ชื่อของ ยศพร บูรพา ไม่ได้คุ้นหูแฟนบอลไทยมากนัก เนื่องจากเจ้าหนูที่อายุจะครบ 18 ปี บริบูรณ์ ในวันที่ 8 มิถุนายนนี้ เพิ่งเริ่มนับหนึ่งบนถนนลูกหนังอาชีพอย่างเป็นทางการเมื่อปีที่ผ่านมา
จากนักเตะที่เล่นอยู่ระดับ ไทยแลนด์ อเมเจอร์ลีก แต่ลีลาการเล่นเก่งเกินอายุจนไปเตะตาแมวมอง ชลบุรี อย่างจัง ทำให้เขาได้เซ็นสัญญาอาชีพฉบับแรกกับทีม “ฉลามชล” ก่อนถูกปล่อยให้ สมุทรปราการ ซิตี้ ยืมตัวไปใช้งานในไทยลีก 2
แต่ดาวยิงรายนี้กลับทำผลงานได้ดี มีส่วนช่วยทีม “เขี้ยวสมุทร” รอดตกชั้น ด้วยฟอร์มการเล่นที่ไม่ธรรมดา ทำให้ อิสสระ ศรีทะโร กวักมือเรียกไปติดทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์ พร้อมทำสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของพลพรรค “ช้างศึก” ชุดล่าเหรียญทองที่ กัมพูชา
เส้นทางลูกหนังของ ยศกร เป็นอย่างไร ไปติดตามกับ BallThaiStand
ปลุกฝันเส้นทางลูกหนังอาชีพด้วยลูกบอลกระดาษ
ฟุตบอล กับ เด็กผู้ชาย ถือเป็นของคู่กัน โดยเฉพาะเด็กต่างจังหวัด ที่ใช้ ฟุตบอล นำทางไปสู่ความสนุก เป็นใบเบิกทางที่ทำให้รู้จักเพื่อน พี่น้อง ใหม่ๆ เช่นเดียวกันกับ “มิค” ยศพร บูรพา เจ้าหนูนักเตะจาก อ. โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี
การไม่ได้เกิดในเมืองที่ล้อมด้วยป่าคอนกรีตทำให้ลูกหนังใบแรกที่เจ้าตัวสัมผัสก็คือ “ลูกบอลกระดาษ” ซึ่งเป็นการเอากระดาษมาปั้นและรัดด้วยหนังยางจำลองเป็นลูกฟุตบอลเอาไว้ไล่เตะกันอย่างสนุกสนาน
จากการเล่นสนุกตามประสาเด็กทั่วไป แต่ใครจะคิดว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพในปัจจุบัน
ยศกร ได้เล่าความหลังในวัยเด็กว่า “ตอนเด็ก ผมเล่นฟุตบอลกับพี่ๆ แถวบ้าน พวกเราพับกระดาษเป็นก้อนแล้วเอามาเตะกัน แต่พอเริ่มไปโรงเรียนจึงได้เล่นฟุตบอลจริงๆ เพราะทางโรงเรียนมีลูกฟุตบอลให้ จากนั้นก็เล่นฟุตบอลมาเรื่อยๆ ครับ”
เมื่อได้เล่นฟุตบอลบ่อยๆ ประกอบกับ โรงเรียนบ้านปั้นหม้อ ที่แฝงตัวอยู่ จ. จันทบุรี จัดแข่งขันฟุตบอลอยู่เรื่อยๆ ทำให้ ยศกร เริ่มจริงจังกับฟุตบอลมากขึ้นจนมีความฝันอยากจะก้าวไปเป็นนักเตะอาชีพ ค้าแข้งบนเวทีระดับสูง
เติมฝันถนนสายฟุตบอลอาชีพด้วยการเดินเข้าสู่อคาเดมี ราชนาวี
ฝันให้ไกลไปให้ถึง เมื่อคิดว่าจะไปสายฟุตบอล ตัวเขาขอไปให้สุดทาง แม้เส้นทางนั้นจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบก็ตาม
เจ้ามิค ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว จุดหมายแรกของเขาเริ่มต้นด้วยความผิดหวัง เมื่อไม่ผ่านการคัดตัวในการเข้าไปเป็นหนึ่งในสมาชิกอคาเดมีของ ปตท.ระยอง แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาท้อ เขาเปลี่ยนความผิดหวังเป็นพลังบวก พร้อมเบนเป้าหมายใหม่ไปยัง ราชนาวี
