“แกเป็นใครวะ ?”, “เราซื้อใครมาเนี่ย ?”, “หิวแสงเหรอเปล่า ?”, “เอาเบอร์ 7 ของโรนัลโด้คืนมานะ !” ฯลฯ นี่คือเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากทั่วทุกสารทิศต่างประเคนเข้าหา มาเรียโน่ ดิอาซ แข้งใหม่หน้าเก่าที่ เรอัล มาดริด นำเข้ามาจาก โอลิมปิก ลียง เมื่อฤดูกาล 2018-19
แม้ความเป็นแข้งโปรไฟล์น้อยจะไม่ใช่ปัญหาหลักในการย้ายมาสวมยูนิฟอร์ม “ราชันชุดขาว” ของ มาเรียโน่ แต่ทว่าการเข้ามาสวมเสื้อเบอร์ 7 ต่อจาก โรนัลโด้ ทันทีหลังจากเจ้าของคนเก่าย้ายออกไปเพียงไม่นานกลับเป็นเรื่องราวใหญ่โต
อะไรทำให้เขามั่นใจได้ขนาดนี้ บทสรุปของเรื่องราวจะเป็นเช่นไร Main Stand จะเล่าให้ทุกคนฟัง…
เธอจากไป..
10 กรกฎาคม 2018 ฟ้าผ่าเปรี้ยงกลางเมืองตูริน เมื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เปิดตัวชูเสื้อกับ ยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 100 ล้านยูโร (ประมาณ 3.7 พันล้านบาท) ทำแฟน ๆ มาดริด ต้องปาดน้ำตาเมื่อแข้งอันเป็นที่รักจากถิ่นไป ปิดฉากความหอมหวานที่มีร่วมกันมานานกว่า 9 ปี
แย่แล้วล่ะสิ ... โรนัลโด้ ไม่อยู่แล้วใครจะยิง ? ใครจะเข้ามาแทนที่เขา ? ใครจะมาเป็นคู่หูใหม่ เบนเซม่า ?
ความกระวนกระวายทั้งหลายแหล่ วนเวียนอยู่ในหัวแฟนบอล มาดริด แม้ในเวลานั้นพวกเขายังมี คาริม เบนเซม่า กับ แกเร็ธ เบล เป็นแกนหลักในแดนหน้า บวกกับแผงกลางสุดโหดทั้ง โทนี่ โครส, ลูก้า โมดริช, คาเซมิโร่, อิสโก้ ฯลฯ ดูไปแล้วการขาด โรนัลโด้ ไปคนเดียวก็ไม่น่าเป็นห่วงเพราะทีมยังมีแข้งเทพ ๆ คอยประคองอยู่หลายคน
แต่ด้วยกฎของ ลา ลีกา ที่อนุญาตให้ผู้เล่นชุดใหญ่ของแต่ละทีมเลือกสวมเสื้อได้แค่หมายเลข 1-25 เท่านั้น จึงหมายความว่า ในฤดูกาล 2018-19 มีเปอร์เซนต์สูงที่จะมีแข้งหน้าใหม่เข้ามาใช้งานหมายเลขเสื้อเบอร์ 7 ต่อจาก โรนัลโด้ หรือไม่ก็มีใครสักคนในทีมเปลี่ยนไปใส่เบอร์ดังกล่าว
ชื่อของ เอเดน อาซาร์ และ คิลียัน เอ็มบัปเป้ ขึ้นมาเป็นตัวเต็งย้ายเข้ามาใส่เบอร์ 7 ต่อโรนัลโด้ ในช่วงขณะนั้น แต่แล้วหนังก็หักมุมจนหงายเงิบเมื่อผู้กล้าเข้ามาสานต่อตำนาน โรนัลโด้ กลับเป็นใครที่คาดไม่ถึง …
คนนี้มาแรง
หลังการจากไปของ โรนัลโด้ มาดริด ก็เดินหน้าเสริมทัพกลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้ง เพราะฤดูกาลดังกล่าวพวกเขาก็เสียโค้ชอย่าง ซีเนดีน ซีดาน ไปเช่นกันหลังกุนซือชาวฝรั่งเศสอิ่มตัวกับการฟาดแชมป์เรียบตลอดการกุมบังเหียน 3 ปีแรก แน่นอนว่านี่เป็นการจากกันด้วยดี
