Feature

ไขรหัสดาวซัลโว : ศุภชัย ใจเด็ด กองหน้าผู้มี โธมัส มุลเลอร์ เป็นต้นแบบในการสังหารประตู | Ball Thai Stand

กองหน้าสัญชาติไทยที่ฟอร์มร้อนแรงเหมือนอากาศเดือนเมษายน คงหนีไม่พ้น ศุภชัย ใจเด็ด หัวหอกร่างโย่งจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่นำเป็นดาวซัลโวของศึกรีโว ไทยลีก ฤดูกาล 2022/23 แต่เพียงผู้เดียว ด้วยจำนวน 16 ประตู​


ทำให้เขามีโอกาสเป็นนักเตะไทยคนแรก ที่คว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดนับตั้งแต่ ธีรศิลป์ แดงดา ทำได้เมื่อปี 2012 ร่วมกับ เคลตัน ซิลวา ที่ 24 ประตู 

เคล็ดลับความเทพของ ศุภชัย นอกจากการฝึกฝนอย่างหนัก ได้โอกาสไปอัปเกรดฝีเท้ากับ เลสเตอร์ ซิตี้ ถึงดงผู้ดี ประเทศอังกฤษ แล้ว การศึกษาวิธีการเล่นของ โธมัส มุลเลอร์ ดาวยิงพันธุ์อินทรีเหล็กของ บาเยิร์น มิวนิค ถือเป็นจุดสำคัญให้เขามีพัฒนาการแบบก้าวกระโดด 

แล้วการเล่นสไตล์ โธมัส มุลเลอร์​ มีอิทธิพลกับ ศุภชัย ใจเด็ด จนกลายเป็นเครื่องจักรสังหารประตูในปัจจุบันอย่างไร ไปติดตามกับ BallThaiStand
 

โธมัส มุลเลอร์ ไม่ใช่ไอดอล แต่คือคนที่น่าศึกษา


ชีวิตลูกหนังของ ศุภชัย ใจเด็ด กว่าจะมายืนตระหง่านเป็นหัวหอกระดับแถวหน้าของเมืองไทย ไม่เคยเจอเรื่องที่ง่ายเลย 

เขาเริ่มตั้งไข่ด้วยเลขหลักศูนย์ ออกเดินทางจาก จ. ปัตตานี มาล่าฝันเป็นนักฟุตบอลอาชีพตั้งแต่วัยทีน

ศุภชัย ไม่ใช่นักเตะที่มีพรสวรรค์สูง ไม่มีเทคนิคที่แพรวพราว และไม่ได้เลี้ยงบอลกินตัวเก่ง เขามีลักษณะร่างกายเก้ๆ กังๆ แต่ถูกทดแทนด้วยการมีวินัย ขยันอดทน และเล่นได้ตามแผนที่โค้ชวางไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
นั่นทำให้เขาพยายามศึกษาการเล่นของนักเตะระดับโลกเพื่อเอาไปปรับใช้ในสนาม หนึ่งในนั้นก็คือ โธมัส มุลเลอร์ กองหน้าทีมชาติเยอรมนีของ บาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมเบอร์ 1 ของเมืองเบียร์

มุลเลอร์ ไม่ใช่กองหน้าที่ ศุภชัย ยกเป็นไอดอล แต่เป็นนักเตะที่ลักษณะใกล้เคียงกับตัวเขามากที่สุด และเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกลูกหนังและเยอรมนีในยุคปัจจุบัน 

ดังนั้นการเรียนรู้จากนักเตะระดับโลก และเป็นกองหน้าที่เก่งมากๆ ย่อมเป็นเรื่องที่ดีเสมอ นั่นทำให้เขาพัฒนาเรื่องจำนวนสกอร์ในการลงเล่น “รีโว ไทยลีก” ที่เพิ่มขึ้นทุกฤดูกาล 

นับตั้งแต่ ศุภชัย ย้ายจาก ซูเปอร์เพาเวอร์ สมุทรปราการ มาร่วมทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ฤดูกาล 2017 เขาเริ่มต้นด้วยการเป็นมือปืนเป้าสะอาด ในฤดูกาลแรก จากนั้นค่อยๆ เพิ่มสกอร์ให้ตัวเอง

