"นักเตะอาชีพดื่มเหล้าไม่ใช่เรื่องแปลก ผมเห็นสิ่งนี้มาตลอดชีวิต แต่สิ่งที่ทำให้ผมแตกต่างกับพวกเขาคือผมไม่สามารถควบคุมตัวเองให้อยู่ในวินัยได้"
นี่คือสิ่งที่ ดาร์รอน กิ๊บสัน อดีตนักเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล่าถึงช่วงเวลาที่เขาต้องคดีเมาแล้วขับถึง 2 ครั้ง 2 ครา และมันเปลี่ยนเขาจากนักเตะระดับพรีเมียร์ลีกกลายเป็นนักเตะระดับลีกทู จนกระทั่งไม่มีสโมสรสังกัดแล้วในตอนนี้
"เชื่อผมเถอะ ผมสัมผัสมาด้วยตัวเองแล้ว ... เมาแล้วขับทำให้ผมสูญเสียอะไรไปมากมายอย่างที่ผมไม่เคยตั้งตัวมาก่อน"
นี่คือเรื่องราวทั้งหมดของเขา ติดตามได้ที่ Main Stand
ขาลงมาถึงไวเกินไป
ว่ากันว่าชีวิตของคนเรามีสัจธรรมอยู่หนึ่งอย่างคือ วันหนึ่งเราจะประสบความสำเร็จและมีความสุขกับสิ่งที่เคยทำได้ แต่น่าเสียดายที่สิ่งเหล่านั้นมันไม่ได้ยั่งยืน เมื่อใดก็ตามที่มีความสุข จงพึงระวังไว้เสมอว่าความทุกข์จะตามมาให้เราได้รับมือในไม่ช้า และสิ่งที่ยากก็คือเมื่อวันที่ความทุกข์เริ่มมาเยือน เราจะสามารถรับมือกับมันได้ดีแค่ไหน ?
เรื่องนี้สะท้อนเรื่องราววัยหนุ่มของ ดาร์รอน กิ๊บสัน ได้เป็นอย่างดี เพราะกิ๊บสันคือเด็กหนุ่มชาวไอริชที่มีฝันจะเป็นนักเตะอาชีพมาตั้งแต่ยังเด็ก และถูกดึงตัวเข้ามาอยู่กับอคาเดมีของ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 2004 โดยในตอนนั้นเขาอายุ 17 ปี และใช้เวลาไม่นานนักก็กลายเป็นดาวเด่นของทีมชุดเยาวชน โดยได้รับการคาดหมายว่าจะเป็น "รอย คีน คนต่อไป" เนื่องจากมีสัญชาติไอริชเหมือนกัน เล่นตำแหน่งกองกลางเหมือนกัน
เพียงแต่ว่านั่นเป็นเพียงแค่การจับแพะชนแกะของสื่อเท่านั้น เพราะจริง ๆ แล้วกิ๊บสันนั้นแตกต่างจากคีนอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการเข้าปะทะ การอ่านเกม และความแม่นยำในการจ่ายบอล เขาทำได้ดีแค่ในระดับหนึ่ง แต่ก็ถือว่าไม่เลวร้ายนักสำหรับนักเตะอายุน้อย ยิ่งมีทักษะการยิงไกลที่หนักหน่วง และเป็นนักเตะประเภทใจสู้ มันจึงทำให้เขาถูกจับตามองโดย เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในการหยิบมาปั้นและพัฒนาต่อในอนาคต
แม้ได้รับโอกาสลงสนามกับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2005 แต่กิ๊บสันก็โตตามระบบเยาวชนของ แมนฯ ยูไนเต็ด นั่นคือการถูกส่งตัวไปอยู่กับ รอยัล อันท์เวิร์ป สโมสรพันธมิตรในลีกเบลเยียมเมื่อฤดูกาล 2006-07 จากนั้นจึงขยับไปเล่นในระดับลีกแชมเปี้ยนชิพ กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ในฤดูกาล 2007-08 ก่อนกลับมามีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างเต็มตัวในปี 2008 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในช่วงยุคทองของสโมสรที่เต็มไปด้วยนักเตะเก่ง ๆ มากมายทั้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เวย์น รูนี่ย์, คาร์ลอส เตเวซ และในแดนกลางที่กิ๊บสันต้องแย่งตำแหน่งกับ ไมเคิล คาร์ริค, พอล สโคลส์ และ ดาร์เรน เฟลตเชอร์
