Feature

คิม มิน-แจ : บทเรียนจากกระแสความไม่ทุ่มเทในทีมชาติ และแนวคิดชาตินิยมของคนเกาหลี | Main Stand

“ผมเหนื่อยและสภาพจิตใจย่ำแย่มากที่เราเสียประตูทั้ง 2 เกม ตอนนี้ผมนึกถึงการรีไทร์ทีมชาติและโฟกัสกับนาโปลี”

 

จากบทสัมภาษณ์บางส่วนหลังเกมที่ ทีมชาติเกาหลีใต้ พ่ายต่อ ทีมชาติอุรุกวัย 1-2 ของ คิม มิน-แจ กลายเป็นประเด็นร้อนในชั่วข้ามคืน เพราะคอลูกหนังเกาหลีใต้พร้อมใจกันจัด “ทัวร์ลง” ที่อินสตาแกรมส่วนตัวของ มิน-แจ ตลอดจนตั้งกระทู้วิจารณ์อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน เป็นเหตุให้เขาต้องออกมาขอโทษในภายหลัง

กรณีดังกล่าวถือเป็นประสบการณ์และบทเรียนครั้งสำคัญของ คิม มิน-แจ ต่อแฟนคลับฟุตบอลเกาหลีใต้ ประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความเป็นชาตินิยม มีภาพจำในเรื่องของความทุ่มเทและทำงานหนัก ยิ่งเป็นนักกีฬาตัวแทนทีมชาติแล้วต่อให้เป็นซูเปอร์สตาร์ระดับไหน หากการจัดลำดับความสำคัญกับการรับใช้ชาติ “น้อยกว่า” การเล่นให้สโมสรก็มีโอกาสตกเป็นเป้าโจมตีจากมวลชนคนโคเรียได้ทันที

มาย้อนติดตามเรื่องราวทั้งหมดนี้และร่วมไขคำตอบถึงเรื่องความเป็นชาตินิยมของคนเกาหลีใต้ โดยเฉพาะกับแวดวงฟุตบอลทีมชาติแดนกิมจิไปพร้อม ๆ กันได้ที่ Main Stand 

 

กำแพงเหล็กแห่งทงยอง

คิม มิน-แจ เกิดและเติบโตขึ้นมาในทงยอง เมืองเล็ก ๆ บนชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศเกาหลีใต้ ในครอบครัวที่ประกอบไปด้วยคุณพ่อ คุณแม่ และพี่ชาย ฐานะทางบ้านถือว่าไม่ได้ร่ำรวยอะไร โดยพ่อและแม่ของเขาเปิดร้านขายซูชิเล็ก ๆ อยู่ภายในเมืองทงยอง

มิน-แจ มีหัวจิตหัวใจเป็นนักสู้มาตั้งแต่เด็ก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรูปร่างที่สูงกว่าเด็กคนอื่น ๆ ในรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาเป็นคนที่ไม่ยอมใครง่าย ๆ โดยเฉพาะกับเด็กที่อายุมากกว่าที่ชอบกลั่นแกล้งพี่ชายของเขาซึ่งบุคลิกดูเป็นคนสุขุมกว่า 

ทั้งหมดนี้ส่งอิทธิพลมายังการเล่นฟุตบอลของ มิน-แจ ด้วย และเส้นทางสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพของเขาก็ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี เพราะครอบครัวของกองหลังคนปัจจุบันของนาโปลีมีสายเลือดของนักกีฬาเต็มเปี่ยม เนื่องจากคุณพ่อของเขาเคยเป็นนักกีฬายูโด ส่วนคุณแม่เคยเป็นนักกรีฑา 

เนื่องด้วยพ่อแม่ต้องทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นค่าขนมให้ มิน-แจ และพี่ชาย ทำให้คนที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเขาคือคุณลุง และลุงของ มิน-แจ นี่เองที่มักจะเป็นคนพาหลาน ๆ ไปเล่นฟุตบอลช่วงหลังเลิกเรียน นานวันเข้าก็พาเข้าไปเล่นร่วมกับทีมอคาเดมีของเมือง 

