โมร็อกโก คือชาติแรกจากทวีปแอฟริกา ที่เข้าถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรก ในฟุตบอลโลก 2022 ... ทว่าก่อนหน้านั้น ในฟุตบอลโลก 2010 กานา คือชาติที่เข้าใกล้การสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่มากที่สุด ชนิดที่ว่าอีกแค่ไม่ถึงคืบพวกเขาก็จะสร้างตำนานบทใหม่ได้แล้ว
ไม่ใช่แค่การ "เกือบเข้ารอบตัดเชือก" แต่กานาชุดนั้นสร้างความประทับใจและเปิดโลกใหม่ให้กับวงการฟุตบอลแอฟริกาเป็นอย่างมาก และผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดนี้คือการทำงานหนักของกุนซือชาวเซอร์เบียอย่าง มิโลวาน ราเยวัช
ติดตามเรื่องราวฟุตบอลสร้างชาติของกานาได้ที่นี่กับ Main Stand
ชาติที่เพิ่งเคยไปฟุตบอลโลก
ก่อนที่จะมาถึงฟุตบอลโลกปี 2010 กานาเพิ่งเคยผ่านเข้ามาเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเพียง 1 ครั้งเท่านั้นในปี 2006 โดยครั้งนั้นเป็นการนำทีมโดยกุนซือชาวเซอร์เบียอีกคนที่มีชื่อว่า ราโตเมียร์ ยูโควิช ... หากเรื่องราวของ มิโลวาน ราเยวัช คือการเดินทางของฟุตบอลกานา ตอนที่ 1 ฟุตบอลโลกปี 2006 โดย ยูโควิชจะถูกเรียกว่า "ปฐมบท" ของเรื่องราวทั้งหมดนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
วันที่ยูโควิชเข้ามาทำทีม เขาถูกสื่อและแฟนบอลชาวกานาโจมตีตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มงานแม้แต่เกมเดียว เหตุผลดังกล่าวมีเบื้องหลังมาจากชาวกานานั้นไม่ค่อยจะชอบทำงานกับชาวต่างชาติเท่าไรนัก เราไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดที่จะกล่าวหามายด์เซ็ตของชาวกานาถึงเรื่องการแอนตี้ชาวต่างชาติ แต่ครั้งหนึ่งสื่ออย่าง BBC ก็เคยพูดถึงชาติในแอฟริกาแบบรวม ๆ ว่าผู้นำแอฟริกันและจีนมีความเข้าใจร่วมกัน สนิทสนมกันด้านการทูตเป็นอย่างดี นอกจากนี้พวกเขามีความสัมพันธ์กันทั้งด้านสิทธิมนุษยชน ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และการไม่แทรกแซงกิจการภายใน
ว่าง่าย ๆ ก็คือจีนคิดเห็นและมีมุมมองต่อชาติตะวันตกอย่างไร แอฟริกันก็จะมีแนวคิดและมุมมองไม่ต่างกันนัก (จีนเป็นไม้เบื่อไม้เมากับฝั่งตะวันตก) เรื่องนี้ยืนยันได้จากสิ่งที่ คลิฟฟ์ มโบยา นักวิเคราะห์จีน-แอฟริกา เคยบอกว่าในช่วง 30 ปีหลัง จีนมีธรรมเนียมส่งรัฐมนตรีต่างประเทศมาเยือนแอฟริกาเป็นแห่งแรกในทุก ๆ ปี
ยูโควิชเองก็เคยยืนยันเองว่าการทำงานของเขากับทีมชาติกานาไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนมากนักในช่วงแรก และมันทำให้งานของเขายากขึ้นกว่างานอื่น ๆ ที่เคยรับมา
"สื่อในประเทศบางเจ้าต่อต้านผมตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมเดินทางมาถึงประเทศกานา พวกเขาไม่ชอบโค้ชต่างชาติ และผมต้องบอกว่ามันทำให้การทำงานของผมยากมากในช่วงเวลานั้น แต่ที่สุดแล้วผมต้องพยายามอย่างเต็มที่และใช้ความสามารถด้านโค้ชที่สะสมมาตลอดอาชีพทุ่มไปกับการทำงานครั้งนี้" ยูโควิช กล่าว