ตัดกลับมาที่ประเด็นเบอร์ 7 ยังคงไม่มีผู้เล่นคนใดในทีมเปลี่ยนมาใส่เบอร์นี้ อาจด้วยเหตุผลที่ว่าลงตัวกับเบอร์ปัจจุบันแล้วหรือเพราะไม่อยากรับความกดดันที่ต้องมาสานต่อความยิ่งใหญ่ของเลข 7 ที่ผ่านมือตำนานมาแล้วหลายคนทั้ง เรมง โกปา, อมันซิโอ อามาโร่, เอมิลิโอ บูตราเกนโญ่, ราอูล กอนซาเลซ
ในปี 2018 หากไม่นับ ธิโบต์ กูร์ตัวส์ ที่ย้ายมาในช่วงเวลานั้นด้วยอายุ 26 ปี นักเตะที่ย้ายมาใหม่แต่ละรายก็ล้วนเป็นดาวรุ่งทั้งสิ้น เช่น วินิซิอุส จูเนียร์ 18 ปี / อัลบาโร่ โอดริโอโซลา 22 ปี / เฟเดริโก วัลเวร์เด้ 19 ปี ซึ่งในรายของ วินิซิอุส เจ้าตัวเลือกใส่เสื้อเบอร์ 28 หลังลงทะเบียนในรายชื่อนักเตะทีมชุด B กับ ลา ลีกา ส่วนทาง บัลเบร์เด้ กับ โอดริโอโซลา พวกเขาเลือกใส่เบอร์ 15 และ 19 ตามลำดับ
กระทั่งวันเวลาผ่านพ้นไป ตลาดซื้อขายนักเตะฤดูร้อนปี 2018 เริ่มเข้าใกล้โค้งสุดท้ายทุกที และแล้วในวันที่ 29 สิงหาคม ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงกลางสนาม ซานติอาโก เบอร์นาเบว เมื่อ เรอัล มาดริด ประกาศคว้าตัว มาเรียโน่ ดิอาซ กองหน้าวัย 25 ปี (ในเวลานั้น) มาจาก โอลิมปิก ลียง ด้วยค่าตัว 23 ล้านยูโร (ประมาณ 860 ล้านบาท) พร้อมเซ็นสัญญาร่วมงานกัน 5 ฤดูกาล ดูไปก็เหมือนแค่การซื้อตัวนักเตะทั่ว ๆ ไปแต่ทว่าในวินาทีที่เขาชูเสื้อมันกลับทำให้โลกตะลึง
สรุปว่าฉันนั้นดูไม่ดี … ทั้งที่เธอไม่ดู
31 สิงหาคม 2018 หรืออีก 2 วันหลังเซ็นสัญญา เรอัล มาดริด ก็จัดพิธีเปิดตัว มาเรียโน่ ที่รังเหย้าของตัวเองต่อหน้าแฟนบอลที่เข้ามารับชมอีกนับพันชีวิต แต่ที่ทำให้ผู้ชมต้องทึ่งก็คือช่วงชูเสื้อระหว่าง มาเรียโน่ กับ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ มันคือ
“Mariano 7”
“ดะ ... ดะ ... เดี๋ยว ... นี่เราตาฟาดไปเหรอ” , “เห้ฮ้ย ใส่แว่นแป๊บ” , “ไม่จริงน่า !” ฯลฯ สาวกลูกหนังราชันชุดขาวแทบไม่อยากเชื่อสายตาว่า มาเรียโน่ เป็นผู้สืบทอดหมายเลข 7 ต่อจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้
