Feature

จู๊ด เบลลิงแฮม : ว่าที่นักเตะอังกฤษค่าตัว "100 ล้านปอนด์" คนต่อไป | Main Stand

ชื่อของ จู๊ด เบลลิงแฮม ดังแล้วดังอีก และดังขึ้นเรื่อย ๆ ในฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ 

 


อดีตดาวรุ่งจาก เบอร์มิงแฮม ที่เล่นกับทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 16 ปี ก่อนกลายเป็นนักเตะอังกฤษที่เขย่าเวทีบุนเดสลีกากับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และแน่นอนว่าตอนนี้เขากำลังเขย่าเวิลด์คัพ 

เรื่องราวของเด็กหนุ่มที่มีคนวาดรูปบนกำแพงให้ และได้รับการรีไทร์เบอร์เสื้อตั้งแต่อายุยังไม่เต็ม 20 นั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร ติดตามได้ที่ Main Stand 

 

เกมสร้างความกระหึ่ม 

หลังจากจบเกมการแข่งขันนัดแรกใน ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม B ซึ่งทาง ทีมชาติอังกฤษ ขวัญใจแฟนบอลชาวไทย ถล่มเอาชนะ อิหร่าน ยอดทีมจากเอเชีย ไปได้แบบขาดลอย 6-2 สื่อฟุตบอลแดนผู้ดีและทั่วโลกต่างยกย่องฟอร์มการเล่นของ ขุนพลทรีไลออนส์ กันยกใหญ่ตามคาด

ก่อนเกมจะเริ่มต้นขึ้น ทิศทางและกระแสต่าง ๆ จากแฟนบอลส่วนใหญ่ยังไม่ไว้วางใจ พลพรรคสิงโตคำราม เท่าไรนัก เนื่องจากผลงานบนเวที ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก เกมหลัง ๆ ที่โชว์ผลงานออกมาได้ราวกับเป็นคนละทีมกับเจ้าของตำแหน่งรองแชมป์ยูโร 2020

ต่อให้มองตามหน้าเสื่อแล้วเหนือกว่ามากแค่ไหน แต่ใคร ๆ ก็ต่างเดาทางเอาไว่ว่า อิงลิชเมน คงจะเอาชนะเต็มที่แค่ลูกเดียวเหมือนเคย เนื่องจากสไตล์ถนัดของกุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต เป็นบอลแบบเพลย์เซฟ เน้นการเล่นแบบเอาแค่ชนะก็พอ ไม่จำเป็นต้องยิ่งถล่มทลายหรือเล่นให้สวยงาม ขอเพียงแค่ให้ผลงานออกมาตามเป้า

อย่างไรก็ตามพวกเขากลับตอกหน้ากูรูก่อนเกมจนหงายเงิบ ด้วยการเปิดเกมบุกบดเข้าใส่คู่แข่งตั้งแต่เสียงนกหวีดเริ่มเกมดังขึ้น แม้ว่าการจัดตัวจะมีบางคนที่ดูขัดหูขัดตา แต่เมื่อผู้จัดการทีมจอมอินดี้มีความมั่นใจในแนวทางการทำทีมของตัวเองชัดเจน ผลลัพธ์เมื่อเกมจบลงจะตอบทุกคำถามได้หมดจด

หากเป็นแฟนบอลที่ไม่ได้ชมเกมแบบสด ๆ แล้วติดตามแค่ไฮไลท์สั้น ๆ หรือรายงานผลการแข่งขันแบบสรุปทั่วไป นักเตะที่ทำผลงานเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้น บูกาโย ซากา ปีกขวาจากสโมสรอาร์เซนอล เจ้าของตำแหน่งจ่าฝูงศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทีมปัจจุบัน

แต่ความจริงแล้วนักเตะที่เป็นหัวใจสำคัญในแดนกลางที่เล่นได้อย่างสมดุลย์ทั้งเกมรุกและเกมรับ เป็นคนพังประตูแรกปลดล็อกให้กับทีมในช่วงเวลาที่อึดอัด และมีจังหวะโชว์ความแข็งแกร่งลากบอลตะลุยฝ่าดงแนวรับ ก่อนจะฝากบอลให้กับ แฮร์รี่ เคน ไปทำแอสซิสต์ให้กับ ราฮีม สเตอร์ริ่ง ชื่อของ จู๊ด เบลลิงแฮม คืออีกหนึ่งตัวแปรที่มองข้ามไม่ได้เลย