ในที่สุด คิม มิน-แจ ก็กลายเป็นนักฟุตบอลระดับโรงเรียน และหนึ่งในนั้นคือการเป็นนักเตะของโรงเรียนเทคนิคซูวอน อดีตสถาบันเดียวกับ พัค จี-ซอง ตำนานลูกหนังของประเทศ

ด้วยเหตุนี้ สิ่งหนึ่งที่ คิม มิน-แจ คิดอยู่ในใจเสมอมาคือการตอบแทนพ่อแม่ที่คอยส่งเสีย รวมถึงลุงแท้ ๆ ซึ่งเขาก็ใช้ใบเบิกทางด้านกีฬาฟุตบอลต่อยอดจนเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้สำเร็จ

จุดเปลี่ยนสำคัญครั้งหนึ่งของเขาคือการตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยยอนเซ หนึ่งในมหาวิทยาลัยระดับท็อปของประเทศเพื่อไปเป็นนักฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มตัวในวัย 20 ต้น ๆ แม้จะมีเสียงเห็นต่างอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะผู้หลักผู้ใหญ่ของทางมหาวิทยาลัย ทว่า คิม มิน-แจ ก็ยึดธงในใจของตัวเองเป็นหลัก 

จนกระทั่งแฟนฟุตบอลทุกคนรู้กันดี ท้ายที่สุดเส้นทางที่ คิม มิน-แจ เลือกเดินก็ส่งให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นกองหลังระดับท็อปของประเทศที่มีจุดเด่นเรื่องความแข็งแกร่งและความเร็ว จนสื่อน้อยใหญ่ให้ฉายาว่า “มอนสเตอร์ (the Monster)” เขาติดทีมชาติและเป็นหนึ่งในขุนพลชุดเหรียญทอง เอเชียน เกมส์ 2018 ไปจนถึงช่วงเวลาล่าสุด กับการเป็นขุนพลทีมชาติเกาหลีใต้ ลุยฟุตบอลโลก 2022

ส่วนระดับสโมสร เขาได้ลงเล่นให้หนึ่งในสโมสรอาชีพระดับท็อปอย่าง ชอนบุค ฮุนได มอเตอร์ส พร้อมคว้าแชมป์เคลีก1 ได้ถึงสองสมัย เขาเคยไปโกยเงินหยวนกับสโมสร ปักกิ่ง กั๋วอัน กระทั่งการก้าวสู่กองการเป็นหลังระดับท็อปของยุโรป หลังได้ไปเล่นให้ทีมยักษ์ใหญ่แดนตุรกีอย่าง เฟเนร์บาห์เช่ 

ล่วงเลยมาจนถึงฤดูกาล 2022/23 กับการเป็นนักเตะ นาโปลี ในเวทีกัลโช่ เซเรีย อา โดยทัพ “อัซซูร่า” ยอมทุ่มเงินกว่า 19.5 ล้านยูโร เพื่อดึงเขามาทดแทนการหายไปของ คาลิดู คูลิบาลี่ ที่ย้ายไปเชลซี 

ถึงแม้ว่าภาพลักษณ์ฟุตบอลเกาหลีจะดูไม่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนฟุตบอลอิตาลีสักเท่าไร ด้วยเหตุผลจากเรื่องบาดหมางในฟุตบอลโลก 2002 ทำให้หลายฝ่ายดูกังวลไม่น้อยกับสถานการณ์ของ คิม มิน-แจ ที่นาโปลี 

อย่างไรก็ตาม ปราการหลังเจ้าของส่วนสูง 190 เซนติเมตรกลับทำเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น โดยเฉพาะกับแฟนบอลอิตาเลียนในเนเปิลส์ เมื่อเขากลายเป็นนักเตะที่แฟนคลับนาโปลีรักมากที่สุดคนหนึ่ง จากบทบาทฟันเฟืองสำคัญของสโมสรในการลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศในรอบ 33 ปี เช่นเดียวกับเส้นทางในยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ที่ทีมกรุยทางไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศได้

รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนกันยายน 2022 ของกัลโช่ เซเรีย อา กอปรกับการเป็นแข้งตัวเลือกแรก ๆ ในแผงรับภายใต้การคุมทีมของ ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งการันตีว่าเขาเป็นหนึ่งในกองหลังระดับท็อปของยุโรป และเป็นนักเตะที่แฟน ๆ ชาวเกาหลีใต้รักและคอยให้กำลังใจอยู่เรื่อยมา

 

เหตุเกิดจากบทสัมภาษณ์

เนื่องด้วยภารกิจไล่ล่าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ของนาโปลี รวมถึงภารกิจแชมเปี้ยนส์ลีก นับตั้งแต่เปิดปีใหม่ 2023 ได้ทวีความเข้มข้นขึ้นทุกขณะ จึงไม่แปลกที่ในหลาย ๆ สัปดาห์ก่อนที่ฤดูกาลจะปิดฉาก โปรแกรมการแข่งขันจะถูกจัดออกมาค่อนข้างถี่ กล่าวคือนักฟุตบอลต้องลงเตะทั้งกลางสัปดาห์และสุดสัปดาห์แบบติด ๆ กัน

สำหรับ คิม มิน-แจ แน่นอนว่าเขาคือหัวใจสำคัญของยอดทีมแห่งเนเปิลส์ที่หากไม่เจ็บหรือไม่โดนโทษแบนใบเหลืองใบแดง เขาก็มักจะได้โอกาสลงสนามตั้งแต่ออกสตาร์ท 11 คนแรกอยู่เสมอ

ในทางเดียวกัน กับช่วงเวลาของทีมชาติเกาหลีใต้ชุดใหญ่ก็อยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงกุนซือคนใหม่ ภายหลังการอำลาตำแหน่งของ เปาโล เบนโต้ หลังเสร็จสิ้นภารกิจฟุตบอลโลก 2022 

ก่อนที่ทัพ “พยัคฆ์แห่งเอเชีย” จะได้นายใหญ่คนใหม่นาม เจอร์เกน คลินส์มันน์ ซึ่งมีภารกิจคุมทีมนัดแรกในเกมกระชับมิตรตามปฏิทินฟีฟ่าเดย์ ในเดือนมีนาคม 2023 ซึ่งเกาหลีใต้มีคิวเล่นในบ้านที่ อุลซาน มุนซู ฟุตบอล สเตเดียม ในเมืองอุลซาน กับ ทีมชาติโคลอมเบีย จากนั้นจะกลับมาแข่งที่โซล เวิลด์คัพ สเตเดียม ชนกับ ทีมชาติอุรุกวัย

ไม่แปลกที่คลินส์มันน์พร้อมทีมงานจะเรียกขุมกำลังล็อตแรกของเขาเป็นแกนหลักเกือบทั้งหมดจากฟุตบอลโลก 2022 มาติดธงกันพร้อมหน้า ซึ่งก็ตรงกับความประสงค์ของสมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ (KFA) ที่อยากเห็นขุมกำลังชุดที่ดีที่สุดของทีมในเวลานี้มารายงานตัวและทำความรู้จักกับคลินส์มันน์และทีมงานของกุนซือป้ายแดงรายนี้

เกมการแข่งขันทั้งสองนัดดำเนินไปตามปกติ และเช่นเคย แฟน ๆ ทีมชาติเกาหลีใต้ต่างพร้อมใจกันมาเชียร์ที่สนามทั้งในอุลซานและโซลอย่างเนืองแน่น เรียกได้ว่าตั๋วเข้าชมการแข่งขันถูกจับจองอย่างรวดเร็วตั้งแต่ที่ฝ่ายจัดจำหน่ายเปิดขาย 

สำหรับ คิม มิน-แจ แน่นอนว่าเขาสถาปนาตัวเองจนกลายเป็นซูเปอร์สตาร์เบอร์ต้น ๆ ของชาติไปแล้ว จึงไม่แปลกที่กองหลังจากนาโปลีจะได้ลงตัวจริงทั้งสองเกม แถมแฟน ๆ ยังได้ยลฟอร์มการเล่นของ มิน-แจ แบบเต็มเวลา 180 นาที 

หลังสิ้นเสียงนกหวีดยาวที่โซล เวิลด์คัพ สเตเดียม เป็นเรื่องปกติที่นักเตะจะเดินขอบคุณแฟน ๆ ก่อนกลับห้องแต่งตัวและกลับไปพักผ่อนเตรียมสู้ศึกกับสโมสรต่อ 

