Feature

กาสะลองซ้องปีบ : ย้อนจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ เพียร์ส มอร์แกน และ คริสเตียโน โรนัลโด | Main Stand

ไม่แปลกหาก Piers Morgan Uncensored กลายเป็นหนึ่งรายการที่คุณเสิร์ชหาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา หลัง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ให้สัมภาษณ์พาดพิงถึงสโมสรผ่านรายการนี้แบบสับแหลกทุกซอกมุม

 

แต่หลายคนก็มองว่า "แปลก" ที่โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ของโลก เป็นฝ่ายติดต่อไปหาพิธีกรฝีปากแซบคนนี้ด้วยตัวเอง แทนที่จะใช้โซเชียลมีเดียของตัวเองที่มีผู้ติดตามอยู่เกือบ 500 ล้านคนทางอินสตาแกรมในการสื่อสาร หรืออาจเป็นการให้สัมภาษณ์ผ่าน ฟาบริซิโอ โรมาโน นักข่าวดังสายฟุตบอล

เพียร์ส มอร์แกน คือใคร ? เขารู้จักและสนิทกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตั้งแต่เมื่อไร ? ทำไมถึงเป็นคนที่ CR7 ไว้ใจให้สัมภาษณ์และเอาคำพูดของเขามาสร้างรายได้ เพิ่มยอดวิวในรายการขนาดนี้ ? Main Stand มีคำตอบ

 

ชายผู้หิวแสงตั้งแต่วัยเด็ก

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เพียร์ส มอร์แกน คือหนึ่งในพิธีที่เก่งกาจและมากประสบการณ์ที่สุดคนหนึ่งในวงการโทรทัศน์ของอังกฤษ เผลอ ๆ เขาอาจจะเป็นท็อป 5 พิธีกรฝีปากแซบสุดของโลกเลยก็ว่าได้ 

มอร์แกนเกิดและเติบโตในย่านกริฟฟิน อิน ซึ่งเป็นย่านที่เต็มไปด้วยผับบาร์มากมาย พ่อแม่ของเขาทำงานอยู่ในผับตลอด 7 วัน เขากับพี่ชายอีก 2 คน และพี่สาวก็ใช้ชีวิตวิ่งเล่นแถวผับที่พ่อแม่ทำงานอยู่ 

การเติบโตมาพร้อมกับสังคมที่เต็มไปด้วยคนมีสตางค์ มีชื่อเสียง และผู้รากมากดีที่เดินทางมาเสพความสำราญกับผับบาร์ที่ย่านกริฟฟิน อิน ทำให้เด็กชาย เพียร์ส มอร์แกน ตาลุกวาว เขาวาดฝันตั้งแต่นั้นว่าสักวันเขาจะต้องเป็นคนมีชื่อเสียง ต้องเป็นคนที่เดินเข้ามาในย่านกริฟฟิน อิน แล้วทุกคนจับจ้อง มีแสดงแฟลชสาดส่องและมีผู้คนมารุมล้อมขอลายเซ็น 

"ผมอยากเป็นคนดังมาตลอด อยากเป็นนักข่าว อยากสร้างคอลัมน์ของตัวเอง ผมเคยคิดถึงการตระเวนไปรอบโลกเพื่อสัมภาษณ์คนที่มีชื่อเสียงที่สุดในแต่ละประเทศด้วยนะ" 

"จำได้ว่าบทความแรกที่ผมเขียนคือ Newark Village Cricket ให้กับหนังสือพิมพ์ Mid Sussex Times ผมตื่นเต้นมาก ร่างกายผมมันเหมือนเลือดสูบฉีด ตอนที่ได้เห็นชื่อตัวเองว่าเป็นผู้เขียนลงในหนังสือพิมพ์ ผมชอบการอ่านข่าว ผมชอบหนังสือพิมพ์มากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นั่นคือเหตุผลที่ตอนเด็ก ๆ ผมถึงทำงานวิ่งส่งหนังสือพิมพ์และใฝ่ฝันที่จะทำงานในสายนี้" 

 

จากหนังสือพิมพ์สู่วงการโทรทัศน์

หลังออกสตาร์ทเส้นทางอาชีพด้วยการทำงานกับ หนังสือพิมพ์ The Sun ในปี 1988 และขยับขึ้นมาเป็นบรรณาธิการ News of the World หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ (หรือ The Sun ฉบับวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่มียอดขายดีที่สุดในแต่ละสัปดาห์ ปัจจุบันคือ The Sun on Sunday) เมื่อปี 1994 ขณะอายุ 29 ปี จากนั้นก็เติบโตขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการของหนังสือพิมพ์ Daily Mirror และ First News 

ชื่อเสียงและบารมีของ เพียร์ส มอร์แกน ขยับขยายไปเรื่อย ๆ และในช่วงที่ทำงานหนังสือพิมพ์เขาก็ได้กระโดดไปจับงานข่าวภาคสนาม ทำสกู๊ป - สารคดีข่าว แต่ถ้าว่าด้วยการก้าวเข้ามาเป็นพิธีกรในสตูดิโออย่างเป็นทางการครั้งแรกคือในช่วงปี 2008 เป็นรายทอล์กโชว์ชื่อ Life Stories ของสถานีโทรทัศตน์ ITV และไต่ระดับมาเรื่อย ๆ สู่การเป็นผู้ประกาศข่าวเย็นของ CNN และพิธีกร Good Morning Britain ของ ITV 

ซึ่งรายการนี้เองที่ทำให้ชื่อเสียงของ เพียร์ส มอร์แกน กระหึ่มแบบทวีคูณ แถมยังเป็นวันที่เขาต้องโบกมือลาจากรายการไปพร้อม ๆ กัน เพราะไปวิจารณ์ออกรายการว่า เขาไม่เชื่อคำที่ เมแกน มาร์เคิล พระชายาของเจ้าชายแฮร์รี่พูด หลังได้ดูรายการสัมภาษณ์พิเศษของ เจ้าชายแฮร์รี และ เมแกน กับ โอปราห์ วินฟรีย์ และโจมตีว่าเธอเป็นพวกโกหกสร้างภาพและเถียงกับพิธีกรร่วมรายการอย่างหนัก จนถึงขั้นตัดบทเดินออกจากสตูดิโอกลางรายการสด 

โทสะของมอร์แกนที่มีต่อเมแกนในวันนั้นทำให้เขาต้องแยกทางกับ ITV แต่คนอย่างมอร์แกนไม่จนตรอกง่าย ๆ เขาได้งานที่ใหม่ และมันก็เป็นเหมือนเส้นทางที่ทำให้เขาได้ออกสตาร์ทชีวิตใหม่อีกครั้งกับรายการ Piers Morgan Uncensored ทาง TALK TV

 

Piers Morgan Uncensored ด่าหมดเปลือก อวยหมดปลอกมาแต่ไหนแต่ไร 

TALK TV คือสถานีโทรทัศน์ในเครือสื่อสิ่งพิมพ์ News Corp UK & Ireland Limited ที่ดึงเอาคนหัวกะทิจากวงการสื่อสำนักต่าง ๆ มารวมกัน แล้วแตกแขนงออกเป็นการนำเสนอที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งบนทีวี สตรีมมิง และแพลตฟอร์มออนไลน์

รายการ Piers Morgan Uncensored คือรายการใหม่แกะกล่องที่เจ้าของสถานีภูมิใจนำเสนอ ทุกคนเชื่อมั่นในความปราดเปรื่องของ เพียร์ส มอร์แกน ว่าจะเรียกเรตติ้งและเม็ดเงินจากยอดวิวจำนวนมหาศาลมาให้สถานีได้ 

เทปแรก ๆ ของ  Piers Morgan Uncensored ในช่วงเดือนมีนาคม และเมษายนคือการบดขยี้ เจ้าชายแฮร์รี และ เมแกน มาร์เคิล ให้ละเอียดยิ่งกว่าเมล็ดกาแฟโรบัสต้าคั่วบด แถมยังกัดไม่ปล่อยด้วยการออกไปทำคอนเทนต์สำรวจความคิดเห็นที่ประชาชนมีต่อราชวงษ์และเชิญคนดังที่เป็นประเด็นร้อนฉาวโฉ่ต่าง ๆ มาทอล์กถกกันแบบครบรส

นั่นคือนิสัยของคนทำข่าวคือต้องเค้นทุกสิ่งที่คิดว่าโลกอยากรู้ กูอยากถาม แล้วก็ต้องได้คำตอบแบบหมดเปลือก มอร์แกนเป็นคนประเภทนั้น เราจะเห็นได้จากเคสเจ้าชายแฮร์รีและศรีภรรยาว่าเขาเป็นคนที่มั่นใจในความคิดของตนเอง และยากที่จะมีใครเปลี่ยนความคิดของเขาได้ 

 

ยกเว้นชายที่ชื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 

ครั้งหนึ่ง (และในอีกหลายครั้งต่อมา) เพียร์ส มอร์แกน วิจารณ์ 2 นักเตะซูเปอร์สตาร์อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ ในทิศทางที่แตกต่างกัน

ข้อดีของโซเชียลมีเดียคือมันทำให้แฟนบอลขุดหาหลักฐานได้ว่ามอร์แกนเคยมองว่าโรนัลโด้เป็นรองเมสซี่ 

"เมสซี่คือนักเตะหมายเลข 1 ตลอดกาล ส่วนโรนัลโด้คืออันดับ 2"

"เมสซี่คือนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาล My G.O.A.T" นี่คือลักษณะของข้อความที่เรามักจะเห็นในทวิตเตอร์ของมอร์แกนในช่วงที่เมสซี่ยังอยู่กับบาร์เซโลน่า

แต่แล้วจู่ ๆ ความคิดของ เพียร์ส มอร์แกน ก็เปลี่ยนไป หลังจากเขาได้สัมภาษณ์โรนัลโด้ เมื่อปี 2019 

"The G.O.A.T." นี่แคปชันที่มอร์แกนเขียนลงในทวิตเตอร์หลังจากสัมภาษณ์โรนัลโด้ พวกเขารับประทานอาหารและถ่ายรูปร่วมกันแบบชื่นมื่น หลังจากนั้นเป็นต้นมามอร์แกนก็ใช้คำว่า Greatest of All Time กับโรนัลโด้สม่ำเสมอ จนเหมือนลืมไปว่าเขาเคยรักเอยเตยหอมกับชายที่ชื่อ ลิโอเนล เมสซี่ ขนาดไหน

ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนั้นมอร์แกนทำให้โรนัลโด้เสียน้ำตา หลังนำคลิปที่ โชเซ ดินิส อเวโร บิดาผู้ล่วงลับของเขา เคยออกมาพูดถึงความภูมิใจในตัวลูกชายอย่างโรนัลโด้ ซึ่งคลิปดังกล่าวได้มีการบันทึกไว้ในช่วงก่อนฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2004 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศโปรตุเกส และโรนัลโด้ไม่เคยเห็นคลิปนั้นมาก่อน 

"ผมภูมิใจมากที่ได้เห็นเขาเป็นคนที่น่าทึ่งที่สุดของโลก มีครอบครัวและเพื่อนที่ดี ผมน่าจะได้เดินทางไปดูเขาที่ลิสบอน แต่โชคไม่ดีที่ผมสุขภาพไม่ค่อยดีเท่าไร ผมเลยจะดูเขาทางหน้าจอทีวีดีกว่า" นี่คือสิ่งที่คุณพ่อแท้ ๆ ของโรนัลโด้ พูดเอาไว้ในคลิป 

และมันทำให้เขาร้องไห้ออกมาอย่างหนัก เพราะตัวเองไม่ได้สนิทสนมกับพ่อ และผู้ที่ให้กำเนิดก็ไม่ได้อยู่จนถึงวันที่เขาประสบความสำเร็จ 

เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้โรนัลโด้ได้ปลดล็อกความรู้สึกบางอย่างที่เขามีต่อพ่อ แม้จะสายเกินไป แต่ CR7 ก็รู้สึกขอบคุณที่มอร์แกนและทีมงานนำคลิปนี้มาให้เขาดู ซึ่งเขาก็ได้ขอก๊อปปี้คลิปดังกล่าวเพื่อนำมันไปให้คนอื่น ๆ ในครอบครัวได้ดูเช่นกัน

"หลังจากนั้นวันนั้นเขาทักไดเร็กต์อินสตาแกรมมาหาผมแล้วถามว่าเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม เขากำลังดูสารคดีฆาตกรรมใน Netflix แล้วเห็นผมในนั้น เขาเลยทักมาถามไถ่ ผมนี่แบบช็อกไปเลย" 

"ผมสัมภาษณ์ตำนานกีฬามากมายตลอด 30 ปีในฐานะนักข่าวและผู้ประกาศข่าว ไม่มีใครสร้างความประทับใจให้กับผมได้เท่ากับโรนัลโด้ ทั้งในและนอกสนาม" มอร์แกน ยอมรับผ่านการให้สัมภาษณ์กับเดลีเมล์ 

"โรนัลโด้ตัวจริงอบอุ่น ใจกว้าง ติดดิน และเป็นที่ชื่นชอบ เกือบทุกคนที่เคยร่วมงานกับเขาพูดเป็นเสียงเดียวกัน"

ความในใจนี้พอจะทำให้ใครหลายคนมองความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโรนัลโด้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น จากเมื่อก่อนที่คนใคร่จะวิจารณ์ว่า เพียร์ส มอร์แกน คือคนหิวแสงที่ตีสนิทคนมีชื่อเสียงเพื่อเรตติ้งเท่านั้น

"ตั้งแต่พบกันเมื่อปลายปี 2019 เรากลายเป็นเพื่อนกันทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เราคุยโทรศัพท์กันเป็นครั้งคราว และคุยกันบ่อย ๆ ใน WhatsApp ทุกเรื่องเลยตั้งแต่เรื่อวฟุตบอล รถยนต์ ไปจนถึงเรื่องการล่องเรือยอร์ช ช่วงโควิดเราก็คุยกัน รวมถึงคุยกันเรื่องการเป็นพ่อคน"

อาจเป็นเพราะช่วงที่ผ่านมา ลิโอเนล เมสซี่ มีช่วงเวลาที่ยากลำบากนับตั้งแต่แยกทางกับบาร์ซ่า ซึ่งมอร์แกนก็ยอมรับเช่นกันนั้นว่ามนต์ขลังของเมสซี่หายไป ประกอบกับการที่เขาได้เจอกับโรนัลโด้บ่อยขึ้น ได้สัมผัสกับตัวตนของกันและกันมากขึ้น จึงไม่มีเหตุผลไหนจะมากังขาว่าทำไมมอร์แกนถึงสนับสนุนโรนัลโด้ได้มากมายถึงเพียงนี้ 

"ผมไม่เข้าใจที่เมสซี่ได้รางวัลบัลลงดอร์"

"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควรปล่อยโรนัลโด้" 

"เขาคือคนที่ทำงานอย่างหนักเพื่อสโมสรมาโดยตลอด"  

นี่คือข้อความที่มอร์แกนโพสต์ปกป้องโรนัลโด้ ยามที่กองหน้าโปรตุเกสถูกวิจารณ์ในเชิงลบ ที่สำคัญคนในครอบครัวของโรนัลโด้ก็มักจะรีโพสต์ของเขาต่อด้วย 

"ตอนที่ผมรู้ว่าเขาจะย้ายกลับมาที่พรีเมียร์ลีก ผมแชตไปหาเขาบอกว่า ดีใจมากที่คุณกลับมา แต่ขอร้องอย่ายิงอาร์เซนอลเลยนะ แล้วไม่กี่ชั่วโมงเขาก็ตอบกลับมา" 

เห็นได้ชัดเลยว่าโรนัลโด้อนุญาตให้ เพียร์ส มอร์แกน เป็นคนที่เข้าไปอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของเขาได้ ทั้งการเชิญไปกินข้าวร่วมกับครอบครัว และการส่งรองเท้าสตั๊ตมาให้ลูกชายของมอร์แกนเป็นของขวัญวันคริสต์มาส 

มอร์แกนคือหนึ่งใน Support System หรือคนที่คอยสนับสนุนโดยไม่มีข้อยกเว้นของโรนัลโด้ ไม่ว่าใครจะมองเขาในแง่มุมอย่างไร แต่มอร์แกนมีข้อดีมาหักล้างให้ได้เสมอ 

 

หน่วยสนับสนุนที่เสียงดังที่สุด

ในเมื่อเขามีคอนเน็กชั่นที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลสาธารณะของโลกอยู่ในมือ โรนัลโด้จึงสบายใจที่จะพูดทุกอย่างแบบหมดเปลือกกับคนที่คอยหนุนหลังเขามาตลอดระยะเวลา 3 ปี 

การทักไปหามอร์แกนเพื่อนัดคิวสัมภาษณ์จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจนัก เพราะโรนัลโด้สามารถยกหูชวนพิธีกรดังไปกินข้าวหรือคุยเรื่องลูก ๆ ที่ไหน และเมื่อไรก็ได้ 

แต่สิ่งที่น่าตกใจสำหรับแฟนบอลคืออะไรคือแรงจูงใจที่ทำให้เขาเปิดปากพูดเองทุกเรื่องขนาดนี้ และทำไมช่วงเวลาของการออกอากาศถึงต้องเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนแยกย้ายจากสโมสรไปรับใช้ทีมชาติ 

ทำไมมอร์แกนถึงเลือกที่จะปล่อยทีเซอร์การสัมภาษณ์ออกมาเป็นระเบิดก้อนใหญ่ ด้วยคำที่โรนัลโด้พูดว่าเขาไม่เคารพ เอริก เทนฮาก

โรนัลโด้ต้องการอะไรจากการพึ่งพามอร์แกนในครั้งนี้ ? เขาหวังว่ารายการของพิธีกรรุ่นพี่จะช่วยปลดเปลื้องความบอบช้ำในใจ หรือต้องการจะเป็นกระบอกเสียงสะท้อนอะไรเกี่ยวกับสโมสรกันแน่ ?

เรายังตัดสินอะไรไม่ได้จนกว่าคลิปตัวเต็มตอนที่ 2 จะออกอากาศ (วันที่ 17 พ.ย. 2022) แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้จากการสัมภาษณ์ครั้งนี้คือ นอกจากมอร์แกนแล้วยังมีแฟนบอลอีกหลายคนที่ยังอยู่เคียงข้างโรนัลโด้ แม้จะมีคนอีกนับล้านที่ผิดหวังกับการกระทำครั้งนี้ก็ตาม 

 

แหล่งอ้างอิง :

https://www.youtube.com/watch?v=5sc4MOzCfUY
https://www.thesun.co.uk/sport/football/16057495/cristiano-ronaldo-morgan-friendship-interview/
https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-11425383/Cristiano-Ronaldo-INSTIGATED-bombshell-betrayal-interview-Piers-Morgan.html
https://www.youtube.com/c/PiersMorganUncensored/videos
https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/manutd-ronaldo-morgan-interview-tenhag-28485583
https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/manutd-cristiano-ronaldo-morgan-interview-28500199
https://www.dailystar.co.uk/sport/football/ronaldo-sister-morgan-man-utd-27766667

Author

กุลญา กระจ่างกุล

นักข่าวสาวเสียงอีสาน โปรดปรานกีฬาม่วนๆ ชอบชวนคุ้ยป่น ไม่อดทนเผด็จการ

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ภราดร ภราดร

อยากจะทำให้ดี ไม่ใช่แค่อยากจะทำให้เป็น