เบลลิงแฮม คว้าตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ เกมดังกล่าวไปได้อย่างเต็มภาคภูมิ ตอบแทนความไว้เนื้อเชื่อใจของเซาธ์เกตที่กล้าส่งเขาลงเล่นเป็นตัวจริงบนทัวร์นาเมนต์ใหญ่ที่สุดบนโลกลูกหนัง และเขาก็เล่นได้อย่างไร้ที่ติด้วยฟอร์มอันโดดเด่นเกินวัย เขาใช้เวลาไม่นานบนเส้นทางนักเตะอาชีพไล่ทำลายสถิติมากมายด้วยวัยเพียงแค่ 19 ปีเท่านั้น

 

จุดเริ่มต้นสู่จุดเปลี่ยนทำลายสถิติ

ดาวเตะรายนี้เป็นเด็กหนุ่มจาก สตัวร์บริดจ์ แหล่งการค้าสำคัญย่านเวสต์ มิดแลนด์ พ่อของเขารับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ใช้เวลาว่างในการเล่นฟุตบอลนอกลีกด้วยการเล่นตำแหน่งกองหน้า 

ซึ่งจากข้อมูลอ้างอิงจากสื่อต่าง ๆ รายงานว่า ฝีเท้าของ มาร์ค เบลลิงแฮม พ่อของเขา มีดีกรีเป็นดาวยิงที่ประมาทไม่ได้ เขากดประตูในเกมอย่างไม่เป็นทางการไปกว่า 700 ลูก แล้วน่าจะเป็นต้นแบบสำคัญให้ลูกของเขามีใจรักในกีฬาชนิดนี้

ด้วยพรสวรรค์ที่โดดเด่น จู๊ดถูกทางสโมสรเบอร์มิงแฮม ซิตี้ ทีมดังย่านมิดแลนด์ ดึงตัวไปเข้าอคาเดมีของทีมตั้งแต่อายุเพียงแค่ 8 ปีเท่านั้น โดยไม่มีอะไรการันตีได้ว่าดาวเตะรายนี้จะก้าวขึ้นไปเป็นตัวหลักของทีมในอนาคตได้สำเร็จหรือไม่

แต่เพียงไม่นาน จู๊ด เบลลิงแฮม ก็เริ่มฉายแววฝีเท้าที่โตเกินวัย เขาถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดอายุต่ำกว่า 18 ปีของต้นสังกัด ทั้งที่เพิ่งจะอายุย่างเข้า 14 ปีเศษ แล้วปีต่อมาก็ไต่เต้าขึ้นไปอยู่กับทีมชุดอายุต่ำกว่า 23 ปี 

พอผลงานเริ่มเข้าตามากขึ้นตามลำดับ สื่อชื่อดังอย่าง โฟร์โฟร์ทู ก็ไม่มีทางพลาดที่จะใส่ชื่อของเขาไว้อยู่ในรายชื่อ 50 นักเตะดาวรุ่งในประเทศอังกฤษที่น่าจับตามองที่สุด ซึ่งมาพร้อมกับข่าวลือเชื่อมโยงกับทีมยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป

ฤดูกาล 2019-20 เป็นซีซั่นเปิดตัวของเบลลิงแฮม เมื่อเขาได้รับโอกาสให้ไปทัวร์พรีซีซั่นกับทีมชุดใหญ่ลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องแล้วทำประตูได้ สโมสรจึงตัดสินใจมอบเสื้อหมายเลข 22 ในทีมชุดใหญ่ให้กับเขา โดยมีความหมายเป็นนัยว่าปีนี้เขาจะได้รับโอกาสลงสนามแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าเวลาที่เหมาะสมจะเป็นเมื่อไร

การออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเกมแรกของเบลลิงแฮมเกิดขึ้นในศึกอีเอฟแอล คัพ รอบแรก ที่ต้องออกไปเยือน "เดอะ ปอมปีย์" พอร์ทสมัธ ทำให้เขาทำลายสถิติที่ยั่งยืนมานาน 49 ปีของ เทรเวอร์ ฟรานซิส กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดตลอดกาลของสโมสรที่ได้ลงเล่นให่กับทีม ด้วยวัยเพียงแค่ 16 ปีกับ 38 วัน

แม้ว่าเกมนัดเปิดตัวของเบลลิงแฮมกับทีมชุดใหญ่จะจบลงด้วยการพ่ายแพ้ 0-3 แต่ต่อมาอีกเพียง 19 วันเขาก็ได้ลงเล่นในเกมลีก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ในเกมกับ สวอนซี ซิตี้ หลังจากนั้นก็สร้างประวัติศาสตร์ใหม่อีกครั้งในเกมถัดมากับ สโต๊ก ซิตี้ ด้วยการลงมาเป็นตัวสำรองแล้วยิงประตูชัยให้ทีมแซงชนะ 2-1 ครองตำแหน่งนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูให้กับทีมตราลูกโลกได้สำเร็จ ด้วยอายุแค่ 16 ปี 63 วัน

ตำแหน่งของเบลลิงแฮมในช่วงแรก เขาถูกใช้งานเบื้องต้นเป็นตัวริมเส้นทั้งทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวา รวมไปถึงมิดฟิลด์ตัวกลางในบางเกม ในกรณีที่ไม่ต้องปะทะกับคู่แข่งที่เก๋าเกมกว่า เพราะยังมีเรื่องของเหลี่ยมบอลเชิงบอลที่ต้องใช้เวลาในการพัฒนาตัวเองจากการเก็บประสบการณ์บนเวทีจริงไปเรื่อย ๆ

ภายหลังผู้จัดการ เป๊ป คลอเท็ต มองเห็นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ของเบลลิงแฮมในเรื่องของความอันตรายยามเติมเข้ากรอบเขตโทษ และจังหวะการเล่นที่ดูไหลลื่นมากกว่าหากได้ลงเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง จึงใช้งานเขาในตำแหน่งดังกล่าวนับแต่นั้นเป็นต้นมา แล้วผลงานของดาวรุ่งรายนี้ก็พัฒนาจนไปเตะตาทีมยักษ์ใหญ่เข้าจนได้

ในช่วงตลาดเดือนมกราคมปี 2020 สโมสรที่ตกเป็นข่าวว่าสนใจในตัวของเบลลิงแฮมอย่างจริงจัง จากรายงานข่าวของหลายสื่อคือ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้วยังมีการยื่นข้อเสนอราว 20 ล้านปอนด์เข้าไปเป็นการลองเชิง ซึ่งจบลงด้วยการปัดตกของเบอร์มิงแฮมแบบไม่ต้องคิดคำนวณอะไรมากนัก

แม้ว่าการแข่งขันฟุตบอลรายการต่าง ๆ ทั่วโลกจะต้องหยุดชะงักไปเพราะการระบาดของไวรัส COVID-19 แต่มันก็ไม่สามารถหยุดพัฒนาการของเบลลิงแฮมที่ก้าวกระโดดได้อยู่จากการได้ลงเล่นรวมทุกรายการให้กับทีมไปมากถึง 44 นัด

ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมของเบลลิงแฮม ส่งผลให้เขาคว้ารางวัลส่วนตัวมาครองได้สองรางวัล ประกอบไปด้วย Championship Apprentice of the Year (เด็กปั้นยอดเยี่ยมประจำปี) และ EFL Young Player of the Season (ดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล)

อย่างไรก็ตามจากผลงานอันร้อนแรงเกินคาดของเบลลิงแฮมย่อมหนีไม่พ้นเงื้อมมือสโมสรยักษ์ใหญ่ที่จ้องจะดึงตัวไปร่วมทีมแบบตาเป็นมัน แล้วหวยก็ไปออกแบบเซอร์ไพรส์กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรนักปั้นแห่งศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ที่กล่อมกองกลางดาวรุ่งรายนี้ไปร่วมทีมได้สำเร็จ แลกกับการจ่ายเงินค่าตัวเบื้องต้นราว 25 ล้านปอนด์ พร้อมครองตำแหน่งนักเตะอายุ 17 ปีที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก

ยิ่งไปกว่านั้นสโมสรเบอร์มิงแฮม ซิตี้ ยังมอบเกียรติสูงสุดอย่างหนึ่งในวงการลูกหนัง ด้วยการรีไทร์เบอร์เสื้อหมายเลข 22 ของเบลลิงแฮม เพื่อหวังให้เป็นแบบอย่างในการสร้างแรงบันดาลใจ ส่งต่อไปให้กับเหล่าดาวรุ่งคนอื่น ๆ ที่มีโอกาสประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้ในอนาคต

เกมเปิดตัวนัดแรกของเบลลิงแฮมกับต้นสังกัดใหม่ เป็นศึกเดเอฟเบ โพคาล ที่พบกับ ดุยสบวร์ก แล้วเขาก็ยิงประตูแรกของตัวเองได้ทันทีหลังใช้เวลาอยู่ในสนามแค่ราวครึ่งชั่วโมง สร้างสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของสโมสรที่ยิงได้ในรายการนี้ ด้วยวัย 17 ปีกับ 77 วัน และวันนั้นเขาพาทีมถล่มคู่แข่งไปขาดลอย 5-0

ยิ่งไปกว่านั้นเบลลิงแฮมยังไม่หยุดความร้อนแรงแล้วเริ่มแสดงให้เห็นถึงการเล่นที่คุ้มค่าตัวด้วยการทำแอสซิสต์ได้ทันทีตั้งแต่ประเดิมสนามเกมลีกเมืองเบียร์นัดแรก ต่อด้วยการเป็นนักเตะอังกฤษอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ลงเล่นบนเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แทนที่ของ ฟิล โฟเดน เจ้าของสถิติเดิมจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ต่อเนื่องด้วยการฉลองการเล่นในลีกครบ 24 นัดให้กับต้นสังกัดด้วยการยิงประตูแรกในลีกได้ในเกมกับ สตุตการ์ท และหลังจากนั้นเพียง 4 วันก็ยิงประตูสุดสวยบนเวทีบอลยุโรปใส่แมนฯ ซิตี้ เขายังเป็นดาวรุ่งอายุต่ำกว่า 18 ปีรายที่สองต่อจาก โบยาน เกอร์กิช จากสโมสรบาร์เซโลน่า ที่ยิงได้ในเกมรอบน็อกเอาต์ 

ปิดท้ายด้วยการสร้างสถิติการลงเล่นในรายการดังกล่าวก่อนอายุครบ 18 ปีแตะจำนวนสองหลัก ต่อจาก ยูริ ตีเลอม็องส์ กองกลางทีมชาติเบลเยียม ในสมัยที่ค้าแข้งกับอันเดอร์เลชท์ 

ในฤดูกาล 2020-21 เบลลิงแฮมยังคงพัฒนาฝีเท้าของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เขากลายเป็นตัวหลักของทีมที่ขาดไม่ได้ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางที่รับบทบาทหน้าที่การเล่นแบบ บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ ที่ต้องขึ้นสุดลงสุด และยิงไปได้ 3 ประตูกับทำอีก 8 แอสซิสต์ ค่าเฉลี่ยในการเล่นต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์กับทีมของเขาล้วนอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ จนเบลลิงแฮมมีชื่อติดเข้าชิงรางวัลโกลเดนบอย อีกด้วย

จากฟอร์มอันร้อนแรงของเบลลิงแฮม แม้ว่าเขาจะเล่นอยู่ในต่างประเทศแต่ก็ไม่มีทางรอดพ้นสายตาของกุนซือทีมชาติอย่างเซาธ์เกต ที่ตัดสินใจใส่ชื่อของเขาไปลุยศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยูโรป 2020 ที่เลื่อนการแข่งขันมาเล่นในปี 2021 แล้วกลายเป็นดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษอายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในรายการเมเจอร์ระดับชาติ แทนที่ ไมเคิล โอเว่น กองหน้าซูเปอร์สตาร์ของทีมในยุคก่อน ด้วยอายุเพียงแค่ 17 ปีกับ 349 วัน

จากผลงานอันร้อนแรงของทัพสิงโตคำราม ส่งผลให้เบลลิงแฮมสามารถจารึกสถิติเพิ่มอีกด้วยการเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดตลอดกาลของทัวร์นาเมนต์นี้ที่ได้ลงเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้าย หลังอายุครบ 18 ปีได้เพียงแค่ 4 วัน แต่น่าเสียดายที่พวกเขากลับจบในตำแหน่งรองแชมป์เท่านั้น

สไตล์การเล่นของเบลลิงแฮมเริ่มถูกสื่อนำไปเปรียบเทียบกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด อดีตกองกลางระดับตำนานของสโมสรลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของเขาในทีมชาติที่เล่นในบทบาทที่ใกล้เคียงกันสุด ๆ

จากการที่เบลลิงแฮมมีความกระหายและพลังงานแบบไม่มีหมดที่พร้อมมีส่วนร่วมกับเกมรุกและเกมรับทุกจังหวะ แม้ว่าความละเอียดในการเล่นและชั้นเชิงรวม ๆ อาจจะยังเทียบกันไม่ได้ แต่ก็ดูแล้วไม่ได้แตกต่างกันมากนัก 

หากเติมเรื่องการยิงประตูให้มีความเฉียบคมหรือมีโมเมนต์ที่น่าจดจำในสายตาของแฟนบอลด้วยการเป็นคนยิงประตูตัดสินเกม จนมีคาแร็กเตอร์แห่งผู้ชนะติดตัว การันตีได้เลยว่านี่คือ "ร่างทรง" ที่มีฝีเท้าใกล้เคียงกับ กัปตันสตีวี่จี มากที่สุดในรอบหลายปี

นอกจากเรื่องของศักยภาพฝีเท้าแล้ว ความห้าว ความดุดันในการเล่นก็ดูจะไม่แพ้ใคร เพราะทางเบลลิงแฮมเคยโดนปรับเงินราว 40,000 ยูโรมาแล้วจากทาง เดเอฟเบ หรือสมาคมฟุตบอลทีมชาติเยอรมัน หลังไปคอมเมนต์การตัดสินของกรรมการอย่างหนักหน่วง หลังเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ต้นสังกัดของเขาเสียประโยชน์

 

คำชมถึงเบลลิงแฮม

เอดิน แทร์ซิช - เทรนเนอร์ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

"มันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อเอามาก ๆ ที่นักเตะอายุเพียงแค่ 19 ปีแบบเขา ชว์ศักยภาพออกมาได้ถึงขนาดนี้"

แกเร็ธ เซาธ์เกต - ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ (กล่าวถึงเหตุผลที่เรียกมาติดทีมลุยศึกยูโร)

"จู๊ดคือผู้เล่นระดับปรากฏการณ์ แค่การมีเด็กอายุ 17 ปีมาร่วมซ้อมกับผู้เล่นซีเนียร์แค่สองสามวันแล้วสามารถแสดงให้เห็นถึงความกล้าที่จะต่อกรกับนักเตะมากประสบการณ์ เขาไม่ได้แค่อาศัยเพียงแค่เรื่องของเทคนิค แต่นับรวมไปถึงเรื่องของความมุ่งมั่นที่จะแข่งขันและการมีพัฒนาการไปด้วย … เขาคือผู้เล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจจริง ๆ"

"เขาจะกลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมชาติอังกฤษ พวกเราไม่ได้เลือกเขามาติดทีมเพียงเพราะจะให้เขาเก็บประสบการณ์"

เป๊ป กวาร์ดิโอลา - ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้

"ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาอายุแค่ 17 ปี บางที่เขาอาจจะโกงอายุก็ได้ เขาเป็นผู้เล่นที่มหัศจรรย์เหลือเกิน มีจังหวะหนึ่งที่กองหลังทีมตัวเองไม่จ่ายบอลมาให้เขาขึ้นเกม ซึ่งเขาเลือกที่จะตะโกนสั่งออกมาแบบเต็มเสียงเพื่อขอบอลทั้งที่อายุแค่ 17 ปี นั่นแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่สำคัญมาก ๆ หลังจบเกมผมได้พูดคุยกับโค้ชของเขา ซึ่งเขาตอบผมกลับมาว่า สิ่งที่คุณเห็นตลอดสองเกมที่ผ่านมามันเป็นเหตุการณ์ปกติที่เขาทำมันทุกเซสชั่นในการซ้อมของทีม"

โชเซ่ มูรินโญ่ - ผู้จัดการทีม โรม่า

"ผมชอบเขาเอามาก ๆ เขาเป็นนักเตะในสไตล์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับผู้เล่นในยุคก่อน ผมรักทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องของเบลลิงแฮม ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาอายุแค่ 17 ปี แนวทางในการเล่นของเขา การเอาตัวเองไปมีส่วนร่วมกับเกม มันแสดงให้เห็นถึงการเล่นที่โตเกินวัย"

 

ค่าตัวระดับ 100 ล้านปอนด์ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน

หากทางเบลลิงแฮมสามารถรักษามาตรฐานการเล่นบนเวทีฟุตบอลโลกให้อยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจอย่างต่อเนื่อง การันตีได้เลยว่าชื่อของเขาจะกลายเป็นนักเตะเนื้อหอมเบอร์ต้น ๆ ในตลาดซื้อขายนักเตะรอบต่อไปที่จะเปิดในเดือนมกราคมนี้

แน่นอนว่าก่อนหน้านี้มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับความสนใจจากหลายสโมสรที่ต้องการดึงตัวเบลลิงแฮมไปร่วมทีม ซึ่งก็ยังไม่มีความชัดเจนในทิศทางของการนำเสนอข่าวมากพอจนสามารถชี้ชัดได้ว่าอนาคตของเขาจะไปลงเอยกับทีมไหน

อย่างไรก็ตามหากอ้างอิงจากข้อมูลการสำรวจของ CIES Football Observatory ที่เปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ เบลลิงแฮมคือนักเตะที่ถูกตีมูลค่าเอาไว้สูงที่สุดบนเวทีเวิลด์คัพ 2022 ที่จัดขึ้นที่ประเทศกาตาร์ ด้วยสนนราคาถึง 176.9 ล้านปอนด์เลยทีเดียว แพงกว่า วินิซิอุส จูเนียร์ ปีกจากสโมสรเรอัล มาดริด และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ กองหน้าจากสโมสรปารีส แซงต์ แชร์กแมง นักเตะค่าตัวแพงอันดับ 2 ของโลกเสียอีก

หากมองเรื่องของค่าตัวจริง ๆ ของเบลลิงแฮม ปัจจัยที่จะทำให้ดีลการย้ายทีมของเขามีราคาแตะหลักร้อยล้านปอนด์และสร้างสถิติใหม่ต่อจาก แจ็ค กรีลิช นั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพราะอายุของเขายังแค่ 19 ปี เรื่องเวลาการใช้งานนั้นเหลือแบบยาว ๆ คุณภาพฝีเท้าของเขาก็ผ่านการเล่นบนเวทีระดับสูงมาแล้วมากมาย รวมแล้ว ๆ แตะหลักร้อยนัด

พอยิ่งตีตราว่าเป็นสินค้า เมดอินอิงแลนด์ ซึ่งถ้ามีทีมจากลีกแดนผู้ดีพร้อมยื่นประมูล ค่าสัญชาตินี้จะทำให้มันบวกเพิ่มขึ้นไปอีก 10-20 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่นับรวมเงินค่าตัว 5 เปอร์เซ็นต์ที่ทางต้นสังกัด เสือเหลือง ต้องแบ่งให้กับทีมเก่าอย่าง เบอร์มิงแฮม ซิตี้

สำหรับทีมในอังกฤษที่มีท่าทีชัดเจนมากที่สุดคงหนีไม่พ้น ลิเวอร์พูล ที่ตกเป็นข่าวกับกองกลางรายนี้ทุกตลาด เพราะแผงกองกลางที่มีอยู่ในมือของ เยอร์เกน คล็อปป์ ชั่วโมงนี้เหลือให้ใช้งานได้จริง ๆ แค่ไม่กี่คนเท่านั้น นาบี เกอิต้า ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในโรงพยาบาล โดยมี ติอาโก้ อัลคันทาร่า เป็นเพื่อนร่วมห้องที่แวะเวียนมาเจอกันบ่อย ๆ

ในรายของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมก็เข้าสู่ช่วงโรยราที่เริ่มนับถอยหลังสู่วันปลดระวางในไม่ช้าแล้ว เช่นเดียวกับ เจมส์ มิลเนอร์ รองกัปตันที่ปีนี้คงเป็นปีสุดท้ายของเขากับทีม ส่วนรายของดาวรุ่งความหวังใหม่อย่าง เคอร์ติส โจนส์ ก็ยังฝากผีฝากไข้ไม่ได้ ดังนั้นการเตรียมเงินไว้ยื่นประมูลเบลลิงแฮมแต่เนิ่น ๆ ก็เป็นทางเลือกในการเสริมทัพที่ดูเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ตัวเลือกที่พอเป็นไปได้อื่น ๆ ในอังกฤษก็คงจะเป็น เชลซี ที่คงต้องเตรียมหาตัวแทนของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ จอร์จินโญ่ ไว้ล่วงหน้าเช่นกัน และเรื่องของเงินคงคลังของเชลซีก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ก็ไม่สามารถมองข้าม แมนแชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่พร้อมทุ่มแบบบ้าคลั่งแล้วจ้องรอทำตัวเป็นตาอยู่เตรียมฉกพุงปลาอยู่ห่าง ๆ

นอกจากนี้หากทางเบลลิงแฮมมองถึงเรื่องก้าวกระโดดในการค้าแข้งแบบข้ามขั้นไปอีกระดับ เรอัล มาดริด ที่มีข่าวจาง ๆ ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะสองประสานในแดนกลางที่เหลืออยู่อย่าง โทนี่ โครส และ ลูก้า โมดริช ก็เข้าสู่ช่วงท้ายของอาชีพแล้วเช่นกัน

สุดท้ายแล้วการตัดสินใจที่จะเกิดขึ้นของเบลลิงแฮมคงต้องรอกันไปหลังจับทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก โดยทีมที่มีโอกาสได้พูดคุยเรื่องอนาคตก่อนใครอื่นย่อมต้องเป็น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เจ้าของสินทรัพย์อันเลอค่าชิ้นนี้

ซึ่งตัวผู้บริหารของทีม ฮันส์ โยอาคิม วัตซ์เก ก็ได้ออกมาเปรย ๆ เรื่องนี้กับ บิลด์ สื่อชื่อดังเมืองเบียร์ เอาไว้แล้วว่า

"ผมคิดว่าทันทีที่ฟุตบอลโลกจบลง พวกเราจะมีการพูดคุยทั่วไปกับเขาว่าความต้องการจริง ๆ ของเขาคืออะไร ?"

"เราจะพูดคุยกับตัวนักเตะ ครอบครัวของเขา รวมไปถึงคนอื่น ๆ ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเขา และแน่นอนว่าต้องนับเอเยนต์ของเขาเข้าไปด้วย"

"หลังจากนั้นเขาจะสามารถตอบออกมาได้ง่าย ๆ เลยว่า เขาอยากจะอยู่กับทีมต่อไปหรือต้องการจะย้ายทีม ไม่ว่าคำตอบนั้นจะออกมาแบบไหน เราจะหาทางออกเรื่องนี้อย่างราบรื่นและสมเหตุสมผล"

"แต่เมื่อมีทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปเข้ามาเอี่ยว เราไม่มีทางต้านเรื่องของอำนาจเงินได้อยู่แล้ว ถ้าตัวของจู๊ดและครอบครัวต้องการที่จะอยู่กับดอร์ทมุนด์ต่อไป พวกเราจะหาทางออกสำหรับปัญหานี้อย่างดีที่สุด แต่ถ้าเขาไม่ได้ต้องการแบบนั้นเราก็ต้องหาวิธีจัดการที่เหมาะสมเช่นเดียวกัน"

"จู๊ดเป็นเด็กมหัศจรรย์ และแน่นอนว่าเขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดในวงการฟุตบอลยุโรปเวลานี้"

 

แหล่งอ้างอิง

https://en.wikipedia.org/wiki/Jude_Bellingham
https://www.bundesliga.com/en/bundesliga/news/who-is-jude-bellingham-borussia-dortmund-birmingham-sancho-england-gerrard-12101
https://www.transfermarkt.com/jude-bellingham/profil/spieler/581678
https://www.skysports.com/football/news/12098/12748673/jude-bellingham-top-valued-player-at-world-cup-england-top-squad-value
https://theathletic.com/3877059/2022/11/13/bellingham-dortmund-premier-league-future-contract/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

ปฐวี ยอดเนียม

Man u is No.2 But YOU is No.1

Graphic

ปริญญา คงปันนา

กราฟฟิคหน้าโหด ทำงานด้วย Passion ว่างๆ ชอบไปคาเฟ่ หลงไหลในศิลปะ, การเดินทางและกีฬา