วินาทีที่ภาพของ มาเรียโน่ สวมเสื้อสีขาวหมายเลข 7 ในพิธีเปิดตัวพร้อมกับโชว์ทักษะเลี้ยง โหม่ง ส่ง ยิง ด้วยรอยยิ้มทุกอิริยาบทมันเข้าไปกรีดกลางหัวใจเหล่าสาวก “พรี่โด้” จนเกือบล้มทั้งยืน แน่นอนว่าภาพเปิดตัวเขาในสื่อโซเชี่ยลสโมสรทั้ง เฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม และ ทวิตเตอร์ เต็มไปด้วยความเดือดดาลและคำสบประมาทชายผู้นี้ราวกับจะเหยียบย่ำให้จมลงธรณี เพียงแค่เขาหาญกล้าใส่เสื้อเบอร์ 7 ให้ เรอัล มาดริด ก็เท่านั้น
ขณะที่แฟนบอลรัวกดโกรธกันอย่างบ้าคลั่งในเฟซบุ๊กแฟนเพจสโมสร ทางฝั่ง มาเรียโน่ กลับกล่าวในงานเปิดตัวด้วยความปิติที่ได้กลับมาค้าแข้งกับ มาดริด หนที่สองว่า
“วันนี้เป็นวันที่พิเศษมากที่ผมได้กลับบ้าน ขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาสผมได้กลับมาสวมเสื้อสีขาวตัวนี้สำหรับผม สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ตัวเลข แต่มันเป็นความท้าทายและความภาคภูมิใจที่ได้สวมเสื้อหมายเลขเดียวกับตำนานหลายคน เช่น เอมิลิโอ บูตราเกนโญ่, ราอูล กอนซาเลซ ผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมล้วนผ่านหมายเลขนี้”
“ผมรู้สึกตื่นเต้น เป็นอิสระ และมีความสุขมากที่ได้สวมเสื้อหมายเลข 7 ผมขอขอบคุณครอบครัว เอเย่นต์ และทุกคนที่สนับสนุนผม ผมจะทุ่มสุดหัวใจและมุ่งมั่นที่จะช่วยสโมสร อาลา มาดริด !” มาเรียโน่ กล่าวในงานแถลงข่าวเปิดตัวพร้อมชูเสื้อ
ที่พูดมาดูเหมือนสรุปด้วยดี แต่เมื่อเขาเล่าเรื่องการได้ย้ายมา เรอัล มาดริด ก็พบว่าผู้อยู่เบื้องหลังก็คือ ฆูเลน โลเปเตกี กุนซือของทีม ณ เวลานั้นเป็นคนโทรศัพท์ไปหาเขาด้วยตัวเองเพื่อกล่อมให้ย้ายมาร่วมงานด้วยกัน ซึ่งเหตุผลนี้เองทำให้เขาปฏิเสธข้อเสนอจาก เซบีย่า ที่ยื่นมาให้เขาก่อนหน้า
“เรื่องของเซบีย่า ผมมีเพียงแค่คำขอบคุณสำหรับความสนใจที่พวกเขามอบให้ผม” มาเรียโนกล่าวเสริม “แต่ วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดในชีวิตของผมที่ได้เซ็นสัญญากับสโมสรที่ดีที่สุดในโลก ฆูเลน (โค้ช) โทรหาผมและบอกว่าจะรับผิดชอบการเซ็นสัญญาของผม เขาบอกผมว่าเขาไว้ใจตัวผมและเขาจะมีความสุขมากถ้าผมตัดสินใจมาเป็นลูกทีม”
“เมื่อคุณออกจากบ้าน คุณจากไปอย่างเศร้าสร้อย มันยากที่จะจินตนาการว่าจะกลับมาหลังจากผ่านไปปีกว่า ๆ วินาทีที่ผมได้รับโทรศัพท์จากฆูเลน ผมก็มีความสุขและประหม่าในเวลาเดียวกัน”
ด้าน ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรกล่าวในวันเดียวกันนั้นว่า เขารู้สึกยินดีกับธุรกิจการซื้อตัวนักเตะช่วงหน้าร้อนในฤดูกาล 2018-19 อย่างมาก
“ผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลกมาถึงเรา (ธิโบต์ กูร์กตัวส์) หนึ่งในดาวรุ่งแห่งอนาคตจากบราซิล (วินิซิอุส) ก็มาหาเรา สองนักเตะเยาวชน วัลเวร์เด้ และ เรกีลอน ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ และในวันนี้ มาเรียโน่ ดิอาซ ก็กลับมาหาเราครั้งที่สองพร้อมกับเป้าหมายในสายเลือดของเขา”
พอท้าให้เธอได้ดู … เธอก็ดันรู้ดีว่าฉันเป็นอย่างไร
หากเล่าถึงเส้นทางที่ทำให้เขาได้กลับมาค้าแข้งที่ มาดริด อีกครั้งคงเอาไปสร้างเป็นหนังได้เรื่องหนึ่ง โดย มาเรียโน่ เริ่มจากเข้ามาเป็นเด็กปั้นสโมสรมาตอนอายุ 18 ปี ลงเล่นให้ทีมชุด B และ C รวมกว่า 94 นัด ถล่มตาข่ายคู่แข่งไป 52 ประตู
แน่นอนว่าฟอร์มสุดโหดนี้ได้ไปเตะตา ซีเนดีน ซีดาน กุนซือของทีมในเวลานั้นดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ในฤดูกาล 2016-17 เพื่อมาเป็นสำรอง คาริม เบนเซม่า แต่ก็เบียดตัวจริงไม่ได้โดยเล่นไปทั้งหมด 14 นัด ยิงไป 5 ประตู แม้ว่าจะเคยทำแฮตทริกได้ 1 ครั้งในถ้วย โกปา เดล เรย์ จากการซัลโวใส่ทีมระดับดิวิชั่น 3 ก็ตาม
จากนั้น มาเรียโน่ ก็ถูกขายไปให้ โอลิมปิก ลียง ในฤดูกาล 2017-18 พร้อมกับโชว์ฟอร์มสุดโหดซัดไป 21 ประตูจาก 45 นัดรวมทุกรายการ แถมบยังคว้าอันดับ 4 ร่วมดาวซัลโว ลีกเอิง ฤดูกาลดังกล่าวที่ 18 ประตู แต่ใด ๆ แล้วเจ้าตัวไม่สามารถซิวโทรฟี่กับ ลียง ได้เลยตลอด 1 ซีซั่น
เป็นเด็กเก่า + ฟอร์มโหดในฤดูกาลล่าสุด + มาดริด ถือสิทธิ์ครองผู้เล่น 35% + โค้ชอยากได้ = เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการย้ายมาเป็นสำรอง เบนเซม่า
19 สิงหาคม 2018 ลา ลีกา นัดแรกของฤดูกาลระเบิดขึ้น มาเรียโน่ ก็ยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับพื้นหญ้าในสนามแข่ง ทำได้แค่วิ่งวอร์มกับยืดเหยียดริมสนามในฐานะตัวสำรอง กระทั่งวันแล้ววันเล่าผ่านพ้นไปชีวิตของศูนย์หน้าวัย 25 ปีก็วนเวียนอยู่แค่วอร์มข้างสนามกับจับเจ่าที่ม้านั่งสำรอง จนแฟนบอลตั้งคำถามกับเจ้าของเบอร์ 7 คนใหม่ว่าโค้ชอยากได้มาจริง ๆ แล้วทำไมไม่ใช้งานเลย
1 เดือนต่อมา 19 กันยายน 2018 วันเดบิวต์กับราชันครั้งที่สองของเขาก็มาถึงเสียทีเมื่อ โลเปเตกี เปลี่ยนตัวลงไปแทน แกเร็ธ เบล ในนาทีที่ 73 เกมแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่มนัดแรกซึ่งเบอร์ 7 หน้าใหม่ก็ไม่ทำให้ผิดหวังหลังปั่นโค้ง ๆ สุดสวยนาทีที่ 90+1 ให้ มาดริด ปิดจ็อบชนะ โรม่า 3-0 ราวกับมีใครสักคนเขียนบทไว้ว่า “นี่แหละตัวแทนโรนัลโด้”
