Feature

อังเก้ ปอสเตโคกลู ผู้เปลี่ยน ธีราทร บุญมาทัน ให้กลายเป็นแข้งที่สมบูรณ์แบบ | Ball Thai Stand

“ธีราทร บุญมาทัน” นักเตะที่อดีตทรงอย่างแบด แต่พลิกชีวิตกลายมาเป็นนักเตะไทยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดบนเส้นทางลูกหนัง ปัจจุบันเขาได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของไทยยุคปัจจุบัน 

 


หนึ่งในผู้ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตลูกหนังของ ธีราทร ย่อมมีชื่อ อังเก้ ปอสเตโคกลู กุนซือชาวออสเตรเลีย ที่เคยร่วมงานกันที่ โยโกฮามา มารินอส ในเจลีกรวมอยู่ด้วย 


แนวคิด วิธีการทำงานของ ปอสเตโคกลู ที่ประสบความสำเร็จกับทีมชาติออสเตรเลีย, โยโกฮาม่า มารินอส และกำลังพา “กลาสโกว์ เซลติก” บินสูงคว้าแชมป์ลีกและฟุตบอลถ้วย ตอนนี้พาทีมนำจ่าฝูงในลีกสก็อตติช พรีเมียร์ลีก เปลี่ยนกัปตันทีมชาติไทย ชุดแชมป์อาเซียน 2022 ให้กลายเป็นสุดยอดนักเตะได้อย่างไร ไปตามกับ BallThaiStand


เปิดโลกใหม่ใบใหม่ 


ธีราทร ประสบความสำเร็จมากมายกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ เมืองทอง ยูไนเต็ด ก่อนย้ายไปเปิดประสบการณ์ใหม่กับ วิสเซล โกเบ ในเจลีก ญี่ปุ่น เมื่อปี 2018 


สไตล์การเล่นของ “ธีราธร” ไม่ต่างจาก “วิงแบ็ค” ทั่วไป คือมีความฟิต มีความเร็ว เปิดบอลจากริมเส้น และวางบอลทะแยงเปลี่ยนแกนไปอีกฝั่งของสนามได้อย่างแม่นยำ


ในปี 2019 ถือเป็นปีที่ก้าวกระโดดของ “ธีราทร” อย่างแท้จริง เมื่อย้ายจาก “เมืองทอง ยูไนเต็ด” ไปซบ “โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส” แบบยืมตัว ที่มีชายที่ชื่อ “อังเก้ ปอสเตโคกลู”​ คุมทัพอยู่ ซึ่งนั่นคือจุดเปลี่ยนในชีวิตนักเตะของ “ธีราทร” 


ด้วยความเป็นนักเตะใหม่ ยังไม่ได้รับการยอมรับจากเฮดโค้ชและเพื่อนร่วมทีม ทำให้ “ธีราทร” ต้องทำงานหนักเพื่อหวังยึดตัวจริงให้ได้ 


ที่นี่เขาได้เรียนรู้แท็คติคใหม่ ที่ “โค้ชอังเก้” ติดตั้งให้กับ “มารินอส” โดยเฉพาะการเปลี่ยนวิธีการเล่น “วิงแบ็ค” ที่เขาคุ้นเคย 


การเล่น “วิงแบ็ค” ของ “ธีราทร” ไม่ใด้รับผิดชอบเกมรับหรือเติมเกมรุกเหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะต้องหุบเข้ามาเล่นเป็นกองกลางในบางจังหวะ หรือที่เรียกว่า Inverted Back 


นักเตะที่สามารถเล่นเข้ากับระบบทีมได้ นอกจากจะมีความฟิตวิ่งขึ้นลงไม่มีหมด ต้องมีความเข้าใจเกมสูง เทคนิคดี รักษาตำแหน่งได้อย่างดีเยี่ยม เพื่อไม่ก่อให้เกิดช่องว่างให้คู่ต่อสู่จอมตีง่ายๆ 


แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายในการปรับตัว แต่ “ธีราทร”​ ไม่เคยยอมแพ้ และสามารถเล่นตามแท็คติคของ “โค้ชอังเก้” ได้อย่างยอดเยี่ยมจนฝีเท้าพัฒนาแบบก้าวกระโดด กลายเป็นฟันเฟืองพาทีมคว้าแชมป์เจลีกสำเร็จ และได้รับการยอมรับว่าเป็นแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดในอาเซียน 


“เขาเป็นโค้ชที่ขรึม ดุมาก ไม่ว่าคุณจะมาจากประเทศไหน ถ้าคุณเล่นตามที่เขาต้องการไม่ได้เขาจะดุหมดเลย โดยไม่สนว่าคุณเป็นใคร” 


“เขาจะจริงจังในการซ้อม มันทำให้ทุกคนอยู่ในแท็คติค ไม่เล่นนอกแท็คติค”


“ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณจะเป็นตัวจริงของ มารินอส ผมพูดได้เลยว่าไม่มีทีมไหนอย่างเจลีก เล่นบอลแบบ มารินอส มันสุดทางของผมจริงๆ ที่ได้เรียนรู้จากแท็คติคจากโค้ชคนนี้” ธีราทร พูดถึงแท็คติคของ “โค้ชอังเก้”​ ที่มีอิทธิพลในการยกระดับฝีเท้าอย่างแท้จริง 


แข้งหัวร้อน สู่ผู้นำตัวจริง


จริงๆ แล้ว “ธีราทร” ลดความหัวร้อนลงไปแบบเห็นได้ชัดตั้งแต่ไปค้าแข้งกับ “วิสเซล โกเบ” ในปี 2018 เพราะรอบข้างเขามีแต่นักเตะระดับโลกและประสบความสำเร็จมานับไม่ถ้วนไม่ว่าจะเป็น อันเดรส อิเนียสต้า หรือ ลูคัส โพลโดสกี้ 


ด้วยบุคลิคมาดเข้ม ยิ้มยาก ดูแข็งกระด้างยามบัญชาเกมอยู่ข้างสนามของ “โค้ชอังเก้” ดูคล้ายคลึงกับ “ธีราทร” เวลาอยู่ในสนามไม่น้อย เพราะเราแทบไม่เห็นเขายิ้ม หรือ สายตามุ่งมั่นกับชัยชนะเท่านั้น 


วาตารุ ฟุนากิ นักข่าวชาวญี่ปุ่นกล่าวกับ Optus Sport เกี่ยวกับ “โค้ชอังเก้” ไว้น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะการพูดจูงใจนักเตะ เก็บอารมณ์ได้ดี และจริงใจกับนักเตะ ไม่วิจารณ์ลูกทีมเสียๆ หายๆ ผ่านสื่อ
“ตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งเป็นปีที่ 2 ของ อังเก้ ในการเป็นกุนซือ มารินอส สปิริตของทีมเปลี่ยนไป เขาไม่เพียงแต่สอนแท็คติคเก่งเท่านั้น เขายังเก่งในการจัดการแรงจูงใจของผู้เล่นอีกด้วย”
“เขาไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ผู้เล่นคนใดคนหนึ่งต่อหน้าสื่อ แม้จะดูสีหน้าโกรธจัดแค่ไหนก็ตาม เขาเป็นคนเข้มงวดและจริงใจมาก และมีบุคลิกที่ตรงไปตรงมา ดังนั้นเขาจึงเป็นที่รักของผู้เล่นในทีม” วาตารุ ฟุนากิ พูดถึง “โค้ชอังเก้”
แน่นอนว่าแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่มันได้แผ่อิทธิพลมาถึง “ธีราทร”​ โดยเฉพาะการออกปกป้อง “สรรวัชญ์ เดชมิตร”​ ที่โดนใบแดงจากเกมบุกเสมอ อินโดนีเซีย ในรอบแบ่งกลุ่ม 1-1 


หรือการกระตุ้น “บุ๊ค”​ เอกนิษฐ์ ปัญญา กองกลางตัวรุกของทีมให้มีความมั่นใจกว่าเดิม หลังโดนแฟนบอลวิจารณ์ฟอร์มอย่างหนัก เรียกว่านอกจากจะได้ใจเพื่อนร่วมทีม ยังได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนบอลว่านี่แหละที่กัปตันทีม “ช้างศึก”​ ที่แฟนบอลอย่างเห็น จนลืมภาพแบดบอยในอดีตเรียบร้อยแล้ว 