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ยูโควิชได้ฝากไว้กับกานาชุดนั้นคือการตอกหน้านักวิจารณ์และสื่อทุกเจ้าที่วิเคราะห์เขาในแง่ลบทุก ๆ อิริยาบถ เพราะที่สุดแล้วกานาก็ผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่เยอรมันเป็นเจ้าภาพ และถึงแม้จะอยู่สายแข็งร่วมกับ สาธารณรัฐเช็ก, อิตาลี และ สหรัฐอเมริกา แต่พวกเขาก็ยังเบียดเอาที่ 2 ของกลุ่มเข้าไปถึงรอบน็อกเอาต์ได้ทันที
น่าเสียดายที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูโควิชที่นำทีมกานาชุดนั้นเข้าไปเจอกับ บราซิล และพวกเขาก็ถูกแชมป์โลก 5 สมัยน็อกตกรอบ ด้วยสกอร์ขาดลอยถึง 3-0 ... เมื่อความผิดหวังมาเยือน สื่อที่รับมีดรอสับในวันที่ยูโควิชพลาดก็ได้โอกาสโจมตีเขาไม่หยุดหย่อน สุดท้ายหลังจากจบฟุตบอลโลก 2006 ได้ไม่นานนัก ยูโควิชก็ประกาศลาออกจากการเป็นกุนซือกานา โดยเขาให้เหตุผลว่าเกิดจาก "ปัญหาเรื่องสุขภาพ" แต่อันที่จริงสิ่งที่ใคร ๆ ก็รู้คือเขาเหนื่อยหน่ายกับการทำงานที่ถูกมองในแง่ลบมากจนเกินไป ทั้ง ๆ ที่เขาทำทีมเข้าถึงรอบ 16 ทีมฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ... ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นผลงานที่น่าพอใจแล้ว
อย่างไรก็ตามสมาคมฟุตบอลกานาเองก็เกิดความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น พวกเขารู้แน่ชัดว่ากุนซือต่างชาติที่มีประสบการณ์จะนำความแตกต่างที่พวกเขาไม่เคยทำได้มาก่อนมาให้ ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกโค้ชคนต่อไปให้มาทำหน้าที่แทนยูโควิชเป็นคนชาติเดียวกัน นั่นคือ มิโลวาน ราเยวัช ... แน่นอนว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้คือการต่อยอดทีมชุดดาวรุ่งที่ยูโควิชได้สร้างไว้ก่อนแล้ว จากนั้นคือการก้าวข้ามกำแพงที่ชาติแอฟริกันไม่เคยทำได้ นั่นคือการทำผลงานระดับสั่นสะเทือนในเวทีฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ
มิโลวาน "เจ้าพ่อแทคติก"
นักเตะแอฟริกันนั้นมีความโดดเด่นเฉพาะตัวแบบที่ไม่มีนักเตะภูมิภาคใดเหมือน พวกเขามีเทคนิคที่ยอดเยี่ยม มีร่างกายที่สูงใหญ่และแข็งแรงเป็นพิเศษ และเป็นนักเตะที่มีความทะเยอทะยาน
ทว่าปัญหาของนักเตะแอฟริกันส่วนใหญ่ที่เป็นมาทุกรุ่น ทุกยุค ทุกสมัย คือเรื่องของความเข้าใจเกมและการเล่นโดยเน้นผลการแข่งขันที่ให้ความสำคัญกับทีมเป็นอันดับแรก สิ่งเหล่านี้ทำให้เมื่อชาติจากทวีปแอฟริกาไปเล่นในฟุตบอลโลกและต้องเจอกับทีมที่มีมาตรฐานสูงกว่า พวกเขามักจะออกอาการไปไม่เป็นและแพ้แบบหมดรูปทุกครั้งไป .... มิโลวาน ราเยวัช เห็นถึงเรื่องนี้และเขามีปรัชญาฟุตบอลส่วนตัวที่แตกต่างจากธรรมชาติของนักเตะแอฟริกันอย่างชัดเจน นั่นคือการสร้างทีมให้เป็นฟุตบอลที่เน้นเกมรับเป็นหลัก นักเตะในทีมต้องมีวินัย มีความเข้าใจแทคติกเป็นอย่างดี ดังนั้นการเริ่มสร้างทีมในแบบของเขาก็เริ่มขึ้น