เพี๊ยะ ! เพี๊ยะ ! เพี๊ยะ ! “อ้าว อ้าว นี่มึงตบหน้าเมะกูแล้วนะ…” เพี๊ยะ ! เพี๊ยะ ! เพี๊ยะ ! “โอ้โห่ มึงตบกูยืนขึ้นเลยนะเนี่ย !” (แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า - 2006)
มาเรียโน่ กำลังนอนฝันหวานน้ำลายเยิ้มจู่ ๆ ชีวิตของเขาก็เหมือนกับถูกใครสักคนหนึ่งตบเข้าอย่างจังเพื่อให้เผชิญกับโลกความเป็นจริงเพราะกำแพงสูงชันที่กั้นเขาไว้นั้นมีชื่อว่า “คาริม เบนเซม่า”
แม้ตัวของ “คิง คาริม” จะฟอร์มตกอย่างแรงจากปัญหามรสุมชีวิตในฤดูกาลก่อน (2017-18) ที่ยิงไปได้แค่ 12 เม็ดจาก 42 นัดทุกรายการ แต่ทว่าการเข้ามาเป็นอะไหล่สำรองของ มาเรียโน่ กลับโดนแช่จนสนิมขึ้น เพราะ เบนเซม่า กลับมาเป็นคนเดิมเพิ่มเติมคือยิงระเบิด ทำให้ชะตากรรมของ มาเรียโน่ มีเก้าอี้ม้านั่งสำรองเป็นเพื่อนอย่างเหงา ๆ
บทสรุปฤดูกาล 2018-19 ของ มาเรียโน่ จบลงอย่างไม่สวยเพราะทั้งซีซั่นได้ลงสนาม ลา ลีกา ไปแค่ 13 นัด ยิงได้ 3 ประตู / โกปา เดล เรย์ 1 นัด 0 ประตู และที่ตลกร้ายคือประตูเปิดตัวของเขาในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก กับโรม่า เป็นประตูแรกและประตูสุดท้ายของเขาในถ้วยใบนี้ แถมยังต้องเผชิญกับการเปลี่ยนโค้ชถึง 3 คนในซีซั่นเดียวไล่ตั้งแต่ ฆูเลน โลเปเตกี, ซานติอาโก้ โซลารี่ และ ซีเนดีน ซีดาน
จากคำพูดในวันเปิดตัวสุดหอมหวาน กลับมีบทสรุปอันไม่น่าอภิรมย์ก็ส่งให้เบอร์ 7 ที่เลือกใส่ต่อจาก โรนัลโด้ กลายเป็นมลทินในชั่วพริบตา ก่อนจะตามด้วยเสียงจากแฟนบอลรุมวิจารณ์กันอย่างมันปากถึงความกล้าใส่เบอร์ศักดิ์สิทธิ์ และนั่นก็ถึงคราวที่ชีพจรลงเท้าจน มาเรียโน่ ต้องเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
หมดเวลาสนุกแล้วสิ
เมื่อ เรอัล มาดริด ต้องพบกับความล้มเหลวในฤดูกาล 2018-19 มันก็ถึงเวลาที่ “ราชัน” จะต้องตื่นจากนิทราโดยเร็ว ฟลอเรนติโน่ เปเรซ จัดการยกเครื่องอย่างบ้าคลั่งต้อนรับการกลับมาคุมทีมคำรบที่สองของ ซีดาน ด้วยการปล่อยหมัดหนักคว้าตัว เอเดน อาซาร์ มาจาก เชลซี ผนึกกำลังกับสามดาวรุ่งที่โลกจับตามองอย่าง เอแดร์ มิลิเตา (20) จาก ปอร์โต้, โรดริโก กอยส์ (18) จาก ซานโต๊ส และ ลูก้า โยวิช (21) จาก แฟรงค์เฟิร์ต
สำหรับในรายของ อาซาร์ นี่เป็นเหมือนฝันที่รอคอยมานานเนิ่นเพราะทราบกันดีว่าตัวรุกชาวเบลเยียมคนนี้โดนตามจีบมาตลอดหลายปีจนกระทั่งมาสมหวังเอาในปีนี้ แน่นอนว่าเมื่อคนดังอย่าง อาซาร์ มาสวมยูนิฟอร์มชุดขาวก็ต้องคู่ควรกับเบอร์เสื้ออันทรงเกียรติ ซึ่ง ณ เวลานั้นเลขที่ว่างก็มี 3, 16, 18 และ 23 โอเคว่าถ้า อาซาร์ เลือกใส่เบอร์ 23 ที่ว่างอยู่ก็ดูเข้าท่าเพราะ เดวิด เบ็คแฮม ตำนานสโมสรก็เคยใช้งานเบอร์นี้มาแล้ว
แต่สุดท้ายทองปลอมก็ย่อมลอกง่ายกว่าทองแท้ เพราะหลังจาก อาซาร์ เปิดตัวกับ มาดริด ในวันที่ 7 มิถุนายน 2019 ร้านค้าสโมสรที่นครดูไบก็วางขายเสื้อของเขาพร้อมสกรีนหมายเลข 7 เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าผู้ที่เหมาะสมตัวจริงมาถึงแล้ว และตัวปลอมอย่าง มาเรียโน่ ก็ต้องจำนนเปลี่ยนไปใส่เบอร์อื่นซะโดยดี
แม้จะไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการว่าตลอดซีซั่น 2018-19 เสื้อเบอร์ 7 พร้อมชื่อ มาเรียโน่ ทำยอดขายให้ มาดริด ได้เท่าไร แต่จากคำพูดของ อาซาร์ ที่ออกมาเปิดเผยความจริงกับนิตยสาร Sport/Foot ในเดือนมกราคม 2020 ก็พอจะรู้บ้างว่าทำไมเขาถึงคู่ควรกับเบอร์ 7 มากกว่า มาเรียโน่
“มาเรียโน่ เป็นเจ้าของเบอร์นี้ไปแล้วและผมไม่อยากไปตอแยกับเขา มันไม่ใช่สไตล์ของผม ผมรู้ว่าเบอร์ 10 ที่ผมใส่กับ เชลซี ก็มี โมดริช ใช้งานแล้วเช่นกัน ดังนั้นผมคาดว่าเบอร์ที่ผมอาจจะได้ใช้คือ 16 แต่ผมไม่ต้องการ”
“ผมเข้าไปคุยกับสโมสรว่าผมขอใส่เสื้อเบอร์ 50 ได้ไหม แต่สโมสรบอกกับผมว่าพวกเขาแจ้งกับ มาเรียโน่ ไปแล้วว่าต้องยกเบอร์ 7 ให้ผม เพราะใน ลา ลีกา จำกัดเบอร์เสื้อผู้เล่นชุดใหญ่ได้แค่ 1-25”
เมื่อ อาซาร์ ได้เบอร์ 7 มาครองก็ทำให้ มาเรียโน่ ต้องหาเบอร์ใหม่มาแทนซึ่งหวยก็ไปออกที่เบอร์ 24 หลังเจ้าของคนเดิมอย่าง ดานี่ เซบายอส ย้ายยืมตัวไป อาร์เซน่อล 2 ฤดูกาล (กลับมาใส่เบอร์ 19 หลังหมดสัญญายืมตัวในปี 2021) ส่วนเบอร์ 18 ที่ มาเรียโน่ เคยใส่ตอนขึ้นชุดใหญ่ครั้งแรกในฤดูกาล 2016-17 ก็โดน ลูก้า โยวิช หยิบไปใช้งานแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าพลังบัฟเบอร์ 7 หายไปหรือเปล่า เพราะหลังจากเปลี่ยนมาใส่เสื้อเบอร์ 24 มาเรียโน่ ก็เข้าสู่โครงการ “ปีละประตู” นับตั้งแต่ฤดูกาล 2019-2020 เป็นต้นมา ไม่ว่าจะได้ลงสนามกี่นัด กี่รายการ เขาก็ยิงทั้งปีได้แค่ลูกเดียวตลอด ทว่าในซีซั่นนี้ (2022-23) เจ้าตัวลงสนามทุกรายการไป 10 นัด แต่ดันเป้าสะอาดใสกิ๊งซะงั้น