จากนั้นกิ๊บสันก็ขยับขึ้นมามีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยในฤดูกาล 2009-10 เขาได้ลงเล่นเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายพบ บาเยิร์น มิวนิค และทำประตูในเกมนั้นได้ด้วยลูกยิงไกลอันเป็นเอกลักษณ์ อย่างไรก็ตามนั่นคือไฮไลท์เดียวของเขาในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เพราะหลังจากนั้นกิ๊บสันก็ไม่สามารถยกระดับตัวเองขึ้นมาให้ดีพอจะเป็นตัวหลักของทีมได้ นั่นแหละคือช่วงเวลาที่เขาต้องเริ่มรับมือกับความผิดหวังจริง ๆ เป็นครั้งแรก
เขายอมถอยลงไปเล่นให้ทีมระดับต่ำกว่าเล็กน้อยอย่าง เอฟเวอร์ตัน ในเดือนมกราคม 2012 แต่ผลงานช่วงที่อยู่กับทีมท็อฟฟี่สีน้ำเงินก็ยิ่งล้มเหลวยิ่งกว่าตอนเล่นให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เสียอีก ช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงขาลงเต็มรูปแบบในมุมมองของกิ๊บสัน โดยมีกลุ่มนักเตะของเอฟเวอร์ตันบอกว่าเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยอยู่ในกฎของทีมสักเท่าไร โดยเฉพาะเรื่องวินัยในตัวเองเช่นการมาสาย การควบคุมน้ำหนัก...
และในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองเขาก็ต้องคดีเมาเเล้วขับเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม 2015 จากการขับรถ Nissan GT-R Nismo ชนกับคนปั่นจักรยาน แม้คู่กรณีบาดเจ็บเล็กน้อยแต่ก็ผิดกฎหมาย จนเขาต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทน 5,700 ปอนด์ให้กับคู่กรณี (สาเหตุที่แพงเพราะรวมค่าเสียหายของจักรยานด้วย) ตลอดจนค่าธรรมเนียมศาล 295 ปอนด์ โดนยึดใบขับขี่ 20 เดือน รวมถึงต้องบำเพ็ญประโยชน์ 200 ชั่วโมงในเวลา 12 เดือน
เห็นได้ชัดว่าเขาเสียโอกาสครั้งใหญ่ และจากจุดนี้มันก็ไม่แปลกเลยที่เขาจะถูกขายเลหลังให้กับ ซันเดอร์แลนด์ ที่กำลังหนีตกชั้นในเดือนมกราคม 2017 และเมื่อพวกเขาได้กิ๊บสันมาร่วมทีม ซันเดอร์แลนด์ก็ตกชั้นทันทีในอีกไม่กี่เดือนถัดมา
กิ๊บสันลดระดับตัวเองจากนักเตะระดับแชมเปี้ยนส์ลีกลงสู่ระดับลีกรองของอังกฤษภายในเวลาไม่กี่ปี และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเริ่มห่างไกลจากคำว่า "นักเตะอาชีพ" มากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่ตอนนั้นเขาอายุ 28 ปีที่ควรจะเป็นช่วงพีกที่สุดในอาชีพนักฟุตบอลแท้ ๆ
หลุดเต็มระบบ
ช่วงที่เล่นกับซันเดอร์แลนด์ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา ถือเป็นช่วงเวลาที่เราสามารถตัดสิน ดาร์รอน กิ๊บสัน ว่าเป็นนักเตะที่ล้มเหลวได้อย่างเป็นเอกฉันท์ แฟนบอลซันเดอร์แลนด์ถึงกับเบื่อหน่ายในความไม่ทุ่มเทของเขา ถึงขั้นมีการเขียนจดหมายไประบายความในใจกับสื่อท้องถิ่นในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษอย่าง The Chronicle ซึ่งเนื้อความมีอยู่ว่า
"มีวิดีโอหลุดออกมาว่ากิ๊บสันเมาไม่ได้สติก่อนที่ซันเดอร์แลนด์จะลงแข่งขันในอีกไม่กี่วัน ผมไม่รู้ว่าทีมของเราจะไปสิ้นสุดช่วงเวลาของความเลวร้ายนี้ตรงไหนเลย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กิ๊บสันทำแบบนั้น" แฟนบอลรายหนึ่งเล่าผ่านรายการวิทยุท้องถิ่นที่มี ดอน ฮัตชิสัน อดีตนักเตะทีมชาติสกอตแลนด์เป็นพิธีกร
นอกจากนี้ซันเดอร์แลนด์ที่เซ็นสัญญากับกิ๊บสัน 4 ปี ต้องปวดหัวกับเรื่องมากมายที่เขาก่อ โดยในช่วงซัมเมอร์ปี 2017 ที่ซันเดอร์แลนด์อุ่นเครื่องช่วงพรีซีซั่นกับ เซลติก แล้วแพ้ไป 0-5 หลังเกมนั้นกิ๊บสันไปเมาในผับแห่งหนึ่ง มีแฟนบอลซันเดอร์แลนด์จำเขาได้และเห็นเขาอยู่ในสถานะหมดสภาพ แฟนบอลรายดังกล่าวจึงถ่ายวิดีโอและถามคำถามมากมายกับเขา ซึ่งสิ่งที่กิ๊บสันตอบเป็นการให้ร้ายทีมเต็มที่ เขาโจมตีแทบทุกคนที่อยู่ในสโมสร
"พวกเราห่วยแตกบรม ผมตกเป็นเป้าหลักทั้ง ๆ ที่คนอื่นก็โคตรจะห่วยไม่ต่างจากผม สโมสรนี้ประกอบไปด้วยพวกบัดซบที่ไม่สนโลก ไม่แคร์แม่งอะไรทั้งสิ้น เรามีพวกขยะเกินครึ่ง" กิ๊บสัน ที่อยู่ในสภาพเมามายจัดเต็มแบบไม่ยั้งเมื่อโดนแฟนบอลถามจี้จุด เขาเริ่มด่ากราดใส่นักเตะอย่าง เยเรเมน เลนส์, วาร์บี้ คาห์ซรี และ ลามีน โคเน่ ว่าเป็นพวกปลิงที่รับเงินมากแต่ไม่มีใจให้ทีม
หลังจากที่เขาด่านักเตะในทีมแล้วแฟนบอลคนนั้นก็ถามเขาว่า "สรุปแล้วคุณพูดแบบนี้เพราะเป็นห่วงสโมสรเราใช่ไหม" กิ๊บสัน ตอบว่า "ใช่" ก่อนทีแฟนบอลคนนั้นจะสวนกลับ "เหรอ ผมว่าสิ่งที่คุณทำดูไม่เหมือนกับสิ่งที่คุณพูดออกมาเลยนะ"
เรียกได้ว่านอกจากจะผลงานไม่ดีแล้วพฤติกรรมของกิ๊บสันยังทำให้แฟนซันเดอร์แลนด์สุดจะเอือมระอา โดยเฉพาะการพูดในแง่ลบต่อทีมแบบสาดคำหยาบไม่ยั้งที่ทำให้แฟน ๆ ไม่พอใจอย่างมาก จนถึงขั้นที่สโมสรต้องออกมาแสดงแอ็กชั่นด้วการปรับเงินและแบนเขาอย่างไม่มีกำหนด ด้วยข้อหามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
แม้ว่ากิ๊บสันจะออกมาขอโทษและบอกว่าตอนนั้นเขามีอาการมึนเมา แต่ความจริงคือเขาแทบไม่ได้สำนึกผิดอะไร เพราะหลังจากนั้นไม่ถึงปีกิ๊บสันก็ออกไปดื่มอีก และหนนี้เขาดื่มจนเมาก่อนขับรถ Mercedes-Benz GLE 63 S AMG ไปชนกับรถแท็กซี่กับรถที่จอดอยู่อีกหลายคัน โดยที่กิ๊บสันมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกำหนดถึง 3 เท่า
เมื่อเป็นความผิดซ้ำ แน่นอนว่าคราวนี้โทษจึงหนักกว่าเดิม เขาถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ 40 เดือน (ลดเหลือ 27 เดือนในเวลาต่อมา) บำเพ็ญประโยชน์ 250 ชั่วโมงภายในเวลา 2 ปี เข้าคอร์สบำบัดการติดสุรา 30 วัน ตลอดจนจ่ายค่าชดเชยให้กับคู่กรณีอีก 800 ปอนด์ และต้องจ่ายค่าธรรมเนียมศาล 85 ปอนด์กับค่าเสียเวลาของคู่กรณีอีก 85 ปอนด์ด้วย
