กองหน้าในพรีเมียร์ลีกที่กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงในฤดูกาลนี้ นอกจาก เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ถึงแม้เพิ่งย้ายมาเล่นที่อังกฤษแต่ผลงานกลับดีเกินคาด และยังมีกองหน้าอีกหนึ่งคนที่ฟอร์มการเล่นถือว่าร้อนแรงไม่แพ้กัน
ซึ่งคนที่กล่าวมาข้างต้นก็คือ แฮร์รี่ เคน กองหน้าทีมชาติอังกฤษของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ที่ในเวลานี้ผลงานของเขาไม่ว่าจะเป็นทั้งในระดับสโมสรหรือทีมชาติเขาก็มีมาตรฐานที่สม่ำเสมอ จนถึงขั้นที่เขาสามารถคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลมาครองได้ทั้งกับทัพ “ไก่เดือยทอง” และทัพ “สิงโตคำราม” ภายในระยะเวลาห่างกันเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์
Main Stand จะอาสามาวิเคราะห์ว่า เพราะเหตุใด … กองหน้ารายนี้ถึงยิงถล่มทลายจนกลายเป็นยอดดาวยิงที่มีชื่อของตัวเองอยู่บนหน้าประวัติศาสตร์ ?
โอกาสจากคลับไก่มาไวเกินคาด
แฮร์รี่ เอ็ดเวิร์ด เคน เริ่มต้นการเข้ามาอยู่กับอคาเดมีของสเปอร์ส ตั้งแต่ปี 2004 ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นเด็กฝึกอยู่กับหลายสโมสรในอังกฤษ ทั้ง ริดจ์เวย์ โรเวอร์ส (ช่วงปี 1999-01 และ 2002-04), อาร์เซนอล (2001-02) และวัตฟอร์ด (2004)
โดยเคนได้มายกระดับฝีเท้าของตัวเองที่สเปอร์ส จนเขามีอายุได้ประมาณ 17 ปีจึงได้รับโอกาสให้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับสโมสรอื่นเป็นการชั่วคราว ซึ่งในช่วงปี 2011-2013 เขาได้ออกไปยืมตัวอยู่กับหลายสโมสร ไม่ว่าจะเป็น เลย์ตัน โอเรียน (2011), มิลล์วอลล์ (2012), นอริช ซิตี้ (2012-13) และ เลสเตอร์ ซิตี้ (2013)
จากการที่เขาย้ายไปยืมตัวให้กับหลายสโมสรก็ทำให้เขาได้รับประสบการณ์กลับมาเยอะพอสมควร ก่อนที่เขาจะเริ่มได้โอกาสให้มีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่ของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในวัยที่อายุยังไม่ครบ 20 ปีเต็มด้วยซ้ำ
2013/14 เป็นฤดูกาลแรกที่เคนได้โอกาสลงเล่นกับทัพ “ไก่เดือยทอง” ภายใต้การทำทีมของ อังเดร วิลลาส โบอาส ก่อนจะเปลี่ยนเป็น ทิม เชอร์วูด ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง โดยเขาลงเล่นในพรีเมียร์ลีกนัดแรกเป็นเกมที่พบกับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ เมื่อวันที่ 22 กันยายน ปี 2013 นัดนั้นเขาได้โอกาสลงมาเป็นตัวสำรองในตำแหน่งตัวรุกฝั่งซ้าย ยังไม่ใช่ตำแหน่งกองหน้าที่เขาเล่นอยู่ในปัจจุบัน
และกว่าที่เขาจะเบิกสกอร์แรกให้กับทีมชุดใหญ่ได้ก็เป็นช่วงท้ายของฤดูกาล เป็นเกมที่พบกับ ซันเดอร์แลนด์ วันที่ 7 เมษายน 2014 โดยเขาลงเล่นเป็นตัวจริงนัดแรกและยิง 1 จ่าย 1 ช่วยให้ทีมเอาชนะทัพ “แมวดำ” ไปได้ 5-1 หลังจากนั้น แฮร์รี่ เคน ก็ได้โอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่องและสามารถทำประตูได้ถึง 3 ลูกติดต่อกัน ทั้งการเจอกับ ซันเดอร์แลนด์, เวสต์บรอมวิช และ ฟูแล่ม
