ใช่แค่อยากจะทำให้เป็น