ลืมตาในน้ำ
6 ปีต่อมา แฟนบอลเกือบลืมไปแล้วว่า มาเรียโน่ ดิอาซ เป็นผู้สืบทอดเสื้อเบอร์ 7 ที่ เรอัล มาดริด ต่อจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นั่นอาจเป็นเพราะว่าเขาได้ใช้งานเบอร์ 7 เต็มตัวแค่ฤดูกาลเดียวแล้วเปลี่ยนไปเบอร์ 24 แถมตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาบทบาทก็เวียนว่ายตายเกิดอยู่กับม้านั่งสำรอง
ถ้าเป็นนักฟุตบอลทั่วไปก็อาจมีเคืองบ้างที่เป็นตัวสำรองแบบแทบไม่ได้แจ้งเกิดนานกว่า 6 ปี แต่สำหรับ มาเรียโน่ นี่อาจเป็นการเก็บเกี่ยวโปรไฟล์ก็เป็นได้เพราะถึงจะก้นด้านขนาดนี้ก็ฟันเหรียญแชมป์ทุกรายการกับ มาดริด ไปนอนกอดถึง 10 ใบถ้วน
แต่อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงมั่นหน้าคว้าเบอร์ 7 จาก โรนัลโด้ มาใส่ต่อแบบไม่สนโลก เราขอพาย้อนไปสมัยที่เขายังเป็นดาวรุ่งวัยแค่ 19 ปี มาเรียโน่ ได้รับการติดต่อไปเล่นให้ทีมชาติสาธารณรัฐโดมินิกัน อันเป็นเชื้อชาติของแม่เขาเอง โดยเจ้าตัวเดบิวต์ทีมชาตินัดแรกในเกมอุ่นเครื่องรายการ กิสกียา คัพ 2013 พบกับ เฮติ โดยเกมนั้นเจ้าตัวบรรจงปั่นฟรีคิกสุดสวยให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ก่อนจบเกมชนะ 3-1 ซึ่ง มาเรียโน่ ในวัย 19 ปี ได้หยอดคำหวานใส่สาธารณรัฐโดมินิกันให้เก็บไปนอนฝันเล่นหลังจบเกมว่า
“ผมมีความสุขมากกับการเปิดตัวครั้งแรกกับทีมชาติ และหวังว่าจะได้กลับมาอีกเรื่อย ๆ และช่วยให้เราบรรลุเป้าหมาย”
แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่ลมปากของเด็กคนหนึ่ง เพราะในปีเดียวกันนั้นเอง (2013) มาเรียโน่ ก็ประกาศเลิกเล่นทีมชาติสาธารณรัฐโดมินิกันทันทีโดยให้เหตุผลว่าต้องการเล่นให้กับทีมชาติสเปนอันเป็นเชื้อชาติของพ่อและเป็นแผ่นดินเกิดของเขา (มาเรียโน่ เกิดที่บาร์เซโลน่า)
นั่นทำให้สถิติการเล่นทีมชาติสาธารณรัฐโดมินิกันของเขาเกิดขึ้นแค่เกมเดียวและประตูเดียวถ้วน แต่จากกฏการเปลี่ยนสังกัดทีมชาติในปี 2020 ของฟีฟ่า ทำให้ มาเรียโน่ ยังคงมีหวังเล่นกับทัพ “กระทิงดุ” เนื่องจากเขาเข้าข่ายคุณสมบัติ 6 ข้อการย้ายทีมชาติของฟีฟ่าทุกประการ แต่จนถึงทุกวันนี้ฝันสวมชุดสีแดงให้สเปนยังคงไม่เกิดขึ้นจริง