หลังจากจบฤดูกาลแรกของเขากับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เคนลงเล่นในพรีเมียร์ลีกไปทั้งสิ้น 10 นัด ทำไป 3 ประตู กับอีก 2 แอสซิสต์ ถือเป็นผลงานที่น่าพอใจในฤดูกาลแรกสำหรับกองหน้าดาวรุ่งชาวอังกฤษ ณ เวลานั้น
เป็นตัวหลักตั้งแต่ยังเด็ก
ต่อมาฤดูกาล 2014/15 ในยุคของกุนซือคนใหม่อย่าง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ตัวของ แฮร์รี่ เคน ก็ได้โอกาสลงเล่นเป็นกองหน้าให้กับทีมทันที เขายึดตำแหน่งปาดหน้ารุ่นพี่ภายในทีมทั้ง โรแบร์โต้ โซลดาโด้ และ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ประกอบกับทั้งคู่ก็ไม่สามารถฝากความหวังในเรื่องของการทำประตูได้มากเท่าที่ควร ทำให้โปเช็ตติโน่ตัดสินใจเลือกเด็กวัย 20 ปีเป็นกองหน้าตัวเป้าแทน
และตัวของ แฮร์รี่ เคน ก็ไม่ทำให้ความไว้ใจของกุนซือต้องสูญเปล่าด้วยการทำไปถึง 21 ประตู กับอีก 5 แอสซิสต์ จากการลงเล่นในลีกไป 34 นัด และถ้านับรวมทุกรายการที่เขาลงเล่นไป 51 นัด ก็ทำไป 31 ประตู กับอีก 6 แอสซิสต์ คว้ารางวัลรองดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก รวมถึงคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของ PFA ไปครองในฤดูกาลนั้น
ส่วนผลงานของเขากับสโมสร ในตอนนั้นทัพ “ไก่เดือยทอง” คว้าอันดับ 5 ในพรีเมียร์ลีก และยังพาทีมเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศในศึกลีกคัพ หรือแคปิตอลวันคัพ ในเวลานั้น แต่สุดท้ายสเปอร์สก็ไปแพ้ให้กับคู่ปรับร่วมกรุงลอนดอนอย่าง เชลซี ด้วยสกอร์ 0-2
นี่เป็นผลงานที่ทำให้เคนแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวจนกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วอังกฤษ ก่อนที่ชื่อของเขาจะไปเข้าตา รอย ฮอดจ์สัน และได้รับการเรียกไปติดทีมชาติอังกฤษในปี 2015 ซึ่งเขาได้ประเดิมสนามให้กับทัพ “สิงโตคำราม” ในนัดที่ถล่ม ลิธัวเนีย 4-0 ของศึกยูโร 2016 รอบคัดเลือก เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2015
จากนั้นฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นของ แฮร์รี่ เคน ก็ได้รับการต่อยอดในฤดูกาล 2015/16 ซีซั่นนั้นผลงานในลีกของเขาถือว่ายอดเยี่ยมมาก เขาทำไป 25 ประตู จากการลงเล่นครบ 38 นัด มีส่วนสำคัญให้สเปอร์สก้าวขึ้นไปเป็นทีมลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกเบียดแย่งกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ได้เกือบตลอดทั้งฤดูกาล ก่อนจะจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 3 ในฤดูกาลดังกล่าว
อีก 2 ซีซั่นถัดมาของเคนกับสเปอร์ส ผลงานการทำประตูของเขายังคงสุดยอดเหมือนเดิม โดยฤดูกาล 2016/17 เคนทำประตูในลีกให้กับสโมสรต้นสังกัดไปถึง 29 ประตูจากการลงสนามแค่ 30 นัดเท่านั้น ก่อนที่จะจบฤดูกาลด้วยการคว้ารองแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนั้น และคว้ารองเท้าทองคำได้เป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกัน
ต่อด้วยฤดูกาล 2017/18 มาตรฐานการทำประตูของ แฮร์รี่ เคน ก็ยังคงอยู่ในจุดที่ดีเหมือนเดิมด้วยการทำไป 30 ประตูจากการลงเล่นในลีก 37 นัด คว้ารางวัลรองดาวซัลโวในพรีเมียร์ลีกไปครอง โดยมีเพียงแค่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตัวรุกของลิเวอร์พูลคนเดียวเท่านั้นที่ทำประตูได้มากกว่าเขา
แต่อีก 4 ซีซั่นหลังจากนั้น ผลงานการทำประตูในลีกของเขาก็ถือว่าถดถอยลงไปพอสมควร แต่ก็ยังอยู่ในเลขสองหลักเหมือนเดิม โดยฤดูกาล 2018/19 เขาทำไป 17 ประตู จากการลงเล่นเกมลีก 28 นัด ต่อมาฤดูกาล 2019/20 เขาทำไป 18 ประตู จาก 29 นัดในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020/21 ขยับขึ้นมาเป็น 23 ประตู จาก 35 นัด และฤดูกาล 2021/22 เขาก็ทำไป 17 ประตู จากการลงเล่น 37 นัด
สาเหตุที่ผลงานการทำประตูของเขาตกลงไปจากเดิม เป็นเพราะว่า แฮร์รี่ เคน ได้รับบทบาทให้ทำหน้าที่เป็นตัวรุกที่ลงมารับบอลต่ำและจ่ายบอลสร้างโอกาสให้กับตัวรุกคนอื่น ๆ ได้สอดขึ้นไปทำประตูมากขึ้น
จนมาถึงฤดูกาลล่าสุด 2022/23 ผลงานของเขาก็เริ่มกลับมาโดดเด่นอีกครั้งภายใต้การทำทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ ณ ตอนนี้เขายิงประตูในลีกไปเกิน 20 ลูกแล้ว ซึ่งเขาน่าจะรักษาฟอร์มการเล่นและทำผลงานส่วนตัวให้ดีขึ้นอีกได้ในอนาคต
ขณะที่ผลงานกับทีมชาติอังกฤษในช่วงปี 2016-23 ถือว่าเขาเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นมาก ๆ และผลิตสกอร์ได้อย่างต่อเนื่อง มีเพียงแค่ทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2016 ที่เขาทำประตูไม่ได้เลย นอกจากนั้นกับทีมชาติอังกฤษเขาก็มีผลงานที่ดีติดตัวมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น ศึกยูโร 2020 หรือในฟุตบอลโลกปี 2018 และปี 2022 เขาก็สามารถทำประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ทั้งในรอบคัดเลือกและรอบสุดท้าย
เพื่อนช่วยจ่าย เคนก็จบ
นับตั้งแต่ แฮร์รี่ เคน ก้าวขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ให้กับสเปอร์ส ในปี 2013 หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาสามารถทำประตูได้อย่างถล่มทลายอาจเป็นเพราะในแต่ละฤดูกาลทีมมีขุมกำลังคุณภาพดีคอยสนับสนุนช่วยเหลือให้เขาผลิตสกอร์ได้อย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ฤดูกาล
ยกตัวอย่างในฤดูกาล 2013/14 ทีมก็มีตัวรุกที่มีเทคนิคแพรวพราวมากมายทั้งการลากเลื้อยจาก นาเซอร์ ชาดลี, เอริค ลาเมล่า, แอนดรอส ทาวน์เซนด์ และ อารอน เลนน่อน หรือจะเป็นเทคนิคการจ่ายบอลสร้างโอกาสของ กิลฟี่ ซิเกิร์ดสสัน และ คริสเตียน อีริคเซ่น ที่ทำให้ทีมมีโอกาสเข้าทำเยอะพอสมควร แต่แค่ตอนนั้นสเปอร์สขาดการจบสกอร์ที่เฉียบคมจากกองหน้า ซึ่งช่วงท้ายของฤดูกาลนั้นเขาก็ได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงแทนรุ่นพี่ภายในทีม
และถัดจากนั้นมาทีมก็มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นไปค่อนข้างเยอะ นักเตะชุดแรก ๆ อย่าง แอนดรอส ทาวน์เซนด์, อารอน เลนน่อน หรือแม้แต่ กิลฟี่ ซิเกิร์ดสสัน ได้ย้ายออกไป และสโมสรก็ไปดึงนักเตะที่คุณภาพดีขึ้นเข้ามาทดแทนหลายคนไม่ว่าจะเป็น เดเล่ อัลลี่, ซน ฮึง-มิน, ลูคัส มูร่า และ สตีเฟ่น เบิร์กไวจน์
ตัดมาที่ในปัจจุบัน สเปอร์สได้มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งตัวรุกหลังกองหน้าอีกครั้งเพื่อให้ทีมมีขุมกำลังเกมรุกที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นด้วยนักเตะอย่าง ไบรอัน คิล, เดยัน คูลูเซฟสกี้, ริชาร์ลิซอน หรือแม้กระทั่งจอมเก๋าอย่าง อิวาน เปริซิช ซึ่งพวกเขาจะคอยประสานงานร่วมกับ แฮร์รี่ เคน เพื่อให้กองหน้าชาวอังกฤษรายนี้จบสกอร์จากการสร้างโอกาสของผู้เล่นตัวรุกคนอื่น ๆ
อีกหนึ่งตำแหน่งที่สำคัญสำหรับสเปอร์สในการเปิดป้อนบอลเข้ากรอบเขตโทษคือ ตำแหน่งฟูลแบ็ก โดยช่วงแรกทัพ “ไก่เดือยทอง” มีฟูลแบ็กซ้าย-ขวาที่โดดเด่นในด้านเกมรุกอยู่แล้ว เช่น แดนนี่ โรส กับ ไคล์ วอลค์เกอร์ หรือแม้แต่ในยุคถัดมาทีมก็มีฟูลแบ็กที่เก่งในเรื่องของการเปิดบอลทั้ง เบน เดวี่ส์, คีแรน ทริปเปียร์ และ แซร์จ ออริเยร์
ส่วนในยุคปัจจุบัน สเปอร์สที่หันมาเล่นเซ็นเตอร์แบ็ก 3 คนและใช้วิงแบ็กคอยสนับสนุนเกมรุกมากขึ้น ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งอาวุธที่ช่วยให้ แฮร์รี่ เคน มีผลงานการทำประตูที่โดดเด่นจนกลายเป็นมาตรฐานที่กองหน้าในพรีเมียร์ลีกต้องมาแข่งขันกับเขา
ขณะเดียวกันในตอนที่เคนเดินทางไปรับใช้ทีมชาติอังกฤษ ภายในทีมก็มีผู้เล่นตัวรุกมากหน้าหลายตาผลัดเปลี่ยนกันมาติดทีมชาติ โดยบรรดาตัวรุกก็มีหน้าที่คอยสนับสนุนเกมรุกช่วยส่งบอลให้กับกองหน้าได้จบสกอร์ ทำให้เขาสามารถทำประตูได้อย่างมากมาย จนก้าวขึ้นมาติดดาวซัลโวสูงสุดในระยะเวลาอันสั้น
กองหน้าสมบูรณ์แบบ
ปัจจัยที่สองที่ถือว่าสำคัญไม่ต่างจากการมีเพื่อนร่วมทีมคอยสนุบสนุน เนื่องจากเคนเป็นกองหน้าในแบบที่เรียกว่า Complete Forward หรือเป็นกองหน้าที่สมบูรณ์แบบที่สุดคนหนึ่งในพรีเมียร์ลีก
เหตุผลที่หลาย ๆ คนยกให้เขาเป็นกองหน้าที่สมบูรณ์แบบก็น่าจะมาจากสไตล์การเล่นของเขาที่สามารถทำประตูได้ทุกระยะ ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเท้าซ้าย เท้าขวา ลูกโหม่ง เคนสามารถทำประตูได้หมดทุกท่า แม้แต่การนอนยิงเขาก็เคยทำมาแล้วในเกมที่พบกับ เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อเดือนกันยายน ปี 2019
