กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ คือยอดดาวรุ่งแห่งยุคอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยความสามารถในการกระชากบอลไปข้างหน้าได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว ทำให้เขากลายมาเป็นผู้เล่นคนสำคัญของ อาร์เซนอล ได้ด้วยวัยเพียง 21 ปีเท่านั้น
จากผลงานดังกล่าว เราอาจไม่เชื่อว่าเจ้าหนูรายนี้เคยได้รับโอกาสจากทีมใหญ่ในพรีเมียร์ลีกทีมหนึ่ง ซึ่งเรียกตัวให้มาทดสอบฝีเท้าถึง 4 ครั้ง แต่กลับปฏิเสธจะเซ็นสัญญาด้วยทั้ง 4 ครั้ง
ถึงกระนั้นมาร์ติเนลลี่ก็ไม่เคยท้อแท้สิ้นหวัง เขายังคงเดินหน้าฝึกฝนพัฒนาตัวเองต่อไป จนได้รับโอกาสเซ็นสัญญากับอาร์เซนอลในที่สุด
ทีมใหญ่ทีมใดบ้างที่เคยปฏิเสธมาร์ติเนลลี่ และเกิดอะไรขึ้นกับเส้นทางการเป็นนักเตะของเขาบ้าง ติดตามไปพร้อมกันได้ที่ Main Stand
เด็กมหัศจรรย์จากอิตัวโน่
กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ (Gabriel Martinelli) เกิดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ปี 2001 ที่เมืองกัวรูลโฮส รัฐเซาเปาโล ประเทศบราซิล เขามาจากครอบครัวยากจนเช่นเดียวกับนักฟุตบอลชื่อดังของบราซิลอีกหลายคนที่มักมีจุดกำเนิดมาจากการเป็นนักฟุตบอลข้างถนนและฝึกซ้อมโดยใช้ลูกบอลที่ทำขึ้นเองเป็นส่วนใหญ่
ในช่วงวัยเด็กของมาร์ติเนลลี่ เขาสนใจเล่นการฟุตบอลอย่างมากจนไม่สนใจการเรียน สิ่งนี้สร้างความหนักใจแก่ เจา มาร์ติเนลลี่ (Joao Martinelli) บิดาของเขาพอสมควร แต่เมื่อเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของบุตรชาย พ่อและแม่จึงหาทางออกให้เขาได้รับการศึกษาอย่างเป็นทางการผ่านการสอนพิเศษที่บ้าน
มาร์ติเนลลี่ฝึกหัดทักษะการเล่นฟุตบอลครั้งแรกด้วยการเล่นฟุตซอลกับเพื่อนในเขตชุมชนบ้านเกิด เขาเรียนรู้เทคนิคการควบคุมลูกฟุตบอลได้อย่างรวดเร็ว จนกลายมาเป็นกองหน้าตัวจิ๋วที่แข็งแกร่งเกินวัย
ความสามารถดังกล่าวไปเข้าตาทีมฟุตซอลโครินเธียนส์ จึงเรียกให้เขาเข้ามาทดสอบฝีเท้า และด้วยความสามารถอันโดดเด่นจากการใช้สองเท้าได้อย่างคล่องแคล่ว กระชากลากเลื้อยซ้ายขวารวดเร็วชนิดที่คู่แข่งจับทางไม่ได้ ทำให้เขาได้รับเลือกให้เข้ามาสู่ทีมในเวลาต่อมา
และด้วยพรสวรรค์ที่มากเกินวัย ทำให้สโมสรอิตัวโน่ จากดิวิชั่น 2 ของลีกบราซิลตัดสินใจดึงตัวเขาเข้ามาร่วมทัพในปี 2015
ในฤดูกาลปี 2018-19 มาร์ติเนลลี่ทำสิ่งที่เหนือความคาดหมาย ด้วยการสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักฟุตบอลอายุน้อยที่สุดเพียง 16 ปี 9 เดือน ที่ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของอิตัวโน่
เขากลายเป็นแข้งอัจฉริยะที่แฟนบอลทุกคนจับตามอง ซึ่งทุกคนต่างรู้ดีว่าเด็กหนุ่มรายนี้จะกลายมาเป็นยอดแข้งระดับโลกจากแดนแซมบ้าในอนาคตอย่างแน่นอน