จากนักเตะที่ตบเท้ามาคัดตัวกว่าพันชีวิต เขาโชว์ความสามารถที่มีทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการเล่นอันดุดัน โชว์ลูกยิงอันหนักหน่วง และร่างกายที่แข็งแกร่งให้สตาฟฟ์โค้ชได้เห็นจนชนะใจได้เข้ามาอยู่ในอคาเดมีของ ราชนาวี สมใจ
“ผมเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังตอน ม.1 ผมเริ่มไปคัดตัวเพื่อเข้าอคาเดมี ที่แรกเลยคือ ปตท.ระยอง แต่ตอนนั้นคัดไม่ติด เลยไปคัดตัวกับ ราชนาวี”
“ตอนนั้นมีคนมาคัดเยอะ รวมๆ เกือบพันได้ สุดท้ายผมติดและได้ย้ายไปเรียนที่ โรงเรียนพลูตาหลวงวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนในสังกัดของ ราชนาวี ผมได้แข่งฟุตบอลรายการต่างๆ จนไปเล่นไทยแลนด์ อเมเจอร์ลีก กับ กองเรือรบ ยูไนเต็ด”
เปลี่ยนตำแหน่งจากจอมทัพสู่ดาวยิง เตะตาแมวมอง “ฉลามชล”
ไม่รู้ว่าโชคชะตาลิขิตหรือเปล่า แต่จุดเริ่มต้นในการเล่นฟุตบอลของ ยศกร คือการเล่นเป็นกองกลาง แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อกองหน้าของทีมไม่พร้อมลงสนามเนื่องจากป่วย โค้ชไม่มีทางเลือก จึงขยับเอาเขาไปเล่นเป็น “กองหน้า”
“พอผมได้ไปอยู่กับทีม ราชนาวี ก็ได้ย้ายไปอยู่โรงเรียนพลูตาหลวงวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนในสังกัดของ ราชนาวี ผมเล่นที่นั่นมาตลอด ช่วงที่เตะ ไทยแลนด์ อเมเจอร์ลีก เพื่อนผมดันป่วย โค้ชเลยให้ไปเล่นกองหน้า จากนั้นก็เล่นกองหน้ามาตลอด” ยศกร กล่าว
ด้วยความดุดัน เต็มไปด้วยชั้นเชิง และยิงประตูได้หนักหน่วง เขายิงไป 7 ประตู พาทีม กองเรือรบ ยูไนเต็ด เลื่อนชั้นไปเล่นไทยลีก 3 โซนตะวันออกได้สำเร็จเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
แน่นอนว่าฟอร์มการเล่นอันเฉิดฉาย ไปเตะตาแมวมองของ ชลบุรี ที่เฝ้ามองการเล่นของเขาอย่างจัง ซึ่งแมวมองคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี
เจ้าของฉายา “เดอะ เซนต์” ที่เปิดประตูต้อนรับนักเตะโนเนมสู่รั้ว “ฉลามชล” พร้อมปั้นดินให้เป็นดาวไปติดทีมชาติไทยมากมายได้กล่าวว่า
“ตอนนั้นผมไปจัดฟุตบอลไทยแลนด์ อเมเจอร์ลีก เพราะโซนตะวันออกเขามาเล่นที่สนามเบียร์ช้าง ผมเลยมีโอกาสไปนั่งดูเกม ก็ดูหมดทุกทีม แต่ไปสะดุดตา ยศกร เขาเป็นตัวยิงของทีม”
“ผมเลยให้ทีมงานสตาฟฟ์โค้ชมาดูฟอร์มด้วย ดู 3-4 นัดเลยนะ ซึ่งตอนนั้นเขาอายุ 16 ปีเอง ผมเลยไปคุยกับทีมงานของทีม กองเรือรบ ไปสอบถามว่าเป็นใครมาจากไหน”
“พอได้ข้อมูลก็ทำตามขั้นตอน คุยกับสโมสร ผู้ปกครอง และตัดสินใจดึงตัวมาร่วมทีม วันเซ็นสัญญากับ ชลบุรี เป็นวันเกิดน้องด้วยนะ”
แจ้งเกิดกับ สมุทรปราการ ซิตี้
จากนักเตะวัยทีนที่เพิ่งผ่านการเล่นลีกกึ่งอาชีพ ไทยแลนด์ อเมเจอร์ลีก เพียงเวลาไม่นาน เขาได้โอกาสสัมผัสฟุตบอลลีกอาชีพ