ราเยวัชมีแนวทางการทำทีมที่ค่อนข้างเด็ดขาด เขาเลือกนักเตะจากความฟิตและทัศนคติมาเป็นอันดับแรก ดังนั้นเขาจึงนำเอาผู้เล่นจากทีมชาติกานา ชุดยู-20 ที่คว้าแชมป์โลกในปี 2009 มาเล่นในทีมชุดใหญ่หลายคน ขณะที่ทีมจากชุดฟุตบอลโลกปี 2006 คนไหนที่ทำท่าจะสร้างปัญหาในห้องแต่งตัว ทำตัวใหญ่เกินโค้ช หรือมีทัศนคติไม่ตรงกับการทำทีมของเขา ราเยวัชก็ไม่ลังเลที่จะตัดชื่อออกจากทีม
"เราเน้นย้ำความแข็งแกร่งและความฟิตรวมของทั้งทีมเป็นหลัก ผมมั่นใจว่านักเตะที่ผมเลือกหากวัดแค่เรื่องความแข็งแกร่งของร่างกายและความฟิตของร่างกาย ทีมของเราไม่แพ้ใครในโลกแน่นอน" ราเยวัช กล่าว
ในช่วงเริ่มทำงานกับราเยวัช นักเตะทุกคนจะต้องทุ่มเทเต็มที่ แม้กระทั่งกลับไปเล่นให้สโมสร ราเยวัชก็จะมีการบ้านให้ผู้เล่นแต่ละคนไปปรับปรุงแก้ไขอยู่ตลอด ในช่วงแรก ๆ เขาไม่ได้เน้นย้ำเรื่องแทคติกมากมายนัก เขาอยากให้นักเตะของเขาฟิตก่อน เพราะความฟิตคือกุญแจสู่ประตูบานต่อไป นั่นคือ "ความเชี่ยวชาญด้านแทคติก"
"สิ่งที่ผมต้องการในช่วงเริ่มต้นคือการค่อย ๆ พัฒนาความฟิตของผู้เล่นทั้งทีม จากนั้นเราค่อยมาลงลึกเรื่องรายละเอียดกันต่อ" ราเยวัช กล่าวถึงแนวทางของเขา
จากคำพูดดังกล่าวไม่ต้องแปลกใจเลยว่าผลงานของกานาในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนแอฟริกาที่พวกเขาเข้ารอบมาได้นั้น ส่วนใหญ่เป็นการชนะ 1-0 พวกเขาเล่นในรูปแบบที่เน้นความแน่นอนเป็นอันดับแรก และถ้ามีประตูแรกเมื่อไหร่พวกเขาจะปิดเกมทันที
"มิโลวาน ราเยวัช ให้น้ำหนักกับเกมรับเป็นอย่างมาก เขาเลือกใช้ระบบ 4-5-1 โดยให้เหตุผลว่าเพราะนักเตะที่ดีที่สุดของกานาอยู่ในตำแหน่งกองหลังและกองกลาง ... ซึ่งในความจริงเกมรับกับเขามันเป็นของคู่กันมานานแล้ว เขาเป็นโค้ชที่ชอบความระมัดระวัง ผลการแข่งขันที่เขาคาดหวังเสมอคือชัยชนะ 1-0" เควิน แม็คคาร์รา (Kevin McCarra) นักเขียนจากเดอะการ์เดี้ยน พูดถึงราเยวัชก่อนฟุตบอลโลก 2010 จะเริ่มขึ้น
นักเตะกานาชุดนั้นพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าการทำงานของราเยวัชนั้นเข้มข้นมาก อายุเป็นเพียงตัวเลข นักเตะตัวเก๋าไม่ได้มีสิทธิพิเศษมากไปกว่านักเตะดาวรุ่ง เขาแค่ดึงคนที่มีศักยภาพที่จะเติมเต็มแทคติกของเขาได้ดีที่สุดเข้ามา และคน ๆ นั้นก็จะได้รับโอกาสออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริง
จอห์น แพนท์ซิล กองหลังชุดฟุตบอลโลก 2010 ที่สมัยนั้นค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกกับฟูแล่ม เล่าย้อนความถึงแนวคิดการทำทีมของราเยวัชที่ส่งผลต่อทีมชุดดังกล่าวว่า