ลมกรดผู้ถูกปฏิเสธ
หลังจากเดบิวต์กับอิตัวโน่ได้เพียงฤดูกาลเดียว มาร์ติเนลลี่ก็ฝากสิ่งมหัศจรรย์มากมายไว้กับทีมต้นสังกัด เขาลงเล่นไปทั้งสิ้น 17 นัด ซัดประตูได้ถึง 6 ลูก นับเป็นผลงานที่น่าประทับใจสำหรับเด็กหนุ่มอายุ 17 ปีอย่างยิ่ง
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทีมใหญ่ในยุโรป เช่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด รวมถึงทีมชั้นนำในยุโรปอีกมากกว่า 25 ทีม สนใจจะเรียกตัวเขาให้ไปทดสอบฝีเท้า
แต่ทีมเดียวที่ได้ตัวมาร์ติเนลลี่ไปทดสอบฝีเท้าคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เคยทดสอบฝีเท้าแข้งดาวรุ่งรายนี้มาตั้งแต่อายุ 13 ปี แต่กลับปฏิเสธจะเซ็นสัญญาด้วยเหตุผลบางประการ
ถึงกระนั้นมาร์ติเนลลี่ก็ไม่เคยย่อท้อ เขารู้ดีว่าการได้เซ็นสัญญากับทีมใหญ่ของยุโรปนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ง่าย เขาจึงพยายามฝึกฝนฝีเท้าตัวเองเสมอมา จนได้รับโอกาสอีก 3 ครั้งคือตอนอายุ 14,15 และ16 ปี แต่ก็ถูก แมนฯ ยูไนเต็ด ปฏิเสธทุกครั้ง
“ช่วงที่ผมทดสอบฝีเท้ากับแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีเวลาไหนที่พวกเขาบอกว่าต้องการเซ็นสัญญากับผม” มาร์ติเนลลี่ กล่าว
อย่างไรก็ดี แม้จะไม่ได้รับการเซ็นสัญญากับ แมนฯ ยูไนเต็ด เขาก็ไม่เคยเสียใจ เพราะถือว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่จะได้พัฒนาฝีมือกับนักเตะดาวรุ่งอีกมากมาย เช่น เมสัน กรีนวูด และ แบรนดอน วิลเลียมส์ นอกจากนี้เขายังได้ร่วมฝึกฝีเท้ากับนักเตะระดับโลกชื่อดังอย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, ปอล ป็อกบา, เวย์น รูนี่ย์ หรือแม้แต่ ปาทริซ เอวร่า ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นนักเตะชั้นแนวหน้าของโลกทั้งสิ้น
“ประสบการณ์ที่อังกฤษสอนให้ผมรู้ว่า ถ้าอยากเก่งคุณจำเป็นต้องปรับตัว ซึ่งหลังการทดสอบฝีเท้าสิ้นสุดลง ผมบอกตัวเองเสมอว่าผมทำได้”
แสงสว่างในความมืดมิด
บนความมืดมิดย่อมมีแสงสว่างอยู่เสมอ แม้มาร์ติเนลลี่จะถูก แมนฯ ยูไนเต็ด ปฏิเสธถึง 4 ครั้ง แต่กระนั้นเขากลับได้รับข้อเสนอจากยอดทีมแห่งลอนดอนเหนืออย่าง อาร์เซนอล ที่มองเห็นแววของเขาว่ามีความสามารถที่ไม่ธรรมดา
อาร์เซนอลเป็นทีมเดียวที่ให้ความสนใจมาร์ติเนลลี่อย่างจริงจัง พวกเขายื่นซื้อตัวเเข้งบราซิลวัย 18 ปี มาจากอิตัวโน่ เมื่อปี 2019 ด้วยค่าตัว 6 ล้านปอนด์ (ราว 250 ล้านบาท) ซึ่งทำให้มาร์ติเนลลี่ตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านเกิดมุ่งสู่ลอนดอนทันที