ฤดูกาล 2018 ยิงไป 2 ประตู ต่อมา ฤดูกาล 2019 ยิงไป 2 ประตู ตามด้วย 2020/21 เริ่มยิงประตูมากขึ้นขยับไปเป็น 5 ประตู และฤดูกาลล่าสุด 2021/22 ยิงไป 14 ประตู เสียดายที่โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานจนพลาดโอกาสยิงประตูเพิ่ม และฤดูกาล 2022/23 ยิงไป 16 ประตู เข้าไปแล้ว

“ใช่ครับ ผมชอบดู โธมัส มุลเลอร์ เล่น” ศุภชัย กล่าวหลังจากโดนยิงคำถามที่มีแฟนบอลไทยเปรียบเปรยว่าเขามีลีลาการเล่นคล้ายดาวยิงดีกรีดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2010 และเคยคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ปี 2014 

“ผมติดตาม มุลเลอร์ มานานแล้ว ผมว่า มุลเลอร์ มีลักษณะร่างกายเก้ๆ กังๆ เหมือนผม ผมเลยดูวิธีการเล่นของเขา จริงๆ แต่เขาไม่ใช่ไอดอลของผมนะ”

 


ยืนในระบบกองหน้าคู่ แต่ไม่ได้ยืนรอยิงประตูอย่างเดียว 


เครื่องหมายการค้าของ โธมัส มุลเลอร์ คือ เขามักจะยืนถูกที่ถูกเวลาเสมอ เมื่อถึงเวลาสำคัญเขามักจะสอดมายิงประตูได้เสมอ นั่นทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่กองหลังยากจะรับมือได้ 

เป๊ป กวาร์ดิโอลา อดีตกุนซือของ บาเยิร์น มิวนิค เคยบอกว่า มุลเลอร์ ไม่ใช่นักเตะที่ดวลกับคู่ต่อสู้ 1 ต่อ 1 ได้ดีที่สุด แต่เขาจมูกไวมากในกรอบเขตโทษ และแทบไม่มีอาการบาดเจ็บ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ ศุภชัย เป็นอย่างมาก 

ระบบการเล่นของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะยึดการเล่นกองหน้าคู่เสมอ แต่บทบาทหน้าที่ของแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป โดยฤดูกาลนี้กองหน้าตัวเป้าของทีมจะเป็นหน้าที่ของ โจนาธาน โบลินกิ และ ลอนซานา ดูมบูยา ซึ่งคนใดคนหนึ่งจะยืนคู่กับ ศุภชัย 

แต่คนที่มีหน้าที่ยืนอยู่บนสุดและคอยทำหน้าที่ตัวเป้าจริงๆ คือคู่หูต่างชาติที่กล่าวมาข้างต้น และ ศุภชัย เองจะมีอิสระในการเล่น มีส่วนร่วมกับเกมค่อนข้างมาก บางครั้งบทบาทคล้ายกับผู้เล่นหมายเลข 10 

ฤดูกาลนี้ดาวยิงร่างโย่งยิงประตูจากทุกจุดของสนาม แต่จุดที่เขาทำประตูได้บ่อยคือในเขตโทษ ไม่ว่าจะเป็นเสาแรก เสาสอง การสอดเข้าฮอร์ส หรือการเก็บตกซ้ำจังหวะสอง แถมมีทีเด็ดจากลูกยิงไกลเพิ่มมาอีกด้วย เรียกว่านับวันยิ่งครบเครื่องต้มยำ

เมื่อดูรายละเอียดการเล่นของ ศุภชัย เริ่มมีความคล้ายคลึงกับตำแหน่งของ มุลเลอร์​ ที่เรียกว่า รอมดอยเตอร์ (Raumdeuter) ซึ่งเป็นภาษาเยอรมัน แปลว่า "นักล่าหาช่องว่าง" 

มุลเลอร์ จะไม่ใช่กองหน้า ไม่ใช่กองกลางตัวรุก ไม่ใช่ปีก ตอนออกสตาร์ตเกม อาจจะยืนตำแหน่งหนึ่ง แต่พอเกมเริ่มอาจจะไปยืนอยู่ตรงไหนก็ได้