นอกจากความมั่นใจว่าตัวเองดีพอกับทีมชาติสเปนแล้วนั้น เราขอย้อนกลับไปช่วงหลังจากชูเสื้อเปิดตัวกับ มาดริด ก็พอจะรู้นิส้ยคร่าว ๆ ได้ว่าชายคนนี้มีความศรัทธาอันแรงกล้าอยู่ในสายเลือด
“เบอร์ 7 มันว่างอยู่ แฟนบอล เรอัล มาดริด ทุกคนรู้ดี พวกเขาถามผมก่อนย้ายมาว่าผมอยากใส่เบอร์อะไร แล้วผมก็หาดูว่าเบอร์ไหนว่างบ้างและผมก็ขอยืนยันว่าผมชอบเลข 7”
“หลายคนบอกผมว่ากล้าหาญ และหลายคนก็บอกว่าผมไม่คู่ควรกับเบอร์ 7 ผมไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ ผมแค่ฝึกฝนตัวเองทุกวันให้เต็มที่เพื่อที่จะสามารถสนุกไปกับมันได้ เลข 7 เป็นเลขที่ผมชอบและเป็นความท้าทายส่วนตัว” มาเรียโน่ กล่าว
ไม่น่าเชื่อว่า จากวันที่เขาประกาศสืบทอดเสื้อเบอร์ 7 ที่ เรอัล มาดริด ต่อจาก โรนัลโด้ เวลาจะผ่านล่วงเลยมานานกว่า 6 ปีแล้วและดูเหมือนว่าฝันทุกอย่างที่วาดไว้จะตายไปพร้อมกับอีโก้ที่ตัวเองมีจนถึงปัจจุบัน เพราะทันทีที่จบฤดูกาล 2022-23 สัญญาของเขากับมาดริดก็จะสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ แต่ทว่าก็ยังมี เฟเนร์บาห์เช่ ทีมดังจากลีกตุรกีเป็นตัวเต็งคว้าไปร่วมทีมคอยรักษาแผลใจ
แต่เรื่องที่น่าเศร้ากว่าฝันที่ไม่เป็นจริงของ มาเรียโน่ ก็คือโลกนี้อาจลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่งเขาเคยหาญกล้าสวมเสื้อเบอร์ 7 สานตำนานต่อจาก โรนัลโด้ แต่ที่ตลกร้ายไปกว่านั้นก็คือการถูกตั้งคำถามว่า…
“มาเรียโน่ ดิอาซ ใครอ่ะ ? มีนักเตะมาดริดชื่อนี้ด้วยเหรอ”
แหล่งอ้างอิง :
https://www.espn.com/soccer/real-madrid/story/3618322/real-madrids-mariano-diaz-takes-cristiano-ronaldos-no-7-shirt-is-with-you
https://www.the42.ie/mariano-diaz-real-madrid-signing-number-seven-shirt-4213181-Aug2018/
https://therealchamps.com/2018/09/13/mariano-diaz-welcomes-pressure-of-no-7-shirt/
https://www.fifa.com/fifaplus/en/articles/mariano-diaz-whats-next-for-dominican-republic-one-game-wonder
https://www.goal.com/en/news/hazard-explains-how-madrid-told-mariano-to-give-up-no7-shirt-for-him-after-he-chose-no50/1ufshwicprp1d1fcmnpcrsiucb
https://www.facebook.com/RealMadrid/posts/mariano-d%C3%ADaz-tonights-hat-trick-heromariano-el-h%C3%A9roe-de-esta-noche-con-su-hat-tr/10151138476894953/
https://www.facebook.com/RealMadrid/photos/a.74265819952/10151655451059953/