ในช่วงแรกที่มาถึง มาร์ติเนลลี่ถูกวางตัวให้อยู่ในทีมชุด U-21 ของไอ้ปืนใหญ่ แต่เขาได้รับความไว้วางใจให้ไปทัวร์พรีซีซั่นกับทีมชุดใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา
เขาใช้ความสามารถพิสูจน์ตัวเองด้วยการซัดไป 1 ประตูตั้งแต่เกมแรกที่ประเดิมสนามกับโคโลราโด ราปิดส์ (Colorado Rapids) ในวันที่ 16 กรกฎาคม 2019 ซึ่ง อาร์เซนอล ชนะไปได้ 3-0 อย่างไรก็ตาม ด้วยความสามารถระดับนี้ทำให้ อูไน เอเมรี่ (Unai Emery) เฮดโค้ชของทีมในเวลานั้นตัดสินใจดึงตัวมาร์ติเนลลี่ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ทันที
“เขาหิวกระหายที่จะได้ลงเล่น มีความถ่อมตัว ผมบอกเขาว่าจงอดทน สักวันโอกาสของนายจะมาถึง ซึ่งนายสมควรได้รับมัน” อูไน เอเมรี่ กล่าว
มาร์ติเนลลี่ออกสตาร์ทพรีเมียร์ลีกครั้งแรก เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 2019 เป็นเกมที่ อาร์เซนอล สามารถเอาชนะ นิวคาสเซิล ไป 1-0 แม้จะได้ลงเล่นในฐานะผู้เล่นสำรองของ เฮนริค มคิตาร์ยาน (Henrikh Mkhitaryan) ในนาทีที่ 84 แต่ถือได้ว่าเป็นนิมิตหมายอันดีที่เขาจะได้รับประสบการณ์บนลีกที่ขึ้นชื่อว่าโหดหินลีกหนึ่งในโลก
“มันเป็นความฝันตั้งแต่ผมยังเด็ก ผมฝันที่จะได้เล่นในยุโรปและเล่นให้กับทีมใหญ่อย่างอาร์เซนอล ผมจะใช้โอกาสนี้พิสูจน์ตัวเองว่าผมทำได้”
“ผมยกย่อง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ลิโอเนล เมสซี่ และ เนย์มาร์ พวกเขาเป็นผู้เล่นที่สามารถตัดสินเกมได้ พวกเขามีความเป็นมืออาชีพสูงและอุทิศชีวิตทั้งหมดให้กับเกมฟุตบอล ผมต้องการทำให้ได้อย่างพวกเขา” มาร์ติเนลลี่ กล่าว
ฤดูกาล 2019-20 มาร์ติเนลลี่ลงเล่นให้อาร์เซนอลไป 26 นัด ซัดไป 10 ประตู แม้ต้องเล่นท่ามกลางความโกลาหลบนถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดียม ที่เฮดโค้ชอย่าง อูไน เอเมรี่ เพิ่งโดนปลด และมีเฟรดริก ลุงเบิร์ก (Fredrik Ljungberg) เข้ามาคุมทีมชั่วคราว ก็ตาม
เขายังทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยมจนสามารถคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนของอาร์เซนอลในตุลาคม 2019 โดยได้รับคะแนนโหวต 75% ของคะแนนโหวตทั้งหมด เอาชนะทั้ง มัตเตโอ เกนดูซี (Mattéo Guendouzi) และ นิโกลาส์ เปเป้ (Nicolas Pépé) ไปอย่างเหนือความคาดหมาย
ยอดดาวรุ่งของอาร์เซนอล
ฤดูกาล 2020-21 หลังการเข้ามาถึงของ มิเกล อาร์เตต้า (Mikel Arteta) ขณะกำลังทำผลงานได้ดีในช่วงเปิดฤดูกาล เขาต้องพบกับสิ่งเลวร้ายที่สุดของชีวิตนักกีฬา เมื่อเขาได้รับบาดเจ็บจากการฝึกซ้อม โดยต้องพักยาวไปจนถึงปลายปี 2020 เพื่อทำการผ่าตัดรอยร้าวที่หัวเข่า
จากอาการบาดเจ็บดังกล่าวทำให้ฤดูกาลถัดมา (2021-22) ฟอร์มของเขาตกหล่นลงไปมาก เขากลายเป็นผู้เล่นสำรองที่ทำได้แค่นั่งดูเพื่อนเล่นอยู่ข้างสนาม และถึงแม้จะมีโอกาสลงสนามไม่มาก แต่ก็ดูคล้ายว่าเขาจะเสียความมั่นใจไปมากทีเดียว
