การร้องไห้ออกอากาศของ มิชิเทรุ มิตะ กุนซือชาวญี่ปุ่นของทีมชาติ นอร์เทิร์นมาเรียนา หลังโดนแฟน ๆ ในโซเชียลมีเดียต่อว่าว่าเป็นทีมที่ "อ่อนชั้นเกินไป" คือหนึ่งในจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลายคนได้ยืนชื่อทีมฟุตบอลทีมนี้และดินแดนแห่งนี้
แต่ละเกม แพ้หนัก แพ้เยอะ และแพ้แบบที่โลกอินเตอร์เน็ตอดไม่ไหวที่จะต้องหยิบเอามาล้อเลียน
ทีมชาติที่ถูกมองว่า "อ่อนที่สุดในโลก" ทีมนี้ มีปูมหลังด้านฟุตบอลแบบไหนบ้าง ? ติดตามที่ Main Stand
ประเทศนี้อยู่ที่ไหน ?
หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา หรือ Northern Mariana Islands มีประชากรล่าสุดอยู่ที่ 53,467 คน จากการเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2016 ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ สาเหตุเพราะดินแดนแห่งนี้อยู่ภายใต้การปกครองของประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับที่ตั้งนั้น อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นหมู่เกาะเล็ก ๆ ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น และทางตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์
ด้านเกมลูกหนัง หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา เพิ่งจะจัดตั้งสมาคมฟุตบอลในชื่อ สมาคมฟุตบอลหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา (NMIFA) เมื่อปี 2005 นี้เอง ก่อนจะเข้าเป็นสมาชิก สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ AFC อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2009 แต่ทาง สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ FIFA ยังไม่รับรองให้ดินแดนแห่งนี้ทำการแข่งขันในระดับสากล... นี่คือสิ่งที่ปรากฏบน Wikipedia
ทว่าจริง ๆ แล้ว นอร์เทิร์นมาเรียนา นั้นมีทีมฟุตบอลของตัวเองมานานกว่านั้น ย้อนอดีตกลับไปในช่วงฟุตบอลโลก 1998 หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา นั้นถูกเชิญเข้าไปเล่นรายการที่ชื่อว่า ไมโครนีเซียน คัพ ซึ่งเป็นรายการแข่งขันกันของทีมในหมู่เกาะต่าง ๆ ของทวีปโอเชียเนีย โดยในรายการนั้นได้รับการสนับสนุนจาก FIFA ด้วย
โดย FIFA ได้เข้ามาเผยแพร่เกมฟุตบอล ให้เป็นเหมือนกับกีฬาสาธิตของชาติที่เป็นหมู่เกาะเล็ก ๆ ที่ยังไม่มีความนิยมในกีฬาชนิดนี้ แต่จนแล้วจนรอด พอหมดช่วงเวลาที่ FIFA ไม่ได้สนับสนุนทุกอย่างก็หยุดชะงักไป และหลังจากปี 2002 ทีมชาตินอร์เทิร์นมาเรียนาไม่มีเกมฟุตบอลลงแข่งขันอีกเลย อีกทั้งสมาคมฟุตบอลก็ถูกยุบไปด้วย
สาเหตุก็คือพวกเขาไม่มีงบประมาณมากพอ และความนิยมของฟุตบอลก็ยังไม่มากตาม อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่เริ่มก็ไม่มีวันได้นับหนึ่งเสียที หลังจากนอร์เทิร์นมาเรียนาไม่มีเกมระดับทางการลงเล่นเลยตลอด 4 ปีต่อมา จึงมีการนำเสนอแนวคิดใหม่ ด้วยการขอเข้าร่วมเป็นชาติสมาชิกของ AFC หรือทวีปเอเชีย ซึ่งเป็นประเทศที่นิยมเล่นฟุตบอลมากกว่า และมีงบประมาณช่วยสนับสนุนในการสร้างทีมมากกว่าการอยู่กับโซนโอเชียเนีย ที่มี สหพันธ์ฟุตบอลโอเชียเนีย หรือ OFC ดูแลอยู่
ซึ่งวิธีการย้ายโซนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด เพราะนอร์เทิร์นมาเรียนาเองก็มีพื้นที่คาบเกี่ยวกับทวีปเอเชียอยู่แล้ว และการจะย้ายโซนได้พิจารณาจาก 3 ข่อนั้นคือ 1. FIFA เห็นชอบ 2. ชาติในโซนที่แข่งขันด้วยไม่ทักท้วงและพร้อมให้ย้ายออกไป 3. ชาติที่อยู่ในโซนที่กำลังจะย้ายเข้าไปยินดีต้อนรับ ... ซึ่งทั้ง 3 สิ่งนี้เปิดไฟเขียวพร้อมกัน นอร์เทิร์นมาเรียนาจึงได้สร้างฟุตบอลอย่างจริงจังกันตั้งแต่ตอนนั้น
เติบโตขึ้นทีละนิด
นอร์เทิร์นมาเรียนา ได้ย้ายเข้ามาเป็นชาติสมาชิกของ AFC และถูกส่งอยู่โซนเอเชียตะวันออก (ดูแลโดย สหพันธ์ฟุตบอลเอเชียตะวันออก หรือ EAFF) ซึ่งเป็นโซนเดียวกันกับชาติมหาอำนาจลูกหนังเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และ จีน
การมาอยู่กับ AFC ทำให้นอร์เทิร์นมาเรียนาได้รับเงินสนับสนุนรายปีที่อยู่ที่ปีละ 120,000 ดอลลาร์ (ราว 1.4 ล้านบาท) แม้จะไม่ใช่เงินมากมายอะไร แต่สำหรับชาติที่เพิ่งตั้งไข่เรื่องฟุตบอล เงินจำนวนนี้สามารถนำมาจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงให้กับนักฟุตบอล และทำให้มีคนทำงานมีรายได้มากขึ้น
การสนับสนุนของ AFC ไม่ใช่สิ่งเดียวเท่านั้นที่นอร์เทิร์นมาเรียนาได้รับ พวกเขายังได้รับการสนับสนุนจากชาติใกล้เคียงอย่างญี่ปุ่น ที่พร้อมให้การสนับเรื่องโค้ชและบุคลากรฟุตบอล ซึ่งในช่วงหลังปี 2008 เป็นต้นมาถือเป็นช่วงก้าวกระโดดของนอร์เทิร์นมาเรียนาก็คงไม่ผิดนัก
พวกเขาเริ่มมีนักฟุตบอลที่เป็นนักฟุตบอลจริง ๆ มากขึ้นด้วยการดึงตัวผู้เล่นที่เล่นฟุตบอลในระดับมหาวิทยาลัยและมัธยมปลายในประเทศสหรัฐอเมริกาเข้ามาเสริมทัพ ซึ่งมันแตกต่างจากในอดีตมาก ๆ เพราะในช่วงเริ่มแรก นอร์เทิร์นมาเรียนาใช้การหยิบจับคนที่ทำอาชีพอื่น ๆ มาหัดเตะฟุตบอล และยิ่งได้รับการฝึกสอนถึงวิธีเล่น และมีการใส่เรื่องแท็คติกเข้าไป พวกเขาก็เริ่ม "เล่นฟุตบอลเป็น" ภายในเวลาอันรวดเร็ว
ต้องบอกว่าการย้ายมาอยู่กับ AFC คือจุดเปลี่ยนสำคัญของฟุตบอลนอร์เทิร์นมาเรียนา เลยก็ว่าได้ หลังจากที่พวกเขาเริ่มรู้จักฟุตบอลของจริง พวกเขาก็พัฒนาตัวเองแบบไม่มีหยุด จากที่เริ่มมีเกมทีมชาติ สรรหาโปรแกมแข่งกับทีมในระดับเดียวกันในทวีปเอเชียได้แล้ว พวกเขายังมีลีกฟุตบอลในประเทศที่ชื่อว่า Men's Open League ... แน่นอนว่ามันไม่ได้เป็นลีกที่แข็งแกร่งอะไรหรอกหากเทียบกับลีกอื่น ๆ บนโลกนี้ แต่มันคือสารตั้งต้นที่ทำให้ผู้คนทั้งประเทศได้เริ่มเล่นฟุตบอล ซึ่งในการก่อตั้งลีกครั้งนี้ สมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ หรือ KFA ก็ยื่นมือเข้ามาช่วยจัดการและส่งบุคลากรเข้ามาแนะนำและมอบความรู้ให้อีกด้วย
"มันเป็นสิ่งที่เต็มไปด้วยแง่บวก เรามีทีมร่วมแข่งตั้ง 25 ทีม การเริ่มต้นของ Men's Open League จะเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมสำหรับกีฬาบนเกาะนี้ ด้วยความพยายามของผู้คนจำนวนมาก เรามีความสนใจและผู้เล่นมากมายในแผนกเยาวชนและหญิงอยู่แล้ว และนี่จะเป็นก้าวสำคัญที่แท้จริงสำหรับกีฬาฟุตบอล (ฟุตบอล) ในนอร์เทิร์นมาเรียนา" วินซ์ สตราวิโน่ (Vince Stravino) ผู้อำนวยการฟุตบอลของนอร์เทิร์นมาเรียนากล่าว
พวกเขามีฝัน
นอร์เทิร์นมาเรียนาเริ่มมีวัฒนธรรมฟุตบอลเป็นของตัวเองแล้วในเวลานี้ แต่นั่นก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้ทีมชาติของพวกเขาแข็งแกร่ง พวกเขาลงแข่งขันหลายเกมและส่วนใหญ่ลงท้ายด้วยความพ่ายแพ้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือพัฒนาการ พวกเขาใช้เวลาทั้งหมดหลังก่อตั้งสมาคมฟุตบอลของตัวเองนานถึง 8 ปี กว่าที่จะเอาชนะเกมอย่างเป็นทางการเกมแรกได้ ด้วยการเอาชนะ มาเก๊า 2-1 ในศึก EAFF คัพ รอบคัดเลือก
นอร์เทิร์นมาเรียนา ได้รับรู้ว่าเมื่อพวกเขาเข้าเป็นสมาชิกขององค์กรระดับทวีปหรือระดับโลก มันสามารถเปลี่ยนฟุตบอลในประเทศได้จริง ๆ พวกเขามีงบประมาณและได้รับการสนับสนุนให้มีสนามฟุตบอลประจำชาติ โดยมีการปรับปรุงจากสนามเดิมที่มีชื่อว่า Oleai Sports Complex ซึ่งปัจจุบันจุคนดูได้ประมาณ 2,000 คน แต่ยังเป็นสนามกีฬาอเนกประสงค์ ไม่ใช่สนามฟุตบอลโดยเฉพาะแต่อย่างใด
ดังนั้นสิ่งที่นอร์เทิร์นมาเรียนาหวังต่อจากที่พวกเขาได้เป็นสมาชิกของ AFC อย่างเต็มตัว คือการได้เป็นชาติสมาชิกของ FIFA ซึ่งจะได้รับเงินสนับสนุนมากกว่า และมีโอกาสทางฟุตบอลมากกว่าในอีกมากมายหลาย ๆ ด้าน
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนการยื่นใบสมัครให้กับทาง FIFA เท่านั้น นอร์เทิร์นมาเรียนายังไม่ได้ผ่านการพิจารณาจากทาง FIFA ด้วยเหตุผลหลายด้าน ทั้งเรื่องสิ่งปลูกสร้าง และเรื่องโครงสร้างทางฟุตบอล ทั้งการมีทีมฟุตบอลหญิง และอะไรต่าง ๆ ยิบย่อย ... ซึ่งว่าง่าย ๆ ก็คือ หากนอร์เทิร์นมาเรียนาอยากจะเป็นสมาชิกของ FIFA ให้ได้ พวกเขาต้องมีความพร้อม และเป็นประเทศที่จริงจังกับฟุตบอลมากกว่านี้
ทว่าแม้ไม่ผ่านการรับรองจาก FIFA ในการยื่นสมัครเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา แต่ FIFA ก็ยังชื่นชมพวกเขาในแง่ของการสร้างวัฒนธรรมฟุตบอลจาก 0 ให้เติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนี่ไม่ใช่ความล้มเหลว หากแต่เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตที่แท้จริงเท่านั้น
ถึงตอนนี้ นอร์เทิร์นมาเรียนายังคงห่างไกลกับการมีลีกอาชีพ และการมีทีมฟุตบอลที่แข็งแกร่งของประเทศตัวเอง แต่ตอนนี้พวกเขามาไกลมาก จากที่ไม่เคยมีเกมฟุตบอลแข่งขันมา 10-20 ปี พวกเขาค่อย ๆ สร้างวัฒนธรรมฟุตบอลของตัวเอง เริ่มจากการเล่นกับชาติเพื่อนบ้านที่เป็นหมู่เกาะเล็ก ๆ มาจนได้ดวลกับทีมอย่าง อินเดีย, เนปาล และล่าสุดพวกเขาก็ได้เจอกับทีมอย่าง จีน และ ออสเตรเลีย เป็นครั้งแรก
โดยทีมชุดยู 17 ของ นอร์เทิร์นมาเรียนา ได้เจอกับจีนในฟุตบอลเยาวชนเอเชียรอบคัดเลือก ก่อนจบด้วยความพ่ายแพ้ต่อจีนไป 0-11 รวมถึงการแพ้ ออสเตรเลีย 0-23 ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นประเด็น เพราะมีกระแสในโซเชียลมีเดียเข้ามาโจมตีเด็ก ๆ ของนอร์เทิร์นมาเรียนาว่า อ่อนชั้นเกินไปกว่าที่จะเป็นนักฟุตบอล ซึ่งความกดดันดังกล่าวทำให้ มิชิเตรุ มิตะ กุนซือชาวญี่ปุ่น ได้ออกมาเผยความในใจทั้งน้ำตาว่า "ผมรู้ว่าเราเป็นชาติที่เล็กมาก ๆ ผมเห็นคอมเมนต์ทั้งหมดบน Facebook ซึ่งพวกเขาบอกว่าเราไม่สมควรมาอยู่ตรงนี้ และลูกทีมทุกคนก็ได้เห็นคอมเมนต์เหล่านั้นด้วย"
"เรารู้ดีว่าเราเป็นแค่ทีมเล็ก ๆ และยังเด็กอยู่มาก แต่เราก็พยายามพัฒนาฟุตบอล และเรากำลังใช้ฟุตบอลเพื่อพัฒนาชุมชน เด็กและเยาวชนในประเทศนี้ต้องการบางสิ่งบางอย่างที่จะเป็นความฝันและแรงบันดาลใจ ซึ่งการเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ คือความฝันของชาวเกาะอย่างพวกเรา และเป็นความฝันอันยิ่งใหญ่สำหรับผู้เล่นของเรา"
"พวกเขาต้องการบางอย่างเพื่อเป็นแรงกระตุ้น นั่นเป็นเหตุผลที่ทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาตินี้มีความสำคัญมากในการสร้างแรงบันดาลใจ และมอบความฝันให้กับเด็ก ๆ ของเรา ทุกคนในทีมล้วนแสดงสปิริตของพวกเขาออกมา หลังจบเกมแรก (แพ้ ออสเตรเลีย 0-23) พวกเขารู้สึกผิดหวัง แต่ก็นำประสบการณ์จากวันนั้นมาใช้ในเกมที่ 2 ผมจึงภูมิใจในตัวพวกเขามาก"
คำพูดของกุนซือชาวญี่ปุ่นรายนี้ตอบทุกอย่างแล้ว นอร์เทิร์นมาเรียนาต้องการเติบโตจากความผิดหวังเหล่านี้ ก่อนหน้านี้พวกเขาก็โดนถล่มแบบนี้จากทีมอย่าง กวม, เนปาล, ปากีสถาน แต่หลังจากที่พวกเขาพัฒนา พวกเขาก็เริ่มแพ้น้อยลง จนกระทั่งเริ่มเก็บผลเสมอและชนะจากชาติเหล่านี้ได้สำเร็จภายในเวลาไม่ถึง 10 ปี ... ดังนั้นวันนี้ที่พวกเขาแพ้จีนกับออสเตรเลียก็คงจะไม่ต่างกันนัก มันคือการแพ้เพื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหน และโลกที่เหลืออยู่ตรงนั้น ถ้าหากเอาความพ่ายแพ้นี้เก็บไปคิด ทบทวน และแก้ไข ความพ่ายแพ้ก็จะเป็นโยชน์อย่างมาก
ตอนนี้นอร์เทิร์นมาเรียนาต้องการแรงสนับสนุนจากทุกด้าน การเป็นคนเริ่มช้าทำให้พวกเขาต้องเร่งไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดด และการเป็นชาติสมาชิกของ FIFA จะช่วยได้มากจากจุดนี้ พวกเขาจะได้รับการช่วยเหลือจากหลายทางทั้งเงินทุน ความรู้ และโครงสร้างต่าง ๆ หากวันใดที่นอร์เทิร์นมาเรียนาเป็นสมาชิก FIFA ขึ้นมาจริง ๆ เราอาจจะได้เห็นการพัฒนาที่ก้าวกระยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ของพวกเขาก็ได้
แหล่งอ้างอิง
https://www.fifa.com/news/northern-mariana-islands-looking-to-make-a-splash
https://www.smh.com.au/sport/soccer/they-said-we-shouldn-t-be-here-coach-in-tears-after-one-of-biggest-mismatches-in-sport-history-20221008-p5bo7k.html
https://en.wikipedia.org/wiki/Northern_Mariana_Islands_national_football_team
http://www.saipantribune.com/index.php/a98e0031-1dfb-11e4-aedf-250bc8c9958e/
https://www.saipantribune.com/index.php/fifa-afc-reps-observe-nmifa-congress/