Feature

เรมโก้ พาสเฟียร์ : บทเรียนจากการเห็นคุณค่าในตัวเอง สู่การติดทีมชาติไปฟุตบอลโลก ในวัย 39 ปี | Main Stand

การเป็นนักฟุตบอลอาชีพแน่นอนว่าการตกเป็นตัวสำรองนาน ๆ ย่อมส่งผลกระทบต่อโอกาสการได้สัมผัสประสบการณ์ในสนาม โดยเฉพาะกับ ตำแหน่งผู้รักษาประตู ที่แต่ละแมตช์สามารถส่งลงเฝ้าเสาได้แค่คนเดียวเท่านั้น และหากนายด่านแต่ละคนไม่ได้บาดเจ็บหรือเจอเหตุสุดวิสัยก็จะยิ่งทำให้โอกาสของตัวสำรองจากตำแหน่งนี้ ถูกจำกัดยิ่งขึ้นไปอีก

 

นี่คือช่วงชีวิตเกือบครึ่งหนึ่งในเส้นทางลูกหนังอาชีพของ เรมโก้ พาสเฟียร์ (Remko Pasveer) ผู้รักษาประตูชาวดัตช์ ผู้ที่ซึ่งเดบิวต์เล่นฟุตบอลอาชีพตั้งแต่อายุ 20 ปี ก่อนจะผ่านร้อนผ่านหนาวโลดแล่นทั้งในลีกสูงสุดของประเทศไปจนถึงลีกรอง กับโอกาสลงเฝ้าเสาเพื่อพิสูจน์คุณค่าในตัวเอง

กระทั่งช่วงเวลาสำคัญที่เขาวาดไว้ก็มาถึงในวัยใกล้แตะเลข 4 เมื่อเจ้าตัวกลายเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีมชั้นนำในประเทศ ตามมาด้วยการมีชื่อติดทีมชาติชุดใหญ่ไปลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

ติดตามเรื่องราวของ เรมโก้ พาสเฟียร์ นายประตูผู้จารึกเรื่องราวให้ใครหลายคนได้รับรู้ว่า “อายุ 39 ก็ติดทีมชาติไปลุยฟุตบอลโลกได้” กับ Main Stand

 

มือหนึ่งครั้งแรกในวัยเบญจเพส

ความสำเร็จในหน้าที่การงานจะต้องแลกมาได้ด้วยความพยายามและความอดทน นี่ถือเป็นแรงผลักดันชั้นดีกับเรื่องราวลูกหนังของ เรมโก้ พาสเฟียร์ ซึ่งรับแรงสนับสนุนจากคุณพ่อ เอ็ดดี้ พาสเฟียร์ ผู้ซึ่งเคยเป็นผู้รักษาประตูอาชีพที่เคยลงเล่นให้ ทเวนเต้ และ เดอ กราฟสคัป มาก่อน 

กับโอกาสก้าวขึ้นสู่การเป็นนักเตะอาชีพกับทเวนเต้ ซึ่งเป็นทีมดังในบ้านเกิดเมื่อปี 2003 พาสเฟียร์ในวัยขณะนั้น 20 ปีก้าวขึ้นมาเป็นผู้รักษาประตูมือสามรอโอกาสจาก เซส์ ปาวเวอ (Cees Paauwe) และ ซานเดอร์ บอสช์เคอร์ (Sander Boschker) สองแข้งรุ่นพี่ 

ด้วยแรงปรารถนาของเจ้าตัวที่มองว่าโอกาสเดียวที่จะทำให้เขาได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพที่ตัวเองมีคือการได้ลงไปสัมผัสประสบการณ์บนผืนสนาม 

แต่เมื่อโอกาสพัฒนาฝีเท้ามีจำกัด ต่อให้เป็นทีมดังในถิ่นกำเนิดของตัวเองก็ตาม เรมโก้ พาสเฟียร์ จึงเริ่มมองหาความท้าทายใหม่  ๆ ทำให้ช่วงเวลาที่อยู่กับทเวนเต้ ทีมที่เขาก้าวขึ้นมาจากอคาเดมีหยุดลงที่ 3 ฤดูกาลเท่านั้น ก่อนจะตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ เฮราเคิลส์ อัลเมโล่ สโมสรร่วมลีกสูงสุด เพื่อโอกาสที่มากกว่า 

อย่างไรก็แล้วแต่ดูเหมือนว่า เรมโก้ พาสเฟียร์ จะกลับวนมาลูปเดิม เพราะตลอดช่วงเวลา 2 ฤดูกาลกับเฮราเคิลส์ในฤดูกาล 2006-07 และ 2007-08 เขาลงเล่นไปแค่นัดเดียวเท่านั้น เรียกได้ว่าการลองสอดแทรกยึดมือหนึ่งแทน มาร์ติน เพียร์เคินฮาเกน (Martin Pieckenhagen) ผู้รักษาประตูจอมเก๋าวัย 34 ปี (ขณะนั้น) ไม่เคยสำเร็จ

กับโอกาสลงเล่นมีไม่มากอีกหน เรมโก้ พาสเฟียร์ ก็ยังคงเป็นคนที่มีแบบแผนของตัวเอง เขาจึงเริ่มมองไปยังโอกาสครั้งใหม่ ๆ และหนนี้คือการลงเล่นในลีกรองแทน ก่อนจะเป็นสโมสร โก อเฮด อีเกิลส์ ที่ดึงตัวเขาไปร่วมทัพ 

ที่ โก อเฮด อีเกิลส์ เจ้าตัวได้ลงเล่นร่วมกับ มาร์ค โอเวอร์มาร์ส ตำนานทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ที่ค้าแข้งกับทีมดังกล่าวเป็นทีมสุดท้ายก่อนแขวนสตั๊ดถาวร เวลาต่อมาทั้งคู่ได้ทำงานร่วมกันที่อาหยักซ์ (กระทั่งช่วงต้นปี 2022 โอเวอร์มาร์ส ในฐานะผู้อำนวยการกีฬาก็โดนอาหยักซ์ไล่ออก จากการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อพนักงานเพศหญิงของสโมสร)

โดย เรมโก้ พาสเฟียร์ เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่าเขารู้จักโอเวอร์มาร์สมาตั้งแต่สมัยเป็นดาวรุ่ง ซึ่งอดีตแนวรุกอาร์เซนอลและบาร์เซโลน่าก็มีส่วนไม่น้อยกับการให้คำแนะนำเรื่องการย้ายทีม

“มาร์ค โอเวอร์มาร์ส เคยแนะนำผมมาแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ อย่างในปี 2006 เมื่อตอนที่เขาอยู่กับ โก อเฮด และผมเป็นตัวสำรองอยู่ที่ทเวนเต้ ตอนนั้นผมเลือกเฮราเคิลส์แต่ก็ต้องตกเป็นตัวสำรองของ มาร์ติน เพียร์เคินฮาเกน สองปีต่อมาโอเวอร์มาร์สได้แนะนำให้ผมมาที่ โก อเฮด ซึ่งในเวลานั้นโลดแล่นอยู่ในดิวิชั่น 1 (ลีกรองเนเธอร์แลนด์)” พาสเฟียร์ ให้สัมภาษณ์กับ helden.media

การตัดสินใจถอยลงมาเล่นในลีกรองในฤดูกาล 2008/09 ภายใต้สัญญายืมตัวจากเฮราเคิลส์ จะทำให้เจ้าตัวเริ่มนับหนึ่งได้สำเร็จบนหลักไมล์วัยเบญจเพสพอดิบพอดี

 

การเห็นคุณค่าในตัวเอง 

พาสเฟียร์เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่เห็นคุณค่าในตัวเอง (Self-esteem) เราจะเห็นได้จากเส้นทางลูกหนังที่ไม่ยอมแพ้ต่อโอกาสและโชคชะตามาตั้งแต่ต้น เขาเชื่อในความรู้สึกของตัวเอง และแม้จะต้องรอโอกาสในบางครั้ง แต่หากมีเป้าหมายพร้อมความตั้งใจจริง สักวันโอกาสก็คงมาถึง

ดูเหมือนว่า โก อเฮด อีเกิลส์ จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเหม็งของพาสเฟียร์อย่างแท้จริง เพราะตลอดช่วงเวลา 2 ฤดูกาล (2008-09 และ 2009-10) เขาเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีม ได้ลงสนามรวมทุกรายการไปกว่า 84 เกม 

หากนับฤดูกาล 2009-10 แม้ โก อเฮด อีเกิลส์ จะจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 5 ทว่าพวกเขาก็เสียไปแค่ 33 ลูกจากแมตช์ในลีก 36 นัด เป็นสถิติเสียประตูน้อยสุดในฤดูกาลนั้น แถมยังช่วยให้ทีมเก็บคลีนชีตได้ถึง 15 นัดด้วยกัน

ผลงานดังกล่าวนำพาให้เจ้าตัวกลับมาโลดแล่นในเอเรดิวิซี่ลีก หรือลีกสูงสุดแดนกังหันลมอีกคำรบ และเป็นเฮราเคิลส์ต้นสังกัดที่แท้จริงที่เลือกไว้เนื้อเชื่อใจให้กลายมาเป็นมือหนึ่งอย่างเป็นทางการแทนที่ของ มาร์ติน เพียร์เคินฮาเกน มือหนึ่งคนก่อนหน้าที่อำลาทีมไป

การเห็นคุณค่าในตัวเองสูง (High Self-esteem) ที่ไม่ได้มองว่าตัวเองเก่งมาตั้งแต่แรก พร้อมพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา และมีความเชื่อมั่นว่าความสำเร็จนั้นจะได้มาด้วยความพยายาม เรมโก้พิสูจน์ให้เห็นถึงข้อดีดังกล่าวอยู่เรื่อยมา 

หลังจากที่เป็นมือหนึ่งให้เฮราเคิลส์เป็นเวลา 4 ฤดูกาลเต็ม ๆ ทั้งยังมีส่วนช่วยทีมให้ยืนหยัดในลีกบนได้ทั้งหมด ก็ถึงเวลาที่เขาจะโบยบินไปสู่สโมสรที่ใหญ่กว่าเดิม แม้คนคุ้นเคยอย่างโอเวอร์มาร์สที่ในตอนนั้นเป็นผู้อำนวยการกีฬาอาหยักซ์ชวนให้มาอยู่กับทีม 

แต่ด้วยข้อเสนอจาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน ที่เข้ามาด้วยเช่นกัน และด้วยแนวทางที่แน่วแน่ของตัวเอง เรมโก้มองว่าการย้ายไปพีเอสวีน่าจะเป็นโอกาสที่ดีกว่า เนื่องด้วยเวลานั้นอาหยักซ์มี เยสเปอร์ ซิลเลสเซน (Jasper Cillessen) ผู้รักษาประตูระดับแถวหน้าของประเทศเป็นมือหนึ่ง 

ขณะที่พีเอสวีมี เยอรูน ซูท (Jeroen Zoet) ผู้รักษาประตูลูกหม้อคอยขวาง แม้จะเคยถูกเรียกติดทีมชาติ แต่ทว่าภาษีในการลุ้นเบียดแย่งตำแหน่งนั้นดูดีกว่าจะไปแข่งกับซิลเลสเซ่น ซึ่งภายหลังย้ายไปร่วมทีมดังอย่างบาร์เซโลน่า

“ในปี 2014 โอเวอร์มาร์สติดต่อหาผมให้มาที่อาหยักซ์ (หลังไม่ต่อสัญญากับเฮราเคิลส์) ผมเลือกไปพีเอสวีเพราะคิดว่ามีโอกาสที่ดีกว่าในการเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่ง” เรมโก้ กล่าว 

แม้การย้ายมาพีเอสวีจะทำให้เขาตกเป็นผู้รักษาประตูสำรองอีกครั้ง และได้ลงเล่นรวมทุกรายการไปแค่ 18 นัด ทว่าเรมโก้ก็ยอมรับในสถานการณ์ที่ไม่เป็นดั่งหวัง เขามองโลกในแง่ดีและพร้อมเดินหน้าหาโอกาสต่อไป “ท้ายสุด ผมมีช่วงเวลากับพีเอสวี 3 ปี ได้แชมป์ลีก 2 สมัยแต่ในฐานะผู้รักษาประตูสำรอง นอกจากเรื่องจริงที่ว่าผมไม่ได้ลงเล่นผมก็สนุกกับมันมากนะ”  

หลังหมดสัญญากับพีเอสวี เรมโก้ พาสเฟียร์ ตอบตกลงย้ายมาร่วมทีม วิเทสส์ อาร์เนม และยังคงอยู่เฝ้าเสาในลีกสูงสุดแดนดอกทิวลิปต่อไปด้วยวัยที่เริ่มมากขึ้น (34 ปี) การย้ายมาอยู่วิเทสส์ทำให้เขาได้รับปลอกแขนกัปตันทีม และเคยถูกแฟน ๆ โหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสร ในฤดูกาล 2019-20 มาแล้ว

 

จุดพลิกผันที่อาหยักซ์

ในวัย 37 ปี เป็นวัยที่นักเตะหลายคนตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอลไปแล้ว แต่ผู้รักษาประตูเจ้าของส่วนสูง 187 เซนติเมตรยังไม่หมดไฟ เขากลายมาเป็นนักเตะใหม่ของอาหยักซ์อีกหนึ่งทีมชั้นนำของประเทศ ด้วยสัญญา 2 ปี ในช่วงตลาดซื้อขายผู้เล่นรอบซัมเมอร์ปี 2021 

กับการย้ายมาเล่นในถิ่นโยฮัน ครัฟฟ์ อารีนา ครั้งแรก ประตูมากประสบการณ์รายนี้ได้รับการยกย่องเรื่องความพยายามอย่างหนักที่ทำมาตลอดหลายปี ส่วน มาร์ค โอเวอมาร์ส ก็มองว่าการได้เรมโก้มาจะช่วยเติมเต็มขุมกำลังให้ทีมได้เป็นอย่างดี 

พาสเฟียร์รู้ดีถึงการตกเป็นผู้รักษาประตูตัวสำรอง และดูเหมือนว่าเจ้าตัวก็พร้อมกับบทบาทการสนับสนุนเพื่อนร่วมทีม การจัดลำดับความคิดเรื่องแมตช์ในสนามเริ่มลดลง เพราะการต่อสู้กับโอกาสมาตั้งแต่วัย 20 ต้น ๆ จนถึงวัยใกล้ 40 ได้มาหยุดที่สโมสรที่เคยคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของเนเธอร์แลนด์ 35 สมัย (ปัจจุบันได้ 36 สมัย) ก็ถือเป็นคุณค่าที่เขาได้สร้างมาตลอดเส้นทางแล้ว 

อย่างไรก็ตามเรื่องราวบนถนนลูกหนังของเขายังไม่จบลงง่าย ๆ เมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันกลับมาเกิดขึ้นชนิดไม่ทันตั้งตัว 

เป็นช่วงเวลาที่ อังเดร โอนาน่า ในฐานะประตูมือหนึ่ง ถูกสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือยูฟ่า สั่งลงโทษแบนยาว 12 เดือน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021 เพราะถูกตรวจเจอว่าใช้สารกระตุ้นจากการรับประทานยาแก้ปวดหัว โดยยาชนิดดังกล่าวมีส่วนผสมของสารต้องห้ามสำหรับนักกีฬา

ขณะที่ มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก ผู้ทำหน้าที่นายด่านมือหนึ่งก็ดันโชคร้ายบาดเจ็บถึงขั้นต้องผ่าตัดช่วงต้นฤดูกาล 2021/22 

เมื่อทั้งมือหนึ่งยังไม่พ้นโทษแบน ส่วนมือสองก็ดันมาเจ็บ โอกาสของนายประตูจอมเก๋าก็มาถึง

"เรมโก้ พาสเฟียร์ คือมือหนึ่งของพวกเราในเวลานี้ เขากำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในลีก" เอริค เทน ฮาก อดีตนายใหญ่อาหยักซ์ ให้สัมภาษณ์ในสมัยที่พาสเฟียร์เริ่มได้รับโอกาสสำคัญ

จากนั้นพาสเฟียร์ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความสุดยอดทันที ความเก๋าเกม เชื่อมั่นในแนวทาง ใช้เท้าเล่นได้ดี และมีช่วงเวลาน่าจดจำตั้งแต่ฤดูกาลแรกกับอาหยักซ์ เช่นฟอร์มพีกในเกมที่ อาหยักซ์ ถล่ม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 4-0 ในแชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มฤดูกาล 2021-22 เมื่อพาสเฟียร์โชว์เซฟจังหวะจบสกอร์ 3 ครั้งเน้น ๆ ของ เออร์ลิง ฮาลันด์ 

แม้จะมีช่วงที่นิ้วหักตอนต้นปี 2022 ที่พรากโอกาสลงเฝ้าเสาเกิน 10 เกม แต่พอหายกลับมาพาสเฟียร์ก็ยังคงเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีม นาทีนั้นเขาเบียดทั้งโอนาน่าและสเตเคเลนเบิร์กได้ทั้งหมด โดยยังคงรักษาโอกาสนี้เอาไว้มาจนช่วงเวลาปัจจุบัน

 

ช้าช้าได้พร้าเล่มงาม

ว่ากันว่า หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือคนปัจจุบันของทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ชอบที่จะเลือกนักเตะเข้ามาติดทีมชาติโดยคำนึงถึงผลงานในช่วงเวลานั้น ๆ เป็นหลักหรือฟิตสมบูรณ์มากที่สุด 

ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่โอกาสของ เรมโก้ พาสเฟียร์ ที่หายเจ็บจากอาการนิ้วหักและกลับมาลงช่วยอาหยักซ์บู๊ช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล 2021/22 จะได้มาเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทัพอัศวินสีส้มในเวลานี้

ฟอร์มอันต่อเนื่องของเรมโก้นำมาซึ่งโอกาสติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในวัย 38 ปีกับอีก 318 วัน เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2022 ในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ลีก กลุ่ม A4 เขาทำสถิติเป็นนักเตะอายุมากที่สุดที่ลงเล่นให้กับทีมชาติเป็นอันดับสองรองจาก แซนเดอร์ บอสเคอร์ ผู้รักษาประตูที่เคยอยู่ร่วมทีมทเวนเต้กับเรมโก้ โดยบอสเคอร์ทำไว้เมื่อปี 2010 ในวัย 39 ปีกับอีก 224 วัน

"นี่เป็นค่ำคืนที่สวยงามที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตผม ผมไม่นึกไม่ฝันถึงเรื่องนี้เลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมยังไม่ได้ดูโทรศัพท์ แต่ก็เป็นไปได้มากที่ซาน (แซนเดอร์ บอสเคอร์) จะส่งข้อความมา" เรมโก้ กล่าวหลังเกมเดบิวต์ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ในวันที่ทัพกังหันลมชนะโปแลนด์ 2-0

"ไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับผมนะที่เรียกผู้รักษาประตูอายุ 38 ปีเข้ามาติดทีมชาติ แต่ผมอยากรู้และอยากเห็นเขาลงตัวจริงมาก ๆ เขาแสดงให้เห็นที่อาหยักซ์ว่าเขามีความสามารถมากแค่ไหน และเขาสมควรได้รับโอกาสนี้" หลุยส์ ฟาน กัล เฮดโค้ชทัพดัตช์ เผย

ถึงตอนนี้พาสเฟียร์ติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์ไปแล้ว 2 เกม ล่าสุดคือในช่วง 3 วันหลังโอกาสลงประเดิมเฝ้าเสาให้ทีมในเกมชนะ เบลเยียม 1-0 โดยยังมีโอกาสสานต่อสถิติติดทีมชาติไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่นายด่านที่เพิ่งอายุครบ 39 ปียังไม่เอ่ยคำว่า “แขวนถุงมือเลิกเล่น” ออกมา 

“(เอ็ดวิน) ฟาน เดอร์ ซาร์ เลิกเล่นตอนอายุ 40 ผมชอบแบบนี้นะ ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองอายุ 38 (ในขณะสัมภาษณ์) ผมยังเป็นหนึ่งในนักเตะที่อยู่ในห้องแต่งตัวและสนุกกับกลุ่มนักเตะอายุน้อยได้อยู่ ตราบใดที่ผมยังรู้สึกดีผมก็จะเล่นต่อไป” พาสเฟียร์ เปิดใจผ่าน dutchsoccersite

ประสบการณ์ชีวิต อายุ แนวคิดของตัวเอง หล่อหลอมให้นายประตูจอมเก๋าผู้นี้ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตาของตัวเอง และทำตามที่ใจตัวเองยึดถือมาตลอดโดยที่ไม่จำเป็นต้องประสบความสำเร็จเหมือนใคร ๆ 

ไม่ว่าทีมชาติเนเธอร์แลนด์จะทำผลงานในฟุตบอลโลก 2022 ออกมาหน้าไหน แต่สำหรับ เรมโก้ พาสเฟียร์ กับมหกรรมลูกหนังระดับโลกในช่วงปลายปี 2022 นี้ เขามาในฐานะผู้รักษาประตูวัยใกล้เลขสี่ที่พร้อมเป็นมือหนึ่งให้กับทีม

 

แหล่งอ้างอิง

https://en.wikipedia.org/wiki/Remko_Pasveer  
https://www.marca.com/en/football/nations-league/2022/09/26/6331a53d22601d567a8b45da.html  
https://www.psy.chula.ac.th/th/feature-articles/self-esteem-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87 
https://sportsgazette.co.uk/remko-pasveer-story-in-elite-football/  
https://nl.wikipedia.org/wiki/Go_Ahead_Eagles_in_het_seizoen_2009/10#cite_note-1  
https://english.ajax.nl/articles/ajax-signs-remko-pasveer/  
https://dutchsoccersite.org/remko-pasveer-38-years-young/  
https://www.helden.media/verhalen/remko-pasveer/  

Author

พชรพล เกตุจินากูล

แฟนคลับเชลซี ติดตามฟุตบอลเอเชีย ไก่ทอดและกิมจิเลิฟเวอร์

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