และในช่วงเวลาดังกล่าวนี้เอง คิม มิน-แจ ถูกสื่อท้องถิ่นเกาหลีใต้สัมภาษณ์หลังการแข่งขัน ก่อนนำมาซึ่งเหตุการณ์ระอุที่ทำเอาแฟนฟุตบอลในประเทศอยู่เฉยไม่ได้ เมื่อหนึ่งในคำให้สัมภาษณ์ดันมีเรื่องที่ คิม มิน-แจ เริ่มคิดถึงการ “เลิกเล่นทีมชาติ” และอยากจะโฟกัสกับ “สโมสร” เท่านั้น

“ผมเหนื่อยและสภาพจิตใจย่ำแย่มากที่เราเสียประตูทั้ง 2 เกม ตอนนี้ผมนึกถึงการรีไทร์ทีมชาติและโฟกัสกับนาโปลี” ส่วนหนึ่งจากคำกล่าวหลังเกมของสตาร์วัย 26 ปี 

“ผมไม่สามารถพูดได้ว่ามีการจัดเตรียมอะไรล่วงหน้าหรือไม่ (วางแผนเลิกเล่นทีมชาติ) ผมกำลังคุยกับ KFA อยู่ แต่ … ผมพูดได้เพียงแค่นี้ ขอบคุณครับ”

คำพูดเพียงเท่านี้ แต่เมื่อถูกนำไปเผยแพร่ต่อทั้งบนหน้าจอโทรทัศน์ไปจนถึงสื่อสังคมออนไลน์ ทุกอย่างกลายเป็นที่รับรู้ในวงกว้างแบบทันตาเห็น จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความทุ่มเทให้กับทีมชาติที่ถาโถมหนักเข้าใส่ มิน-แจ ชนิดที่ว่าโดน “ทัวร์ลง” เข้าเต็ม ๆ

“ทำไมคิดถึงแต่เงินในสโมสร ไม่คิดที่จะทุ่มเทรับใช้ชาติบ้างเลยเหรอ ?”

“ทรยศประเทศชาติ”

“ได้สิทธิ์ยกเว้นเกณฑ์ทหาร (จากเหรียญทองเอเชียนเกมส์) แต่กลับเนรคุณประเทศชาติ ทั้งที่ตัวเองเพิ่งจะอายุ 26 แทนที่จะตั้งใจทุ่มเทเพื่อชาติไปจนถึงอายุ 35”

เรื่องทำท่าจะกลายเป็นดีขึ้นมาบ้างเมื่อ คิม มิน-แจ ออกมาขอโทษว่าไม่ได้มีเจตนาพูดแบบนั้น เขาพร้อมเป็นตัวแทนทีมชาติเกาหลีใต้ต่อไป โดยใจความหลักระบุว่า

“ผมอยากขอโทษทุก ๆ คนและเพื่อนร่วมทีมที่คาใจกับคำพูดของผม ผมบาดเจ็บเล็กน้อยและตอนนี้หายดีแล้ว ซึ่งผมลงเล่นมาหลายเกมและไม่เคยถนอมตัวเองจึงรู้สึกจิตตกและระเบิดอารมณ์ออกมา ผมอยากขอโทษอีกครั้ง และขอให้แฟน ๆ ยังคงสนับสนุนเรา”

ขณะที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของทางสมาคมฟุตบอลเกาหลีก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อในเวลาต่อมา (แบบไม่เป็นทางการ) ว่า มิน-แจ รู้สึก “ล้า” จากการกรำศึกหนักมาตลอดช่วงหลัง แต่ด้วยการที่เกาหลีใต้เพิ่งแต่งตั้งกุนซือใหญ่คนใหม่ ทาง KFA จึงอยากให้ตัวหลักกลับมารวมตัวกันให้ครบมากที่สุด 

