Feature

ฟรานซิส อูโซโฮ : จากผู้รักษาประตูสุดอาภัพ สู่การแจ้งเกิดชั่วข้ามคืนที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด | Main Stand

สิ้นเสียงนกหวีดที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในการแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มอี แมตช์ที่ 4 ที่ผลการแข่งขันจบลงที่ชัยชนะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหนือ โอโมเนีย นิโคเซีย ไปด้วยสกอร์ 1-0

 

แม้ท้ายที่สุด แมนฯ ยูไนเต็ด จะได้ประตูชัยจาก สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กองกลางทีมเจ้าบ้านในช่วงทดเวลาการแข่งขันนาทีสุดท้าย (90+3) แต่นั่นเทียบไม่ได้เลยกับการเซฟอุตลุด พัลวัน มือเป็นระวิงตลอดการแข่งขันของ “ฟรานซิส อูโซโฮ (Francis Uzoho)” ผู้รักษาประตูสัญชาติไนจีเรียของทีมเยือน

โดยอูโซโฮนั้นโชว์ผลงานป้องกันประตูจากบรรดาตัวรุกระดับพระกาฬ ไม่ว่าจะเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด, จาดอน ซานโช่, อานโทนี, ไม่เว้นแม้แต่ คริสเตียโน่ โรนัลโด ก็ยังไม่าสามารถทำประตูที่ 701 ของเขาได้

แต่ใครเลยจะรู้ว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เขานั้นเป็นผู้รักษาประตู “สุดอาภัพ” ที่บุญมีแต่กรรมบัง จนแทบจะหายไปจากสารบบฟุตบอลระดับสูงมาแล้ว

ร่วมติดตามการเดินทางบนถนนสายฟุตบอลของ ฟรานซิส อูโซโฮ ไปพร้อมกับ Main Stand

 

เยาวชนอาสไพร์ สู่เยาวชน ลา คอรุนญา

ฟรานซิส โอดีนากา อูโซโฮ (Francis Odinaka Uzoho) เกิดที่เขตการปกครองท้องถิ่นเอ็นวาเกเล มลรัฐอีโม ประเทศไนจีเรีย เขาเริ่มฉายแววความสามารถทางด้านกีฬามาตั้งแต่สมัยเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษากับกีฬา “แฮนด์บอล” โดยเขาพาทีมแฮนด์บอลชายของโรงเรียนมัธยมบอยส์โมเดล คว้าเหรียญทองได้สำเร็จจากการแข่งขันทัวร์นาเมนต์หนึ่ง

แต่ชะตาก็ได้มาบรรจบกับฟุตบอล เมื่อเขาโชว์ฟอร์มสุดสะเด่าในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลรายการหนึ่ง ซึ่งมี โคคา-โคลา บริษัทเครื่องดื่มอัดลมชื่อดังให้การสนับสนุน แล้วเกิดไปเตะตาแมวมองจาก “อาสไพร์ อคาเดมี (Aspire Academy)” ระบบศูนย์ฝึกเยาวชนชื่อดังสัญชาติกาตาร์ ที่กระจายสาขาอยู่ทั่วโลก

โดยแมวมองจากแอสไพร์ สาขาภูมิภาคแอฟริกาที่เซเนกัล ได้บรรลุข้อตกลงดึงตัวเขาไปเข้าร่วมทีมในปี 2013 ด้วยวัย 14 ปี ซึ่งถือว่าเริ่มต้นช้ากว่าเพื่อนร่วมรุ่นไปบ้างเล็กน้อย มิหนำซ้ำเขายังต้องจากอ้อมอกบิดามารดาที่เอ็นวาเกเลไปกินนอนอยู่ประจำเพื่อฝึกฟุตบอลที่ศูนย์ใหญ่ ณ อาบูจา เมืองหลวงแห่งไนจีเรีย อีกด้วย

แรกเริ่มเดิมทีเขาได้รับการวางตำแหน่งให้เล่นเป็น “ศูนย์หน้าตัวเป้า” แต่ด้วย “โมเดิร์นฟุตบอล” ที่เน้นการวิ่งเพรสซิ่งและต้องเคลื่อนที่ตลอดเวลา ตำแหน่งตัวรุกก็ใช่ว่าจะรอบอลหรือรอยิงประตูอย่างเดียว โดยจะต้องเพิ่มหน้าที่ลงมาช่วยเกมรับ ขึ้นสุดลงสุด ทั้งยังต้องมีส่วนร่วมกับเกม ถ้ายิงไม่ได้ก็ต้องคอยปั้นคนอื่น ด้วยหน้าที่ขนาดนี้ทำให้เขาไม่สามารถรับมือได้ 

โค้ชเลยเปลี่ยนตำแหน่งให้เขาไปเล่นเป็น “ผู้รักษาประตู” เนื่องจากเขามีส่วนสูงในระดับที่มากกว่าเพื่อนร่วมรุ่นโดยทั่วไป รวมถึงมีความสามารถในการกระโดดและออกตัวระยะสั้นที่ทรงประสิทธิภาพกว่าการวิ่งทั้งแมตช์แบบการเล่นศูนย์หน้า

ด้วยเหตุนี้เขาจึงแปลงร่างกลายเป็นนายทวารแบบ “ช็อตสตอปเปอร์” สุดแกร่ง ที่ถ้าเป็นลูกยิงที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็จะเซฟได้หมด แถมมีการเซฟลูกมหัศจรรย์ได้ด้วย เรียกได้ว่าหากไม่เกิดปาฏิหาริย์จริง ๆ ก็ยิงผ่านมือชายผู้นี้ได้ยากมาก

และแล้วโอกาสแห่งชีวิตก็มาถึงในอีกเกือบ 4 ปีต่อมา เมื่อทีมเยาวชนแอสไพร์ได้ยกพลไปแข่งขันทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลรายการหนึ่งที่เมืองบาร์เซโลน่า แล้วอูโซโฮดันโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจ จนไปเตะตาแมวมองจากสโมสรเดอร์ปอร์ติโบ ลา คอรุนญา (Deportivo La Coruna) ตั้งแต่แรกเห็น จึงเกิดดีลในการคว้าตัวเขาแทบจะในทันทีที่ทัวร์นาเมนต์จบลง

แน่นอนว่าโอกาสลงเล่นในฟุตบอลระดับสูงในยุโรปของพ่อค้าแข้งจากแอฟริกาแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ อูโซโฮจึงไม่รอช้า ตกลงปลงใจเซ็นสัญญาร่วมทัพ ลา คอรุนญา ในปี 2017 ด้วยวัย 18 ปี แต่ก็แน่นอนว่าเขาจะต้องไปเริ่มนับหนึ่งกับทีม “ฆูเบนิล (Juvenil)” หรือก็คือทีมเยาวชนของ ลา คอรุนญา เสียก่อน

แต่หลังจากฝึกซ้อมร่วมกับทีมฆูเบนิลไปได้ไม่นาน เขาก็ได้รับการเรียกตัวให้ไปซ้อมกับทีมชุดสำรอง และได้ลงเล่นเกมระดับทางการครั้งแรกในการปะทะกับ กัสติยา ทีมสำรองของ เรอัล มาดริด ในลีกเซกุนดา เบ แถมเก็บคลีนชีตได้อีกด้วย (ลา คอรุนญา ชนะ 3-0) 

ไม่นานนักเขาก็ได้ขึ้นไปฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ตามลำดับ ซึ่งถือเป็นพัฒนาการแบบก้าวกระโดดของแข้งเยาวชนจากไนจีเรียผู้นี้ ก่อนที่โอกาสครั้งยิ่งใหญ่จะมาถึง ในการลงตัวจริงประเดิม ลา ลีกา ลีกสูงสุดของสเปน ในเกมปะทะกับ เออิบาร์ โดยผลการแข่งขันจบลงแบบไร้กอร์ 0-0 ซึ่งแน่นอน ว่าเขาเก็บคลีนชีตได้จากการประเดิมสนามอีกเช่นกัน

แต่ไฮไลท์จริง ๆ กลับกลายเป็นการสร้างสถิติของอูโซโฮ เพราะเขาเป็นนักฟุตบอลที่ลงสนามด้วย “อายุน้อยที่สุดลำดับสอง” ที่ 18 ปี 11 เดือน 17 วัน เป็นรองเพียง อาชราฟ ฮาคีมี (Achraf Hakimi) ที่ลงสนามให้เรอัล มาดริด ด้วยวัย 18 ปี 10 เดือน 27 วัน ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน เรียกได้ว่า อูโซโฮ เพียงแค่ “แก่เดือน” กว่าเฉย ๆ (อูโซโฮเกิดตุลาคม 1998 ฮาคีมีเกิดพฤศจิกายน 1998) 

ดูเหมือนว่านี่จะเป็นการออกสตาร์ทในฝันที่ใช่ว่านักฟุตบอลทุกคนจะได้สัมผัส หากแต่เหตุการณ์หลังจากนั้นทำให้ชีวิตทางฟุตบอลของอูโซโฮกลับกลายเป็น “พลิกขั้วสลับด้าน” อย่างแทบไม่น่าเชื่อ!

 

นายทวารสุดอาภัพ

ภายหลังจากการเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลดั่งฝันใฝ่ชนิดที่หลาย ๆ คนอิจฉาตาร้อน ใครจะคิดว่า ในเวลาต่อมาอูโซโฮจะมีชีวิตที่สุดแสนจะ “อาภัพ” เหมือนกับบทละครชีวิตเลยทีเดียว

แม้จะฟอร์มดีขนาดไหนแต่เยาวชนก็คือเยาวชน หากไม่ได้โชว์ฟอร์มระดับปรากฏการณ์ชนิดที่โค้ชไม่ส่งลงสนามแล้วแฟนบอลจะทำการประท้วงแน่ ๆ อย่างพวก โรนัลโด้, โรนัลดินโญ่ หรือ ลิโอเนล เมสซี่ ก็อาจจะเป็นการยากที่จะเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงกับพวกนักเตะที่อาวุโสกว่า

โดยเฉพาะใน ตำแหน่งผู้รักษาประตู ที่ส่วนมากจะเน้นที่ “ความเก๋า” ความแก่ประสบการณ์ในการลงเล่น เพราะบางทีตำแหน่งนี้ผู้เล่นที่มีชั่วโมงบินสูง ๆ มักจะสามารถหาทางรับมือกับกระบวนทัพเกมรุกหรือกองหน้าของคู่แข่งได้ดีกว่าผู้เล่นที่เป็นดาวรุ่ง สังเกตได้จากนายทวารอายุมาก ๆ ที่ยังคงได้รับความไว้วางใจให้ลงสนามอยู่เสมอ 

เช่น เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ (Edwin Van Der Sar) ที่ยืนเป็นประตูมือหนึ่งให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวัย 35 ปีเข้าไปแล้ว, วิลลี กาบาเญโร (Willy Cabarello) ที่ยังคงได้รับความไว้วางใจให้เล่นฟุตบอลระดับสูงในวัยเลย 40 ปี หรือในยุคปัจจุบันอย่าง “เร็มโค ปาสเฟียร์ (Remko Pasveer)” ที่ขึ้นเป็นมือหนึ่งของอาหยักซ์ และติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์ด้วยวัย 38 ปี

แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีหลงเหลืออยู่บ้าง แม้จะไม่ค่อยได้ลงสนาม แต่ทีมชาติ “ไนจีเรีย” ก็ยังคงให้โอกาสเขา โดยเขาเป็นหนึ่งใน 23 ขุนพลทัพ “ซุเปอร์อีเกิล” ลงแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2018 ที่รัสเซีย โดยที่ได้รับความไว้วางใจจากโค้ช “แกร์นอต โรห์ร (Gernot Rohr)” ให้ลงเป็นมือหนึ่งลงเฝ้าเสา

ซึ่งกรณีนี้ถือว่าโรห์รตัดสินได้อย่างถูกต้อง เพราะอูโซโฮโชว์ฟอร์มสุดยอด โดยเฉพาะในแมตช์ที่สองเขาก็เซฟพัลวัน พาทีมเก็บชัยชนะเหนือ ไอซ์แลนด์ ในทัวร์นาเมนต์นั้น (แม้จะพ่ายโครเอเชีย 0-2 ในแมตช์แรก) และเกือบพาพลพรรค “อินทรีย์มรกต” ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ไปได้ แต่น่าเสียดาย ที่ไปพลาดท่าช่วงท้ายเกมแพ้ อาร์เจนตินา ไป 1-2 ตกรอบไปแบบเจ็บใจแฟนบอลไนจีเรียเป็นที่สุด

และเมื่อฤดูกาลใหม่มาถึง ความโชคดีที่ได้รับมากลับกลายเป็นความโชคร้ายอีกครั้ง เพราะเขายังคงไม่ได้รับความไว้วางใจจากต้นสังกัดเหมือนเช่นเคย ทั้งยังเป็นตัวเลือกลำดับที่ 3-4 เสียด้วย เหมือนกับว่าผลงานในฟุตบอลโลกของเขา “ไร้ซึ่งความหมาย” ใด ๆ เลย

เช่นนี้ ลา คอรุนญา จึงไม่มีทางเลือกและต้องทำการปล่อยยืมอูโซโฮให้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับทีมอื่น ๆ ในระดับรองลงมา ด้วยความหวังว่าฝืมือแบบเขาหากได้เติมชั่วโมงบินมาก ๆ เข้าก็จะสามารถกลับมาช่วยทีมในอนาคตได้อย่างดีเยี่ยม

แต่การเลือกไป เอลเช่ นั้นกลับเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตของอูโซโฮ เพราะถึงแม้เจ้าตัวจะทำผลงานได้ดีเยี่ยม เก็บได้ถึง 3 คลีนชีต แต่ก็ยังคงไม่ได้รับความไว้วางใจจากโค้ชให้ลงสนามเช่นเคย โดยเมื่อแข่งขันไปครึ่งฤดูกาล 2018-2019 เจ้าตัวก็ได้ลงเล่นเพียง 8 แมตช์ พร้อมเดินทางกลับมาที่เมือง “ลา คอรุนญา” แบบเจ็บช้ำ

พอกลับมาต้นสังกัด แน่นอนว่าไม่มีที่ให้เขาลง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ตัดสินใจครั้งใหม่ โดยเลือกออกไปแบบยืมตัวกับ “อานอร์โธซิส ฟามากุสตา (Anorthosis Famagusta)” ทีมระดับกลางตารางของไซปรัส เพื่อโอกาสในการติดทีมชาติไนจีเรียไปสู้ศึก แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ 2019

ไม่นานหลังจากลงสนามแมตช์แรก ปัญหาก็ได้ตามมารุมเร้าอีกระลอก เพราะ อาพอลลอน ลิมาสโซล (Apollon Limassol) คู่แข่งในแมตช์นั้นยื่นฟ้องว่า เอกสารการตรวจสุขภาพ (health certificate) ของนายด่านไนจีเรียผู้นี้ “มีปัญหา” ไม่เรียบร้อย แต่อาร์นอโธซิสก็ยังปล่อยให้เขาลงแข่งขัน

ในตอนแรกทั้งเขาและสโมสร “เกือบแย่” จากการได้รับ “โทษแบนและปรับเงิน” แต่กระนั้น การยื่นอุทธรณ์ก็สัมฤทธิ์ผล การติดสินโทษถือว่าเป็นอันตกไป 

แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เขานั้นโชคไม่ช่วย เพราะยังคงตกเป็นตัวสำรองตามเดิม แม้ในการลงสนาม 3 แมตช์เขาจะเก็บคลีนชีตได้ทั้งหมดก็ตาม

ซึ่งการ “นั่งข้างสนามนาน ๆ” ก็ได้ส่งผลถึงตำแหน่งในทีมชาติ แม้เขาจะได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในขุนพลชุดแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ 2019 แต่ก็ไม่ได้รับการการันตีมือหนึ่งอีกต่อไป แม้ไนจีเรียจะทำผลงานได้ดีจบอันดับที่ 3 แต่เขาก็มีส่วนร่วมกับทีมเพียงแค่แมตช์เดียว คือแมตช์ชิงที่ 3 ที่ชนะ ตูนิเซีย เท่านั้น

กระนั้นผลงานในไซปรัสของเขาก็ได้ไปเข้าตา โอโมเนีย นิโคเซีย (Omonia Nicosia) ทีมระดับหัวแถวของไซปรัส ที่ติดต่อขอยืมตัวเขาไปร่วมทีมในช่วงเปิดฤดูกาล 2019-2020 

แม้ในช่วงแรก ๆ เขาจะเป็นที่โปรดปรานและได้รับเลือกให้ลงสนามบ่อยครั้ง หากแต่เมื่อ “ดวงถึงคราวเคราะห์” ก็ไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นได้  อูโซโฮได้รับบาดเจ็บ “เอ็นไขว้หน้าและกระดูกอ่อนหัวเข่าฉีกขาด” จากช่วง ฟีฟ่า เดย์ ในเกมที่ ไนจีเรีย อุ่นเครื่องเสมอ บราซิล 1-1 

นั่นทำให้จากที่ได้ลงสนามสม่ำเสมอ เขาต้องไปนอนโรงพยาบาลเพื่อพักฟื้นอีกระยะ และพอกลับมาก็ไม่มีที่ให้เขาได้ลงเล่นกับ โอโมเนีย นิโคเซีย อีกต่อไป

ยิ่งไปกว่านั้นต้นสังกัดที่แท้จริงอย่าง ลา คอรุนญา ยังตกต่ำ ร่วงลงไปอยู่ถึงลีก เซกุนด้า เบ ซึ่งเป็นลีกระดับที่ 3 ในสเปน การอยู่ที่เดิมต่อไปย่อมหมายถึง “การตัดอนาคตตนเอง” ของอูโซโฮเป็นแน่ นั่นทำให้เขาตัดสินใจกลับมายังไซปรัสอีกครั้งเพื่อมาเซ็นสัญญา “ถาวร” กับ “อาโปเอล (APOEL)” อีกหนึ่งทีมชั้นนำของไซปรัส ที่เป็น “อริ” กับโอโมเนีย โดยตรง ด้วยระยะเวลาสัญญา 3 ปีครึ่ง ในฤดูกาล 2020-2021

การมาอยู่กับ อาโปเอล นั้นทำให้ตัวเขาได้รับเลือกให้ลงสนามมากยิ่งขึ้น โดยเขาได้ลงเล่นไปถึง 19 แมตช์ โดยลงเป็นตัวจริงสลับกับ มิเกล ซิลวา (Muguel Silva) นายด่านสัญชาติโปรตุเกส แต่ก็น่าเสียดายที่ผลงานของอาโปเอลนั้น “ต่ำกว่ามาตรฐาน” หมดลุ้นแชมป์ตั้งแต่ไก่โห่ เขาจึงต้องมานั่งมองดูคู่อริอย่าง โอโมเนีย คว้าแชมป์ไปแบบตาละห้อย

และจะด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ ก่อนเปิดฤดูกาล 2021-2022 อาโปเอลและอูโซโฮ ก็ได้ตัดสินใจ “ยกเลิกสัญญา” แบบงง ๆ โดยให้เหตุผลเพียง “เป็นการยินยอมของทั้งสองฝ่าย เราขอให้อูโซโฮโชคดี” จากฝั่งของอาโปเอลเท่านั้น

ดังนั้น โอโมเนีย จึงได้ตัดสินใจยื่นข้อเสนอสัญญา 3 ปีให้กับอูโซโฮอีกครั้ง ด้วยความคิดว่า ในคำรบแรกของเจ้าตัวกับสโมสรมีอาการบาดเจ็บเข้ามารบกวน กลับมาคำรบที่สองอะไร ๆ อาจจะดีขึ้น และต้องการเซ็นมาเพื่อเป็นมือสอง เพราะทีมมีมือหนึ่งคือ “ฟาเบียโน ริเบโร (Fabiano Ribeiro)” ที่โชว์ผลงานได้ดี พาทีมคว้าแชมป์ลีก และพาทีมไปลุยศึก ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ได้สำเร็จ

ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น เพราะตั้งแต่เริ่มฤดูกาลมาอูโซโฮได้ลงเล่นให้กับโอโมเนียในแมตช์เจอ “ทีมเล็ก ๆ” ในลีกและฟุตบอลถ้วยเป็นหลัก ไม่ต้องพูดถึงฟุตบอลสโมสรยุโรป เพราะเขาได้ลงสนามเพียง 40 กว่านาที ในแมตช์ปะทะ เชอรีฟ ตีราสโพลล์ ทีมแกร่งจากมอลโดวา

กระนั้น โอโมเนีย ยามมี ฟาเบียโน ริเบโร ลงเฝ้าเสากลับมีผลงานกลับไม่ค่อยดี โดยในลีกรั้งอยู่อันดับที่ 6 ซึ่งถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานอย่างมาก นั่นอาจจะทำให้ “นีล เลนนอน (Neil Lennon)” กุนซือของทีม ที่เคยผ่านประสบการณ์คุมทีมยักษ์ใหญ่อย่าง กลาสโกว์ เซลติก มาแล้ว ตัดสินใจลองเลือกอูโซโฮออกสตาร์ทเป็นมือหนึ่ง ในแมตช์ปะทะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดูบ้าง 

แต่ใครจะคิดว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะทำให้เกิดปาฏิหาริย์ และเป็น “จุดเปลี่ยน” ในจังหวะชีวิตของคน ๆ หนึ่งไปตลอดกาล!

 

สู่ฝันอันยิ่งใหญ่ที่โรงละครแห่งความฝัน

ก่อนการแข่งขันแมตช์นี้จะเริ่มต้น นานาทรรศนะต่างเอนเอียงไปทางฝั่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่าจะสามารถ “กำชัย” เหนือผู้มาเยือนจากไซปรัสได้แน่นอน และอาจจะ “ไล่ถล่ม” คู่แข่งแบบไม่ไว้หน้าเสียด้วย แม้แมตช์แรกในการไปเยือน พลพรรคปีศาจแดงจะสามารถชนะได้แบบ “หืดจับ” 3-2 ก็ตาม 

โดย โอโมเนีย มีการปรับทัพจากแมตช์แรก 5 ตำแหน่ง (หน้าต่ำ 1 คน กองกลาง 2 คน วิงแบ็กซ้าย 1 คน และผู้รักษาประตู 1 คน) แต่ยังคงใช้แผนเดิม คือ 5-3-2 ที่ตั้งรับแน่น ๆ ถ้ามีโอกาสค่อยหาจังหวะสวนกลับ และใช้ไดเร็กต์ฟุตบอลตอบโต้ เผื่อจังหวะฉาบฉวยจะมีโอกาสได้ประตูตอกฝาโลงได้

ในเกมจริง ๆ ก็เป็นเช่นนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด “พับสนามบุก” อยู่ฝ่ายเดียว การทำเกมรุกของทั้งทางกราบซ้ายของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ทางกราบขวาของ อันโทนี หรือหน้าเป้าอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โดยมี บรูโน่ แฟร์นันด์ส เป็นเพลย์เมกเกอร์ ต่างแสดงให้เห็นถึงคลาสที่แตกต่างและน่าจะพังประตูได้ จากโอกาสยิงรวม ๆ เกือบ 20 ครั้ง

แต่ทั้งหมดนั้นถูก “ปัดป้อง” โดยชายที่มีชื่อว่า ฟรานซิส อูโซโฮ ไปหมดทุกลูก ทั้งการกระโดดเซฟลูกปั่นโค้ง ๆ ของแรชฟอร์ด ลูกตามน้ำของอันโทนี่ หรือแม้แต่ลูกยิงจ่อ ๆ ของโรนัลโด้ก็ไม่สามารถ “ผ่านมือ” เขาไปได้

จบครึ่งแรกไปด้วยผลเสมอแบบไร้สกอร์ 0-0 สร้างความตกตะลึกไปทั้งสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด!

ครึ่งหลัง เอริก เทน ฮาก กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้แก้เกมส่งทั้ง จาดอน ซานโช่, ไทเรล มาลาเซีย และ คริสเตียน อีริคเซ่น ลงสนามในเวลาไล่เลี่ยกันเพื่อเติมเกมรุกให้เต็มสปีดหวังทำประตูขึ้นนำให้ได้ 

แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะแต่ละลูกยิงที่เข้ากรอบอูโซโฮเซฟได้หมด


กระนั้นเมื่อ เทน ฮาก ส่ง สกอต แม็คโทมิเนย์ ลงมาแทน คาเซมิโร่ ที่เริ่มหมดแรงช่วงท้ายเกมก็นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะโอกาสง้างเท้ายิงครั้งแรกและครั้งเดียวในเกมนี้ของเขา กลายเป็น “ประตูชัย” ในช่วงทดเวลาการแข่งขัน (90+3) ให้เจ้าบ้านเฉือนชนะไปแบบหืดจับ 1-0

แม้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ แต่ที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างอื้ออึง กลับเป็นผลงานการเซฟของ อูโซโฮ อย่างไม่ต้องสงสัย โดยหลังเกมมีสถิติออกมาและพบว่าจากโอกาสยิงทั้งหมด 34 ครั้งของเจ้าบ้าน พวกเขายิงตรงกรอบไป 13 ครั้งและเปลี่ยนเป็นประตูได้แค่ 1 ประตู

นั่นหมายความว่า ฟรานซิส อูโซโฮ สามารถเซฟประตูได้ถึง “12 ครั้ง” ในแมตช์นี้เลยทีเดียว!

แต่ถึงแม้จะต้องกลับไซปรัสไปในฐานะ “คนแพ้” แต่อูโซโฮนั้นก็เป็น “คนแพ้ที่ไม่มีน้ำตา” นั่นเพราะเขาเป็น “แฟนคลับตัวยง” ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดังที่เขาให้สัมภาษณ์กับ บีที สปอร์ต พร้อมกับใบหน้าที่ “เปื้อนรอยยิ้ม” ไว้ว่า

"ไม่ผิดหวังสักนิดเลยครับ เพราะนี่เป็นเกมที่ดีมาก ๆ สำหรับเรา… จริง ๆ เลือกได้ก็ขอสักแต้มก็ยังดี แต่ผมก็แฮปปี้ที่ได้มาเล่นที่สนามแห่งนี้ ได้ปะทะกับผู้เล่นคุณภาพ เหมือนฝันเป็นจริงเลยครับ”

" ผมเพ้อมานานนมแล้วว่าจะได้ลงเล่นที่นี่ ตอนมีการจับสลากผมก็ได้แต่ภาวนา ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ผมได้ไปโอลด์ แทรฟฟอร์ด ทีเถอะ แล้วก็ สำเร็จ! ในที่สุดผมก็ได้ลงเล่นที่นี่จริง ๆ” อูโซโฮ กล่าวเสริมด้วยถ้อยคำที่สัมผัสได้ถึงความสุขล้นหลาม


หลังจากนั้นเขาก็ได้ไปขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับ เอริค เทน ฮาก ก่อนจะได้เข้าไปพูดคุยกับ ดาบิด เด เคอา นายด่านทีมเจ้าบ้าน 

หากเรื่องราวชีวิตของอูโซโฮถูกสร้างเป็นภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่ง ก็คงเป็นการดำเนินเรื่องประเภท “พลิกดินสู่ดาว” จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง หากแต่ในชีวิตจริงไม่มีทางใดเลยที่มนุษย์จะสามารถ “กำหนดจุดจบ” ของตนได้ 

ด้วยวัยเพียง 23 ปียังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ “ดาวรุ่ง” ที่เตรียมตัวเพื่อจะก้าวไปสู่ระดับ “อาชีพ” อย่างเต็มตัว ยังมีอะไรให้เขาได้ประสบพบเจออีกมากพร้อม ๆ กับต้องเจอ “ขวากหนาม” อีกสารพัดที่รอเขาอยู่ เขายังคงต้องดำเนินชีวิตบนถนนสายฟุตบอลต่อ ๆ ไป 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.footynaija.com.ng/2022/06/francis-uzoho-biography-profile-real.html?m=1 
https://www.goal.com/en-us/news/uzoho-ac-omonia-sign-former-apoel-fc-goalkeeper/1x12oc0d9twp011to0lnha7nta 
https://goalballlive.com/francis-uzoho-biography-salary-net-worth-wife-son-house-cars-age/ 
https://www.bbc.com/sport/football/44438050 
https://www.bbc.com/sport/football/47178832 
https://igberetvnews.com/441959/see-facts-about-nigerias-goalkeeper-francis-uzoho-photos/#forward 
https://www.manchestereveningnews.co.uk/sport/football/football-news/francis-uzoho-man-united-omonia-25255666 
https://www.rcdeportivo.es/en/new/eibar-depor-will-be-remembered-for-francis-debut 
https://www.aspire.qa/football/football-dreams 
https://www.bbc.com/sport/football/41637751 
https://www.bbc.co.uk/sport/football/50058189 
https://www.bbc.com/sport/football/63251679
https://www.skysports.com/football/man-utd-vs-omonia-nicosia/report/477503  

Author

วิศรุต หล่าสกุล

หน้าตา 4KINGS ฟังเพลง 4EVE

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