ส่วนการยิงจุดโทษของเขานั้นก็ถือว่าเป็นนักเตะที่ยิงจุดโทษได้เฉียบขาดที่สุดในทีม ทำให้เขามักจะได้รับหน้าที่สังหารจุดโทษอยู่บ่อยครั้งนับตั้งแต่ที่ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ ขณะที่การยิงฟรีคิกเขาก็ทำได้มาแล้วในเกมลีกนัดที่เฉือนชนะ แอสตัน วิลล่า 2-1 ในฤดูกาล 2014/15 โดยนัดนั้นเขายิงฟรีคิกเข้าไปในช่วงท้ายเกม กลายเป็นประตูชัยและคว้า 3 แต้มมาครองได้อย่างเฉียดฉิว
หากหลายคนสงสัยว่า แฮร์รี่ เคน ทำประตูในลักษณะใดบ้าง ? อ้างอิงจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของพรีเมียร์ลีก 204 ประตูที่เขาทำได้บนลีกสูงสุดมาจากการทำประตูด้วยเท้าขวา 123 ประตู เท้าซ้าย 40 ประตู ลูกโหม่ง 39 ประตู และอื่น ๆ อีก 2 ประตู ซึ่งใน 123 ประตูนั้นมีการยิงจุดโทษไป 31 ประตู และฟรีคิกอีก 1 ประตู
ขณะที่จำนวน 55 ประตูในนามทีมชาติอังกฤษ อ้างอิงจาก บีบีซีฟุตบอล แฮร์รี่ เคน ทำประตูด้วยเท้าขวาไป 39 ประตู เท้าซ้าย 6 ประตู และลูกโหม่งอีก 9 ประตู โดยที่ใน 39 ประตูมีการยิงจุดโทษไปถึง 18 ประตู
จากตัวเลขที่เปิดเผยออกมาข้างต้น กลายเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า แฮร์รี่ เคน เป็นหนึ่งในหัวหอกที่สามารถจบสกอร์ได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะจังหวะ Open Play หรือจังหวะ Set Play ขอแค่ให้บอลมาถึงตัวเขา แฮร์รี่ เคน ก็พร้อมจะผลิตสกอร์ให้กับทีมได้ทุกจังหวะของเกม
ดาวซัลโวควบสอง
จากผลงานการทำประตูที่ถล่มทลายของ แฮร์รี่ เคน ในระดับสโมสร ทำให้กองหน้ารายนี้ก้าวขึ้นมามีชื่ออยู่ใน 10 อันดับดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ทั้้งที่อายุของเขาก็ยังไม่ได้มาก
9 ฤดูกาลที่เขาลงเล่นให้กับทัพ “ไก่เดือยทอง” ในพรีเมียร์ลีก เขายิงประตูได้มากจนมีจำนวนตัวเลขแซงหน้าตำนานสโมสรไปหลายคน จนตอนนี้เขายิงประตูให้กับสเปอร์สในลีกไปแล้ว 204 ประตู กลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสเปอร์สอันดับ 2 (นับเฉพาะเกมลีกเท่านั้น) โดยคนที่ทำได้มากกว่าเขาคือ จิมมี่ กรีฟส์ (1961-1970) ที่ทำไว้ 220 ประตู
อย่างไรก็ตาม ถ้านับรวมทุกรายการ แฮร์รี่ เคน กลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2023 เป็นเกมที่เปิดบ้านชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 นัดนั้นเคนทำประตูชัยให้กับทีมเป็นประตูที่ 267 ของเขากับสโมสร
และนั่นกลายเป็นประตูประวัติศาสตร์ที่ทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมแซงหน้า จิมมี่ กรีฟส์ ที่ทำเอาไว้ 266 ประตูรวมทุกรายการ ซึ่งปัจจุบันนี้ แฮร์รี่ เคน ทำประตูให้กับ “ไก่เดือยทอง” ไปแล้วทั้งสิ้น 271 ประตู
ส่วนกับทีมชาติอังกฤษ เขาติดทัพ “สิงโตคำราม” มาตั้งแต่ปี 2015 และกลายเป็นกองหน้าตัวหลักนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งในแต่ละช่วงที่ทีมชาติมีโปรแกรมการแข่งขันเขาก็มักจะทำประตูได้อยู่เรื่อย ๆ และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ก้าวขึ้นมาอยู่ในอันดับต้น ๆ ของตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลทีมชาติอังกฤษ
จนกระทั่งล่าสุด ปลายเดือนมีนาคม ปี 2023 แฮร์รี่ เคน ก็ได้สร้างประวัติศาสตร์ในนามทีมชาติให้กับตัวเองได้สำเร็จด้วยการทำประตูที่ 54 ของเขากับทีมชาติในเกมที่ อังกฤษ เฉือนชนะ อิตาลี 2-1 ทำให้กลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมแซงหน้ารุ่นพี่อย่าง เวย์น รูนี่ย์ ที่ได้ทำเอาไว้ 53 ประตู ถัดจากนั้นเกมที่พบกับ ยูเครน ที่สนามเวมบลีย์ เคนก็ยังทำได้อีก 1 ประตู ส่งผลให้เขาทำประตูในนามทีมชาติอังกฤษไปแล้ว 55 ประตู
แม้เขาจะเป็นดาวซัลโวสูงสุดทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติแล้ว แต่สถิติการทำประตูของเขาจะยังคงเดินหน้าต่อไปแน่นอน และก็น่าจะไปได้ไกลกว่านี้อีกมากด้วย
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะมีสถิติไหนอีกที่เขาอาจทำได้ก็คงเป็นตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกที่ อลัน เชียเรอร์ ทำไว้ 260 ประตู หาก แฮร์รี่ เคน ยังคงรักษามาตรฐานการถล่มตาข่ายแบบเดิมเอาไว้ได้ ก็น่าจะไม่ใช่เรื่องยากที่นักเตะจะมีชื่อไปอยู่บนอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลอังกฤษ
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://en.wikipedia.org/wiki/Harry_Kane
https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_top_Premier_League_goal_scorers_by_season#2015%E2%80%9316
https://www.transfermarkt.com/tottenham-hotspur/startseite/verein/148?saison_id=2019
https://www.goal.com/en/news/how-many-goals-has-harry-kane-scored-for-england-three-lions-star-s-full-world-cup-euro-and-international-friendly-record/blte23dd7cbc8cd10ce
https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-11715559/Harry-Kane-BREAKS-Jimmy-Greaves-Tottenham-scoring-record.html
https://www.sportsmole.co.uk/football/spurs/feature/tottenham-hotspurs-10-highest-goalscorers-of-all-time_506097.html
https://www.premierleague.com/players/3960/Harry-Kane/stats
https://www.transfermarkt.com/harry-kane/alletore/spieler/132098/plus/0?saison=2022&verein=148&liga=&wettbewerb=GB1&pos=&minute=&pos=&torart=&stand=
https://www.sportbible.com/football/news-take-a-bow-harry-kane-scores-against-leicester-while-lying-down-on-the-floor-20190921
https://www.nationalworld.com/sport/football/harry-kane-how-many-penalties-scored-england-success-rate-4079094
https://www.uefa.com/uefaeuro/history/news/0263-10d9ea383fa8-d1e39878f432-1000--harry-kane-finishes-top-scorer-in-euro-2020-qualifying/