ทำให้ช่วงเปิดฤดูกาล 2022-23 หลังอาร์เซนอลตัดสินใจดึงตัว กาเบรียล เฆซุส (Gabriel Jesus) มาจากแมนฯ ซิตี้ รวมถึงซื้อ เลอันโดร ทรอสซาร์ด (Leandro Trossard) มาจากไบรท์ตันในช่วงตลาดฤดูหนาว เริ่มมีแฟนบอลบางกลุ่มเรียกร้องให้มาร์ติเนลลี่ย้ายออกจากทีม เพราะดูเหมือนตำแหน่งทางปีกซ้ายของเจ้าหนูวัย 21 ปีจะกลายเป็นจุดอ่อนของทีมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว
มาร์ติเนลลี่รับรู้และเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองเป็นอย่างดี เขาจึงทำงานหนักขึ้นด้วยการฝึกซ้อม และลดการเล่นโซเซียลมีเดียลง เขากระตุ้นตัวเองให้มีความหิวกระหายในชัยชนะอยู่เสมอ ความพยายามดังกล่าวจึงไปเข้าตาของ มิเกล อาร์เตต้า อย่างไม่ต้องสงสัย
“เขาเป็นคนที่มีความกระตือรือร้น กล้าเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ทุกรูปแบบ ความพยายามของเขามันน่าประทับใจจริง ๆ” มิเกล อาร์เตต้า กล่าว
ตลอด 32 เกมที่ผ่านมา มาร์ติเนลลี่ยิงประตูไปแล้วถึง 15 ประตู นั่นหมายความว่าเขาเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดของทีม และอีกหลาย ๆ ครั้งที่เขามักทำประตูได้ในเกมสำคัญเสมอ ด้วยสถิติดังกล่าวจึงบ่งบอกได้ว่าเขายอดเยี่ยมมากแค่ไหนในฤดูกาลนี้
ไม่ว่าฤดูกาลนี้จะจบลงอย่างไร นี่จะเป็นฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมสำหรับมาร์ติเนลลี่อย่างแท้จริง ซึ่งถ้าหากเขาสามารถรักษาฟอร์มที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง เขาอาจกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในยุโรปได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ส่วนในทีมชาติ มาร์ติเนลลี่ลงเล่นให้บราซิลไปแล้ว 6 นัด แม้จะยังทำประตูไม่ได้ แต่ด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมกับอาร์เซนอล ทำให้เขาถูกจับตามองจากแฟนบอลทั่วโลกว่าอาจก้าวขึ้นมาทดแทนผู้เล่นคนสำคัญของทีมชาติบราซิลในอนาคตได้
แหล่งอ้างอิง
https://www.thesun.co.uk/sport/football/17744112/arsenal-martinelli-man-utd-pogba-rooney/
https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/manutd-news-martinelli-antony-sancho-28212286
https://onefootball.com/en/news/analysing-gabriel-martinellis-improvement-in-the-202223-season-37070703
https://lifebogger.com/gabriel-martinelli-childhood-story-plus-untold-biography-facts/
https://www.goal.com/en/news/arsenal-complete-6m-deal-for-brazilian-teenager-martinelli/v918wm9b3p7e1s2wqnp2vytr7