"มิโลเข้ามาด้วยแนวทางฟุตบอลที่ชัดเจนมาก เขาแสดงให้เห็นว่าเขาต้องการการผสมผสานกันระหว่างคนหนุ่มกับนักเตะมากประสบการณ์ เขาจะเลือกนักเตะที่เหมาะสมกับปรัชญาฟุตบอลของเขา ซึ่งแน่นอนว่ามันคือความแข็งแกร่งของเกมรับ ... ขณะที่เกมรุกเขาเลือกนักเตะที่มีประสบการณ์ในเกมระดับสูงก่อน ตอนนั้น โดมินิค อาดิเยียห์ เพิ่งคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกยู-20 ก็ยังต้องรอโอกาสเพราะตัวเลือกอันดับ 1 คือ อซาโมอาห์ กียาน" แพนท์ซิล กล่าว
สิ่งที่แพนท์ซิลพยายามจะบอกหากเราตีความจะพบได้ว่าเขาไม่ต้องการเกมบุกที่ฉูดฉาดรวดเร็วอะไรมากมายนัก แต่เมื่อเล่นเกมบุกต้องมีความแน่นอน สามารถรับมือกับความกดดันได้ดี มีโอกาสเพียงครั้งเดียวต้องปิดบัญชีให้ได้ ซึ่งคุณสมบัตินี้เหมาะกับนักเตะที่มีประสบการณ์สูงมากกว่านักเตะดาวรุ่ง
"อซาโมอาห์ กียาน เจ้าเล่ห์เหมือนหมาจิ้งจอกเวลาอยู่ในกรอบเขตโทษ เขามีสัญชาตญาณนักฆ่าเสมอ" ลาร์เยีย คิงส์ตัน อดีตนักเตะทีมชาติกานา ช่วยเสริม
ตรงข้ามกันกับเกมรุก เพราะในแดนกลางและแนวรับนั้นตรงกันข้าม เขาใช้นักเตะที่แข็งแรง มีพลังงานเยอะ และวิ่งได้ไม่มีหมด จึงทำให้กานาสามารถเกาะกับแทคติก "รับแล้วโต้" ได้ตลอด 90 นาที
"มิโลนำกองกลางชุดแชมป์โลกยู-20 อย่าง อันโทนี่ อันนาน เข้ามาเป็นตัวรับ และขับเคลื่อนเกมด้วยคนหนุ่มอย่าง เควิน ปรินซ์ บัวเต็ง กองกลางทั้ง 5 คนทำให้กองหลังไม่ต้องทำงานหนักมากนัก ผมคิดว่านี่คือกุญแจสำคัญของทีมชุดนั้น" แพนท์ซิล กล่าว
ดังที่กล่าวเอาไว้ข้างต้นทั้งหมด กานาพาทีมอายุน้อยเข้าสู่ฟุตบอลโลก 2010 พวกเขามีนักเตะอายุเกิน 30 ปีแค่ 2 คน ฮันส์ ซาร์เป กองหลังวัย 33 ปี จากเลเวอร์คูเซน และประตูมือ 1 อย่าง ริชาร์ด คิงซัน ในวัย 31 ปี และทีมชุดนั้นมีนักเตะอายุ 21 ปีหรือต่ำกว่าถึง 8 คน ... กานาคือทีมที่มีอายุเฉลี่ยน้อยที่สุด พวกเขาเข้าสู่เวิลด์คัพด้วยความเจียมเนื้อเจียมตัว เป็นม้านอกสายตา... แต่โลกกำลังจะได้รู้จักแทคติกเข้ม ๆ ของทีมจากทวีปแอฟริกาเป็นครั้งแรก
แอฟริกันโมเดล
กานาจับฉลากอยู่กลุ่มเดียวกันกับ เยอรมัน, เซอร์เบีย และ ออสเตรเลีย นี่คือสายที่แข็งระดับหนึ่ง และไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะผ่านเข้ารอบเป็น 2 ใน 4 ทีมสู่รอบน็อกเอาต์
อย่างไรก็ตามความเขี้ยวของแทคติก "เอาชัวร์" ของราเยวัชได้แสดงให้เห็นทันทีตั้งแต่เกมแรกกับ เซอร์เบีย ที่กานาแสดงให้เห็นถึงการเล่นแบบที่ทีมจากแอฟริกันไม่เคยทำมาก่อนในฟุตบอลโลก พวกเขาแทบไม่ครองบอลเลย ปล่อยให้เซอร์เบียบุกเข้าใส่ แต่เมื่อมีโอกาสพวกเขาก็แทงพรวดเดียวถึงหน้าประตู จนมีโอกาสยิงในเกมนั้นมากกว่า และสุดท้ายพวกเขาก็ทำของถนัดได้สำเร็จด้วยการสังการจุดโทษในนาทีที่ 85 โดยกียาน เป็นประตูชัย 1-0 สกอร์เก่งที่พวกเขาคุ้นชินมาตั้งแต่รอบคัดเลือก