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่าง มิน-แจ กับ คลินส์มันน์ เจ้าหน้าที่สมาคมฯ ยืนยันว่าทั้งคู่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน ยิ่งไปกว่านั้นมีรายงานว่าเทรนเนอร์ชาวเยอรมันมีคิวเดินทางไปยังนาโปลีเป็นการส่วนตัวในเดือนเมษายน 2023 เพื่อพูดคุยถึงเรื่องราวต่าง ๆ กับตัวนักเตะอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ความเดือดกลับยังคงคุกรุ่นอยู่ในเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อแฟน ๆ จับสังเกตได้ว่า คิม มิน-แจ ไปกดบล็อก ซน ฮึง-มิน บนอินสตาแกรม หลังกัปตันทีมชาติออกมาโพสต์ภาพพร้อมข้อความแสดงความภูมิใจที่ได้ลงเล่นทีมชาติ โดยเฉพาะการได้ลงเล่นต่อหน้าแฟน ๆ ในประเทศ 

กลายเป็นว่าเคสของ มิน-แจ ถูกนำไปเปรียบเทียบกับกัปตันซน ไอคอนลูกหนังเบอร์หนึ่งของเกาหลีใต้ในเวลานี้ในเรื่อง “ความทุ่มเท” ที่มีให้กับประเทศชาติ 

แม้ชาวเน็ตจะสังเกตในภายหลังว่า คิม มิน-แจ กลับมาฟอลโลว์ (Follow) ซน ฮึง-มิน อีกครั้ง ในขณะที่ซนก็กดไลก์โพสต์อินสตาแกรมของดาวเตะรุ่นน้องที่ออกมาขอโทษแฟนบอลไปแล้ว 

แต่ถึงอย่างไรคำพูดครั้งนี้ของ มิน-แจ ได้กลายเป็นประเด็นที่ฝังอยู่ในการรับรู้ของแฟน ๆ หลายคนไปแล้วเรียบร้อย

 

ชาตินิยมภายใต้สีเสื้อทีมชาติ

จากกระแสความไม่ทุ่มเทภายใต้ยูนิฟอร์มทีมชาติเกาหลีใต้ของ คิม มิน-แจ สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิด “ชาตินิยม (Nationalism - อุดมการณ์ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นชาติ มองชาติมีความสำคัญมากกว่าผลประโยชน์ส่วนบุคคล)” ของคนเกาหลีใต้อย่างแท้จริง

แต่เดิมกระแสชาตินิยมเดิมของคนเกาหลีใต้ถูกปลูกฝังเรื่องของความมุ่งมั่นภายในจิตใจ จากการแสวงหาหนทางสู่การปลดแอกจากการครอบงำของ “ต่างชาติ” ด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังที่ประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ถูกบันทึกจนรับรู้โดยทั่วกันว่ากว่าจะมาเป็นประเทศในทุกวันนี้ เกาหลีใต้ผ่านอุปสรรคน้อยใหญ่มานับไม่ถ้วน โดยเฉพาะความบอบช้ำจากการถูกรุกรานจากต่างชาติ 

อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญประการหนึ่งที่เข้ามาให้คำจำกัดความใหม่ในเรื่องแนวคิดชาตินิยมของคนเกาหลีใต้ก็คือ “ทีมชาติเกาหลีใต้” โดยเฉพาะการให้คำจำกัดความแนวคิดชาตินิยมในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมาจากความสำเร็จใน “ฟุตบอลโลก 2002” ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพร่วมกับญี่ปุ่น 

โดยแนวคิดชาตินิยมในการตีความผ่านเกมลูกหนังทัพโสมขาวเกิดขึ้นจากการกระทำร่วมกันของคนในประเทศด้วยความมุ่งมั่นและความภูมิใจ นักฟุตบอลก็เล่นกันแบบถวายหัว แฟน ๆ ก็ช่วยกันเชียร์สุดเสียง จนแปรเปลี่ยนออกมาเป็นความสำเร็จ จากการที่เกาหลีใต้เอาชนะได้ทั้ง ทีมชาติโปรตุเกส, ทีมชาติอิตาลี ไปจนถึง ทีมชาติสเปน พร้อมคว้าอันดับสี่ฟุตบอลโลกมาครองได้หนแรกในประวัติศาสตร์ 