หนนี้ไม่ใช่แค่สร้างปัญหากับสโมสรแล้ว แต่เขากำลังสร้างปัญหาให้กับทุก ๆ คน การเมาแล้วขับถือเป็นคดีที่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ต่อให้ไม่ได้ขับชนใครเสียชีวิตก็ตาม สโมสรซันเดอร์แลนด์แถลงการณ์แสดงความผิดหวังถึงพฤติกรรมของกิ๊บสัน และตัดสินใจลงโทษขั้นเด็ดขาดด้วยการยกเลิกสัญญากับกิ๊บสันทันทีในเดือนมีนาคม 2018
ถ้าคุณคิดว่ามันจะจบแค่ตรงนี้คุณกำลังคิดผิด เพราะกิ๊บสันยังคงดำดิ่งไปในความตกต่ำและหลงผิดมากกว่านี้อีกเยอะ ฤดูกาลถัดมาเขาย้ายไปเล่นให้กับ วีแกน แอธเลติก ในลีกแชมเปี้ยนชิพ ก่อนถูกปล่อยตัวหลังจบซีซั่น และเล่นกับ ซัลฟอร์ด ทีมระดับลีกทู โดยไม่มีผลงานใด ๆ ในแง่บวกปรากฏ มีแต่ปัญหาเรื่องพฤติกรรมที่ตามมา ว่ากันว่าเขาเป็นนักฟุตบอลจากยุคโบราณ นั่นคือซ้อมบอลเสร็จหรือแข่งเสร็จก็ปล่อยตัวตามสบาย เข้าบาร์ ดื่มเหล้า เที่ยวเตร่ทันที ซึ่งการใช้ชีวิตแบบนี้ก็นำเขากลับไปสู่จุดเดิมอีกครั้ง
การหลุดเต็มระบบรอบที่ 2 ถือเป็นการจบเส้นทางอาชีพนักเตะของกิ๊บสันไปโดยปริยาย เขาหมดสภาพเกินกว่าจะเตะฟุตบอลไหว และในที่สุดแล้วเขาก็พบว่าเขาได้ทิ้งอนาคตของตัวเองไปเพราะการเมาแล้วขับ ซึ่งเปลี่ยนให้เขาต้องพบกับช่วงชีวิตที่ยากลำบากในบั้นปลาย
วันที่สายเกินไป
ถึงตอนนี้ ดาร์รอน กิ๊บสัน อายุ 35 ปีแล้ว เขาหายไปจากวงการฟุตบอล 2 ปี โดยเริ่มเข้ารับการบำบัดเลิกเหล้า รวมถึงการพบจิตแพทย์เพื่อช่วยเยียวยาสภาพจิตใจของตัวเอง
ในช่วงเวลาแห่งการรักษาตัวนี้ช่วยให้กิ๊บสันกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้อีกครั้ง และโชคยังดีที่เขาไม่เคยลืมความผิดพลาดในอดีต โดยเขาออกมาถ่ายทอดต่อกับผู้คนและนักเตะรุ่นหลัง ๆ ว่า การดื่มเหล้าคือจุดเริ่มต้นของจุดจบสำหรับอาชีพนักฟุตบอล และยิ่งเมื่อโดนคดีเมาแล้วขับทุกอย่างก็ทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก เพราะนั่นหมายถึงคุณต้องใช้เวลามากมายไปกับการชดใช้สิ่งที่ทำ รวมถึงการโดนมองในแง่ลบไปจนถึงวันที่คุณแขวนสตั๊ด
"ถ้าย้อนกลับไปได้ผมจะไปบอกตัวเองตอนหนุ่มเลยว่า 'อย่าเมาแล้วขับเด็ดขาด' การเมาเหล้าเป็นจุดเริ่มต้นแห่งหายนะ ผมมีสติไม่พอที่จะควบคุมตัวเอง ผมเสียใจมากและผมอยากให้ทุกคนรู้ว่าผมชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวผมเคยก่อไว้โดยไม่มีข้อแม้ เพราะนั่นคือความเสียใจที่สุด ไม่ใช่แค่สำหรับอาชีพนักฟุตบอลแต่มันคือความเสียใจที่สุดในชีวิตของผมเลย" กิ๊บสัน กล่าว