ยศกร เข้าไปฝึกซ้อมปรีซีซั่นกับ ชลบุรี ได้ 10 วัน ก่อนถูกส่งต่อไปยัง สมุทรปราการ ซิตี้ ในไทยลีก 2 แน่นอนว่ามันคือการก้าวกระโดดของชีวิต
แม้แนวรุกของ สมุทรปราการ ซิตี้ จะมีนักเตะต่างชาติขวางทาง แต่ในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาล 2022/23 ดาวยิงเหล่านั้นดันนัดกันเดี้ยง ทำให้โอกาสตกมาเป็นของ ยศกร แบบส้มหล่น
เขาไม่ปล่อยให้โอกาสเป็นเพียงอากาศ ทำผลงานได้ดีและยิงประตูแรกให้กับทีมในเกมเอาชนะ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด 2-0 ทำให้เขากลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในลีกพระรองด้วยวัย 17 ปี 3 เดือน
จากนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กองหน้าที่เคยถูกมองข้าม สามารถก้าวมาเป็นตัวหลักของ เขี้ยวสมุทร เขาได้ลงสนามไป 31 นัด ยิงไป 7 ประตู เป็นดาวซัลโวประจำทีม และเป็นนักเตะอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ยิงประตูมากที่สุดในไทยลีก 2 ฤดูกาลนี้ มีส่วนพาทีมรอดตกชั้นหวุดหวิด
“ผมไม่คิดว่าโอกาสจะมาเร็วขนาดนี้ เพราะผมคิดว่าแค่มีโอกาสซ้อม มีโอกาสได้สัมผัสบรรยากาศกับทีมก็ถือว่าดีแล้ว”
“แต่กองหน้าต่างชาติเจ็บ โอกาสเลยมาถึงผม ผมได้ลงสนามและยิงประตูแรกในเกมกับ เชียงใหม่ จากนั้นก็ได้ลงสนามมาตลอด”
อนาคตดาวยิง “ช้างศึก”
ทุกจังหวะชีวิตในสนามฟุตบอลของ ยศกร ได้รับการจับตามองจาก อิสสระ ศรีทะโร กุนซือทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ตลอดเวลา
จากนั้นประตูทีมชาติไทย ได้เปิดรับเขากับทัวร์นาเมนต์ที่นักฟุตบอลหลายคนอยากลิ้มลองบรรยากาศ นั่นคือ ซีเกมส์
แม้ปัจจุบันฟุตบอลรายการนี้จะถูกด้อยค่าว่าไม่สำคัญ แต่ตราบใดที่มีธงไตรรงค์ปักอยู่บนอกซ้าย มันคือความภูมิใจและมันคือการเติมฝันการเป็นนักฟุตบอลทีมชาติของเด็กคนหนึ่งได้กลายเป็นจริง
ในอดีตฟุตบอลซีเกมส์ เคยสร้างชื่อให้กับกองหน้าหลายคนจนดังเป็นพลุแตก จนก้าวไปติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ อย่างต่อเนื่อง เขาเองก็หวังจะทำได้เหมือนรุ่นพี่ในอดีต
“ผมไม่คิดว่าตัวเองจะมาอยู่จุดนี้ มันเร็วมาก การติดทีมชาติไทยคือความฝันของนักบอลทุกคน”
“การได้เล่นซีเกมส์เป็นรายการที่ใหญ่มากสำหรับผม การสัมผัสเกมแค่ 10 นาที มันเป็น 10 นาทีที่ยิ่งใหญ่และทำให้ผมจดจำไปชั่วชีวิต”
“ผมพยายามทำตัวให้พร้อมตลอด หากโค้ชต้องการใช้งานก็พร้อมลงสนามทุกเมื่อ เรามีเป้าหมายในการคว้าแชมป์ และหวังว่าจะทำให้ได้”
มาติดตามกันว่าชีวิตนักฟุตบอลอาชีพของ ยศกร บูรพา จะไปไกลแค่ไหน ทุกอย่างอยู่ที่ความตั้งใจและฝีเท้าของเขาแล้ว เหมือนกับคำกล่าวของ อรรณพ สิงห์โตทอง ที่ว่า
“ผมแค่ให้โอกาสกับทุกคน ชลบุรี มีนักเตะที่ดีและไม่ดี ให้เขาเลือกเองว่าจะเลียนแบบรุ่นพี่คนไหน ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเขาเลือกเดิน”