"คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ" สำนวนนี้คือเรื่องจริงที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แน่นอนว่านักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ที่เป็นปรากฏการณ์ของโลกฟุตบอลอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็เป็นเช่นเดียวกัน
แต่ที่เรียกได้ว่าเกลียดโรนัลโด้ "เข้ากระดูกดำ" ชนิดผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ นั่นคือ แฟนฟุตบอล "เกาหลีใต้" ซึ่งถือได้ว่าพลิกขั้วสลับด้าน จากที่เคยคลั่งไคล้หลงไหลก็กลับกลายเป็นเช่นนี้ไปเสียเฉย ๆ
และก็เหมือนโชคชะตาเล่นตลก เพราะในฟุตบอลโลก 2022 นี้ เกาหลีใต้ ต้องปะทะกับ โปรตุเกส ในแมตช์สุดท้าย และต้องชนะสถานเดียวเพื่อลุ้นเข้ารอบไปด้วยกัน
เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับเรา
"พี่ชายของเรา" เป็นเหตุสังเกตได้
ก่อนอื่นนั้นต้องกล่าวย้อนไปถึงความสัมพันธ์ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และแฟนฟุตบอลเกาหลีใต้เสียก่อน แน่นอนว่าความเป็นซูเปอร์สตาร์ของโรนัลโด้ทำให้คนทั้งโลกรักและชื่นชมเขาได้ไม่ยาก สังเกตได้จากยอดฟอลโลว์ Instagram ของเขา หรือแม้กระทั่งการสกรีนชื่อของเขาบนชุดแข่งขันของแฟนบอล และในเกาหลีใต้ก็เช่นกัน
แต่ก็เป็นที่น่าเหลือเชื่อว่าในดินแดนคาบสมุทรเกาหลีแห่งนี้ แฟนฟุตบอลถือได้ว่า "คลั่งไคล้" ดาวเตะมหากาฬของโปรตุเกสเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าอยู่ในระดับที่สูงพอ ๆ กับ "ไอดอล" ในวงการเคป็อปเลยทีเดียวหรืออาจจะมากกว่านั้นเสียอีก เห็นได้จากการใช้คำเรียกโรนัลโด้ว่า "อูรีฮยอง" (우리형) เลยทีเดียว
หากแปลตรงตัว อูรีฮย็อง จะแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า พี่ชายของเรา หากแต่บริบทในภาษาเกาหลีนั้น คำว่า เรา ไม่ได้หมายถึง สรรพนามบุรุษที่ 1 แบบพหูพจน์อะไรเช่นนั้น หากแต่ใช้แทนความหมายว่า "ข้าพเจ้า" เนื่องจากในสังคมเกาหลีมีลักษณะเป็นแบบ "Collective" มาตั้งแต่อดีต ที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นเนื้อเดียวกันกับทุก ๆ คนในสังคมโดยไม่มีแยกขาดและอยู่โดด ๆ
ดังนั้น อูรีฮยอง จึงหมายถึง "พี่ชายของข้าพเจ้า" หรือ "คนของข้าพเจ้า" ซึ่งมีนัยของการนับรวมเป็นพวกเดียวกันฉันพี่น้องท้องเดียวกัน ประหนึ่งโรนัลโด้คลอดออกมาก่อนตน หรือมีเชื้อชาติเกาหลีอย่างไรอย่างนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีนัยแอบแฝงที่หมายถึงการ "รักปานจะกลืนแบบไม่มีเงื่อนไข" นั่นเพราะความรักของคนในครอบครัวเป็นความรักที่บริสุทธิ์ แม้เลือกเกิดไม่ได้แต่ก็มีสายสัมพันธ์บางอย่างที่ตัดกันไม่ขาด ที่จะบอกล้างหรือทำให้เป็นโมฆะได้ อย่างในเรื่องของการ "อ้างบุญคุณ" ที่เห็นได้บ่อยครั้ง
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนประมาณหนึ่งคือเรื่องราวของพี่น้อง "อุจิวะ อิทาจิ" และ "อุจิวะ ซาสึเกะ" ตัวละครเอกในเรื่อง "นารูโตะ นินจาจอมคาถา" เพราะถึงแม้อิทาจิพี่ชายจะทำการฆ่าล้างโคตรคนในตระกูลอุจิวะ และซาสึเกะน้องชายก็ตามไล่แก้แค้นเกือบครึ่งเรื่อง หากแต่ก็เป็นไปเพื่อหยุดการรัฐประหารของตระกูลตน และเมื่อถึงจุดที่อิทาจิใกล้ตายซาสึเกะกลับมีน้ำตา และเข้าใจการกระทำของพี่ชาย ท้ายที่สุดก็หันกลับมาร่วมมือกันในตอนท้าย
เมื่อเป็นเช่นนี้โรนัลโด้จึงถือได้ว่ามีสถานะพิเศษกว่านักฟุตบอลคืนอื่น ๆ เพราะถือได้ว่าไม่ใช่คนอื่นคนไกล และยิ่งมีคิวมาเยือนเกาหลีใต้ในแมตช์กระชับมิตร ระหว่าง ยูเวนตุส ปะทะ เคลีก ออลสตาร์ ในปี 2019 ก็ยิ่งทำให้แฟนบอลเกาหลีใต้แทบคลั่ง เพราะจะได้พบกับพี่ชายในความคิดของตนที่รอคอยมาแสนนาน
มีแฟนบอลร่วม 7 หมื่นคนยินดีที่จะซื้อบัตรเข้าชมด้วยราคาไม่น้อย เพราะมันสูงถึง 200 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 7,000 บาท) เพื่อเข้าไปในสนามกีฬาแห่งชาติโซล เพื่อหวังว่าจะได้รับชมฟอร์มการเล่นของพี่ชายแบบสด ๆ เต็ม ๆ ตาสักครั้งในชีวิต บางคนหอบอุปกรณ์การเชียร์ ป้ายผ้า ป้ายไวนิล ที่พรินต์รูปโรนัลโด้ตัวเขื่อง หรือหลายคนก็ยอมที่จะลางานทิ้งงานและขับรถมาจากต่างจังหวัดเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
ก่อนคิกออฟ แม้โรนัลโด้จะไม่ออกมาวอร์มร่างกายหรือเรียกได้ว่าไม่เคลื่อนไหวร่างกายใด ๆ ซึ่งผิดแปลกไปมาก ผิดวิสัยการเตรียมความพร้อมลงสนาม และหลังประกาศไลน์อัป 11 คนแรกออกมานั้น ก็ไม่มีชื่อของโรนัลโด้ แต่สองอย่างนี้ก็ยังเป็นที่ยอมรับได้สำหรับแฟนบอล เพราะมันไม่ใช่การแข่งขันอย่างเป็นทางการ และส่วนมากของดีมักจะเก็บไว้ปล่อยทีหลังเสมอ แบบที่ทีมยักษ์ใหญ่ทำบ่อย ๆ เวลามาทัวร์เอเชีย
หากแต่เมื่อครึ่งทางของครึ่งแรกผ่านไปโรนัลโด้ก็ยังคงนั่งนิ่ง ๆ จนกรรมการเป่าจบครึ่งแรกก็แล้วแฟนบอลก็ยังไม่เห็นโรนัลโด้ออกมาวอร์ม หรือแม้แต่ครึ่งหลังผ่านไปเรื่อย ๆ จนเลยครึ่งทางมาแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่า เมาริซิโอ ซาร์รี่ จะเรียกโรนัลโด้ให้มาเตรียมเปลี่ยนตัว
จนแฟนบอลอดรนทนไม่ได้และต่างพร้อมใจกันโห่โรนัลโด้อย่างอื้ออึง บางคนถึงขนาดตะโกนชื่อ ลิโอเนล เมสซี่ เพื่อเกทับ เพราะไม่เห็นเค้าลางว่าพี่ชายคนนี้จะลงสนาม ทั้งที่ตามหลักแล้วการแข่งขันลักษณะนี้นักเตะชูโรงต้องลงสนามเพื่อสนองตอบความต้องการของแฟนบอล หากมาเพื่ออุ่นเครื่องและนำนักเตะเยาวชนมาผสมแข้งชุดหลักเฉย ๆ การเก็บเงินแฟนบอลไปเกือบหมื่นบาทจึงเหมือนการปล้นกันชัด ๆ
เสียงโห่ เสียงก่นด่า และความไม่พอใจของแฟนบอลเกาหลีใต้ยังคงกึกก้องไปทั่วสนามแม้กรรมการเป่านกหวีดจบการแข่งขันไปแล้ว และยิ่งภายหลังทางฝ่ายจัดการแข่งขันมีการเปิดเผยสัญญาลับที่ได้ลงนามกับสโมสรยูเวนตุสด้วยข้อตกลงที่ว่าโรนัลโด้จะต้องลงสนาม "อย่างน้อย 45 นาที" ก็ยิ่งเป็นการจุดชนวนต่อแฟนบอลเกาหลีใต้มากยิ่งขึ้น
หากเป็นนักเตะคนอื่น ๆ การกระทำเช่นนี้ถือว่าแค่หมิ่นไม่ให้เกียรติ์ แต่การที่พี่ชายของเรามาทำกันได้ลงคอแบบนี้ก็ยิ่งเจ็บเสียกว่าการปักคมมีดกรีดกลางใจเสียอีก
และเหตุการณ์นี้ได้ทำให้เกิดเรื่องชินตาที่เกิดขึ้นจากประชาชนเกาหลีใต้ เพียงแต่ครั้งนี้เกิดขึ้นในวงการฟุตบอล
ผิดหวังโคตร ๆ เปิดโหมดแอนตี้แฟน
"รักมาก ย่อมแค้นมาก" คำนี้ถือว่ายังใช้ได้อยู่เสมอไม่ว่าจะยุคสมัยใดก็ตาม การนั่งข้างสนามกอดอกและเอนคอไปมาซ้ายขวาจนจบเกม จากนั้นก็เดินเข้าห้องแต่งตัวและกลับที่พัก พฤติกรรมเช่นนี้ไม่ว่าจะเป็นแฟนบอลที่ไหนในโลกย่อมเกิดอาการของขึ้นด้วยกันทั้งนั้น
แต่ในเกาหลีใต้กลับมีลักษณะเฉพาะบางประการที่มีความแตกต่างจากที่อื่น ๆ เพราะดินแดนลูกหลานทันกุนแห่งนี้เป็นแหล่งบ่มเพาะค่านิยมแบบ "แอนตี้แฟน" (Antifan) กันอย่างแพร่หลาย
แอนตี้แฟน ส่วนมากเกิดจากการที่ชื่นชอบใครคนหนึ่งมาก ๆ มากถึงขนาดคลั่งไคล้หลงไหล ประหนึ่งว่าเธอเป็นของ ๆ ฉัน แต่แล้ววันหนึ่งฝ่ายที่ตนชอบกลับทำการหักหาญน้ำใจแบบไม่ใยดีหรือทำร้ายทั้งจิตใจ (หรือร่างกาย) ให้บอบช้ำจนแทบล้มทั้งยืน ก็จะทำให้ความรู้สึกกลับตาลปัตรไปเป็นเกลียดมากเข้ากระดูกดำ หนักขึ้นอีกขั้นคือตามรังควาญและทำให้คนที่ตนเคยชอบไม่มีความสุข และหนักที่สุดก็คือการหมายประทุษร้ายหรือฆาตกรรมเลยทีเดียว
สภาพการณ์เช่นนี้มักเกิดขึ้นในวงการ "ไอดอลเคป็อป" ดังที่จะเห็นได้อย่างดาษดื่น โดยเฉพาะวงที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมลำดับต้น ๆ และส่วนมากจะเป็น "บอยแบนด์" อย่างพวก เอ็กโซ (EXO), ซูเปอร์จูเนียร์ (Super Junior) หรือ บังทันโซนยอนทัน (BTS) ที่ไปถึงระดับเหิมเกริม มีการตามติด สอดส่อง หรือทุบรถ แต่ส่วนมากแล้วมักจะออกมาในรูปแบบ "นักเลงคีย์บอร์ด" ที่เก่งอยู่หลังจอคอม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระทู้ของ เนเวอร์ (NAVER) เว็บไซต์ยอดนิยมของชาวเกาหลีใต้ (ของไทยจะเป็น Twitter)
ซึ่งตรงนี้จะแตกต่างกับ "ซาแซงแฟน" (Sasaengfan) เพราะถึงแม้ว่าจะมีการตามติด สอดส่อง ทุบรถ หรือปีนขึ้นที่พักคล้าย ๆ กัน หากแต่พวกซาแซงนั้นเพียงแต่เกิดบ้าและมโนขั้นเทพจนอยากอยู่ใกล้ชิดคนที่ตนรัก และทำทุกวิถีทางให้เขาสนใจหรือเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา ขนาดว่าพลีกายให้ก็ยอม ซึ่งไม่ได้ตั้งใจให้ผลร้ายต่อศิลปิน หากแต่เป็นการกระทำที่ร้ายแรงในสังคมเฉย ๆ
และเมื่อโรนัลโด้คือพี่ชายของเรา ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการยกระดับไปอีกขั้นถึงขนาดเป็นครอบครัวเสมือน จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจแต่อย่างใดหากจะเกิดกระแสแอนตี้แฟนระลอกใหญ่เสียยิ่งกว่าสึนามิ
"ตั๋วแม่งแพงนะครับ ไม่ลงเล่นสักวินาทีเลยหรือ แฟนก็เรียกร้อง สัญญาก็บังคับว่าต้องลง แต่โรนัลโด้ละเมิดหมดเลย"
"ผมเข้าไปชมโรนัลโด้นั่งตูดด้านอยู่ข้างสนาม เอาตรง ๆ เลยผมผิดหวังมากครับ"
"หนูรักเขามากค่ะ แต่ทำแบบนี้หนูเหมือนโดนหักหลัง รับไม่ได้จริง ๆ ค่ะ"
"ผมทำใจไม่ได้อย่างแรงเลยอันฟอลโลว์ไอจีเขาให้จบ ๆ ไปครับ"
"หลังจากแมตช์นี้ ผมเลยเรียกเขาว่า ใครน้องมึง แทนครับ"
"ไม่ใช่แค่พวกหนูหรอกค่ะ แต่พี่ชายคนนี้ไม่เคารพประเทศของเราเสียด้วยซ้ำ"
"หากโรนัลโด้ดูผมอยู่ ผมอยากจะบอกว่าหัดทำอะไรให้ถูกให้ควรได้แล้วนะครับ"
"มาเกาหลีเมื่อไหร่ เจอผมต้อนรับอย่างสาสมแน่นอน"
เสียงจากแฟนบอลเกาหลีใต้ที่ได้ถูกสัมภาษณ์โดย เอเชียน บอส (Asian Boss) สื่อออนไลน์แนววิพากษ์สังคมเอเชีย สัญชาติเกาหลีใต้ อาจจะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
และประเด็นนี้ก็ได้ถูกขยายขนาดไปอีกขั้นหนึ่งอย่างไม่น่าเชื่อ
ลุกลามมายังทีมชาติ
โดยปกติหากทีมชาติใด ๆ จะเกิด "คู่แค้นข้ามทวีป" (The transcontinental rivalry) โดยส่วนมากมักจะต้องมีนัยทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคมบางอย่าง
แบบเดียวกับ อังกฤษ ปะทะ อาร์เจนตินา ที่มีที่มาจากข้อขัดแย้งจากเรื่องสงครามฟอล์กแลนด์ ญี่ปุ่น ปะทะ รัสเซีย ที่มีที่มาจากการแพ้สงคราม รุสโส-เจแปนิส เมื่อปี 1905 หรือ อิหร่าน ปะทะ สหรัฐอเมริกา ที่มีที่มาจากสงครามในอ่าวเปอร์เซีย รวมถึงความขัดแย้งทางศาสนาและอุดมการณ์ทางการเมือง
แต่กับเกาหลีใต้ดูเหมือนว่าจะไม่เข้าข่ายดังกล่าว เพราะเหตุการณ์เกลียดชังโรนัลโด้นี้ดูเหมือนว่าจะทำให้คู่แค้นข้ามทวีปของตนอาจเป็นโปรตุเกสไปเสียด้วยซ้ำ
ผลจากการกระทำของโรนัลโด้ทำให้แฟนบอลเกาหลีต่างยกให้โปรตุเกสเป็นคู่แค้นขึ้นมาเฉย ๆ ทั้งที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกันด้วยซ้ำ หากแต่เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนจะพบว่าโรนัลโด้แทบจะใหญ่กว่าทีมชาติโปรตุเกส เขาคือทุกสิ่งทุกอย่างและเป็นศูนย์รวมใจคนโปรตุเกสทั้งชาติ
ดังนั้นการที่แฟนบอลเกาหลีจะคิดว่า โรนัลโด้ = โปรตุเกส จึงอาจจะไม่ใช่เรื่องผิดแปลกแต่อย่างใด
และถึงแม้ราว 2 ปีต่อมาศาลจะตัดสินให้ยูเวนตุสมีความผิดฐานละเมิดสัญญาที่ลงนามไว้กับฝ่ายจัดการแข่งขัน แต่เมื่อเกลียดแล้วก็ย่อมเกลียดเลย แก้วที่ร้าวทำได้เพียงรอวันแตกสลายเท่านั้น
แต่ก่อนการได้อยู่ร่วมกลุ่มกับ โปรตุเกส ก็อาจจะเฉย ๆ หากแต่ในฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ ในแมตช์ที่ 3 กลุ่ม H นอกเหนือไปจากการลุ้นเข้ารอบของเกาหลีใต้แล้วยังเป็นเหมือนการรอแก้แค้นโรนัลโด้สำหรับพลพรรคแทกึกวอริเออร์
คิม แท ฮวาน (Kim Tae-hwan) ยอดกองหลังของ อุลซาน ฮุนได และทีมชาติเกาหลีใต้ ได้ออกมายืนยันหนักแน่นถึงจุดนี้ว่า
"หากผมได้ลงเป็นตัวจริงในเกมดังกล่าว ผมจะพยายามอัดโรนัลโด้ให้หมอบกระแตไปเลย … ผมตื่นเช้าทุกวัน ฝึกซ้อมให้มากที่สุด ดีที่สุด เต็มที่ที่สุด เพื่อการนี้โดยเฉพาะ"
ขณะที่ คิม ยอง กวอน (Kim Young-gwon) กองหลังเพื่อนร่วมทีมชาติ และ อุลซาน ฮุนได ก็ออกมากล่าวทำนองเดียวกันว่า
"โรนัลโด้นี่ผมไม่กลัวหรอก เพื่อน ๆ ของเขาด้วย เข้ามาเลย … ผมรู้พวกเขาเทพมาก แต่เราเองก็มีการเล่นเป็นทีมที่สุดยอดไม่ต่างกัน … เราหลังพิงฝาแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัว"
แน่นอนว่าผลงานในสนามจะเป็นคำตอบสำหรับเรื่องนี้ หากแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่าง โรนัลโด้ และ แฟนบอลทีมชาติเกาหลีใต้ บ่งบอกได้ถึงสิ่งหนึ่งว่า บางทีเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ดูว่าจะไม่ได้สลักสำคัญอะไรสำหรับบางที่บางคนก็อาจเป็นเรื่องซีเรียสเสียจนลุกลามใหญ่โตและเป็นประเด็นไม่จบไม่สิ้น
ซึ่งไม่ต่างกันกับความขัดแย้งโดยทั่วไปในสังคมมนุษย์ในโลกของ "Digital Disruption" เลยทีเดียว
แหล่งอ้างอิง
วิทยานิพนธ์ Disidentifying with Fan Culture Narratives: A Case Study on EXO Anti-fans in K-pop Fandom in the Digital Era
https://bleacherreport.com/articles/2874656-2-fans-win-compensation-after-cristiano-ronaldo-absence-in-south-korea-friendly
https://m.thepeninsulaqatar.com/article/19/11/2022/s-korea-defender-eager-to-face-ronaldo
https://m.blog.naver.com/rara4000/221944160537
https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/cristiano-ronaldo-portugal-south-korea-28629481
https://www.youtube.com/watch?v=3A1jAH7bJ-0
https://www.youtube.com/watch?v=AyhUvDfnBKc