"อาชีพของผมคงจะเป็นไปในทางที่ดีกว่านี้ถ้าผมไม่เมาเหล้า ไม่เมาแล้วขับ ผมทำให้ตัวเองและครอบครัวต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ผมต้องมองย้อนดูตัวเองและคิดซ้ำอีกครั้ง ซึ่งผมก็พบว่าผมได้ชดใช้กับสิ่งที่ตัวเองทำไปแล้ว ผมหมดอนาคต ผมถูกแฟนบอลเหยียดหยาม ครอบครัวของผมถูกโจมตี ... ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นผมยินดีรับมัน เพราะผมเป็นเริ่มต้นเรื่องทั้งหมดนี้เอง"
"ชีวิตนักฟุตบอลที่แฟน ๆ เข้าใจนั้นมันสวยงามเกินกว่าความเป็นจริง หลายคนชอบพูดว่านักฟุตบอลมีเงินมากมาย อยากได้อะไรก็สามารถหาซื้อได้ตามต้องการ แต่จริง ๆ มันไม่ใช่แบบนั้น คุณมีเงินแต่โลกของคุณจะแตกต่างจากคนธรรมดา คุณจะใช้ชีวิตยากขึ้น แต่ก็อย่างที่ผมได้พูดไว้ ผมพร้อมรับผิดชอบกับความผิดที่ตัวเองก่อ ผมไม่ควรทำอย่างนั้น แต่ทุกอย่างก็พาผมไปยังสถานการณ์ที่ผมแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว" กิ๊บสัน กล่าวทิ้งท้าย
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยบอกว่ากิ๊บสันมีความคล้ายกับ พอล สโคลส์ แต่อย่างที่ทุกคนรู้กัน เขาไปไม่ถึงจุดนั้น ไม่แม้แต่ใกล้เคียง สิ่งที่เฟอร์กูสันเปรียบเทียบนั้นพาเรามองไปถึงตัวตนและการใช้ชีวิตของนักเตะทั้ง 2 คนอย่างสโคลส์และกิ๊บสัน และคุณจะเห็นถึงความต่างแบบสุดขั้ว
สโคลส์เคารพการตัดสินใจของโค้ช ทุ่มเทกับการซ้อม ซ้อมเสร็จกลับบ้าน หลีกหนีความวุ่นวายและแสงสี จดจ่อแค่กับการเล่นฟุตบอล ขณะที่กิ๊บสันขาดวินัย ไม่ดูแลตัวเอง และแหกกฎเหล็กของสโมสรหรือแม้กระทั่งกฎหมายของประเทศ ... นั่นคือหตุผลที่ว่าทำไมกิ๊บสันจึงห่างไกลจากคำว่าประสบความสำเร็จในอาชีพค้าแข้ง
เมื่อคุณเป็นนักฟุตบอล คุณจะมีสิทธิพิเศษเรื่องรายได้ ชื่อเสียง และความนิยม แต่คุณก็ต้องแลกกับมาด้วยการแสดงออกแบบมืออาชีพ ไม่ต้องเป็นคนดีมากมายขอแค่ไม่ทำลายอาชีพของตัวเอง ไม่ทำตัวเป็นภาระของสังคม ... ทุกคนมีสิทธิ์จะบอกว่าคุณเป็นนักเตะที่ไม่เก่ง แต่อย่างน้อยคุณก็ไม่ใช่คนเลวที่ทำให้คนรอบข้างและสังคมต้องเดือดร้อน เท่านี้ก็สมควรกับสิ่งที่สังคมเรียกร้องจากคนที่มีสิทธิพิเศษเหนือชาวบ้านตาสีตาสาทั่วไป
แหล่งอ้างอิง
https://www.chroniclelive.co.uk/sport/football/football-news/darron-gibson-opens-up-sunderland-24096063
https://www.bbc.com/news/uk-england-tyne-44197071
https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/man-utd-sir-alex-bayern-28319777
https://en.wikipedia.org/wiki/Darron_Gibson
https://rokerreport.sbnation.com/2018/3/18/17135660/darron-gibson-saga-brings-further-shame-and-embarrassment-on-sunderland-their-loyal-supporters
https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-8330389/From-lifting-title-Man-United-release-Salford-City-Darron-Gibsons-decline.html
https://www.chroniclelive.co.uk/sport/football/football-news/darron-gibson-isnt-real-problem-13412586