 


ใช้ชีวิตแบบแชมเปี้ยนส์ 


"สุดท้ายอย่าลืมที่บอสอังเก้คอยบอก ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน คุณอย่าลืมคุณคือล่ามแชมป์เจลีค ทุกช่วงชีวิตใช้ชีวิตอย่างแชมป์น่ะครับพี่" 


นี่คือหนึ่งในข้อความที่ “ธีราทร” เขียนถึง “มิว” นริศ จำปาลี ล่ามที่เคยร่วมงานกันที่ “โยโกฮามา มารินอส” ในวันที่ตัดสินใจย้ายกลับมาเล่นให้ “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” ในเลก 2 ฤดูกาล 2021-22


คำพูดของ “โค้ชอังเก้” เป็นสิ่งที่อยู่ในใจ ซึ่ง “ธีราทร” คอยยึดเหนี่ยวเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกสนามต้องใช้ชีวิตแบบ “แชมเปี้ยนส์” 


ไม่ว่าจะเป็นวางตัวให้ดี การฝึกซ้อมต้องเต็มที่ ในสนามต้องเต็มไปด้วยความกระหายในชัยชนะ นั่นคือสิ่งที่เขาแสดงออกมาอย่างชัดเจนนับตั้งแต่กลับมาเล่นให้ “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” และ “ทีมชาติไทย”   


“ผมรู้สึกว่าเขาเหมือนพ่อ เขาดูมีความอบอุ่น ดูจริงจังในการทำงาน” 


นอกจากคุณพ่อสมหมาย บุญมาทัน และ คุณเนวิน ชิดชอบ เราแทบไม่เคยได้ยิน “ธีราทร” เคารพและเรียกใครว่า “พ่อ”​ เลย ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่า “โค้ชอังเก้”​ มีอิทธิพลต่อชีวิตนักฟุตบอลของเขาจริงๆ 


ในวันที่ “โค้ชอังเก้”​ อำลา “มารินอส” ไปคุมทีม “กลาสโกว์ เซลติก” เขาถึงกับหลั่งน้ำตา แม้ตอนนี้ทั้งคู่ไม่ได้ร่วมงานกันแล้ว แต่ทุกคำสอนของกุนซือเลือดออสซี่ มันผลักดันให้ “ธีราทร” ก้าวไปเป็นนักเตะที่สมบูรณ์แบบในปัจจุบนั 


“ขอบคุณทุกๆคำสอนสั่งที่มีให้ผมมาตลอด2ปีครึ่ง”


“ขอบคุณที่ทำให้ผมเป็นนักเตะที่ดีขึ้น ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ ไม่เคยเล่นมาก่อน”


 
“ขอบคุณที่ทำให้ได้รู้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ ในทุกๆ วันทุกๆ วินาทีต้องมีความคิดที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไรถ้ามีความคิดที่แข็งแกร่ง เราจะสามารถผ่านมันไปได้” นี่คือข้อความของ “ธีราทร” ที่พูดถึง “โค้ชอังเก้” ซึ่งสามารถรับรู้ว่าการก้าวมาอยู่จุดนี้ มีกุนซือรายนี้คอยผลักดันไม่น้อย 


ชีวิตคนเราจะประสบความสำเร็จได้ ต้องมีลมใต้ปีกคอยหนุน ซึ่ง “ธีราทร” มีทั้งครอบครัวอันอบอุ่นคอยอยู่เบื้องหลัง มีครอบครัว บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คอยสนับสนุน 


แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพัฒนาการด้านฝีเท้ารวมถึงความเป็นผู้นำ แพสชั่นแห่งผู้ชนะที่ทำให้เขาเติบโตขึ้น กลายเป็นนักเตะที่สมบูรณ์แบบในปัจุบัน ส่วนหนึ่งมาจากวิธีคิดและแนวทางการทำงานอย่างจริงจังของกุนซือที่ชื่อ “อังเก้ ปอสเตโคกลู” 

 

 

 

Author

Ball Thai Stand

ทุกเรื่องสำคัญฟุตบอลไทย ที่คุณต้องไม่พลาด