ศุภชัย ได้กล่าวถึงบทบาทของตัวเองในทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ว่า “ตำแหน่งของผมคือกองหน้าตัวเป้า แต่ตัวที่เล่นเป็นกองหน้าตัวเป้าจริงๆ จะเป็น ดูมบูยา หรือ โบลินกิ ส่วนตัวผมจะไม่ยืนปักหลักแบบนั้น ผมชอบที่จะเล่นกับบอลและมีส่วนร่วมกับทีมตลอด อาจขยับไปเล่นริมเส้นบ้าง”

“ผมต้องการบอลตลอดเวลา เพราะถ้าไม่ได้บอลหรือยืนรอบอลเฉยๆ จะทำให้ผมไม่มีความมั่นใจ”

นอกจากจำนวนประตูที่มากขึ้นทุกฤดูกาล จำนวนแอสซิสต์ของ ศุภชัย ยังเพิ่มขึ้นตลอด ฤดูกาล 2019 ทำไป 3 แอสซิสต์ ฤดูกาลที่แล้วทำไป 5 แอสซิสต์ และฤดูกาลนี้ทำไป 6 แอสซิสต์ นี่คือการนับทุกรายการลงสนาม

เรียกว่านอกจากยิงเอง เขาก็พร้อมสวมบทตัวชงให้เพื่อนร่วมทีมได้ยิงประตูเช่นกัน 

 

แรงกระหายที่จะยิงประตูแตะหลัก 20 ตุง 


ในวันที่กองหน้าไทยแท้ โดนกลบรัศมีด้วยดาวยิงต่างชาติ นับตั้งแต่ปี 2012 ไม่มีนักเตะแดนสยามคนไหน ก้าวไปคว้ารางวัลดาวซัลโวไทยลีกได้เลย คนล่าสุดที่ทำได้คือ ธีรศิลป์ แดงดา สมัยค้าแข้งกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ฤดูกาลนั้น เทพมุ้ย ยิงไป 24 ประตู 

ปัจจุบันคนที่มีโอกาสคว้ารางวัลดังกล่าวมากที่สุดคือ ศุภชัย เพราะตอนนั้นเขาฉายเดี่ยวเป็นผู้นำด้วยจำนวน 16 ประตู ที่น่าสนใจคือ 16 ประตูที่ทำได้มาจากจังหวะโอเพ่น เพลย์ ไม่มีประตูที่มาจากลูกจุดโทษเลย สาเหตุที่แท้จริงไม่ใช่ไม่กล้ายิง แต่ ศุภชัย ทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น

“หน้าที่ยิงจุดโทษเบอร์ 1 ของทีมเป็นของ ลอนซานา ดูมบูยา ผมเป็นเบอร์ 2 แต่ผมก็ซ้อมยิงจุดโทษตลอด”

“ผมไม่เคยไปขอ ดูมบูยา ยิงจุดโทษ เพราะผมเคารพหน้าที่ของทุกคน ผมมองว่าหน้าที่แต่ละอย่างในสนาม ทีมงานสตาฟฟ์โค้ชเขาศึกษา มั่นใจ และวางแผนไว้อยู่แล้ว”

“แต่ถ้า ดูมบูยา ไม่ยิง ไม่อยู่ในสนาม หากผมต้องยิงก็ไม่มีปัญหา พร้อมรับหน้าที่อยู่แล้ว”

แต่เป้าหมายของเขาไม่ได้หยุดแค่นี้ เพราะเขาต้องการท้าทายเป้าหมายของตัวเอง และสถิติที่เคยทำไว้ 14 ประตู เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา 

“ปีนี้ก็ตั้งเป้ายิงเยอะกว่าเดิม ปีที่แล้วยิงไป 14 ประตู แต่ดันมาเจ็บก่อน”

“ปีนี้เลยอยากท้าทายตัว อยากยิงไปให้แตะ 20 ประตูเลย พยายามจะทำให้ได้ตามเป้าหมาย” ศุภชัย กล่าวปิดท้าย

ต้องยอมรับว่าการเล่นและสไตล์ของ โธมัส มุลเลอร์ มีอิทธิพลกับฟอร์มการเล่นและยิงประตูของ ศุภชัย ใจเด็ด ไม่น้อย

แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือการพัฒนาตัวเองเสมอ จนทำให้ผมงานในสนามของเขาไม่เคยหยุดนิ่งเหมือนน้ำที่ไม่เคยเต็มแก้ว 

Author

ศุภฤกษ์ สีทองเขียว

หนุ่มแดนหมอแคน ผู้คลั่งไคล้ในฟุตบอล