ผลลัพธ์จากความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2002 ทำให้คนเกาหลีใต้ทุกเพศทุกวัยรู้สึก "อิน" ไปกับเกมลูกหนังของชาติเพิ่มขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ทั้งยังกระตุ้นให้แฟน ๆ หลายล้านคนพร้อมใจกันสวมเสื้อสีแดงอันเป็นสีชุดแข่งหลักของชาติ เพื่อออกมาแสดงความดีใจ ออกมาเชียร์ฟุตบอลร่วมกันทั้งบนอัฒจันทร์ รวมถึงตามท้องถนนอย่างเนืองแน่น 

และทั้งหมดนี้ก็ได้ส่งอิทธิพลมาถึงช่วงเวลาปัจจุบัน เวลาใดที่ทีมชาติลงแข่งคนเกาหลีใต้ก็พร้อมเชียร์กันจนสุดเสียง จนกลายเป็น “มรดก” การเชียร์ฟุตบอลที่มีแนวคิดชาตินิยมเข้ามาเกี่ยวโยงชนิดที่เห็นได้อย่างชัดเจน

"ฟุตบอลโลกปี 2002 เปลี่ยนขนบและหลักคิดของชาวเกาหลีใต้ไปเยอะมากภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น” ส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ของ อี จอง-อู ผู้ศึกษานโยบายกีฬาในประเทศอังกฤษ กล่าวผ่าน Sky Sport

“ไม่ว่าทุกคนจะมองอย่างไร แต่ฟุตบอลโลก 2002 เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ก่อนหน้านี้เราเคยเจอวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงปี 2000 แต่เราก็ค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นทีละน้อย หลังจากฟุตบอลโลกจบลงมันทำให้ชาวเกาหลีใต้ฮึกเหิมและภาคภูมิใจในชาติของตัวเองอีกครั้ง มันคือการระเบิดขึ้นอย่างกะทันหันของแนวคิดชาตินิยมในเกาหลีใต้” 

สิ่งที่ คิม มิน-แจ ให้สัมภาษณ์เข้าข่ายมุมมองที่ต่างไปจากแนวคิดชาตินิยมของคนเกาหลีใต้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกับแฟนฟุตบอลทีมชาติเกาหลีใต้ เพราะคำพูดเชิงตัดพ้อ เหนื่อยกับทีมชาติ อยากเต็มที่กับสโมสรมากกว่า ทำให้แฟน ๆ พร้อมใจกันตีความว่า คิม มิน-แจ ตั้งใจทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม

ถึงแม้ว่าเรื่องดราม่านี้จะจบลงไปแล้ว เหนือสิ่งอื่นใดคือการที่ คิม มิน-แจ รับบทเรียนครั้งสำคัญในฐานะนักกีฬาตัวแทนประเทศ 

เห็นทีสิ่งที่จะทำให้เขาเรียกศรัทธาของแฟนฟุตบอลเกาหลีใต้กลับมาอีกครั้ง คือการรอให้ถึงปฏิทินฟีฟ่าเดย์รอบต่อ ๆ ไป จากนั้นก็ลงไปทำหน้าที่และเค้นผลงานที่ดีที่สุดของตัวเองออกมาให้แฟน ๆ ได้เห็น

 

แหล่งอ้างอิง

หนังสือ มหัศจรรย์เกาหลี: จากเถ้าถ่านสู่มหาอำนาจทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม
https://thinkcurve.co/draamaathiimchaati-vs-somsr-khim-min-aecch/?fbclid=IwAR0Ma6WBu-SHpvY20Fd0474oEWRP9VczwG1sAc8XAeDfgd_vL8FHeDdiEeY&mibextid=Zxz2cZ https://twitter.com/Sungmo_Lee/status/1640956019298926595
https://podcasts.apple.com/us/podcast/kim-minjae-national-team-situation-explainer/id1544701181?i=1000606942176 
https://koreajoongangdaily.joins.com/2023/03/29/sports/football/Kim-Minjae-napoli-resignation/20230329145909589.html 
https://www.instagram.com/p/CqXPj5JO7Ou/ 
https://www.theguardian.com/football/2022/nov/23/south-korea-kim-min-jae-the-monster-napoli-world-cup 
https://www.sanook.com/sport/1320066/ 

Author

พชรพล เกตุจินากูล

แฟนคลับเชลซี ติดตามฟุตบอลเอเชีย ไก่ทอดและกิมจิเลิฟเวอร์

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