เกมที่ 2 ที่พวกเจอกับ ออสเตรเลีย ก็ยังเล่นแบบเดิม เขาปล่อยให้ทีมออสซี่บุกเข้าใส่ตลอด แต่กานาก็ไม่แพ้แม้จะโดนยิงนำไปก่อนตั้งแต่ต้นเกม แต่แล้วก็เป็นกียานคนเดิมที่ซัดจุดโทษตีเสมอ ช่วยให้กานาได้แต้มสำคัญสุด ๆ 4 แต้มจาก 2 เกม มากพอที่จะทำให้พวกเขาเข้ารอบแม้จะแพ้ให้กับ เยอรมัน 0-1 ในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มก็ตาม
วิธีการเล่นแบบกานาถูกจดจำแจ่มชัดขึ้นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายกับ สหรัฐอเมริกา พวกเขาไม่แพ้ใครง่าย ๆ และยิงประตูได้จากโอกาสไม่กี่ครั้ง เมื่อถึงเวลาเป็นฝ่ายตามหลังก็มีทีเด็ดพอที่จะยิงประตูที่ต้องการกานาเอาชนะอเมริกาในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1 (เสมอใน 90 นาที 1-1) จากประตูชัยของกียานคนเดิม
จากนั้นก็เดินทางมาถึงเกมที่ยากที่สุดในทัวร์นาเมนต์ด้วยการเจอกับ อุรุกวัย ทีมแกร่งจากโซนอเมริกาใต้ที่นำโดย 3 ประสานที่ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์นั้น หลุยส์ ซัวเรซ, เอดินสัน คาวานี่ และ ดิเอโก ฟอร์ลัน
หากกานาผ่านอุรุกวัยไปได้ พวกเขาจะเป็นทีมจากทวีปแอฟริกาทีมแรกที่ทะลุเข้าไปถึงรอบตัดเชือก ... แต่อย่างที่หลายคนรู้กันประวัติศาสตร์หน้าใหม่ไม่เกิดขึ้น เพราะ หลุยส์ ซัวเรซ ใช้มือปัดลูกโหม่งที่กำลังจะข้ามเส้นของ โดมินิค อาดิเยียห์ ในช่วงนาทีสุดท้ายของการต่อเวลาพิเศษ ... แม้การกระทำครั้งนี้จะทำให้ซัวเรซโดนใบแดงและทีมต้องเสียจุดโทษ แต่มันก็คุ้มค่า เมื่อกียานคนรับหน้าที่สังหารตัดสินชะตาชีวิตของทั้งสองทีมกลับยิงข้ามคานออกไป และท้ายที่สุดกานาก็แพ้อุรุกวัยในการดวลจุดโทษ นั่นคือความพ่ายแพ้ที่เสียดแทงหัวใจของทั้งราเยวัชและนักเตะกานาชุดนั้นที่แม้ในทุกวันนี้ก็ยังลืมไม่ลง
"โปรดจงเชื่อผม ต่อให้วันนี้จะผ่านมาเป็น 10 ปี แต่ผมก็ยังสลัดภาพการตกรอบแบบนั้นออกไปจากหัวไม่ได้ ... อีกก้าวเดียวแท้ ๆ พวกเราก็จะได้เป็นประวัติศาสตร์ของแอฟริกัน" มิโลวาน ราเยวัช กล่าวแบบสุดเซ็ง แม้จะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม
สาเหตุที่เซ็งขนาดนั้นคือเขาเชื่อว่าด้วยความแข็งแกร่งและความฟิตที่เป็นจุดขายที่เขาเลือก กานาจะทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อทัวร์นาเมนต์เดินทางไปข้างหน้า ขณะที่คู่แข่งเริ่มเหนื่อยล้านักเตะกานาจะยืนระยะได้ อีกทั้งพวกเขามีประสบการณ์ในฟุตบอลทัวร์นาเมนต์มากขึ้นแล้ว
ราเยวัชเพิ่งมาเปิดเผยความจริงว่า ณ เวลานั้นเขาฝันถึงการพากานาเป็นแชมป์โลกแล้วจริง ๆ และเขาก็เชื่อว่าเขามีโอกาสจะทำได้ "ถ้า" ผ่านอุรุกวัยไปได้
แม้ที่สุดแล้วการเดินทางของกานาจะจบลงแค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย พลาดการเป็นชาติแรกจากทวีปแอฟริกาที่เข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ แต่ผลงานของพวกเขาครั้งนั้นถือเป็นการเปิดโลกให้ชาติแอฟริกันได้เห็นแนวทางการเล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ๆ เมื่อคุณไม่ได้เก่งกาจระดับโลกทั้ง 11 ตำแหน่ง จงเล่นแบบระวังตัวให้มากที่สุด รัดกุมเข้าไว้ ใช้ประโยชน์ของร่างกายที่เหนือกว่าให้เป็นประโยชน์ แต่ก็ไม่ลืมการเล่นเกมรุกที่ขอโอกาสจัง ๆ แค่ครั้งเดียวไม่ต้องลีลาเยอะ ... ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทีมจากแอฟริกาเริ่มใช้ตามกันมาในฟุตบอลโลกยุคหลัง ๆ โดยกานาชุดนั้นถูกขนานนามว่าเป็น "ความภูมิใจของแอฟริกา" หลังจากทัวร์นาเมนต์จบลง
"เราขอขอบคุณทีมฟุตบอลทีมชาติกานาสำหรับการกอบกู้ภาพลักษณ์ของทวีปในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้" สภาคองเกรสแห่งชาติแอฟริกัน (ANC) ร่วมแสดงความชื่นชมแก่กานา
"เรามั่นใจมากว่าการมาไกลขนาดนี้ คุณกำลังมุ่งหน้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ 2010 บนแผ่นดินของเราในฐานะแอฟริกาใต้และเป็นส่วนหนึ่งของทวีปแอฟริกา คุณคือความภาคภูมิใจของเรา"
"ภาพที่เรามีต่อสายตาโลกตะวันตกคือสงคราม ความอดอยาก และการทุจริตที่เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวในแอฟริกา แต่นั่นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ฟุตบอลโลกจะช่วยให้ภาพลักษณ์ด้านลบเหล่านั้นแตกสลายไป"
การแพ้อุรุกวัยในฟุตบอลโลก 2010 แบบเจ็บปวดนั้น อีกมุมหนึ่งมันคือการแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของฟุตบอลแอฟริกาในช่วงเวลานั้น เบื้องหลังความสำเร็จของพวกเขาคือการรู้จุดแข็งของตัวเอง ละทิ้งอัตตา และเพิ่มความเป็นทีมเวิร์กลงไปให้มากที่สุด รวมถึงการมีสภาพจิตใจที่ห้าวหาญแม้จะเจอกับคู่แข่งที่เก่งกว่า ทั้งหมดนี้คือเบื้องหลังของช่วงเวลาแห่งที่ทั้งโลกจดจำกานาได้ดีที่สุด และ มิโลวาน ราเยวัช ได้สร้างผลงานนี้เอาไว้ให้เห็นอย่างชัดเจน
แหล่งอ้างอิง
https://www.qatarmoments.com/the-black-stars-ghana-journey-in-the-world-cup-2010-part-1-495871.html
https://sportsbrief.com/football/ghana-black-stars/10511-former-ghana-defender-john-painstil-reveals-player-milovan-rajevac-successful-spell/
https://www.ghanafa.org/black-stars-coach-milovan-talks-tactics-expectations-young-players-and-more-transcript
https://www.bbc.com/thai/international-56963682
https://www.theguardian.com/football/2010/jun/05/ghana-world-cup-2010-team-guide
https://www.theguardian.com/football/2010/jun/27/ghana-victory-africa-us
https://bleacherreport.com/articles/414959-what-africa-can-learn-from-ghanas-loss
https://www.modernghana.com/sports/704574/today-in-history-ratomir-dujkovic-resigns-as-black-stars-co.html